Emperor's Domination จักรพรรดิบรรพกาล - ตอนที่ 2196 ต้นไม้แก่
อักขระยันต์ที่อยู่บนผนังหินนั้นเก่าแก่โบราณจนไม่สามารถไล่ย้อนขึ้นไปถึง เหมือนว่ามันดำรงอยู่เช่นนี้มาตั้งแต่ก่อนยุคดึกดำบรรพ์เสียอีก แม้ว่ากาลเวลาจะผ่านไปนานเท่าไรก็ตาม ยังคงไม่สามารถทำลายมันให้เลือนหายไปได้
อักขระยันต์นี้ได้บันทึกเรื่องราวต่างๆ เอาไว้มากมาย เกี่ยวพันไปถึงความลับที่ลึกซึ้งจำนวนมากที่ผู้คนไม่เคยรับรู้มาก่อน เป็นต้นว่าเรื่องอายุวัฒนะ เรื่องต้นกำเนิดที่ดึกดำบรรพ์ ประวัติความเป็นมาของสุดปลายทางของโลก…
หลี่ชิเย่พิจารณาอักขระยันต์ที่อยู่บนผนังหินอย่างละเอียด และทำความเข้าใจมันเป็นเรื่องๆ ภายในใจของหลี่ชิเย่อดที่จะยินดีไม่ได้หลังจากที่ได้เห็นอักขระยันต์เหล่านี้แล้ว เนื่องจากอักขระยันต์ที่อยู่บนผนังหินได้เติมเต็มในส่วนที่ขาดหายไปตามการจินตนาการที่มีอยู่ในใจของเขา
นับตั้งแต่ยุคสมัยที่ดึกดำบรรพ์ที่ยาวนานมากเป็นต้นมา กระทั่งนับตั้งแต่ฟ้าดินเพิ่งแยกออกเป็นสอง แต่ละยุคสมัยที่สับเปลี่ยนหมุนวน แต่ละยุคสมัยที่ถูกทำลาย เคยมีผู้ที่โชคดีรอดมาได้ เคยมีผู้ที่ก้าวข้ามไป และเคยมีผู้ที่ต่อสู้แล้วต่อสู้อีก…
ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม ข้างหลังก็ได้ซ่อนความลับที่สุดยอดเอาไว้ ข้างหลังล้วนแล้วแต่มีความสยองขวัญที่ผู้คนไม่รู้ และความชั่วร้ายที่คนอื่นไม่รู้
กระทั่งกล่าวได้ว่า เหนือศีรษะของสรรพสัตว์ในทุกยุคทุกสมัยล้วนแล้วแต่มีดวงตาอยู่คู่หนึ่งที่จับจ้องอยู่ แต่ทว่า ดวงตาคู่นี้ไม่แน่เสมอไปว่าเป็นสวรรค์! นี่แหละคือสิ่งที่น่ากลัวมากที่สุด
เพียงแต่ผู้ที่รับรู้ถึงความลับที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้มีอยู่น้อยมาก ตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่รับรู้ถึงเบื้องหลังที่น่ากลัวเช่นนี้ ผู้ที่รับรู้ถึงเบื้องหลังของความลับที่น่ากลัวเช่นนี้ ถ้าไม่ตายในสนามรบที่ห่างไกล ไม่ก็หนีไปให้ไกลสุดหล้าฟ้าเขียว และหรือหดหัวอยู่ในกระดองหันไปรับใช้ความชั่วร้าย…
“ข้ามาแล้วสำหรับยุคสมัยนี้ ข้าก็จะสู้รบให้ถึงที่สุด สู้แล้วสู้อีก ใครก็ขวางข้าไม่ได้ ข้าจะต้องสู้ให้ได้มาซึ่งท้องฟ้าที่แจ่มใส!” ในที่สุดได้ทำความเข้าใจกับอักขระยันต์ทั้งหมดที่อยู่บนผนังหินจนสิ้นแล้ว หลี่ชิเย่ถึงกับยิ้มจางๆ ออกมา
ในขณะที่หลี่ชิเย่มองดูอักขระยันต์ที่อยู่บนผนังหินอยู่นั้น ต้นไม้แก่ที่ไม่สมบูรณ์ต้นนั้นก็ไม่ได้หนีไปไหน ความจริงแล้วการที่หลี่ชิเย่อาศัยของเหลวทองคำจากน้ำเต้าสุริยันปิดกั้นห้องศิลาทั้งห้องเอาไว้ มันคิดจะหนีไปก็ใช่เป็นเรื่องง่ายดาย อันดับแรกจะต้องล้มหลี่ชิเย่ลงให้ได้เสียก่อน มันจึงสามารถหนีไปได้
ขณะที่หลี่ชิเย่มองดูอักขระยันต์ที่อยู่บนผนังหินนั้น ต้นไม้แก่ที่ไม่สมบูรณ์ต้นนี้กลับมองที่ตัวของหลี่ชิเย่ มันพิจารณาครุ่นคิดตัวของหลี่ชิเย่อย่างละเอียด เหมือนว่าต้องการมองดูหลี่ชิเย่ให้ทะลุปรุโปร่งอย่างนั้น
หลังจากผ่านไปชั่วครู่ใหญ่ ในที่สุดหลี่ชิเย่ได้ละสายตาจากอักขระยันต์ที่อยู่บนผนัง เขามองดูต้นไม้แก่ที่ไม่สมบูรณ์แล้วหัวเราะกล่าวว่า “เจ้าจะตามข้าไปด้วยความสมัครใจ หรือคิดจะทำอย่างไร?”
ต้นไม้แก่จ้องมองหลี่ชิเย่แล้วส่ายหัว แม้ว่ามันจะพูดไม่ได้ แต่ว่ามันสามารถฟังรู้คำพูดของหลี่ชิเย่
“ข้าเป็นคนที่มีความเมตตายิ่งคนหนึ่ง ไม่ฝืนบังคับคนอื่น แต่ว่า ถ้าหากจำเป็นขึ้นมาจริงๆ ล่ะก็ คล้อยตามข้าอยู่ ขัดขืนข้าม้วย” หลี่ชิเย่ยิ้มแต้และกล่าวว่า “เกิดข้าร้ายขึ้นมาล่ะก็ ข้าจะจับเจ้าตุ๋นให้เป็นครีมอายุวัฒนะสักเตาหนึ่ง เจ้าว่ามันจะเป็นอย่างไรกันนะ? แม้ว่าออกจะเป็นการสิ้นเปลืองไม่รู้จักทะนุถนอม แต่เมื่อถึงคราวจำเป็น ข้ายังคงยินดีที่จะทำเช่นนั้นอยู่แล้ว”
ต้นไม้แก่ฟังออกว่าหลี่ชิเย่หมายถึงอะไร และเข้าใจในการข่มขู่ของหลี่ชิเย่ แม้ว่ามันจะพูดไม่ได้แต่มันก็ยังส่ายหัว ย่อมไม่ต้องสงสัยว่ามันไม่ต้องการติดตามเขาไป
หลี่ชิเย่ถึงกับหัวเราะและเอ่ยขึ้นมาช้าๆ ว่า “ของระดับเซียนเช่นนี้ในเมื่อข้าได้มาพบเข้าแล้ว มีรึที่จะปล่อยไป ในเมื่อเจ้าไม่ยอมข้าได้แต่ใช้กำลังแล้ว” กล่าวพลางถลกแขนเสื้อขึ้น ท่าทางเหมือนคันไม้คันมืออยากลองเต็มแก่แล้ว ท่าทางคล้ายต้องการเข้าไปอัดมันอย่างนั้น
แว้งค์เสียงหนึ่งดังขึ้น เมื่อหลี่ชิเย่จะใช้กำลัง เจ้าต้นไม้แก่ที่ไม่สมบูรณ์ต้นนี้พลันปรากฎประกายที่แผ่ออกมาทั่วตัว ประกายแต่ละสายบานเบ่ง โดยแต่ละสายก็จะบานเบ่งและกลายเป็นอาวุธเซียนชิ้นหนึ่ง มีขวานเซียน มีกระบี่เซียน มีกระบองเซียน…อาวุธเซียนทุกชิ้นล้วนแล้วแต่มีพลังที่น่ากลัวยิ่ง เหมือนว่าอาวุธเซียนทุกชิ้นที่สำแดงออกมาล้วนแล้วแต่สามารถทำลายฟ้าดินได้อย่างนั้น
ด้วยพลังอาวุธเซียนทุกชิ้นที่สำแดงออกมา ต่อให้เป็นเทพแท้จริงก็ต้องสั่นเทา เรียกได้ว่าต้นไม้แก่ต้นนี้ตัวมันเองก็มีพลังที่กล้าแข็งปราศจากผู้ต่อกรอยู่แล้ว สังหารเทพก็หาใช่เป็นปัญหาแต่อย่างใด
ย่อมไม่เป็นที่สงสัย หากหลี่ชิเย่คิดจะใช้กำลังล่ะก็ ต้นไม้แก่ที่ไม่สมบูรณ์ต้นนี้ก็จะสู้อย่างดุเดือดจนถึงที่สุด ต่อให้ต้องสู้จนตัวตายมันก็จะไม่ติดตามหลี่ชิเย่ไปจากที่นี่
“นับว่าแข็งแกร่งโดยแท้” หลี่ชิเย่ถึงกับหัวเราะขณะมองดูต้นไม้แก่ที่ไม่สมบูรณ์ต้นนี้ และกล่าวว่า “น่าเสียดาย เจ้าในเวลานี้แค่อยู่ไปวันๆ เท่านั้นเองและไม่สมบูรณ์ ถ้าหากเจ้ามีความสมบูรณ์ล่ะก็จะต้องหนีจากเงื้อมมือข้าไปได้อย่างแน่นอน ไม่ว่าใครก็ยากจะจับตัวเจ้าได้ แต่ว่า เวลานี้หากเจ้าคิดจะหนีจากเงื้อมมือของข้าล่ะก็ มันเป็นความเพ้อฝันของคนปัญญาอ่อน”
ต้นไม้แก่เพียงจ้องเขม็งไปที่หลี่ชิเย่ แว้งค์เสียงหนึ่งดังขึ้น ประกายที่เปล่งออกมาจากตัวของมันสว่างไสวมากกว่าเดิมและดูแหลมคมยิ่งนัก เหมือนว่าสามารถแทงทะลุทุกสิ่งทุกอย่างบนโลก แม้ว่ามันจะพูดไม่ได้ แต่ท่าทีของเขาเช่นนี้เป็นการอธิบายทุกสิ่งทุกอย่างแล้ว
หลี่ชิเย่ถึงกับหัวเราะขึ้นมา มองดูท่าทางของต้นไม้แก่ที่เหมือนพร้อมสู้ตายอย่างนั้น ส่ายหน้าและกล่าวว่า “แค่ล้อเล่นกับเจ้าเท่านั้นเอง ข้าเชื่อว่าเจ้าจะต้องติดตามข้าไปอยู่แล้ว”
กล่าวขาดคำ หลี่ชิเย่ได้หยิบเอากล่องไม้ออกมาใบหนึ่ง กล่องไม้ใบนี้แลดูงดงามเรียบง่ายแบบโบราณ อีกทั้งกล่องไม้ใบนี้ถูกคนลูบคลำจนดูแวววาว ย่อมไม่ต้องสงสัยว่านี่คือกล่องไม้ที่มีค่ายิ่งใบหนึ่ง มิฉะนั้นแล้วคงไม่ถูกผู้คนนำเอามาลูบคลำอยู่เสมอๆ
หลี่ชิเย่เปิดกล่องไม้ใบนี้ออกมา ฉับพลันปรากฏประกายเซียนที่วูบวาบ เขามองดูสิ่งที่อยู่ในกล่องไม้แล้วถึงกับทอดถอนใจออกมาว่า “ตาเฒ่านี้ล่ะนะ เป็นการขุดหลุมให้ข้ากระโดดลงไปนะเนี่ย แม้รู้อยู่แล้วว่าเป็นหลุม แต่ยังคงทำให้คนอดที่จะไปสืบค้นไม่ได้ นี่มันคือหลุมพรางที่ไม่สามารถแก้ได้เลยนะเนี่ย”
กล่องไม้ที่อยู่ในมือของหลี่ชิเย่นั้นก็คือของขวัญที่ผู้เฒ่าลึกลับจากห้างเจียวเหิงมอบให้กับหลี่ชิเย่นั่นเอง หลังจากที่หลี่ชิเย่ได้รับกล่องไม้ใบนี้มาแล้ว ได้เคยพิจารณาสิ่งที่อยู่ภายในกล่องใบนี้อย่างพินิจพิเคราะห์ เขารู้ว่าการที่ผู้เฒ่าลึกลับมอบกล่องใบนี้ให้กับเขาจะต้องมีความหมายที่ลึกซึ้งแน่นอน อีกทั้งสิ่งนี้คือหลุมๆ หนึ่ง แต่ทว่าแม้หลี่ชิเย่จะรู้อยู่แล้วว่ามันคือหลุมก็ยังคงกระโดดลงไป เนื่องจากสิ่งของที่อยู่ในนั้นมันคุ้มค่ากับการไปครุ่นคิดพินิจพิเคราะห์มากเหลือเกิน คุ้มค่าแก่การไปสืบค้นเหลือเกิน
หลี่ชิเย่ละสายตากลับมา เอากล่องไม้ให้ต้นไม้แก่ดู ยิ้มกล่าวว่า “ข้าเชื่อว่าเจ้าน่ะจดจำของสิ่งนี้ได้”
พลันที่ต้นไม้แก่มองเห็นสิ่งของที่บรรจุอยู่ภายในกล่องไม้ใบนี้แล้ว มันแสดงท่าทางตกใจอย่างยิ่ง แม้ว่ามันจะไม่มีตา แต่เวลานี้เหมือนว่าตาคู่นั้นของมันเบิกว้างสุดๆ ท่าทางเหมือนรู้สึกว่ามันเหลือเชื่ออย่างนั้น เหมือนว่าไม่นึกไม่ฝันเลยว่ายังคงจะได้เห็นสิ่งนี้อีกครั้งอย่างนั้น
เวลานี้ต้นไม้แก่แทบไม่อยากจะเชื่อ มองดูสิ่งของที่อยู่ในกล่องไม้แล้วยากจะเรียกสติกลับคืนมา
“รับเอาไปดูสิ ดูให้ละเอียด จะได้ไม่มาหาว่าข้าเอาของปลอมมาหลอกเจ้า” หลี่ชิเย่หัวเราะพร้อมกับยื่นกล่องไม้ให้กับต้นไม้แก่
ต้นไม้แก่ลังเลนิดหนึ่ง สุดท้ายแล้วกิ่งไม้ที่มีอยู่บางเบาคล้ายดั่งเป็นมือคู่หนึ่งอย่างนั้น มันถือกล่องไม้ใบนี้และเพ่งมองอย่างละเอียด และพินิจพิเคราะห์สิ่งของที่อยู่ภายในกล่องไม้ใบนี้
หลังจากเพ่งมองอย่างพินิจพิเคราะห์เป็นเวลานาน ต้นไม้แก่มั่นใจแล้ว่าสิ่งที่อยู่ภายในกล่องไม้เป็นของจริงแท้แน่นอน ไม่ใช่ของปลอมอย่างเด็ดขาด ความจริงแล้ว ของสิ่งนี้ก็ไม่มีใครที่สามารถทำเลียนแบบขึ้นมาได้ เกรงว่าคนที่เคยเห็นของนี้คงมีเพียงไม่กี่คนเท่านั้น
หลังจากที่ต้นไม้แก่ดูจนเสร็จเรียบร้อยแล้วก็ได้ส่งมอบกล่องไม้ใบนี้คืนให้กับหลี่ชิเย่
“นี่มันหลุมขนาดใหญ่จริงๆ นะเนี่ย ทำให้ผู้คนต่างยินดีที่จะกระโดดลงไป ใครจะสามารถขึ้นมาจากหลุมนี้ได้คงไม่สามารถรู้ได้ ไม่แน่นักสุดท้ายแล้วพาตัวเองไปฝังร่างอยู่ข้างในนั้น” หลี่ชิเย่เก็บกล่องไม้เรียบร้อยถึงกับยิ้มและส่ายหน้า
การที่ตาเฒ่ามอบสิ่งนี้ให้กับหลี่ชิเย่นั้น เขามีความหมายที่ลึกซึ้งมาก ใช่ว่าเขาจะเป็นผู้ที่มอบของวิเศษใดๆ ให้กับหลี่ชิเย่ตามอารมณ์เช่นนี้ ความจริงแล้ว กล่าวสำหรับหลี่ชิเย่แล้วของวิเศษที่สามารถทำให้เขาหวั่นไหวได้มีอยู่ไม่กี่ชิ้นเท่านั้น แม้แต่อาวุธบรรพบุรุษเขายังสามารถให้คนอื่นไปได้ตามอารมณ์ ย่อมสามารถจินตนาการได้แล้วว่ายังจะมีของวิเศษใดที่สามารถทำให้เขาต้องหวั่นไหวได้
“เช่นนั้นแล้ว เวลานี้ยอมไปกับข้าแล้วใช่หรือไม่ล่ะ?” หลี่ชิเย่หัวเราะและจ้องมองดูต้นไม้แก่
ต้นไม้แก่ทำท่าเอียงคอลังเลอยู่นิดหนึ่ง ใคร่ครวญหน่อยหนึ่ง สุดท้ายพยักหน้า ย่อมไม่ต้องสงสัย มันยินดีติดตามหลี่ชิเย่ไปแล้ว เฉกเช่นหลี่ชิเย่พูดเอาไว้อย่างนั้น นี่คือหลุมๆ หนึ่ง ผู้คนจำนวนมากล้วนแล้วแต่กระโดดลงไป แน่นอน ใครสามารถคลานขึ้นมาจากหลุมนี้มาได้คงไม่อาจรู้ได้แล้วล่ะ
“ต้องอย่างนี้สิ” หลี่ชิเย่ยิ้มกล่าวว่า “เชื่อข้าสิ ติดตามทำงานให้ข้าใช่เพียงแค่มีกินอย่างอุดมสมบูรณ์เท่านั้น ในอนาคตคงมีสักวันจะเติมเต็มให้เจ้าครบถ้วนสมบูรณ์ ไม่ใช่หน้าตาที่ขาดแหว่งไม่สมบูรณ์เช่นนี้อีก”
คำพูดเช่นนี้ของหลี่ชิเย่ทำให้ต้นไม้แก่รู้สึกดีใจเป็นอย่างยิ่งพยักหน้างึกๆ อีกทั้งเป็นการพยักหน้าอย่างแรง เหมือนว่าอยากจะเติมเต็มลำต้นส่วนที่ขาดหายไปให้สมบูรณ์เสียเดี๋ยวนี้ให้มันรู้แล้วรู้รอดไป
แน่นอนที่สุด การที่ต้นไม้แก่มีลำต้นที่ไม่สมบูรณ์เช่นนี้ เบื้องหลังของมันย่อมมีเหตุผลอยู่
หลี่ชิเย่ยื่นฝ่ามือออกไป คราวนี้ต้นไม้แก่ไม่ลังเลอีกต่อไป กระโดดขึ้นไปอยู่บนมือของหลี่ชิเย่ทันที หลี่ชิเย่ถึงกับหัวเราะและจัดการเก็บเอาไว้เรียบร้อย
ตูม ตูม ตูมท้ายที่สุด หลี่ชิเย่ได้จัดการเคลื่อนย้ายห้องศิลาห้องนี้ทั้งหลังไปด้วย แม้ว่าภายในห้องศิลาหลังนี้ไม่ได้มีของวิเศษอะไร แต่ทว่า ห้องศิลาห้องนี้จะมีประโยชน์อย่างยิ่งในอนาคต
สุดท้าย หลี่ชิเย่ได้กลับมาอยู่บนพื้นดินอีกครั้ง ร่างกายของเขาแวบเดียวก็ไปปรากฏกายนั่งอยู่บนเก้าอี้มังกรอีกครั้ง ศิษย์จำนวนมากที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น หลี่เชียน หวังหาน ฉู่ชิงหลินต่างจ้องมองไปที่หลี่ชิเย่
“นังหนู เข้ามานี่สิ” หลี่ชิเย่กวักมือต่อฉู่ชิงหลิน และเอ่ยขึ้นช้าๆ
ฉู่ชิงหลินก้าวเดินไปหา แสดงคารวะ และกล่าวด้วยท่าทางเคารพนอบน้อมว่า “ไม่ทราบว่าคุณชายมีอะไรสั่งการ?” ฉู่ชิงหลินที่เดิมเป็นคนหยิ่งยโส ในเวลานี้ก็ดูคล้อยตามยิ่ง นางสยบทั้งกายและใจต่อหลี่ชิเย่
“โสมโลหิตต้นนี้ประทานให้เจ้า” หลี่ชิเย่หยิบเอาโสมโลหิตพันปีต้นนั้นออกมา และกล่าวว่า “ยังคงเป็นคำพูดเดิม โสมโลหิตลักษณะเช่นนี้ถ้าหากเอามาตุ๋นกินเสียเลย นั่นแหละสวะโดยแท้ แต่หากเอามันไว้ข้างกาย จะมีประโยชน์ยิ่งต่อเจ้า ส่วนจะทำให้มันไว้วางใจได้หรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับฝีมือของเจ้าแล้ว ถ้าหากทำได้สำเร็จ ในอนาคตมันใช่เพียงสามารถช่วยเจ้าได้อีกแรงเท่านั้น สิ่งที่มันจะช่วยเจ้ามีมากเหลือเกิน!”
“โสมโลหิตอายุมากกว่าสิบล้านปี นี่มันคือราชาโสมแห่งราชาโสมเลยทีเดียว” หลี่เชียนถึงกับกล่าวด้วยความตระหนก เมื่อมองเห็นโสมโลหิตต้นนี้ที่ถูกหลี่ชิเย่ผนึกเอาไว้
ในเวลานี้เอง พวกของหลี่เชียนจึงเข้าใจแล้วว่า ที่แท้การที่หลี่ชิเย่จากไปอย่างกะทันหันเป็นเพราะต้องการไปจับโสมโลหิตนั่นเอง
นัยน์ตาคู่นั้นของฉู่ชิงหลินเบิกกว้างมาก แทบไม่อยากเชื่อในสายตาของตนขณะกำราชาโสมเอาไว้ในมือ เพื่อตามล่าโสมโลหิตต้นนี้แล้ว นางได้ทุ่มเทพลังกายใจไปไม่น้อยแต่ยังคงไม่สามารถจับตัวมันมาได้ เวลานี้หลี่ชิเย่กลับมอบมันให้กับนาง
นี่คือโสมโลหิตอายุมากกว่าสิบล้านปีนะเนี่ย เหมือนเช่นที่หลี่เชียนพูดเอาไว้ว่า มันคือราชาโสมของราชา โสม
“ขอบคุณคุณชาย ชิงหลินยินดีบุกน้ำลุยไฟเพื่อคุณชาย” ฉู่ชิงหลินรู้สึกตื่นเต้นยิ่งนัก
“กลับไปเถอะ” หลี่ชิเย่เพียงพยักหน้า และกล่าวท่าทีเฉ่ยเมย
…………………………………….