Emperor's Domination จักรพรรดิบรรพกาล - ตอนที่ 2197 ต้นกำเนิดสัจธรรม
การศึกที่เขาฟันหลอ สถานการณ์ของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงนับว่าชัดเจนแล้ว กองกำลังซั่ง หอศักดิ์สิทธิ์พ่ายแพ้อย่างราบคาบ เฉกเช่นสำนักอย่างแดนอุดร บ้านตระกูลเฉิน ไม่จำเป็นต้องให้หวังหานที่เป็นกษัตริย์ปริปาก และไม่จำเป็นต้องให้ราชสำนักส่งกำลังทหารไปปราบปรามพวกเขา ภายในของกองกำลังซั่ง และหอศักดิ์สิทธิ์ก็ได้ทำการกำจัดศิษย์ทรยศ ภายในระยะเวลาอันสั้นบ้านตระกูลเฉิน และแดนอุดรที่เป็นสำนักเสมือนดั่งต้นไม้ใหญ่ที่สูงเสียดฟ้าก็ได้ล้มครืนลงมา
หลังจากเสร็จสิ้นการศึกที่เขาฟันหลอแล้ว หวังหานได้ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งกษัตริย์ กลายเป็นผู้กุมอำนาจการปกครองของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหง และกลายเป็นหนึ่งในกษัตริย์หญิงที่มีจำนวนไม่มากในประวัติศาสตร์ของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหง
เวลานี้ สำนัก และผู้บำเพ็ญตนจำนวนนับไม่ถ้วนในระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงต่างคึกคักยิ่งกับสิ่งนี้ สำนักและตระกูลขุนนางโบราณจำนวนนับไม่ถ้วนต่อมาเข้าเฝ้าที่ราชสำนัก
แน่นอน กล่าวสำหรับสำนักและตระกูลขุนนางโบราณจำนวนมากที่มาเข้าเฝ้านั้น ไม่เพียงแค่ต้องการมาเข้าเฝ้าหวังหานที่เป็นกษัตริย์องค์ใหม่เท่านั้น กล่าวสำหรับสำนักและตระกูลขุนนางโบราณจำนวนมากแล้ว พวกเขากระหายอยากจะได้คารวะต่อหลี่ชิเย่ที่เป็นบรรพบุรุษมากกว่า
เนื่องจากการฟื้นคืนชีพของบรรพบุรุษเช่นหลี่ชิเย่นี้ ได้แพร่สะพัดไปทั่วทั้งระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงไปแล้ว เรียกได้ว่าข่าวนี้ได้สร้างความฮึกเหิมให้กับระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงทั้งหมด
แม้ว่าสำนักและตระกูลขุนนางโบราณจำนวนมากล้วนแล้วแต่ไม่ได้เข้าร่วมการแย่งชิงอำนาจในครั้งนี้ และสำนักและตระกูลขุนนางโบราณเหล่านี้ยินดีที่จะเฝ้าปกป้องดินแดนของตนเองมากกว่า
แต่ทว่า กล่าวสำหรับพวกเขาแล้ว การได้เห็นระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงเสื่อมลงก็เป็นเรื่องที่ยากจะยอมรับได้เช่นกัน จะอย่างไรเสีย ไม่ว่าจะเป็นสำนักใดหรือตระกูลขุนนางโบราณใดในระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงก็ตาม ล้วนแล้วแต่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกับระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงทั้งสิ้น
ถ้าหากว่าระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงเสื่อมลง เมื่อเป็นเช่นนั้นพลังสัจธรรมของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงโดยรวมก็จะอ่อนแอตามไปด้วย สถานการณ์ของสำนักใดหรือตระกูลขุนนางโบราณใดๆ ในระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงก็ต้องเสื่อมตามไปด้วย หากถึงวันที่ต้นกำเนิดสัจธรรมของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงถึงคราวแห้งเหือดในวันนั้นจริงๆ ล่ะก็ ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงทั้งหมดก็ต้องแตกสลายไป เมื่อถึงเวลานั้นแล้วก็จะไม่มีสำนักใดหรือตระกูลขุนนางโบราณใดในระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงรอดไปได้
ต่อให้วันนั้นมาถึงแล้ว ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงไม่ถึงกับแตกสลายไป แต่มันก็จะเสื่อมโทรมจนกลายเป็นที่ดินรกร้าง ราษฎรอดอยากเดือดร้อนจนมีชีวิตอยู่ต่อไปไม่ได้ สุดท้ายก็จะกลายเป็นที่ดินรกร้างว่างเปล่า สำนักใดหรือตระกูลขุนนางโบราณใดที่ตั้งอยู่ในระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงนี้ก็จะเสื่อมตาม กระทั่งไม่คงอยู่อีกต่อไป
ดังนั้น หลี่ชิเย่ในฐานะที่เป็นบรรพบุรุษและสามารถฟื้นคืนชีพมาจากหุบเหวบรรพชนได้ จึงทำให้ศิษย์ของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงจำนวนมากต่างฝากความหวังที่สูงมาก พวกเขากระหายต้องการให้หลี่ชิเย่เป็นผู้นำพาให้ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงกลับมารุ่งเรืองอีกครั้ง กลับไปยังแดนลัทธิราชัน กระทั่งกลับไปยังแดนลัทธิเซียนอีกครั้ง
โดยเฉพาะบรรพบุรุษที่ฟื้นคืนชีพในครั้งนี้ได้นำอาวุธบรรพบุรุษมาให้กับระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงถึงสองชิ้นด้วยกัน นั่นก็คือทวนราชันขวางตี้ และกระบี่เซียนพิโรธ!
สิ่งนี้ยิ่งทำให้บรรดาสำนักใดหรือตระกูลขุนนางโบราณใดในระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงทั้งหมดพลันดูคึกคักขึ้นมาทันที อาวุธบรรพบุรุษนั้นประเมินค่ามิได้ เวลานี้ได้ติดตามหลี่ชิเย่กลับคืนมา ทำให้ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงมีอาวุธบรรพบุรุษในครอบครองรวดเดียวถึงสองชิ้น แล้วจะไม่ให้ศิษย์ของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงต้องดีใจได้อย่างไร เวลานี้ ได้ทำให้บรรดาสำนักใดหรือตระกูลขุนนางโบราณใดในระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงจำนวนมากล้วนแล้วแต่มองเห็นความหวังที่จะเจริญรุ่งเรืองขึ้นมา
แม้ว่าสำนักหรือตระกูลขุนนางโบราณจำนวนมากในระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงต่างดีใจเป็นอย่างยิ่งกับเรื่องนี้ กระทั่งมีระดับบรรพบุรุษของสำนักหรือตระกูลขุนนางโบราณจำนวนมากต้องการมาคารวะหลี่ชิเย่ แต่หลี่ชิเย่กลับไม่รู้สึกสนใจแม้แต่น้อยกับสภาพที่แออัดยัดเยียดด้านนอก เรียกได้ว่าหลายวันที่ผ่านมาเขาได้ปฏิเสธไม่พบแขก และไม่พบกับบุคคลภายนอกใดๆ ทั้งสิ้น
ภายในราชสำนักของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหง บริเวณส่วนที่ลึกเข้าไปภายในราชสำนัก ที่ตรงนี้เป็นพื้นที่ที่สำคัญที่สุดของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหง และเป็นสถานที่ต้องห้ามของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหง นั่นก็คือต้นกำเนิดสัจธรรม
เรียกได้ว่า คนของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงไม่ว่าใครก็ตามไม่สามารถเข้าไปภายในต้นกำเนิดสัจธรรมได้ เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากผู้พิทักษ์เท่านั้น มิฉะนั้นล่ะก็ ไม่ว่าผู้ใดก็ห้ามเข้าไปภายในต้นกำเนิดสัจธรรม ต่อให้เป็นหวังหานที่อยู่ในฐานะของกษัตริย์ก็ไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปภายในต้นกำเนิดสัจธรรม
ภายในต้นกำเนิดสัจธรรม พลังของสัจธรรมตลบอบอวล ความจริงแล้วต้นกำเนิดสัจธรรมมีขนาดไม่เล็กเลย มันหาใช่เป็นเพียงบ่อน้ำพุขนาดเล็กๆ เท่านั้น ทั่วทั้งอาณาบริเวณของต้นกำเนิดสัจธรรมเมื่อทอดสายตามองออกไป เสมือนดั่งเป็นทะเลสาบขนาดยักษ์ โดยมีพลังสัจธรรมที่ล้อมรอบ
เมื่อทอดสายตามองออกไป ลักษณะของต้นกำเนิดสัจธรรมเช่นนี้สามารถมองเห็นคลื่นสีเขียวครามที่กระเพื่อม ด้านบนของทะเลสาบแห่งนี้มองเห็นเป็นปรากฎการณ์ประหลาดต่างๆ นานา มองเห็นด้านบนของต้นกำเนิดสัจธรรมปรากฎเป็นหอโบราณลอยล่อง และมีนางฟ้าที่บินท่องไปบนท้องฟ้า ยิ่งกว่านั้นยังมีบุปผาที่ลึกลับดั่งดอกไม้ในม่านเมฆ…
ในขณะนี้ หลี่ชิเย่นั่งอยู่ข้างทะเลสาบ หย่อนขาสองข้างที่เปลือยตีน้ำเป็นฟอง มีเพียงหลี่ชิเย่คนเดียวเท่านั้นที่กล้าทำเช่นนี้ด้วยการล้างเท้าในต้นกำเนิดสัจธรรม มีเพียงผู้ดำรงอยู่ในฐานะเช่นหลี่ชิเย่เท่านั้นที่มีสิทธิ์ทำเช่นนี้ได้
แม้แต่หลี่เชียนที่เป็นหัวหน้าผู้พิทักษ์ก็ไม่กล้าทำเรื่องเช่นนี้ ส่วนที่ว่าหลี่ชิเย่กระทำการเช่นนี้ ไม่ว่าใครก็ไม่กล้าพูดอะไรออกมา
หลี่ชิเย่มองดูปรากฎการณ์ประหลาดต่างๆ นานาที่เกิดขึ้นเหนือทะเลสาบ กล่าวท่าทีเฉยเมยว่า “ต้นกำเนิดสัจธรรมสารพันรูปลักษณ์มองดูแล้วนับว่าน่าดูชมยิ่ง ความจริงแล้วมันคือการเสื่อมลงอย่างหนึ่ง”
“ลูกหลานอกตัญญู” คำพูดของหลี่ชิเย่ทำให้หลี่เชียนต้องกัดฟันพูดออกมาและยิ้มเจื่อนๆ
หลี่ชิเย่หัวเราะและกล่าวว่า “นับว่าอกตัญญูจริงๆ แดนลัทธิเซียนที่สง่าผ่าเผยกลับกลายเป็นสภาพเช่นนี้ ในครั้งนั้นผู้เฒ่ากำแหงก่อตั้งลานกำแหงขึ้นมาช่างพาลยิ่งนัก ลำพังคำว่า ’ลานกำแหง’ ก็เปี่ยมด้วยความพาล! เป็นการหมางเมินต่อแดนลัทธิเซียน หมางเมินต่อเก้าชั้นฟ้าสิบแดนดิน”
คำพูดเช่นนี้ทำให้หลี่เชียนถึงกับเลือดในกายพลุ่งพล่าน แม้ว่าเขาไม่เคยได้เห็นสุดยอดเกียรติยศสุงสุดของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงด้วยตาของตนเอง และไม่ได้กำเนิดในยุคที่รุ่งเรืองสุดขีดของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหง แต่ทว่า จากบันทึกต่างๆ ที่ปรากฏ เขาก็รู้ว่าระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงเคยมีช่วงเวลาที่รุ่งโรจน์ชัชวาลมาก่อน แม้ว่าจะอยู่ในแดนลัทธิเซียนที่สูงส่งยังคงหมางเมินทั่วหล้าได้ ด้วยท่าทีที่ไม่มีใครเหมาะสมมากไปกว่าข้าอีกแล้ว
น่าเสียดาย เมื่อล่วงเลยมาถึงวันนี้ ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงได้ร่วงหล่นลงมาถึงแดนลัทธิพรรษ กระทั่งเกือบจะอยู่ในแดนลัทธิพรรษไม่ได้แล้ว สภาพโดยรวมของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงเหมือนอยู่ในบั้นปลายของชีวิตอย่างนั้น
เมื่อหลี่เชียนนึกถึงตรงนี้แล้วก็ได้ทอดถอนใจเบาๆ ออกมาคำหนึ่ง แม้ว่าเขามีความตั้งใจที่จะทำให้ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงยิ่งใหญ่ และต้องการช่วยระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหง แต่ทว่า ในฐานะบรรพบุรุษที่แข็งแกร่งที่สุดของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหง เขาเองก็จนปัญญา
“ขอให้ท่านบรรพบุรุษลงมือ สร้างความเจริญรุ่งเรืองให้กับระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหง” หลี่เชียนรีบโค้งคำนับต่อหลี่ชิเย่ และเอ่ยขึ้นด้วยความเคารพนอบน้อม
หลี่ชิเย่หัวเราะ ส่ายหน้าและกล่าวว่า “เรื่องแบบนี้ข้าลงมือก็ไม่เกิดประโยชน์อะไรมากมายนัก ไม้ซีกยากจะค้ำยันตึกใหญ่เอาไว้ได้ ต่อให้ข้าสามารถทำให้ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงแข็งแกร่งขึ้นมาได้บ้าง แต่ลูกหลานอกตัญญู เมื่อข้าไปจากแล้ว ตึกสูงใหญ่เช่นนี้ก็ต้องล้มครืนลงมา พูดกันตรงๆ หากระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงคิดจะแข็งแกร่งขึ้น ท้ายสุดแล้วยังต้องอาศัยพวกเจ้าเอง!”
“มีเพียงลูกหลานแข็งแกร่งขึ้นและสืบทอดต่อกันไปรุ่นสู่รุ่น เช่นนั้นแล้วระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงจึงสามารถเจริญรุ่งเรืองขึ้นเรื่อยๆ” ครั้นหลี่ชิเย่เอ่ยมาถึงตรงนี้แล้ว ได้มองดูหลี่เชียนทีหนึ่ง
หลี่เชียนทอดถอนใจออกมาเบาๆ เหตุผลข้อนี้เขาก็รู้ดี แต่ยากตรงปฏิบัติ การจะทำให้ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิๆ หนึ่งรุ่งเรืองขึ้น เป็นภารกิจที่หนักหนาและยาวไกล
“สิ่งที่ควรทิ้งไว้ให้กับพวกเจ้า ข้าก็ได้ทิ้งเอาไว้ให้แล้ว หนทางที่ควรปูลาดข้าก็ทำให้แล้ว ถ้าหากถึงขั้นนี้แล้วก็ยังไม่ไหว บอกได้แต่เพียงว่าไม้ผุย่อมนำมาแกะสลักไม่ได้” หลี่ชิเย่ยิ้มกล่าวว่า “ข้าสามารถทำได้แค่นำทางๆ หนึ่งให้กับพวกเจ้าเท่านั้นเอง หนทางในอนาคตยังคงต้องอาศัยพวกเจ้าไปก้าวเดิน หรือว่าจะต้องให้บรรพบุรุษอย่างข้าคอยคุ้มครองให้พวกเจ้าเจริญรุ่งเรืองตลอดไปอย่างนั้นรึ?”
หลี่ชิเย่ได้ทิ้งของดีจำนวนไม่น้อยให้กับระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหง ทั้งหมดล้วนแล้วแต่เป็นของสะสมของผู้เฒ่ากำแหง การที่หลี่ชิเย่ทิ้งสิ่งเหล่านี้เอาไว้ให้ ก็คาดหวังว่าสักวันหนึ่งพวกเขาจะแข็งแกร่งยิ่งขึ้น
“พวกเราจะต้องพยายามมากกว่านี้ ไม่กล้าทำให้บรรพบุรุษต้องผิดหวัง” หลี่เชียนสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ทีหนึ่ง และแสดงคารวะต่อหลี่ชิเย่
“เสียดายกับฐานเต๋านี้แล้ว ต้นกำเนิดสัจธรรมสารพันรูปลักษณ์ มิน่าเล่ามันจึงได้ร่วงลงสู่แดนลัทธิพรรษ” หลี่ชิเย่หัวเราะและส่ายหน้า
ต้นกำเนิดสัจธรรมระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิๆ หนึ่งนั้นมีความพิถีพิถันอยู่ ทุกๆ ต้นกำเนิดสัจธรรมที่สร้างขึ้นในขณะนั้นก็ได้ลิขิตถึงความแข็งแกร่งของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิๆ นี้เอาไว้แล้ว และได้ลิขิตถึงพลังแฝงของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิๆ นี้ ยิ่งไปกว่านั้นยังได้ยืนยันถึงศักยภาพของปฐมบรรพบุรุษผู้นี้เอาไว้
มีคำกล่าวคำหนึ่งในแดนสามเซียนว่า ต้นกำเนิดสัจธรรมใสสะอาดคือแดนลัทธิเซียน ต้นกำเนิดสัจธรรมดั่งฟ้าดินคือแดนลัทธิราชัน ต้นกำเนิดสัจธรรมสารพันรูปลักษณ์คือแดนลัทธิพรรษ!
ย่อมไม่ต้องสงสัย ต้นกำเนิดสัจธรรมของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงในเวลานี้ปรากฎรูปลักษณ์สารพัน เหตุการณ์ประหลาดทยอยกันปรากฏขึ้นมา ดังนั้น มันจึงตกลงสู่แดนลัทธิพรรษ ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่แปลกแม้แต่น้อย
ความจริงแล้ว ต้นกำเนิดสัจธรรมของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงมีรากฐานของความเป็นแดนลัทธิเซียน ในขณะที่ผู้เฒ่ากำแหงก่อตั้งระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงขึ้นมาในครั้งนั้น มันคือแดนลัทธิเซียน แต่ทว่าภายหลังลูกหลานไร้ความสามารถ ทำให้ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงหมดกำลังลงในแต่ละยุค สุดท้ายร่วงหล่นจากแดนลัทธิเซียนไปอยู่ที่แดนลัทธิพรรษในที่สุด
หากไม่เป็นเพราะว่าในห้วงเวลายาวนานที่ผ่านมานั้น ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงก็เคยให้กำเนิดราชันแท้จริงมาหลายองค์ สามารถทำให้ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงเจริญรุ่งเรื่องขึ้นมาได้บ้างล่ะก็ เกรงว่าต้นกำเนิดสัจธรรมของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงคงหมดกำลังไปนานแล้ว
ปฐมบรรพบุรุษคนหนึ่งกับการก่อตั้งระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิๆ หนึ่งนั้น จะเป็นการจำแนกถึงกำลังความสามารถของพวกเขา ต้นกำเนิดสัจธรรมของพวกเขายิ่งแข็งแกร่งเพียงใด ตัวของพวกเขาเองก็จะแข็งแกร่งมากขึ้นตามไปด้วย
เป็นต้นว่า ต้นกำเนิดสัจธรรมของปฐมบรรพบุรุษผู้หนึ่งมีลักษณะใสสะอาดในตัวอยู่แล้ว เมื่อเป็นเช่นนั้น ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิที่เขาตั้งขึ้นก็จะเป็นสำนักที่อยู่ในแดนลัทธิเซียน
เช่นนั้นแล้ว ปฐมบรรพบุรุษอีกคนหนึ่ง ต้นกำเนิดสัจธรรมของเขาดุจดั่งฟ้าดิน เช่นนั้นแล้วเขาได้แต่ก่อตั้งสำนักของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิขึ้นในแดนลัทธิราชัน
เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว ปฐมบรรพบุรุษคนข้างหน้าย่อมต้องแข็งแกร่งกว่าปฐมบรรพบุรุษคนหลัง แน่นอนที่สุด ปฐมบรรพบุรุษที่สามารถมีต้นกำเนิดสัจธรรมในครอบครอง ย่อมเหนือว่าราชันแท้จริงใดๆ อยู่แล้ว
“ไม่ทราบว่าลูกหลานที่เป็นชนรุ่นหลังสามารถกลับคืนไปยังแดนลัทธิราชัน แดนลัทธิเซียนได้หรือไม่” ท่าทีของหลี่เชียนก็ดูสลดอยู่บ้าง ขณะมองดูสารพันรูปลักษณ์เหนือทะเลสาบ แม้ว่ารูปลักษณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นบนทะเลสาบจะน่าดูมาก แต่ความจริงแล้วมันคืออาการบ่งบอกถึงความเสื่อมถอยอย่างหนึ่ง
“กลับไปยังแดนลัทธิเซียน? เกรงว่าคงเป็นไปไม่ได้แล้ว” หลี่ชิเย่ส่ายหน้าและยิ้มกล่าวว่า “เว้นแต่พวกเจ้าสามารถให้กำเนิดคนที่เหมือนเช่นผู้เฒ่ากำแหงขึ้นมาได้ ทำให้ต้นกำเนิดสัจธรรมแข็งแกร่งขึ้นอีกครั้ง แล้วลากเอาระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงขึ้นไปยังแดนลัทธิเซียน! หาไม่แล้ว มันเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว”
หลี่เชียนถึงกับยิ้มเจื่อนๆ เป็นความจริงที่คำพูดของเขาดูจะเพ้อฝันไปนิด จะอย่างไรเสียระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงของพวกเขาหากสามารถกำเนิดคนที่แข็งแกร่งดุจดั่งผู้เฒ่ากำแหงขึ้นมาได้จริงๆ เขาย่อมสามารถออกจากเส้นทางของผู้เฒ่ากำแหงแล้ว สามารถก่อตั้งสำนักของตน สามารถบุกเบิกต้นกำเนิดสัจธรรมที่เป็นของตน ก่อตั้งระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิที่เป็นของตน แล้วไฉนเขาจะต้องรั้งอยู่ที่ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงต่อไปที่เป็นเพียงระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิเก่าๆ เท่านั้น
“แต่ว่า แดนลัทธิราชันยังพอมีหวัง จะอย่างไรเสียสถานภาพของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงก็เห็นๆ อยู่ ต้นกำเนิดสัจธรรมและรากฐานยังคงอยู่ ขอเพียงพวกเจ้าที่เป็นลูกหลานรุนหลังมุมานะบากบั่นสักนิด พยายามอีกหน่อย ยังคงมีโอกาสได้กลับคืนสู่แดนลัทธิเซียนได้” หลี่ชิเย่กล่าวเฉยเมยขึ้นมา
ในขณะแรกเริ่มก่อตั้งนั้นจะอย่างไรเสียระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงก็อยู่ในแดนลัทธิเซียน แม้ว่าภายหลังจะเสื่อมลง แต่รากฐานยังคงอยู่ ถ้าหากลูกหลานที่เป็นชนรุ่นหลังพยายามกว่านี้ ยังคงสามารถบุกเบิกได้ ยังคงมีโอกาสให้ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงกลับคืนสู่แดนลัทธิราชันได้อีก
ในข้อนี้ ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงมีพลังแฝงมากกว่าระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิบางแห่งในแดนลัทธิราชัน ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิที่อยู่ในแดนลัทธิราชันบางส่วนมันอยู่ในแดนลัทธิราชันตั้งแต่เริ่มก่อตั้ง เมื่อเป็นเช่นนั้น พวกเขาก็จะเป็นแดนลัทธิราชันตลอดไป
……………………………………..