Emperor's Domination จักรพรรดิบรรพกาล - ตอนที่ 2208 สิ่งที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง
หวู่ปิงหนิงสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ทีหนึ่ง เมื่อได้สติกลับมาแล้วจ้องมองหลี่ชิเย่ และกล่าวเย็นชาขึ้นมาว่า “ไม่กล้ารบกวนให้เจ้าคุ้มครอง รอให้ข้าได้รับอิสระแล้วกลับไปเองก็ได้”
“อย่างนั้นรึ?” ดวงตาทั้งสองของหลี่ชิเย่เผยให้เห็นรอยยิ้มเต็มที่ และกล่าวขึ้นช้าๆ ว่า “เผื่อว่าเจ้าเกิดเรื่องขึ้นมา มิทำให้ข้าไม่สามารถอธิบายต่อจูเซียงหวู่ถิงของพวกเจ้า ข้ายังคงส่งมอบตัวเจ้าให้จูเซียงหวู่ถิงกับมือของข้าเองจึงจะวางใจ”
“ฮึ แสแสร้ง” หวู่ปิงหนิงมองหน้าหลี่ชิเย่อย่างเย็นชาและส่งเสียงฮึอย่างไม่พอใจ
หลี่ชิเย่ถึงกับหัวเราะขึ้นมาขณะมองดูท่าทางของหวู่ปิงหนิงที่มีความภาคภูมิใจตัวเองอยู่บ้าง และเย็นชา ยิ้มกล่าวว่า “นังหนู แค่ล้อเจ้าเล่นเท่านั้นเอง แต่ว่า จูเซียงหวู่ถิงของพวกเจ้าก็นับเป็นระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิอันดับต้นๆ ของแดนลัทธิพรรษ ความกล้าแข็งด้านกำลังคงไม่ต้องกล่าวมากความ แต่เจ้ากลับเลือกที่จะหลบหนีมาที่ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงของข้า ยอมเป็นตัวประกัน นี่แหละเป็นเรื่องที่น่าสนใจแล้ว”
“บอกได้แต่เพียงจินตนาการของเจ้ามีมากเท่านั้นเอง เรื่องที่ไร้สาระก็คิดขึ้นมาได้” หวู่ปิงหนิงกล่าวเย็นชาออกมา ไม่ยอมรับในคำพูดของหลี่ชิเย่อยู่แล้ว
สายตาของหลี่ชิเย่พลันเพ่งตรงไปข้างหน้า และเอ่ยขึ้นมาช้าๆ ว่า “นังหนู คนอย่างข้ามีความเคยชินอย่างหนึ่งก็คือ ไม่ชอบให้ใครมาเล่นลูกไม้ต่อหน้าข้า เจ้ารู้หรือไม่”
หวู่ปิงหนิงส่งเสียงฮึเย็นชาออกมา และไม่อยากพูดอะไรให้มากความอีก
หลี่ชิเย่จ้องมองไปที่หวู่ปิงหนิง เอ่ยขึ้นช้าๆ ว่า “นังหนู ข้ายินดีอย่างยิ่งที่จะแบ่งปันความยุ่งยากของผู้อื่น ถ้าหากเจ้าอยากจะพูดอะไร ถือโอกาสบอกข้าในตอนนี้ได้”
“ข้าไม่มีอะไรจะพูด ในเมื่อข้าเป็นตัวประกันของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงพวกเจ้า อยากฆ่าอยากแกงก็สุดแล้วแต่เจ้า” หวู่ปิงหนิงส่งเสียงฮึออกมาเบาๆ ยังคงมีความภูมิใจในตัวเองอยู่บ้าง
“ถ้าหากข้าต้องการให้ใครสักคนพูดความจริงกับข้าล่ะก็ ข้ามีร้อยแปดพันเก้าวิธี กระทั่งข้าสามารถทำให้เจ้าสยบให้กับข้าตลอดกาล” หลี่ชิเย่หัวเราะทีหนึ่งและกล่าวว่า “เพียงแต่คนอย่างข้าเป็นคนที่รักสันติ ไม่ชอบวิธีการที่ใช้กำลังมากเกินไปเท่านั้น เจ้าสมควรเข้าใจ ถ้าหากเวลานี้ข้าต้องการให้เจ้าพูดความจริงออกมา มันเป็นเรื่องที่ง่ายดายยิ่งนัก”
“อวดดี” หวู่ปิงหนิงย่อมไม่เชื่อในคำพูดของหลี่ชิเย่ หากคนอย่างเขาไม่ชอบความรุนแรงล่ะก็ คงไม่มีใครที่ชอบความรุนแรงอีกแล้ว คนที่ไม่ทันใดก็เข่นฆ่าคนเป็นพันเป็นหมี่นถึงกับพูดว่าตนเองนั้นไม่ชอบความรุนแรง นางคงไม่เชื่อคำพูดบ้าๆ นี้อยู่แล้ว
“เจ้าเชื่อหรือไม่ว่า ข้าสามารถลบความทรงจำทุกอย่างของเจ้าออกไป ทำให้เจ้ากลายเป็นทาสสาวของข้า!”
หวู่ปิงหนิงยังคงมีความเป็นผู้ที่ภูมิใจในตนเองอยู่หลายส่วนเช่นนั้น ดวงตาทั้งสองที่เพ่งสมาธิไปข้างหน้า และกล่าวว่า “มีฝีมืออะไรก็สำแดงออกมาให้หมด หากข้าขมวดคิ้วนิดหนึ่งก็ไม่ใช่ศิษย์ของจูเซียงหวู่ถิง!” หวู่ปิงหนิงนับว่าหยิ่งยโส แอ่นอกขึ้น แล้วกล่าวน่าเกรงขามว่า “หากเจ้าทำไม่ได้ก็คือ…ไม่เก่งจริง!…”
“นังหนูที่หยิ่งยโสยิ่งนัก ดีมาก ข้ากลับรู้สึกสนใจอยู่บ้าง” หลี่ชิเย่หัวเราะขึ้นมา ในพริบตาเดียวนั้นเอง มือใหญ่ของเขากางออก
แว้งค์เสียงหนึ่งดังขึ้น พริบตาเดียวนั้นเองหวู่ปิงหนิงคิดจะขัดขืนแต่สายไปเสียแล้ว อีกทั้งก็ไม่อนุญาตให้นางได้ขัดขืน ฉับพลันที่มือขนาดใหญ่ของหลี่ชิเย่กางออกก็ได้ทำการพันธนาการนางเอาไว้แล้ว พลังสัจธรรมที่น่าเกรงขามและปราศจากผู้ต่อกรพลันสยบนางเอาไว้ ต่อให้นางขัดขืนสุดกำลังมันก็แค่เสียแรงเปล่าเท่านั้นเอง
ร่างของหวู่ปิงหนิงพลัยลอยขึ้นมา และไปตกอยู่ตรงด้านหน้าของหลี่ชิเย่ กึ่งคุกเข่าอยู่ตรงหน้าของหลี่ชิเย่ แม้ว่านางพยายามที่จะลุกขึ้นยืนแต่ไร้ประโยชน์
“จ้องตาข้า…” นาทีนี้คำพูดของหลี่ชิเย่เปี่ยมด้วยเสน่ห์ เสมือนดั่งเปี่ยมด้วยแรงดึงดูดอย่างนั้น
นาทีนี้ หวู่ปิงหนิงเงยหน้าขึ้นโดยไม่สามารถควบคุมตนเองได้ จ้องมองดูดวงตาทั้งสองของหลี่ชิเย่ ในเวลานี้คู่สายตาของหลี่ชิเย่ พลันกลายเป็นลึกล้ำอย่างยิ่ง เต็มไปด้วยพลังดึงดูด เสมือนดั่งดูดเอาวิญญาณผู้คนไปโดยพลัน ทำให้ผู้คนดั่งแมงเม่าบินเข้ากองไฟอย่างนั้น อดที่จะพุ่งเข้าไปไม่ได้
นาทีนี้ ร่างของหวู่ปิงหนิงเสมือนหนึ่งถูกดวงตาคู่นั้นของหลี่ชิเย่ดูดเข้าไปอย่างนั้น ในพริบตาเดียวนั่นเอง ได้ยินเสียงตูมดังสนั่น ทะเลแห่งความรู้ของนางคล้ายถูกทำให้ระเบิดขึ้นอย่างนั้น
เพียงชั่วพริบตาเดียวนั่นเอง หวู่ปิงหนิงเสมือนหนึ่งได้เข้าสู่โลกของหลี่ชิเย่ไปอย่างนั้น และคล้ายตัวเองถูกหลี่ชิเย่หลอมละลายอย่างนั้น
ในเวลานี้หวู่ปิงหนิงไม่รู้ว่าตัวเองได้เข้าไปอยู่ในโลกของหลี่ชิเย่ หรือว่าอาศัยมุมมองของหลี่ชิเย่ไปก้มมองโลกใบนี้กันแน่ ไล่ย้อนกลับไปบยสายน้ำแห่งกาลเวลา
ภายในโลกใบนี้ มีคลื่นที่โหมสาดซัดและขยายเป็นวงกว้างออกไป หลากหลายสีสัน แต่ทว่าท่ามกลางเสียงตูมตามดังขึ้นเป็นระลอกนั้น โลกเกิดการเปลี่ยนแปลงแบบพลิกหน้ามือเป็นหลังมือ เสมือนดั่งโลกแตกสลายไปอย่างนั้น แตกกระจายเป็นนิรันดร์ เล่าเทพและหมื่นราชันล้วนถูกสังหาร มองเห็นเงาหลังที่เดินอยู่เพียงลำพังกระทั่งไปถึงที่สุดที่ไร้ขอบเขต มุ่งหน้าตรงไปยังความชั่วร้ายที่อยู่ในส่วนที่ลึกที่สุดของโลกมนุษย์…
ในขณะนี้ โลกทั้งโลกถูกตลบอบอวลไปด้วยเลือดสดๆ ไปทั่ว เหล่าเทพสั่นเทา แม้แต่ราชันเซียนเก้าชั้นฟ้าก็ยังเสียชีวิตทีละองค์ๆ แต่ทว่าต่อให้โลกมีความชั่วร้ายตลอดกาล ร่างเงาร่างนั้นยังคงก้าวเดินต่อไปข้างหน้า เข่นฆ่าสิ้นทุกสิ่งทุกอย่าง ลบเลือนสิ้นทุกสิ่ง ปราศจากผู้ใดสามารถขวางเอาไว้ได้ ตรงเข้าไปยังส่วนที่ลึกที่สุดของโลก ฆ่าฟันอย่างทระนงและพาลยิ่ง กลิ่นคาวเลือด โหดร้ายทารุณ…ทุกอย่างได้ยึดครองโลกใบนี้เอาไว้ ทำให้ผู้คนสิ้นหวัง ทำให้ผู้คนสั่นเทา!
“ไม่…” ในพริบตาเดียวนั้นเอง หวู่ปิงหนิงถึงกับร้องเสียงดังขึ้นมา แต่กลับร้องไม่ออก นาทีนี้เหมือนว่าวิญญาณของนางล่องลอยขึ้นมา คล้ายดั่งวิญญาณแตกสลายอย่างนั้น
ไม่รู้ว่าเวลาได้ผ่านไปนานเท่าไร หลี่ชิเย่จึงได้ปล่อยหวู่ปิงหนิงเป็นอิสระ ในเวลานี้ร่างกายของหวู่ปิงหนิงคล้ายดั่งกำลังของร่างกายเสื่อมสลายไปทั้งตัว พลันทรุดตัวนั่งลงกับพื้นทันที เหงื่อเย็นโทรมกายไปทั้งตัว ในเวลานี้แม้แต่นัยน์ตาของนางก็ดุจดั่งเบี่ยงเบนไปจากจุดโฟกัสอย่างนั้น
“คุณชาย ท่านทำเอาแม่นางน้อยของผู้อื่นตกใจแย่ไปแล้วล่ะ” แม้แต่หวังหานก็เอ่ยขึ้นมาด้วยความเจ็บปวดใจ เมื่อมองเห็นหวู่ปิงหนิงเหมือนถูกช้อนขึ้นมาจากน้ำ เปียกชุ่มไปทั้งตัว
“ข้าเพียงให้นางได้มองเห็นว่าสิ่งที่น่ากลัวที่สุดของโลกนี้ว่าคืออะไรเท่านั้นเอง” หลี่ชิเย่ยิ้มเฉยเมย และกล่าวว่า “ถ้าหากข้าต้องการทำให้นางกลัวล่ะก็ เกรงว่าสามารถทำให้นางช็อคตาย”
ทว่าหวู่ปิงหนิงในเวลานี้ไม่อาจเรียกสติกลับคืน นั่งเหม่อลอยอย่างสิ้นเชิงกับพื้น
“นังหนูน้อยผู้น่าสงสาร” หลี่ชิเย่มองดูหวู่ปิงหนิงที่ถูกทำให้ตะลึงหวั่นไหว เขาค่อยๆ ยื่นมือไปลูบไล้บริเวณหน้าผากของนางเบาๆ จากนั้นพูดน้ำเสียงอ่อนหวานขึ้นมาว่า “ทำเจ้าตกอกตกใจจนแย่แล้ว โลกนี้ยังคงเปี่ยมด้วยความดีงาม ข้าจะพาเจ้าไปดู” กล่าวพลางได้เชยคางที่งดงามปราศจากผู้เทียบเทียมของนางขึ้น
เพียงชั่วพริบตาเดียวนั่นเอง ดวงตาทั้งสองของหลี่ชิเย่พลันรวบรวมสมาธิ ส่งประกายเจิดจ้า เสมือนดั่งได้เปิดโลกที่ใหม่ทั้งหมดขึ้นมาโลกหนึ่ง ยามที่อีกาทมิฬตัวหนึ่งกางปีกทั้งสองข้างออกมานั้น โลกทั้งโลกพลันกลับกลายเป็นสงบและมีความปลอดภัย ความชั่วร้ายถูกปฏิเสธให้อยู่ด้านนอกเป็นนิรันดร์ ภายใต้การปกป้องจากปีกทั้งสองข้าง ทุกสิ่งล้วนแล้วแต่กลับกลายเป็นปลอดภัย มีเมตตากรุณาอะไรอย่างนั้น และเปี่ยมไปด้วยความอบอุ่นและหวานชื่นใจ
ท่ามกลางโลกที่งดงาม ปรากฏเด็กผู้หญิงที่เดินไปข้างหน้าอย่างไร้จุดหมายและไม่เกิดประโยชน์ใดๆ แม้ลมฝนก็ไม่อาจขวาง แต่กลับมีปีกคู่หนึ่งที่กางออกอยู่เหนือท้องฟ้าของนาง มีปลาหลีฮื้อที่กระโจนขึ้นมา ท่ามกลางไอหมอกทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเป็นรูปลักษณ์ที่พลิ้วไหวขึ้นมาได้อย่างน่าอัศจรรย์และเดินทางไกลต่อไป แต่ อีกาทมิฬตัวนั้นได้เดินเคียงข้างท่ามกลางไอหมอกตลอดเวลา มีชายหนุ่มที่ทำการต่อสู้บนท้องฟ้า บุกเบิกยุคสมัย โดยมีอีกาทมิฬที่ร่อนลงเกาะอยู่บนบ่าของเขา…
ฤดูใบไม้ผลิอันอบอุ่นมวลบุปผาเบ่งบาน นี่คือโลกที่เปี่ยมด้วยความรัก เป็นโลกที่มีอีกาทมิฬเฝ้าปกป้องคุ้มครอง เป็นเทพนิยายที่เรียบเรียงขึ้นมาจากความมหัศจรรย์…
ในเวลานี้ หวู่ปิงหนิงที่อยู่ท่ามกลางโลกใบนี้มองดูจนลุ่มหลงไปแล้ว สายตาของนางอดที่จะไล่ตามร่างเงาร่างนั้น อีกาทมิฬตัวนี้บินท่องอยู่ในเก้าชั้นฟ้า บางครั้งเกาะอยู่บนยอดเขาสูงสุด บางครั้งเพ่งมออนาคต…เหมือนว่าเขานั่นแหละคือผู้บงการของโลกใบนี้ เหมือนว่ามันคือผู้ปกป้องของอนาคต ทั่วทั้งโลกล้วนแล้วแต่กลับกลายเป็นอบอุ่นภายใต้ปีกทั้งสองข้างของมัน กลับกลายเป็นช่างน่าดึงดูดใจคนอะไรอย่างนั้น กลายเป็นสิ่งที่น่าอาลัยอาวรณ์สำหรับผู้คนอะไรอย่างนั้น กลายเป็นสิ่งที่ทำให้ผู้คนใฝ่ฝันหาอะไรอย่างนั้น
ท่ามกลางโลกลักษณะเช่นนี้ ไม่อาจไม่ไปไล่ตามร่างเงาร่างนั้น การดำรงคงอยู่ของอีกาทมิฬตัวนี้แล้วเหมือนว่าได้กลายเป็นดีงามอะไรอย่างนั้น ทำให้ผู้คนอดที่จะไล่ตามการย่างก้าวของเขาไม่ได้ อดที่จะติดตามเขาก้าวเดินไปข้างหน้าไม่ได้ แม้ลมฝนก็มีอาจกั้นขวาง
เหมือนว่าที่ที่สายตาของเขามุ่งไป ก็คือที่ที่จิตใจของผู้คนมุ่งไป ไม่ว่าใครก็อดที่จะติดตามมองไปในระยะห่างไกลตามสายตาของเขา ไปเยี่ยมเยือนสถานที่ที่ห่างไกลออกไปมากกว่านี้
ยามที่นิ้วมือของหลี่ชิเย่ลูบไล้เบาๆ อยู่บนใบหน้าที่งดงามยากจะหาผู้ใดเทียมของหวู่ปิงหนิงนั้น ใบหน้าที่ขาวดั่งหิมะคล้ายดั่งไขมันที่แข็งตัวอย่างนั้น อ่อนนุ่มลื่นมือน่าพึงพอใจ ในขณะที่นิ้วมือของเขาลากผ่านไปเบาๆ นั้น คล้ายดั่งได้สร้างสรรค์ความงดงามที่แตกต่างกันขึ้นมา
ขณะที่นิ้วมือของหลี่ชิเย่ลูบไล้เบาๆ อยู่นั้น หวู่ปิงหนิงรู้สึกได้ถึงกระแสที่อบอุ่นสายหนึ่งไหลรินอยู่ภายในร่างกายของตน ทำให้รู้สึกสบายตัวอย่างยิ่ง เสมือนดั่งนอนอยู่บนปุยเมฆอย่างนั้น ทำให้ผู้คนบังเกิดความรู้สึกที่ลอยล่องเหมือนดั่งเป็นเซียนอย่างนั้น
โดยเฉพาะขณะที่นิ้วมือของหลี่ชิเย่ลูบไล้ไปเบาๆ นั้น คล้ายดั่งเป็นการสร้างสรรค์ตำนานบทหนึ่งเพื่อนางอย่างนั้น ทำให้นางถึงกับเคลิบเคลิ้มหลงใหลอยู่ท่ามกลางสิ่งนั้น ถูกตำนานลักษณะเช่นนี้ทำให้เคลิบเคลิ้มไปโดยสิ้นเชิง มันคือตำนานที่เป็นของนาง เป็นเรื่องราวของนาง และเป็นอนาคตของนาง
ท่ามกลางอนาคตลักษณะเช่นนี้มีความงดงามของนาง มีความงามที่เลิศล้ำของนาง และมีตัวเขาที่เคียงข้างก้าวเดินไปข้างหน้าตลอดทาง เปี่ยมด้วยความอบอุ่น ทำให้ผู้คนอดที่จะไปอาลัยอาวรณ์ไม่ได้ อดไม่ได้ที่จะต้องลุ่มหลง
ในขณะที่จิตไม่สงบ ดวงหน้าของหวู่ปิงหนิงอดที่จะแนบชิดอยู่กับมือขนาดใหญ่ของหลี่ชิเย่ไม่ได้ อดที่จะคว้าเอาฝ่ามือของหลี่ชิเย่มาแนบชิดอยู่กับใบหน้าของตนอย่างแนบแน่น ยามที่ผิวหนังด้านบนฝ่ามือลูบไล้บนใบหน้าของตนเบาๆนั้น จึงทำให้รู้สึกสบายอย่างยิ่ง ทำให้รับรู้ได้ถึงความปลอดภัย
โลกกลับสู่ฤดูใบไม้ผลิอีกครั้ง หิมะเพิ่งจะเริ่มหลอมละลาย เหมือนว่าทุกสิ่งทุกอย่างล้วนแล้วแต่ช่างงดงามอะไรอย่างนั้น หวู่ปิงหนิงหลงใหลอยู่ท่ามกลางความอบอุ่นลักษณะเช่นนี้อย่างสิ้นเชิง รู้สึกอาลัยอาวรณ์กับความอ่อนโยนหาได้ยากยิ่งนี้
ฟ้าดินเงียบสงัด เหมือนว่าทุกอย่างได้หยุดลงอย่างนั้น ทุกอย่างล้วนแล้วแต่อบอุ่นอะไรเช่นนั้น ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไรแล้ว เวลานี้หวู่ปิงหนิงจึงได้สติกลับมาอย่างช้าๆ
เมื่อนางลืมตาทั้งสองขึ้นมาอีกครั้ง สิ่งที่เข้ามาอยู่ในม่านตาของตนคือใบหน้าที่แสนจะธรรมดาของหลี่ชิเย่ แต่ว่าเมื่อมองดูใบหน้าที่สุดแสนธรรมดานี้อีกครั้งในเวลานี้ กลับกลายเป็นว่าดูดีเป็นพิเศษ คู่ควรที่จะไปหวนคนึงหา
“เจ้า เจ้าล้างสมองให้ข้าอย่างนั้นรึ?” จะอย่างไรเสียในใจของหวู่ปิงหนิงยังคงมีภาคภูมิใจในตัวเองอยู่บ้าง มองค้อนหลี่ชิเย่ทีหนึ่ง ด้วยจริตที่เหมือนโกรธอยู่สามส่วน เคืองอยู่เจ็ดส่วน ในเวลานี้ความงดงามเช่นนี้ของนางนับว่าทำให้ผู้คนต้องหลงใหลเหลือเกิน ด้วยความงดงามเช่นนี้ทำให้ผู้คนอดที่จะรั้งตัวนางเข้ามาอยู่ในอ้อมกอด
“ถ้าหากข้าล้างสมองให้กับเจ้าจริงๆ ล่ะก็ เกรงว่าเวลานี้เจ้าคงกระทั่งจำตัวเองไม่ได้ว่าเป็นใคร ถ้าหากข้าล้างสมองให้กับเจ้าเกรงว่าเจ้าคงกลายเป็นทาสสาวของข้าไปแล้ว แต่ เจ้าไม่ได้เป็นเช่นนั้น” หลี่ชิเย่หัวเราะและกล่าวว่า “ข้าเพียงเปิดโลกที่ใหม่ทั้งหมดโลกหนึ่งให้กับเจ้าเท่านั้น ให้เจ้าได้มองเห็นโลกที่กว้างขวางมากกว่า ให้เจ้าได้มองไปยังอนาคต”
………………………………………………..