Emperor's Domination จักรพรรดิบรรพกาล - ตอนที่ 2189 มารคลั่งดูดเลือด
หนึ่งกระบวนท่าชี้ผลแพ้ชนะ แขนขวาของป้าซั่งถูกตัดขาดภายใต้หนึ่งกระบวนท่า ทุกคนที่ได้เห็นต่างรู้สึกเสียวสันหลังวาบ ผู้พิทักษ์ใช่เป็นผู้มีชื่อเสียงจอมปลอมเท่านั้น
หลังจากที่ป้าซั่งได้ก้าวถอยหลังไปหลายก้าว เขาได้ทำการห้ามเลือดและสะกดอาการบาดเจ็บเอาไว้ เวลานี้ใบหน้าของเขาดูขาวซีด พ่ายแพ้ในการต่อสู้เพียงกระบวนท่าเดียว ไม่เพียงทำให้แขนของเขาถูกตัดจนขาด ยังทำให้เขาได้รับบาดเจ็บสาหัส สูญเสียงลมปราณไปเป็นจำนวนมาก
หลี่เชียนไม่ได้แสดงท่าทีผยองจากการตัดแขนขวาป้าซั่งจนขาดในกระบี่เดียว เพียงยืนอยู่ตรงนั้นด้วยท่าทีเฉยเมย มองดูป้าซั่งอย่างเย็นชา กล่าวน่าเกรงขามขึ้นมาว่า “ต่อให้เจ้าสำแดงท่าไม้ตายของเจ้าออกมาก็ไร้ประโยชน์ เจ้าจะยอมให้จับแต่โดยดี หรือว่าจะให้ข้าสังหารเจ้า”
“ดี ดี ดี” ป้าซั่งโกรธจัดจนต้องหัวเราะออกมา และกล่าวว่า “ผู้พิทักษ์สมดังคำเล่าลือจริงๆ แต่ว่า เรื่องในวันนี้จะไม่เลิกราเพียงเท่านี้ ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงจะต้องมีการเปลี่ยนโฉมหน้าอย่างแน่นอน”
โฮ่วเพียงชั่วพริบตาเดียวนั่นเอง ป้าซั่งได้คำรามเสียงดังขึ้นมา จากการคำรามด้วยเสียงอันดังเสมือนหนึ่งมีสัตว์ขนาดยักษ์ตัวหนึ่งได้อ้าปากกว้าง ปรากฏประกายเลือดดั่งคลื่นยักษ์
ปุ ปุ ปุ…ในพริบตาเดียวนี้เอง ยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนจำนวนมากที่อยู่ใกล้ป้าซั่งมากที่สุดพลันกลับกลายเป็นหมอกเลือดไป ลมปราณทั้งหมดของพวกเขาถูกปากที่อ้ากว้างนี้ดูดและกลืนกินไปจนสิ้นโดยพลัน
‘มารคลั่งดูดเลือด’ ผู้คนจำนวนมากรู้สึกหวาดกลัวจนขนลุกซู่ และร้องเสียงแหลมดังขึ้นมา เมื่อมองเห็นป้าซั่งเหมือนอ้าปากกว้างในทันที ทันใดนั้นทุกคนต่างล่าถอยออกไป ไม่รู้ว่าผู้คนจำนวนเท่าไรถูกทำให้ต้องตกใจจนวิญญาณแทบออกจากร่าง
ตูมหลังจากที่ป้าซั่งได้ดูดกลืนไปหลายร้อยคนในฉับพลัน พริบตาเดียวกันนี้เขาได้พวยพุ่งประกายเลือดที่ไม่มีสิ้นสุดออกมา ร่างของเขาเสมือนหนึ่งได้กลับกลายเป็นคลื่นประกายโลหิตที่บ้าคลั่งอย่างนั้น หมอกเลือดที่น่ากลัวได้ปกคลุมทั่วพื้นที่ของเขาฟันหลอในพริบตาเดียว เหมือนหนึ่งได้กลับกลายเป็นทะเลเลือดทันทีอย่างนั้น เพียงพริบตาเดียว เหมือนว่าทั่วทั้งเขาฟันหลอล้วนแล้วแต่แช่อยู่ท่ามกลางทะเลเลือด
นาทีนี้ ตัวของป้าซั่งแทบจะคล้ายดั่งถูกเลือดย้อมจนกลายเป็นสีแดงไปทั่วทั้งตัว ดวงตาคู่นั้นของเขาพวยพุ่งเป็นประกายเลือดที่น่ากลัวออกมา ในเวลานี้ คู่ดวงตาของเขาได้กลายเป็นตาโลหิตไปแล้ว แม้แต่เส้นผมของเขาก็ล้อมรอบด้วยหมอกเลือด ทำให้ผู้คนถึงกับต้องตัวสั่นดั่งลูกนก
นาทีนี้ป้าซั่งคล้ายดั่งได้กลายร่างเป็นมารร้าย ทำให้ใครก็ตามต้องรู้สึกหวาดกลัวจนขนลุกซู่เมื่อได้เห็น ไม่รู้ว่ามีผู้คนจำนวนเท่าไรที่ต้องสั่นเทา ตกใจจนต้องถอยหลังติดต่อกันหลายก้าว
‘มารคลั่งดูดเลือด’ ระดับบรรพบุรุษของตระกูลขุนนางโบราณถึงกับหวาดกลัวจนขนลุกซู่ เมื่อมองเห็นภาพที่น่ากลัวของป้าซั่ง ตกใจจนใบหน้าขาวซีด ก้าวถอยหลังติดต่อกันหลายก้าว
ในขณะนี้ ผู้คนจำนวนเท่าไรต้องหวาดกลัวจนขนลุกซู่ เมื่อได้ยินชื่อเคล็ดวิชา ‘มารคลั่งดูดเลือด’ ชื่อนี้ ต่างตกใจจนต้องถอยร่นไปเรื่อยๆ เว้นระยะหห่างไปจากป้าซั่ง
แม้ว่า ‘มารคลั่งดูดเลือด’ ได้กลายเป็นสิ่งต้องห้ามของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงไปแล้ว ห้ามไม่ให้ผู้ใดฝึกทั้งสิ้น ผู้คนจำนวนมากของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงล้วนแล้วแต่ไม่ต้องการพูดถึงช่วงเวลาแห่งความชั่วร้ายนั่น แต่ทว่า ยังคงมีรุ่นอาวุโสจำนวนมากที่รับรู้เรื่องราวของ ‘มารคลั่งดูดเลือด’
ในครั้งนั้น เทพแท้จริงเทียนเต๋อได้คิดค้น ‘มารคลั่งดูดเลือด’ ขึ้นมา และนำพาศิษย์ของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงเข้าไปถึงขั้นบ้าคลั่ง ทำให้ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงตกต่ำสู่ลัทธิมาร
ภายหลังซิวหลอจ้านเทียนได้ทำการกำจัดศิษย์ทรยศให้กับสำนัก กวาดล้างความชั่วร้ายจนสิ้น จึงได้คืนความสงบให้กับระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหง ไม่นึกเลยว่า ‘มารคลั่งดูดเลือด’ ที่ถูกห้ามมานานขนาดนี้กลับมาปรากฏบนตัวของป้าซั่งในเวลานี้ แล้วจะไม่ให้ผู้คนต้องหวาดกลัวจนขนลุกซู่ได้อย่างไรเล่า
นาทีนี้เอง ทุกคนต่างเข้าใจแล้วว่าเพราะอะไรหลี่เชียนจึงได้ปรากฏตัวขึ้นเพื่อป้าซั่ง ที่แท้เป็นเพราะ ‘มารคลั่งดูดเลือด’
ไม่ว่าใครก็ตามต้องรู้สึกหวาดกลัวจนขนลุกซู่ เมื่อได้เห็นป้าซั่งดูดกลืนเลือดของผู้บำเพ็ญตนรวดเดียวหลายร้อยคน ผู้คนจำนวนมากล้วนแล้วแต่สั่นเทิ้มขึ้นมา
‘มารคลั่งดูดเลือด’ แม้แต่เทพฟ้าคะนองที่เป็นผู้นำของตรีเทพแห่งหอศักดิ์สิทธิ์ก็รู้สึกหวาดกลัวจนขนลุกซู่เช่นกัน เมื่อมองเห็นภาพนี้แล้ว ได้พาตัวออกห่างในทันที
“ดื้อรั้นยิ่งนัก” หลี่เชียนที่มองเห็นป้าซั่งเต็มไปด้วยประกายเลือดทั่วทั้งตัว กล่าวน่าเกรงขามขึ้นมาว่า “วันนี้ ข้าจะต้องกำจัดศิษย์ทรยศให้กับระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหง!”
เวลานี้ทุกคนต่างกลั้นลมหายใจเอาไว้มองดูหลี่เชี่ยนและป้าซั่ง โดยเฉพาะท่าทางของป้าซั่งนั้น ทำให้ผุ้คนจำนวนมากต่างรู้สึกขนลุกภายในใจ ทุกคนล้วนแล้วแต่ไม่กล้าเข้าใกลเขา เกิดเขาบ้าคลั่งขึ้นมาอีกครั้ง แล้วดูดกลืนผู้คนรวดเดียวอีกหลายร้อยคน พวกเขามิต้องกลายเป็นอาหารโปรดของป้าซั่งไป
“กำจัดศิษย์ทรยศ?” ป้าซั่งหัวเราะเสียงดัง และตวาดเสียงดังออกมาว่า “หลี่เชียนเจ้ามันสุนัขแต่ไล่จับหนู ออกจะยุ่งเรื่องของคนอื่นมากเกินไปแล้ว! ทุกสิ่งที่พวกเราทำไปนั้นเพื่ออะไร? ล้วนแล้วแต่ทำเพื่อให้ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงแข็งแกร่งขึ้น ล้วนแล้วแต่ทำเพื่อความเจริญรุ่งเรืองของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหง! ครั้งนั้น ศิษย์จำนวนเท่าไรต้องหลั่งเลือดเพื่อเป้าหมายนี้ แต่ว่า ใช่สิพวกเจ้าที่เป็นผู้พิทักษ์ เพื่อให้ศัตรูหายโกรธ ถึงกับยอมเจรจาสันติด้วยความอ่อนแอ…”
“…ฮ่า ฮ่า ฮ่าชนรุ่นหลังจำนวนเท่าไรที่รู้เพียงว่าหลุมขนาดยักษ์ในเขาฟันหลอคือบ่อเลือดที่เทพแท้จริงเทียนเต๋อใช้หลอมกลั่นเลือด แต่จะมีใครรู้บ้างว่ามันก็คือหลุมฝังศพที่อาจารย์ของเจ้าเข่นฆ่าศิษย์จำนวนนับสิบล้านคนของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงกันเล่า? ในครั้งนั้น อาจารย์ของเจ้าเพื่อกำจัดศิษย์ทรยศอะไรนั่น สังหารศิษย์ที่ได้ฝึก ‘มารคลั่งดูดเลือด’ ไปนับสิบล้านคน หากจะกล่าวว่าพวกเรานั้นได้ตกต่ำลงสู่ลัทธิมาร พวกเจ้าที่เป็นผู้พิทักษ์ก็แค่สุภาพบุรุษจอมปลอมที่สองมือเต็มไปด้วยเลือดของศิษย์ร่วมสำนักเท่านั้น”
เวลานี้ ป้าซั่งหัวเราะเสียงดังไม่หยุด ได้ยินเสียงดังจี๊ด จี๊ด จี๊ดดังขี้น มองเห็นแขนข้างนั้นของป้าซั่งที่ถูกตัดขาดไปได้งอกขึ้นมาใหม่อีกครั้ง
ป้าซั่งหัวเราะเสียงดัง คำพูดลักษณะเช่นนี้ของเขาทำให้ผู้คนจำนวนมากที่อยู่ในเหตุการณ์ถึงกับมองหน้ากันและกัน ทุกคนต่างก็ไม่รู้ถึงความลับเช่นนี้ในครั้งนั้นเลย
แต่ว่าเมื่อคิดดูให้ละเอียดรอบคอบมันก็ไม่แปลก ครั้งนั้น เทพแท้จริงเทียนเต๋อได้รับการให้ความสำคัญจากบรรดาเหล่าบรรพบุรุษของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงอย่างยิ่ง กระทั่งเคยเป็นผู้ครอบครองอาวุธปฐมบรรพบุรุษทวนราชันขวางตี้อยู่ช่วงหนึ่ง หลังจากที่เขาคิดค้น ‘มารคลั่งดูดเลือด’ ขึ้นมาได้แล้ว ทำให้ทักษะยุทธของผู้ฝึกรุดหน้าอย่างรวดเร็วภายในระยะเวลาอันสั้น
ช่วงระยะเวลาที่อยู่ภายใต้การกำกับของเทพแท้จริงเทียนเต๋อนั้น มีผู้คนจำนวนมากในระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงที่ได้ฝึกวิชา ‘มารคลั่งดูดเลือด’ มีการดูดกลืนเลือดของผู้คนไปเป็นจำนวนมาก ในช่วงระยะเวลานี้ บรรดาศิษย์ที่ฝึกวิชา ‘มารคลั่งดูดเลือด’ ไม่เพียงดูดเอาเลือดของศัตรู และหรือเหล่าผู้บำเพ็ญตนของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิอื่นๆ ในทางลับกระทั่งมีผู้ที่ดูดเอาเลือดของศิษย์ภายใต้ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหง หรือกระทั่งดูดเลือดของผู้ที่อยู่ภายในสำนักเดียวกัน ซึ่งก็เป็นเหตุการณ์ที่เคยเกิดขั้นมาแล้ว
ภายหลัง หลังจากที่ซิวหลอจ้านเทียนอาจารย์ของหลี่เชียนได้ทำการสังหารเทพแท้จริงเทียนเต๋อไปแล้ว เพื่อกำจัดรากฐานของ ‘มารคลั่งดูดเลือด’ ให้สิ้นซาก จึงได้จัดการสังหารศิษย์ที่ได้ฝึกวิชา ‘มารคลั่งดูดเลือด’ มาแล้วทั้งหมด สถานที่ที่ใช้ประหารก็คือหลุมยักษ์หลุมนี้นี่เอง ซึ่งก็คือบ่อโลหิตที่เทพแท้จริงเทียนเต๋อใช้สำหรับกลั่นเลือดในครั้งนั้นนั่นเอง
ความลับเรื่องนี้ถูกปกปิดเอาไว้ ศิษย์รุ่นหลังน้อยคนนักที่รับรู้ถึงช่วงเวลาชั่วร้ายของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหง มาวันนี้ป้าซั่งได้เปิดเผยออกมา ทำให้ทุกคนจึงได้รู้ถึงความลับของเรื่องนี้
“ผู้ที่ฝึกวิชา ‘มารคลั่งดูดเลือด’ ฆ่าไม่มีละเว้น” หลี่เชียนยังคงมีท่าทีที่เย็นชากับคำพูดของป้าซั่ง กล่างน่าเกรงขามว่า “รากฐานของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหง ไหนเลยปล่อยให้ถูกทำลายโดยพวกสวะที่ไร้วิสัยทัศน์ได้!”
คำพูดของหลี่เชียนแม้ไม่มาก แต่หนักแน่นและเปี่ยมด้วยพลัง
ผู้คนจำนวนไม่น้อยเห็นด้วยกับคำพูดเช่นนี้ของหลี่เชียน แม้ว่า ‘มารคลั่งดูดเลือด’ สามารถสร้างยอดฝีมือให้กับระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงจำนวนหนึ่งได้ในระยะเวลาอันสั้น แต่ว่า มันเป็นเพียงการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า โดยไม่ได้คำนึงถึงผลที่จะตามมาเท่านั้นเอง
เพราะถ้าหากว่าศิษย์ทั้งหมดของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงล้วนแล้วแต่ฝึกวิชา ‘มารคลั่งดูดเลือด’ กันหมดทุกคน เมื่อเป็นเช่นนั้น ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงก็จะต้องตกลงสู่ลัทธิมารนับจากนั้นเป็นต้นไป เมื่อถึงขั้นนั้น เกรงว่าจะไม่เป็นที่ยอมรับของบรรดาระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิทั้งหมดที่มีอยู่ในแดนลัทธิพรรษ อีกไม่นาน ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหง จะต้องถูกปราบจนสิ้นซากแน่นอน!
“ไม่ว่าใครก็ขวางการผงาดขึ้นของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงเอาไว้ไม่ได้ ขอเพียงเป็นผู้ที่มีใจต้องการให้ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงแกร่งขึ้นและผงาดขึ้นมา ก็ยินดีไปฝึกวิชา ‘มารคลั่งดูดเลือด’ ด้วยความเต็มใจ พวกเขาล้วนแล้วแต่เป้นผู้เสียสละเพื่อลัทธิ พวกเขายินดีเสียสละตนเองเพื่อระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหง กษัตริย์องค์ปัจจุบันก็เป็นเช่นนี้ เขามีความกล้าหาญที่จะก้าวออกไปมากกว่าคนอ่อนแออย่างพวกเจ้า ด้วยการทำลายข้อห้ามนี้เสีย” เวลานี้ป้าซั่งหัวเราะเสียงดังและกล่าวว่า “ในอนาคตก็จะต้องมีผู้คนจำนวนมากยิ่งกว่านี้ไปฝึกวิชา ‘มารคลั่งดูดเลือด’ ใครก็ขวางกระแสนิยมสายนี้ไม่อยู่!”
พลันที่ป้าซั่งพูดออกมาเช่นนี้ ทุกคนรู้สึกใจหายใจคว่ำ ต่างอดที่จะมองไปที่ราชินีหวังหานไม่ได้
ก่อนหน้านั้น ปราชญ์ภูผาพิโรธก็เคยเผยเป็นนัยๆ แล้วว่า กษัตริย์ที่สวรรคตก็เคยฝึกวิชา ‘มารคลั่งดูดเลือด’ มาก่อน แต่ถูกปฏิเสธไป เวลานี้ป้าซั่งกลับพูดเรื่องนี้ออกมา ดังนั้นทุกคนล้วนแล้วแต่รู้สึกหวั่นไหวในใจ
ถ้าหากกระทั่งกษัตริย์ก็ยังได้ฝึก ‘มารคลั่งดูดเลือด’ ล่ะก็ ย่อมเป็นการบ่งบอกว่า ผู้ที่ทำลายข้อห้ามครั้งนั้นในระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงไม่ได้มีเพียงป้าซั่งเท่านั้นเองแล้ว
กษัตริย์ คือตัวแทนของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงที่เป็นสายตรง เป็นผู้กุมอำนาจปกครองของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหง ถ้าหากป้าซั่งได้ฝึกวิชา ‘มารคลั่งดูดเลือด’ นับว่ายังไม่กระทบต่อจิตใจของผู้คนนัก แต่ กษัตริย์ผู้เป็นตัวแทนสายตรงฝึกวิชา ‘มารคลั่งดูดเลือด’ ล่ะก็ มันคือการกระทบต่อกฎเหล็กของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงอย่างแท้จริง เป็นการทำลายระเบียบที่ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงได้ยืนหยัดรักษามาหลายยุคหลายสมัยตลอดมา
“ดังนั้น ฝ่าบาทจึงได้สวรรคต!” หวังหานเพียงเอ่ยขึ้นน่าเกรงขามว่า “กฎเหล็กของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงห้ามฝ่าฝืน ไม่ว่าใครก็ไม่มียกเว้น! มิฉะนั้นแล้ว ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงก็จะไม่ได้ผุดได้เกิดอีก! กองกำลังซั่งของพวกเจ้านำเอาเคล็ดลับของ ‘มารคลั่งดูดเลือด’ ถ่ายทอดให้กับฝ่าบาท ลำพังแค่ลักลอบซ่อนเคล็ดวิชาต้องห้ามก็เพียงพอพิพากษาโทษตายให้กับกองกำลังซั่งของพวกเจ้าได้แล้ว!”
คำพูดที่ออกจากปากของหวังหานดูเย็นชา ท่าทางของหวังหานไม่ได้มีอารมณ์ที่หวั่นไหว
เนื่องจากนางได้เตรียมใจพร้อมแล้วกับการมาถึงของวันนี้ นางรู้ว่าเรื่องนี้ช้าหรือเร็วก็ต้องถูกเผิดเผยสักวัน ดังนั้น มาวันนี้เมื่อเรื่องนี้ถูกเปิดเผยออกมา นางจึงไม่ได้มีท่าทางที่ตระหนกจนหน้าถอดสี
ครั้งนั้น องค์กษัตริย์ได้แอบฝึกวิชา ‘มารคลั่งดูดเลือด’ อย่างลับๆ หวังหานในฐานะของราชินีได้เคยเกลี้ยวกล่อมให้เขาละทิ้งการฝึกเสีย จะอย่างไรก็ตามการที่ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงสามารถยืนหยัดมาจนถึงวันนี้ ไม่ง่ายนักกว่าที่พวกเขาจะได้กุมอำนาจปกครอง ไม่ง่ายเลยสำหรับจวนหวังที่ได้มาบริหารราชวงศ์นี้ในวันนี้ จะปล่อยให้ถูกทำลายเพียงเพราะกระหายในความสำเร็จและผลประโยชน์เฉพาะหน้าเช่นนี้ไม่ได้ ไม่ควรถูกผลักให้ตกลงไปในหุบเหวลึกเพียงเพราะกระหายในความสำเร็จและผลประโยชน์เฉพาะหน้าเช่นนี้ ส่งผลให้จวนหวังไม่ได้ผุดได้เกิดอีกเลยนับแต่นี้เป็นต้นไป
แต่ว่า กษัตริย์กลับฟังไม่เข้าหูกับความพยายามเตือนสติของหวังหาน ในฐานะที่เป็นบุคคลนอกตระกูล มาวันนี้เขาได้เป็นตัวแทนของจวนหวังก้าวขึ้นสู่บัลลังก์ของกษัตริย์ แต่ทว่า ต่อให้เขาได้เป็นกษัตริย์ของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงแล้วก็ตาม ยังคงถูกขัดขวาง กลั่นแกล้งโดยฝ่ายต่างๆ กองกำลังซั่ง หอศักดิ์สิทธิ์ ค่ายฉู่ล้วนแล้วแต่ไม่อยู่ภายใต้การปกครองของเขา เรียกได้ว่ากษัตริย์เช่นเขามีอำนาจอย่างจำกัด
ดังนั้น เขาจึงไม่พอใจกับสิ่งนี้ เขารู้ดีว่าขอเพียงเขามีกำลังความสามารถกล้าแข็งเพียงพอ ก็สามารถปกครองระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงได้ทั้งหมด เฉกเช่นเทพแท้จริงเทียนเต๋อในครั้งนั้น
ด้วยเหตุนี้เอง กษัตริย์จึงไม่อาจทนความเย้ายวนใจเอาไว้ได้ จึงได้แอบฝึกปรือหลังจากได้รับการถ่ายทอดวิชา ‘มารคลั่งดูดเลือด’ ให้ลับๆ จากป้าซั่ง
………………………………………………….