Emperor's Domination จักรพรรดิบรรพกาล - ตอนที่ 2176 หนึ่งกระบี่ฆ่าพันคน
ทุกคนต่างบุกเข้าไปภายในหลุมขนาดยักษ์แทบจะนาทีแรก ต่างต้องการจับโสมโลหิตต้นนั้นเอาไว้ให้ได้ แต่ทว่า หลี่ชิเย่กลับไม่ได้ให้ความสนใจใจโสมโลหิตนี้เลยแม้แต่น้อย
เขารั้งอยู่บนภูเขาลูกนั้น จดจ่ออยู่แต่ความเคลื่อนไหวที่อยู่ในดินใต้ฝ่าเท้านั่น ขณะที่เส้นด้ายสีทองส่งประกายแวบขึ้นมานั้น ดูไปแล้วเจ้าสิ่งนี้ออกจะระวังตัวยิ่ง และเจ้าเล่ห์มากทีเดียว อีกทั้งวิชาการหลบหนี้นั้นฝืนลิขิตสวรรค์ยิ่งนัก
กระทั่งมีความเป็นไปได้ว่า แม้แต่การปรากฏตัวของโสมโลหิตก็เป็นเพียงเบนความสนใจเท่านั้นเอง มีเพียงการปรากฏตัวของโสมโลหิตที่สามารถดึงดูดความสนใจของคนทุกคน และจะไม่มีใครสังเกตถึงการปรากฎตัวของมัน
หลี่ชิเย่รอคอยอยู่เงียบๆ จ้องแต่พื้นดิน แม้จะกล่าวว่าเส้นด้ายทองจะปรากฎเป็นพักๆ แต่ทว่าหลี่ชิเย่มีความอดทนอยู่แล้ว เขารู้ว่าเจ้าสิ่งนี้จะต้องออกมาอย่างแน่นอน ขึ้นอยู่กับว่าช้าหรือเร็วปัญหาอยู่ที่เวลาเท่านั้น
ขณะที่หลี่ชิเย่รั้งอยู่ที่บนยอดเขานั้น มีคนผู้หนึ่งเฝ้าสังเกตการณ์ทุกความเคลื่อนไหวของเขา คนผู้นี้ก็คือจิ้งจอกเงินของแดนอุดรแห่งหอศักดิ์สิทธิ์
จิ้งจอกเงินซี๋วจื้อเจี๋ยคอยเฝ้าสังเกตการณ์ทุกๆ ความเคลื่อนไหวของหลี่ชิเย่ เวลานี้เขาไม่ไปให้ความสนใจกระทั่งเรื่องของโสมโลหิต เอาแต่เฝ้าสังเกตหลี่ชิเย่ตลอดเวลา เนื่องจากกล่าวสำหรับเขาแล้ว ค่าของโสมโลหิตต้นหนึ่งห่างชั้นกับตัวของหลี่ชิเย่มากมายนัก
ยิ่งไปกว่านั้น จะเป็นหอศักดิ์สิทธิ์พวกเขาก็ดี ตระกูลเฉินแห่งกองกำลังซั่งก็ช่าง พวกเขาต่างไม่ได้มาด้วยเรื่องของโสมโลหิต พวกเขามาด้วยมีเป้าหมายอื่น สำหรับเรื่องโสมโลหิตนั้น แค่ถือโอกาสเท่านั้น
เวลานี้ไม่ว่าจะเป็นยอดฝีมือของหอศักดิ์สิทธิ์หรือของกองกำลังซั่ง พวกเขาต่างไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆ แม้ว่าจะมีผู้คนจำนวนมากที่เข้าไปตามล่าโสมโลหิตยังหลุมขนาดยักษ์แล้ว แต่ทว่าพวกเขากลับไม่มีการขยับตัวใดๆ
เนื่องจากระดับบรรพบุรุษของพวกเขาได้ออกคำสั่งแล้วว่าอย่าไปให้ความสนใจใจโสมโลหิต พวกเขายังมีงานที่สำคัญมากกว่านี้ต้องทำ
หลุมขนาดยักษ์ที่อยู่ภายในเขาฟันหลอนั้นมีขนาดใหญ่โตยิ่งนัก เนื่องจากมันเคยผ่านการขุดค้นมาจากผู้คนจำนวนนับไม่ถ้วน สภาพของหลุมยักษ์ลึกลงไปเป็นชั้นๆ ข้างล่างดุจดั่งเป็นเหวลึกที่มองไม่เห็นก้นเหว ไม่มีใครรู้ว่าเหวนี้มีความลึกเท่าไรกันแน่
โสมโลหิตนั้นรวดเร็วเหลือเกิน เพียงชั่วพริบตาเดียวเท่านั้น มันก็หนีเข้าไปในหลุมลึกนั่น อย่างไรก็ตาม หลุมขนาดใหญ่ที่มีลักษณะเหมือนกรวยก็มีขนาดที่กว้างใหญ่ยิ่งนัก ทุกคนล้วนแล้วแต่ไม่รู้ว่าโสมโลหิตหนีไปทางไหนกันแน่ เมื่อพวกเขาไล่ติดตามเข้าไปยังหลุมขนาดยักษ์ โสมโลหิตก็ได้หนีหายไปอย่างไร้ร่องรอยเสียแล้ว
แต่ยังคงมีคนที่ไม่ยอมแพ้ ทำการขุดหาในหลุมขนาดใหญ่นั่นโดยตรง เวลานี้เสียงดังตูมตามดังไม่ขาดสาย ทั้งดินทั้งหินขุดกันกระจุยกระจาย เสียดาย โสมโลหิตได้หนีไปนานแล้ว ต่อให้พวกเขาขุดหาไปทั่วยังคงไม่พบร่องรอยใดๆ ของโสมโลหิต
“โชคไม่ดีเลย…” สุดท้ายแล้วทุกคนต่างก็ค้นไม่พบโสมโลหิต ทยอยกันออกมาจากหลุมยักษ์และกล่าวด้วยความจนด้วยเกล้า
ได้มีระดับผู้อาวุโสของสำนักกล่าวว่า “เจ้าโสมโลหิตต้นนี้เกรงว่าคงมีอายุเป็นสิบล้านปีแล้ว มันมีญาณวิเศษแล้ว คิดจะจับตัวมันเกรงว่าคงยากยิ่งนัก เกรงว่าต้องให้ระดับเทพแท้จริงเป็นผู้ลงมือ”
ในเวลานี้ ทุกคนล้วนแล้วแต่จับตัวโสมโลหิตไม่ได้และต้องออกมาจากหลุมยักษ์ และบ่นพึมพำด้วยความผิดหวัง แต่ก็จนด้วยเกล้า ผู้คนจำนวนเท่าไรมาที่เขาฟันหลอก็เพราะเรื่องของโสมโลหิต แม้ว่าจะได้พบเจอโสมโลหิตอยู่หลายครั้งแต่ก็ไม่ได้ผล ไม่มีใครสามารถจับตัวมันได้
หลี่ชิเย่ไม่ได้ใส่ใจในเรื่องของโสมโลหิตแม้แต่น้อย เขารวบรวมสมาธิมองดูดินที่อยู่บริเวณเท้าของเขา รอคอยการปรากฏตัวของสิ่งนั้นอยู่เงียบๆ
ครั้นทุกคนต่างไม่สามารถจับตัวโสมโลหิตได้ จึงทยอยกันเบนความสนใจกลับมาที่หลี่ชิเย่กับกองกำลังซั่งอีกครั้ง แต่ทว่า หลี่ชิเย่ในเวลานี้ได้ยึดพื้นที่บนเขาลูกหนึ่งเพียงลำพัง ไม่มีใครรู้ว่าเขากำลังทำอะไร ขณะที่ตระกูลเฉินของกองกำลังซั่งก็ปิดค่ายและวางเวรยามอย่างเข้มงวดเหมือนกำลังพานพบกับศัตรูกล้าแข็ง พร้อมรบทุกขณะ!
“ไม่ตีกันแล้วรึ?” ในเวลานี้ถึงกับมีคนพึมพำเบาๆ ขึ้นมา เมื่อมองเห็นทั้งสองฝ่ายต่างไม่มีทีท่าที่จะเปิดศึกกัน
ซ่าาา…ในเวลานี้เอง ปรากฏเสียงที่เบามากเสียงหนึ่งดังขึ้น มันเบาจนยากจะได้ยิน ท่ามกลางเสียงซ่าาานี้ ดินที่อยู่ด้านหลังได้นูนขึ้นมาเล็กน้อย เหมือนว่าใต้พื้นดินมีสิ่งใดเคลื่อนไหวอย่างนั้น
ดวงตาทั้งสองของหลี่ชิเย่เพ่งไปข้างหน้าเมื่อมองเห็นการเปลี่ยนแปลงเช่นนี้โดยไม่ได้ลงมือ ยังคงรอคอยอย่างเงียบๆ เพื่อรอจังหวะลงมือโดยไม่แหวกหญ้าให้งูตื่น เนื่องจากเจ้าสิ่งนี้ก็กำลังโยนหินถามทางเท่านั้นเอง
ทันใดนั้นเอง ได้ยินเสียงฟ่าววดังขึ้น ปรากฏธนูดอกหนึ่งยิงเข้ามา หลี่ชิเย่มีสีหน้าที่บี้งตึงและเงยหน้าขึ้นมาทันที แต่ธนูดอกนี้ที่ยิงเข้ามาไม่ได้พุ่งเป้าที่ตัวของหลี่ชิเย่
ได้ยินเสียงดังปัง ธนูดอกนี้ถึงกับยิงเขาใส่ภูเขาลูกที่หลี่ชิเย่อยู่ เหมือนยิงทะลุภูเขาด้วยธนูเพียงดอกเดียว
ซ่าาา…เสียงหนึ่งดังขึ้น สิ่งที่อยู่ใต้พื้นดินพลันระมัดระวังตัว จากการที่ดินส่วนนั้นมีการเคลื่อนไหวนิดหนึ่งแล้วหายตัวไปโดยพลัน
หลี่ชิเย่พลันมีสีหน้าที่เย็นชาขึ้นมาทันทีเมื่อได้เห็นภาพนี้ ไม่ง่ายนักกว่าที่จะล่อให้เจ้าสิ่งนั้นออกมาจากรู เวลานี้พลันหลบกลับเข้าไปตามเดิมแล้ว
นัยน์ตาคู่นั้นของหลี่ชิเย่ดูที่จ้องมองยังค่ายของแดนอุดรแห่งหอศักดิ์สิทธิ์น่าเกรงขาม มองเห็นจิ้งจอกเงินซี๋วจื้อเจี๋ยยืนอยู่ตรงนั้นในมือกำคันธนูเอาไว้ ลูกธนูดอกนั้นยิงมาจากเขานั่นเอง
เวลานี้จิ้งจอกเงินซี๋วจื้อเจี๋ยยังไม่รู้ว่ายมทูตได้มาเยือนแล้ว เนื่องจากจังหวะที่เขามองเห็นท่าทีของหลี่ชิเย่ที่ดูหนักแน่นจริงจังมาก เขาจึงเข้าใจได้ทันทีว่าภูเขาลูกนี้ต้องมีอะไรลึกลับแน่นอน ดังนั้น เขาจึงยิงธนูออกไปเพื่อต้องการหยั่งเชิงดู แต่ว่า กลับทำให้หลี่ชิเย่ต้องเสียเรื่อง
การที่จู่ๆ ซี๋วจื้อเจี๋ยยิงธนูไปยังทิศทางที่หลี่ชิเย่อยู่กะทันหันนั้น ทำให้ทุกคนต่างจ้องมองพวกเขาสองคน ผู้คนจำนวนไม่น้อยต่างรู้สึกว่าแม้ธนูดอกนี้ของซี๋วจื้อเจี๋ยจะไม่ได้ประสงค์ร้าย แต่ก็ถือเป็นการยั่วยุ
เวลานี้ หลี่ชิเย่ก้าวเดินออกมาทันที ฉับพลันก็ไปปรากฏตัวอยู่ด้านหน้าค่ายของแดนอุดรแห่งหอศักดิ์สิทธิ์แล้วด้วยสายตาที่เย็นเฉียบ
ตึง ตึง ตึงทันทีที่หลี่ชิเย่ปรากฏตัวขึ้นที่บริเวณหน้าค่ายของแดนอุดรแห่งหอศักดิ์สิทธิ์ ยอดฝีมือทั้งหมดของแดนอุดรแห่งหอศักดิ์สิทธิ์ต่างมีทีท่าเหมือนพบกับศัตรูผู้แข็งแกร่งชักดาบและกระบี่ออกจากฝักในทันที ตั้งโล่ดั่งกำแพง ขวางทางหลี่ชิเย่เอาไว้
นาทีนี้ แม้แต่แดนอุดรแห่งหอศักดิ์สิทธิ์ที่มีอำนาจล้นฟ้าก็หวั่นเกรงต่อคนโหดที่อยู่ตรงหน้าสามส่วน เนื่องจากคนโหดผู้นี้ช่างน่ากลัวเสียเหลือเกิน
“เจ้ารนหาที่ตายเอง!” หลี่ชิเย่จ้องมองอย่างเย็นชาไปที่ซี๋วจื้อเจี๋ย และกล่าวน่าเกรงขามขึ้นมา
“สหายหลี่ ข้าแค่ยิงธนูขึ้นฟ้าดอกเดียวเท่านั้น ไม่ได้ประสงค์ร้ายต่อสหายสักหน่อย” จิ้งจอกเงินซี๋วจื้อเจี๋ยกล่าวอย่างมีเหตุผลเต็มปากเต็มคำว่า “เขาฟันหลอกว้างใหญ่เพียงนี้ สหายอย่าบอกนะว่าสามารถห้ามไม่ให้ทุกคนทำโน่นนี่นั่นได้กระมัง?”
“อย่างนั้นรึ?” ท่ามกลางประกายตาที่เยือกเย็นทั้งสองของหลี่ชิเย่เผยให้เห็นรอยยิ้มที่เย็นชา และกล่าวว่า “ถ้าหากข้าบอกว่าไม่ได้ก็คือไม่ได้ล่ะ?”
“สหายหลี่มีเหตุผลหน่อย ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงเป็นสถานที่ที่ว่ากันด้วยเหตุผล เป็นสถานที่ที่มีกฎหมาย…” จิ้งจอกเงินซี๋วจื้อเจี๋ยรู้สึกว่าตนเองนั้นยึดถือ ‘เหตุผล’ เป็นที่ตั้ง ดังนั้นจึงกล่าวด้วยท่าทีของเหตุผลอย่างเต็มปากเต็มคำ
“ข้าก็คือเหตุผล ข้าก็คือกฎหมาย!” หลี่ชิเย่ยิ้มพลางและหลี่ชิเย่ “คนที่ทำให้ข้าต้องเสียเรื่อง ฆ่าไม่มีละเว้น!”
ถ้าหากเป็นผู้ที่คุ้นเคยกับหลี่ชิเย่ดี รับรองว่าจะต้องหวาดกลัวจนขนลุกซู่เมื่อได้เห็นรอยยิ้มเช่นนี้ของหลี่ชิเย่ รอยยิ้มเช่นนี้คือตัวแทนความตายอย่างแน่นอน
“ท่าน เชิญกลับไปได้แล้ว พวกเราไม่ได้มีประสงค์ร้าย” เวลานี้ภายในค่ายแดนอุดรแห่งหอศักดิ์สิทธิ์ปรากฎผู้เฒ่าคนหนึ่งที่ก้าวเดินออกมา ผู้เฒ่าผู้นี้สวมใส่เสื้อผ้าตัวใหญ่ ยืนอยู่ตรงนั้นเสมือนดั่งต้นไม้เหล็ก น้ำเสียงแสดงให้เห็นถึงพลังวัตรที่กล้าแข็ง กล่าวขึ้นช้าๆ ว่า “หากท่านเอาแต่สร้างศัตรูไปทั่ว มันไม่เป็นการกระทำที่ชาญฉลาดเลยนะ ดังนั้น เชิญกลับไปเถอะ”
“เจ้าแห่งแดนอุดร” มีผู้ร้องอุทานขึ้นมา
ผู้เฒ่าที่อยู่ตรงหน้าผู้นี้ก็คือบิดาของซี๋วจื้อเจี๋ย และก็คือเจ้าบ้านแดนอุดรแห่งหอศักดิ์สิทธิ์ ฐานะและกำลังความสามารถของเขาในระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงไม่ได้ด้อยไปกว่าเฉินเหอไท่
“ไว้ให้ข้าสังหารลูกชายของเจ้าแล้วก็จะไป” หลี่ชิเย่กล่าวน่าเกรงขามออกมา
พลันที่หลี่ชิเย่พูดคำๆ นี้ออกมา ทำให้ทุกคนในแดนอุดรแห่งหอศักดิ์สิทธิ์ต่างมีสีหน้าที่เปลี่ยนไป ผู้คนจำนวนมากที่ดูชมเหตุการณ์อยู่ต่างมองหน้ากันและกัน ต่างรู้สึกว่าเจ้าหมอนี้ดุดันเหลือเกิน
“เป็นคนดุร้ายจริงๆ มิน่าเล่าถึงได้เรียกตัวเองว่าคนโหดอันดับหนึ่ง” มีคนกระซิบเบาๆ ว่า “เมื่อครู่เพิ่งจะเข่นฆ่าตระกูลเฉินแห่งกองกำลังซั่งจนแตกพ่ายกระเจิง เวลานี้ก็จะเล่นงานแดนอุดรแห่งหอศักดิ์สิทธิ์อีก ขืนเป็นเช่นนี้ต่อไป เกรงว่าเขาคงล้มสี่ขั้วอำนาจใหญ่ของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงกระมัง”
ไม่รู้ว่ามีผู้คนจำนวนเท่าไรเมื่อนึกถึงความน่าจะเป็นข้อนี้แล้วรู้สึกดีใจ ถ้าหากภายในระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงมีคนที่ล้มกองกำลังซั่ง หอศักดิ์สิทธิ์ จวนหวัง และค่ายฉู่ที่เป็นสี่ขั้วอำนาจใหญ่ของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงจริง ย่อมบ่งบอกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงแล้ว
เมื่อมาถึงขั้นนี้ คงไม่ใช่แค่เปลี่ยนแปลงตัวกษัตริย์เท่านั้นเอง แต่เป็นการถือกำเนิดราชวงศ์ที่ใหม่ทั้งหมดขึ้นมาแล้ว
ในเวลานี้ ในใจของผู้คนจะมากหรือน้อยก็มีการเฝ้ารอคอยในตัวของหลี่ชิเย่อยู่ เมื่อนึกถึงความน่าจะเป็นของเรื่องนี้
คำพูดลักษณะเช่นนี้ของหลี่ชิเย่ทำให้จิ้งจอกเงินซี๋วจื้อเจี๋ย และเจ้าแห่งแดนอุดรมีสีหน้าที่ดูปั้นยากยิ่ง นี่ไม่เพียงแค่ดูแคลนต่อพวกเขาเท่านั้น แต่เป็นการยั่วยุต่ออำนาจของแดนอุดรแห่งหอศักดิ์สิทธิ์พวกเขาโดยสิ้นเชิง
“ท่าน เชิญกลับไปเถอะ!” เวลานี้ภายในแดนอุดรก็มีสีหน้าเย็นชาและกล่าวว่า “หาไม่แล้ว หอศักดิ์สิทธิ์พวกเราก็จะไม่เกรงใจแล้ว”
“หลี่ชิเย่พวกเรายกย่องเจ้าคำหนึ่ง นั่นเป็นการแสดงถึงการให้ความเคารพ” เวลานี้จิ้งจอกเงินซี๋วจื้อเจี๋ยก็อดกลั้นต่อไปไม่ไหวแล้ว เขามีความคิดที่จะจัดการกับหลี่ชิเย่มานานแล้ว เวลานี้เขากล่าวน้ำเสียงเย็นชาออกมาว่า “เจ้าเข้าใจไปเองว่าปราศจากผู้ต่อกรจริงๆ เข้าใจว่าแดนอุดรแห่งหอศักดิ์สิทธิ์ของพวกเราทำจากกระดาษจริงๆ คิดจะฆ่าข้าก็ทำได้เลยอย่างนั้นรึ?”
“เจ้าพูดถูกแล้ว” หลี่ชิเย่ตวัดมือออกไปตามอารมณ์ เสียงดังตึงกระบี่ของผู้บำเพ็ญตนคนหนึ่งที่ยืนดูอยู่ข้างๆ ไปอยู่ในมือของหลี่ชิเย่ กระบี่เล่มนั้นในมือหลี่ชิเย่ชี้ไปที่จิ้งจอกเงินซี๋วจื้อเจี๋ย และกล่าวว่า “วันนี้ข้าจะเชือดเจ้าเสีย”
ไม่ว่าจะเป็นตัวซี๋วจื้อเจี๋ยเอง หรือจะเป็นแดนอุดรแห่งหอศักดิ์สิทธิ์ก็ไม่สามารถกล้ำกลืนความอัปยศนี้ได้ เมื่อถูกหลี่ชิเย่ประกาศต่อหน้าผู้คนทั่วหล้าว่าจะเชือดตัวเองเสีย
“เจ้าหนู พวกเราแดนอุดรแห่งหอศักดิ์สิทธิ์ไหนเลยให้เจ้าทำร้ายได้!” เวลานี้ยอดฝีมือของแดนอุดรก็กล่าวด้วยความโกรธออกมา
“ฆ่ามันเสีย” เวลานี้จิ้งจอกเงินซี๋วจื้อเจี๋ยร้องเสียงดังขึ้นมา ได้ยินเสียงดังตึงปรากฏดาบยาวในมือเล่มหนึ่ง อานุภาพราชันยิ่งใหญ่ มันคืออาวุธราชันแท้จริงเล่มหนึ่ง
เริ่มจากเฉินซูเหว่ยที่มีแส้หนวดมังกรในครอบครอง เวลานื้ซี๋วจื้อเจี๋ยก็ลงมือด้วยอาวุธราชันแท้จริงเหมือนกัน ธาตุแท้ภายในลักษณะเช่นนี้ไม่รู้ว่าได้สร้างความอิจฉาให้ผู้คนจำนวนเท่าไร
“ฆ่า…” เวลานี้ยอดฝีมือของแดนอุดรแห่งหอศักดิ์สิทธิ์ได้ตั้งเป็นขบวนรบขึ้น พวกเขาก็เป็นกองทัพที่เคยหลั่งเลือดสมรภูมิรบมาแล้ว ถือเป็นกองพลพยัคฆ์กองหนึ่งปราศจากผู้อ่อนแอ ดังนั้น ได้ยินเสียงดังตูมเหมือนเป็นการปะทุของภูเขาไฟอันเกิดจากดาบและกระบี่ กองทัพทั้งกองเสมือนดั่งน้ำหลากที่เป็นเหล็กกล้าบุกเข้าสังหารหลี่ชิเย่
“พวกชื่อเสียงจอมปลอม!” ทันใดนั้น หลี่ชิเย่หัวเราะเยาะทีหนึ่ง เสียงตึงดังขึ้น เสียงกระบี่คำรามไม่ขาดสาย ดังก้องไปทั่วเก้าชั้นฟ้าสิบแดนดิน พริบตาเดียวนั่นเอง กระบี่เหล็กในมือของหลี่ชิเย่ได้พวยพุ่งประกายกระบี่ออกมาอย่างไม่มีสิ้นสุด
ตูมเสียงหนึ่งที่ดังสะเทือนฟ้า พริบตาเดียวนั่นเองกระบี่ของหลี่ชิเย่ฟาดฟันลงมา ฟันจนท้องฟ้าแยกออก ดวงดาราร่วงหล่นลงมาจากฟ้า อานุภาพหนึ่งกระบี่ไม่อาจต้านทานได้ ไม่ว่าใครก็ตามก็ต้องกลายเป็นเถ้าธุลีไป
ปุ…เสียงหนึ่งดังขึ้น ขณะที่กองทัพที่เสมือนดั่งน้ำหลากที่เป็นเหล็กกล้าบุกเข้ามาพลันหยุดลงในชั่วพริบตาเดียว เมื่อกระบี่นี้ของหลี่ชิเย่ฟาดฟันลงมา ทำให้กองทัพที่บุกเข้ามาถูกสังหารสิ้นทั้งกองทัพ ยอดฝีมือนับพันคนกลายเป็นหมอกเลือดไปภายใต้หนึ่งกระบี่นี้ ต่อให้มีบางคนที่ไม่ได้กลายเป็นหมอกเลือดก็ต้องถูกฟันจนขาดเป็นสองซีกในหนึ่งกระบี่!
หนึ่งกระบี่เข่นฆ่าพันคนไม่ใช่เทพนิยายอีก หลี่ชิเย่สามารถทำได้แล้วเพียงชั่วพริบตาเดียวเท่านั้น
“ฆ่า…” ทันใดนั้น จิ้งจอกเงินซี๋วจื้อเจี๋ยคำรามเสียงดังออกมา อาวุธราชันในมือฟาดฟันเข้าหาอย่างรุนแรง เปี่ยมด้วยอานุภาพราชันที่ยิ่งใหญ่ บดขยี้สังหารทุกสิ่ง ได้ยินเสียงดังปัง กระบี่นี้ฟาดฟันอากาศจนแหลกละเอียด
ตึง…ประกายกระบี่พลันแวบผ่านไป แม้ว่าอาวุธราชันจะฟาดฟันลงมาดั่งน้ำตกสวรรค์ แต่ว่ายังคงต้านประกายกระบี่ที่แวบผ่านไปของหลี่ชิเย่เอาไว้ได้ ประกายกระบี่พลันแทงทะลุผ่านประกายดาบที่ดังน้ำตกสวรรค์
“ถอย…” เจ้าแห่งแดนอุดรที่มองเห็นภาพนี้ ได้ร้องเสียงดังออกมา และคิดจะลงมือเข้าช่วยเหลือ
แต่ว่า ทุกอย่างล้วนแล้วแต่สายเกินไปเสียแล้ว ได้ยินเสียงดังปุ หลังจากประกายกระบีได้ทะลุผ่านประกายดาบที่ดั่งน้ำตกสวรรค์แล้วแวบผ่านไป พร้อมกับนำเอาศีรษะของจิ้งจอกเงินซี๋วจื้อเจี๋ยไปด้วย
ยามเมื่อศีรษะของซี๋วจื้อเจี๋ยลอยสูงขึ้นไปบนท้องฟ้ามากทีเดียวนั้น จึงได้เห็นเลือดสดๆ ดังจี๊ดฉีดพ่นออกมาจากลำคอที่ถูกพันจนขาดไปแล้วนั่น
…………………………………..