Emperor's Domination จักรพรรดิบรรพกาล - ตอนที่ 2205 ข้อตกลง
“แคว้นว่านโซ่วของข้าก็ยินดีและยอมรับการเจรจาสงบศึก” เวลานี้ ระดับบรรพบุรุษอีกคนรีบเอ่ยขึ้นมา
“ข้าก็ยินดี” แม้แต่ระดับบรรพบุรุษอย่างนักบวชหยางหมิง และจูเซียงหวู่ถิงก็ยอมอ่อนข้อแล้ว เวลานี้พวกเขาต่างก็กลายเป็นนักโทษของหลี่ชิเย่ เมื่อเป็นเช่นนี้บรรพบุรุษคนอื่นๆ ก็ไม่มีความจำเป็นจะต้องแข็งกร้าวให้ถึงที่สุด
“ต่อให้พวกเรายินดีและยอมรับเจรจาสงบศึกแล้ว แต่ทว่า ศิษย์ของพวกเราจำนวนหลายหมื่นคนก็ไม่ควรต้องเสียสละโดยเปล่าประโยชน์” สุดท้าย เทพหมื่นกรได้ส่งเสียงฮึเย็นชาและเอ่ยขึ้นเบาๆ
“พูดแบบนี้ ศิษย์ของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงก็สามารถตายโดยไร้เหตุผลภายใต้คมดาบของพวกเจ้าแล้วสิ?” หลี่ชิเย่กล่าวยิ้มแต้ขึ้นมา
“เรื่อง เรื่องนี้อย่างน้อยก็ควรมีคำอธิบายที่สมเหตุสมผลให้กับพวกเรา” เวลานี้ เทพหมื่นกรคิดจะแข็งกร้าวก็ทำไม่ได้ คอของเขาก็ไม่ได้แกร่งมากไปกว่าดาบ หากทำให้หลี่ชิเย่โกรธขึ้นมา เขาก็จะตัดศีรษะของตนโดยตรง แต่ว่า เขาเองก็ยอมไม่ได้ที่จะต้องเลิกราเพียงเท่านี้
เขากล่าวว่า “ให้พวกเรากลับไปเช่นนี้ ชั่วดีอย่างไรระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงพวกเจ้าก็ควรมีคำอธิบายที่สมเหตุสมผลให้กับบรรดาระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจำนวนมากเหล่านั้น”
คำพูดของเทพหมื่นกรทำให้ผู้คนจำนวนมากเห็นพ้องด้วย ทุกคนต่างจ้องมองไปที่หลี่ชิเย่ แม้จะกล่าวว่า พวกเขายอมอ่อนข้อให้ ยอมรับการเจรจาสงบศึก แต่ทว่า ชั่วดีอย่างไรระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงก็ควรจะมีคำอธิบายที่เป็นทางการ มิฉะนั้นล่ะก็พวกเขากลับไปแล้วก็ยากจะอธิบายได้
“เรื่อง เรื่องนี้สามารถทำหนังสือเป็นลายลักษณ์อักษรให้กับระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิของทุกท่าน” หลังจากที่ฟู่หนิวหมิงจู่ทำท่าลังเลอยู่นิดหนึ่ง จึงกล่าวเสนอขึ้นมา
จะอย่างไรเสีย เมื่อพวกของนักบวชหยางหมิงกลับไปในลักษณะเช่นนี้รู้สึกเสียหน้า ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตามระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงสมควรแสดงท่าทีที่เป็นทางการสักหน่อย อย่างน้อยให้ผู้อื่นได้รับรู้ว่าระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงได้จัดการกำจัดคนชั่วร้ายที่สร้างกระแสดูดเลือดซึ่งยังคงเหลืออยู่จนหมดสิ้นไปแล้ว
“ต้องการคำอธิบายใช่หรือไม่?” หลี่ชิเย่ยิ้มแต้และกล่าวว่า “ได้ ไม่มีปัญหา เมื่อถึงเวลานั้นแล้วข้าจะไประบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิของพวกเจ้าสักครั้งหนึ่ง พอดีข้าจะไปเดินเล่นสักหน่อย”
“เรื่อง เรื่องเช่นนี้ไหนเลยต้องรบกวนท่านบรรพบุรุษ” หลี่เชียนรู้สึกอกสั่นขวัญแขวนขึ้นมากะทันหัน เมื่อได้ยินว่าหลี่ชิเย่จะไปด้วยตนเอง จึงรีบพูดขึ้นว่า “เรื่องเช่นนี้ให้ศิษย์ไปด้วยตนเองก็พอแล้ว ไม่ต้องให้ท่านบรรพบุรุษต้องลำบาก”
หลี่เชียนไม่ได้เป็นห่วงในเรื่องความปลอดภัยของหลี่ชิเย่ เนื่องจากในความคิดของเขาดูเหมือนจะไม่มีใครสามารถขวางหลี่ชิเย่ได้อยู่แล้ว เขากลับจะเป็นกังวลในระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิเช่นจูเซียงหวู่ถิงอะไรเหล่านี้ เกิดหลี่ชิเย่ไปที่พรรคหยางหมิง หรือระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจูเซียงแล้วพูดไม่เข้าหู เขาก็จะทำการเข่นฆ่าอย่างไม่ยั้งล่ะก็มิแย่เลยรึ มันคือเลือดไหลนองหมื่นลี้ชัดๆ เลยนะ
“ไหนๆ ข้าก็ไม่มีธุระอะไร ไปก็ไป” หลี่ชิเย่ยิ้มกล่าวเฉยเมยว่า “วางใจเถอะ ข้าจะมีคำอธิบายให้กับพวกเจ้า ข้าจะไปด้วยตนเอง ถือว่าจริงใจมากพอแล้วกระมัง”
ยิ่งหลี่ชิเย่พูดออกมาเช่นนี้ ยิ่งทำให้หลี่เชียนรู้สึกอกสั่นขวัญแขวนมากขึ้น แต่ทว่าเขาก็ไม่กล้าพูดอะไรในเวลานี้ เรื่องที่หลี่ชิเย่ตัดสินใจแล้วเขาไม่กล้าคัดค้าน
ในเวลานี้ บรรดาบรรพบุรุษที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างมองตากันและกัน ภายในใจของพวกเขารู้สึกไม่น่าเชื่อเป็นพิเศษ พวกเขาก็มองออกว่า หลี่ชิเย่คือผู้ควบคุมสถานการณ์โดยรวมของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหง เขามีความสำคัญอย่างยิ่งยวดต่อระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหง
คนที่สามารถควบคุมต้นกำเนิดสัจธรรมของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงเช่นนี้ การรั้งอยู่ในระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิของตนเองนั้นเป็นความได้เปรียบอย่างเด็ดขาด ลองนึกภาพดู ด้วยคนๆ เดียวสามารถควบคุมต้นกำเนิดสัจธรรมของปฐมบรรพบุรุษช่างเป็นเรื่องที่น่ากลัวเพียงใด เท่ากับเป็นการยืนอยู่บนบนจุดที่ไม่มีวันพ่ายแพ้อย่างเด็ดขาด
เปลี่ยนเป็นใครก็ตาม ในเมื่ออยู่ในฐานะเจ้าบ้านแล้วมีความได้เปรียบที่เด็ดขาดเช่นนี้ มันจะเป็นไปได้อย่างไรที่เขาจะเที่ยวไปยังระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิอื่นๆ ได้ เมื่อเขาไปยังระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิอื่น ไม่เพียงแต่สูญเสียความได้เปรียบที่เด็ดขาดในฐานะที่ตนเองเป็นเจ้าบ้าน อีกทั้งระดับบรรพบุรุษของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิอื่นๆ ก็ย่อมมีโอกาสใช้ต้นกำเนิดสัจธรรมของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิของตนมาปราบหลี่ชิเย่ได้
เป็นเหมือนดั่งที่หลี่เชียนได้พูดเอาไว้อย่างนั้น เรียกได้ว่าเรื่องเช่นนี้หลี่ชิเย่ไม่จำเป็นต้องไปด้วยตนเอง ให้หลี่เชียนไปก็ถือว่าได้ให้คำอธิยายให้กับระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิแต่ละแห่งแล้ว จะอย่างไรเสียในฐานะความเป็นผู้นำของผู้พิทักษ์ นับว่าหลี่เชียนนั้นมีน้ำหนักอย่างเพียงพอแน่นอน
เวลานี้ หลี่ชิเย่บอกว่าจะไปที่ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิของพวกเขาสักครั้งหนึ่ง กลับจะทำให้ระดับบรรพบุรุษจำนวนไม่น้อยไม่ค่อยอยากจะเชื่อสักเท่าไรนัก ซึ่งจะไปโทษพวกเขาที่สงสัยก็ไม่ถูก เพราะการกระทำของหลี่ชิเย่ไม่เป็นไปตามที่ควรจะเป็นอย่างสิ้นเชิง
“ข้าสามารถรับประกันให้กับระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหง” ฟู่หนิวหมิงจู่นับว่ามีคุณธรรมมากเป็นพิเศษ รีบตบอกและเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นว่ามีระดับบรรพบุรุษบางส่วนไม่เชื่อ
“ถ้าหากต้องการ ข้าเองก็ยินดีรับประกันให้” ตันหวังกล่าวขึ้นในทันที
แม้แต่ฟู่หนิวหมิงจู่กับตันหวังล้วนแล้วแต่ก้าวออกมาให้การรับประกันทุกคนยังจะพูดอะไรได้ ถ้าหากหลี่ชิเย่ไม่ไป นั่นหมายถึงระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงสูญเสียความน่าเชื่อถือและชื่อเสียงทั้งหมดโดยแท้จริงแล้ว
“ข้าไม่มีอะไรจะพูดอีกแล้ว” เทพหมื่นกรได้แต่พูดออกมาด้วยความแค้นใจ เขาเองก็ไม่มีปัญญาไปตั้งเงื่อนไข เวลานี้หลี่ชิเย่ครองความได้เปรียบอย่างเด็ดขาด แน่นอนกล่าวสำหรับพวกเขาแล้ว ในอนาคตยังคงเปี่ยมด้วยความหวังและโอกาส ถ้าหากหลี่ชิเย่เดินทางออกจากระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงจริงๆ
“เช่นนั้นแล้วพวกเจ้าจะให้การรับประกันแบบไหนล่ะ?” หลี่ชิเย่ยิ้มกล่าวตามอารมณ์ขึ้นมา
เมื่อหลี่ชิเย่พูดเช่นนี้ ทำให้พวกของนักบวชหยางหมิงต่างสบตากันและกัน เวลานี้พวกเขาต่างไม่รู้ว่าควรจะพูดอย่างไรดี ฟู่หนิวหมิงจู่ก็ไม่กล้าตัดสินใจแทนพวกเขา
“ข้าสามารถให้การรับประกันได้ว่า ภายใต้สถานการณ์ที่ทั้งสองฝ่ายไม่เกิดเหตุขัดแย้งไปอีกขั้น จะให้มีการดำเนินการตามข้อตกลงในครั้งนั้นต่อไป เหมือนเช่นเหตุโจมตีระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงอย่างกะทันหันจะไม่เกิดขึ้นมาอีก ถ้าหากท่านไม่เชื่อ ข้ายินดีให้ควบคุมตัวเอาไว้เป็นตัวประกัน แต่ ท่านจะต้องปล่อยทุกคนไป ไม่สร้างความลำบากใจให้กับผู้ใดผู้หนึ่ง” หลังจากที่นักบวชหยางหมิงลังเลอยู่นิดหนึ่ง สุดท้าย กัดฟันและกล่าวอย่างหนักแน่นจริงจังออกมา
นักบวชหยางหมิงนับว่าเป็นคนจริง เพื่อให้ทุกคนได้มีชีวิตไปจากที่นี่ ในฐานะที่เขาเป็นผู้บัญชาการกองทัพพันธมิตร เขายินดีเป็นตัวประกันอยู่ที่นี่
“ให้ข้า ให้ข้า ให้ข้า ข้าเป็นตัวประกันก็แล้วกัน” นักบวชหยางหมิงเพิ่งจะพูดขาดคำ ตันหวังก็กระโดดออกมา และเสนอตัวเองว่า “ข้ายินดีรั้งอยู่ที่ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงเป็นตัวประกัน”
ทุกคนต่างอึ้งไปกับท่าทีที่สุดดีใจของตันหวัง เหมือนว่าการรั้งอยู่เป็นตัวประกันคือเรื่องที่สุดยอดในหล้าอย่างนั้น ทุกคนก็เข้าใจได้ มันเป็นการหลงใหลในวิชากลั่นยาเม็ดของตันหวังที่มีต่อหลี่ชิเย่ จึงต้องการรั้งอยู่ที่นี่เพื่อได้เห็น
“ฝันไปเถอะ” เมื่อหลี่ชิเย่เห็นท่าทีที่ดีใจสุดๆ ของตันหวังแล้วจึงหัวเราะและกล่าวว่า “ให้เจ้ารั้งอยู่ที่นี่เพื่อขโมยวิชากลั่นยาเม็ดของข้าอย่างนั้นรึ เจ้ายังคงไสหัวกลับไปจะดีกว่า”
“ข้าก็แล้วกัน” เวลานี้บรรพบุรุษของจูเซียงหวู่ถิงกล่าวเสียงทุ้มต่ำขึ้นมาว่า “นักบวชหยางหมิงคือผู้บัญชาการกองทัพพันธมิตร และคือบุคคลที่เป็นจิตวิญญาณของการปฏิบัติการในครั้งนี้ หากให้เจ้าถูกควบคุมเป็นตัวประกันนับว่าไม่เหมาะอย่างยิ่ง ให้ข้าเองก็แล้วกัน หากวันหน้ากองทัพพันธมิตรบุกโจมตีระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหง ก็ให้ประหารตัวประกันอย่างข้าก่อน”
ระดับบรรพบุรุษของจูเซียงหวู่ถิงก็ยึดถือในคุณธรรม จะอย่างไรเสียหากนักบวชหยางหมิงที่เป็นผู้บัญชาการทหารถูกควบคุมตัวเป็นตัวประกัน นับว่าเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสมและอธิบายไม่ได้
ระดับบรรพบุรุษคนอื่นๆ เมื่อเห็นว่าบรรพบุรุษของจูเซียงหวู่ถิงยินดีรั้งอยู่ที่ตรงนี้จึงไม่พูดอะไรต่อ จะอย่างไรเสียการถูกควบคุมตัวเป็นตัวประกันนั้นใช่ว่าจะเป็นเรื่องที่มีเกียรติ อีกอย่าง วันข้างหน้าเกิดกองทัพพันธมิตรบุกโจมตีระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงอีกครั้ง มิเท่ากับตัวประกันต้องถูกประหารเป็นคนแรกรึ
“ให้ข้าอยู่ก็แล้วกัน” ในขณะที่บรรพบุรุษของจูเซียงหวู่ถิงยินดีอยู่เป็นตัวประกันแทนนักบวชหยางหมิงนั้น ผู้หญิงที่ลอบโจมตีก่อนหน้าได้กล่าวขึ้นทันที “ข้ายินดีรับแทนบรรพบุรุษของจูเซียงหวู่ถิง ขอเป็นตัวประกันอยู่ที่นี่”
“ไม่ได้” เมื่อระดับบรรพบุรุษของจูเซียงหวู่ถิงเห็นว่าผู้หญิงคนนี้ยินดีเป็นตัวประกันแทนตัวเองจึงกล่าวปฏิเสธทันที และกล่าวว่า “เจ้ายังอ่อนวัย กลับไปก่อน…”
“ท่านบรรพบุรุษ พวกท่านล้วนแล้วแต่ได้รับบาดเจ็บสาหัส สมควรกักตนเพื่อรักษาอากาบาดเจ็บอย่างทันท่วงที มิฉะนั้นแล้วก็จะเป็นภัยในภายหลังได้” ผู้หญิงคนนี้รีบกล่าวขึ้น
ระดับบรรพบุรุษจำนวนไม่น้อยที่เห็นด้วยกับคำพูดของผู้หญิงผู้นี้เงียบๆ พวกเขาถูกโจมตีอย่างหนักจากหลี่ชิเย่ ได้รับบาดเจ็บสาหัสในระดับที่แตกต่างกันไป ถ้าหากไม่รีบกลับไปทำการรักษาล่ะก็ จะต้องกลายเป็นอาการเรื้อรังร้ายแรง ซึ่งส่งผลกระทบต่อพวกเขาที่หนักหนามาก
“ไม่ได้” ระดับบรรพบุรุษของจูเซียงหวู่ถิงผู้นี้กล่าวขึ้นทันทีว่า “ยังไม่ถึงเวลาที่เจ้าต้องมาแทนจูเซียงหวู่ถิง เจ้ากลับไปก็แล้วกัน”
“เป็นนางก็แล้วกัน” ในขณะที่ระดับบรรพบุรุษของจูเซียงหวู่ถิงไม่เห็นด้วยอยู่นั้น หลี่ชิเย่ยิ้มแต้และกล่าวว่า “ให้นางอยู่เป็นตัวประกันก็แล้วกัน” กล่าวพลางชี้ไปที่ผู้หญิงคนนั้น
“เรื่องนี่…” เมื่อหลี่ชิเย่เจาะจงตัวให้ผู้หญิงคนนี้เป็นตัวประกัน พลันทำให้ระดับบรรพบุรุษของจูเซียงหวู่ถิงรู้สึกลำบากใจขึ้นมาทันที
“วางใจเถอะ หรือข้าจะจับนางกินเข้าไปอย่างนั้นรึ? รอให้ข้าไปเดินเล่นยังระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิของพวกเจ้าในเวลานั้น ข้าจะพานางไปด้วยอย่างแน่นอน และส่งตัวนางคืนให้กับจูเซียงหวู่ถิงของพวกเจ้า” หลี่ชิเย่ยิ้มแต้และกล่าวว่า “แน่นอน ถ้าหากพวกเจ้าคิดจะบุกโจมตีระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงล่ะก็ ข้าก็ยินดีเป็นอย่างยิ่ง หนึ่งเดียวที่ต้องเสียใจก็คือ เมื่อถึงเวลานั้นข้าคงต้องประหารนางมาบูชายัญแล้วล่ะ ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจำนวนมากมายถึงกับผิดต่อผู้เยาว์คนหนึ่ง ย่อมเป็นที่ขบขันของผู้คนแล้ว”
“ข้าเชื่อว่าระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงจะไม่กลั่นแกล้งผู้หญิงตัวน้อยๆ คนหนึ่งอยู่แล้ว” เมื่อฟู่หนิวหมิงจู่เห็นว่าทุกอย่างได้ลงเอยเช่นนี้แล้ว จึงรีบกล่าวต่อระดับบรรพบุรุษทั้งหมดว่า “พวกเราตกลงตามนี้ก็แล้วกัน”
เขาเองก็หวังว่าสามารถสรุปให้จบ เพื่อป้องกันไม่ให้หลี่ชิเย่เปลี่ยนใจอีก หากหลี่ชิเย่มีการเปลี่ยนใจอีกครั้ง ทุกอย่างก็จะยุ่งยากขึ้นเมื่อถึงเวลานั้น ความพยายามทั้งหมดที่ผ่านมาก็จะคว้าน้ำเหลว
“ตกลง” สุดท้ายแล้ว เมื่อสถานการณ์ลงเอยแน่นอนเช่นนี้แล้วจูเซียงหวู่ถิงก็จนปัญญา ได้แต่ยอมรับ
“เอาล่ะ หลี่เชียน ส่งแขก” หลี่ชิเย่เพียงโบกมือเบาๆ ได้ยินเสียงดังตึง ตึง ตึง กฎเกณฑ์ปฐมบรรพบุรุษที่พันธนาการอยู่บนตัวของพวกนักบวชหยางหมิงถูกคลายออกทีละเส้น พวกเขาทยอยกันได้รับอิสรภาพ
แม้จะกล่าวว่าเวลานี้พวกของนักบวชหยางหมิงต่างได้รับอิสรภาพกลับคืนแล้ว แต่ไม่มีผู้ใดกล้าลงมือต่อหลี่ชิเย่แม้แต่คนเดียว สถานการณ์เช่นนี้นับว่าชัดเจนเป็นที่สุด หลี่ชิเย่ควบคุมต้นกำเนิดสัจธรรมเอาไว้ ไม่ว่าใครก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาหากยังคงอยู่ในระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหง หากยังคงลงมือต่อหลี่ชิเย่ในเวลานี้เท่ากับเป็นการรนหาที่ตายเอง เป็นการกระทำที่ไม่ฉลาดอย่างยิ่ง
“ฮิ ฮิ ฮิท่านผู้อาวุโส ข้าก็ยินดีรั้งอยู่เป็นตัวประกันที่นี้ ต้องการตัวประกันเพิ่มอีกสักคนหรือไม่ เพื่อเพิ่มเบี้ยในมือให้กับระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหง?” ในเวลานี้ ตันหวังก้าวเดินออกไป ยินดีอยู่เป็นตัวประกันที่นี่
“เจ้าน่ะ ไสหัวไปให้พ้น” หลี่ชิเย่หัวเราะเยาะเย้ยและด่าว่า”เจ้าฝันไปเถอะ ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงไม่เลี้ยงคนที่กินข้าวฟรีไม่ทำงาน”
ทุกคนต่างอี้งไปกับการกระทำของตันหวัง ทุกคนล้วนแล้วแต่อยากจะไปจากสถานที่ที่ตนเองต้องพ่ายแพ้อย่างยับเยินให้มันรู้แล้วรู้รอดไป ดีนี่ เขากลับยินดีอย่างยิ่งที่จะได้อยู่ที่นี่ต่อไป
“ทุกท่าน ตามข้ามา” เมื่อหลี่เชียนเห็นว่าหลี่ชิเย่ยินดีปล่อยตัวถึงกับหายใจด้วยความโล่งอก เหตุการณ์ครั้งนี้ให้มันผ่านพ้นไปยิ่งเร็วเท่าไรยิ่งดี
พวกของเทพหมื่นกรก็รู้สึกโล่งอก เมื่อเห็นว่าหลี่ชิเย่ไม่ได้ทำให้พวกเขาต้องลำบากใจ รีบเร่งก้าวตามหลี่เชียนจากไป
กลับเป็นตันหวัง เขารู้สึกไม่ยินยอมพร้อมใจที่จะไปจากที่นี่ เขาอยากจะรั้งอยู่ต่อเพื่อหาโอกาสดูวิธีการกลั่นโอสถของหลี่ชิเย่ต่อไป เพื่อพินิจพิเคราะห์ถึงวิชากลั่นยาเม็ดของหลี่ชิเย่
………………………………………………..