Emperor's Domination จักรพรรดิบรรพกาล - ตอนที่ 2213 ขุดตามใจชอบ
ในขณะนี้ ทุกคนต่างมองไปยังสนามที่มีหญ้าเหยี่ยวไฟขึ้นอยู่อย่างอุดมสมบูรณ์ มีผู้สังเกตเวลานิดหนึ่งแล้วกล่าวว่า “ใกล้ถึงเวลาที่หญ้าเหยี่ยวไฟจะลุกไหม้ขึ้นแล้ว”
เสียงตูมดังขึ้นเสียงหนึ่ง พลันที่คนผู้นี้พูดขาดคำ หญ้าเหยี่ยวไฟที่ขึ้นอยู่อย่างอุดมสมบูรณ์ที่สนามพลันปรากฎเปลวไฟที่แลบขึ้นมา และเปลวไฟนั้นได้พุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าอย่างรุนแรง
ลักษณะของเปลวไฟที่พุ่งขึ้นอย่างรุนแรงเช่นนี้คล้ายดั่งเป็นหญ้าแห้งที่ดูกจุดติดขึ้นมาอย่างนั้น มันโหมลุกไหม้อย่างรุนแรง สถานการณ์ได้ลุกไหม้รุนแรงถึงขีดสุด
ขณะที่หญ้าเหยี่ยวไฟส่ายโอนเอนไปมานั้น มองดูคล้ายเป็นเชื้อไฟที่กำลังเต้นวูบวาบ ในเวลานี้หญ้าเหยี่ยวไฟทั้งหมดได้ลุกพรึบขึ้นมาทันที ภาพเช่นนี้เสมือนดั่งเป็นการราดน้ำมันลงบนกองไฟอย่างนั้น สถานการณ์การลุกไหม้ที่รุนแรงยากจะต้านเอาไว้ได้
ทุกคนต่างกลั้นลมหายใจเอาไว้ขณะมองดูการโหมลุกไหม้อย่างรุนแรงของหญ้าเหยี่ยวไฟ ผู้คนจำนวนมากต่างรู้ดีว่า ยามที่หญ้าเหยี่ยวไฟมอดไหม้ไปแล้วก็จะเป็นเวลาที่หนอนไฟเหมันต์ปรากฏ เรียกได้ว่าเป็นช่วงเวลาแห่งการเก็บเกี่ยวที่อุดมสมบูรณ์ เสียดาย การเก็บเกี่ยวที่อุดมสมบูรณ์ในขณะนี้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับพวกเขา
เว้นระยะเวลาช่วงหนึ่งหญ้าเหยี่ยวไฟก็จะมีการลุกไหม้ขึ้น โดยจังหวะที่หญ้าเหยี่ยวไฟทั้งหมดลุกไหม้ขึ้นมานั้น หนอนไฟเหมันต์ที่หลบซ่อนตัวอยู่ลึกลงไปใต้พื้นดินโคลนก็จะทยอยกันมุดขึ้นมา เพื่อกลืนกินเพลิงแก่นบริเวณส่วนที่ไปรากของหญ้าเหยี่ยวไฟที่เกิดจากการลุกไหม้ เพื่อทำให้ตนเองนั้นเติบใหญ่และเข้มแข็งขึ้น ซึ่งจะเป็นช่วงเวลาจับหนอนไฟเหมันต์ที่เหมาะสมที่สุด
ตูม ตูม ตูม…เสียงที่เกิดจากการลุกไม้อย่างรุนแรงดังขึ้น ภายในระยะเวลาอันสั้น หญ้าเหยี่ยวไฟทั้งหมดที่อยู่ภายในหุบเขาพลันถูกเผาไหม้จนหมดสิ้น เหลือไว้เพียงพื้นดินโคลนที่เตียนโล่ง
“ควรจะออกมาแล้วกระมัง” ในเวลานี้เอง ทุกคนต่างมองดูพื้นดินโคลนที่ถูกเผาผลาญจนเตียนโล่งแล้วพึมพำขึ้นมา
“ขุดได้” หวูเลี่ยนร้องเสียงดังสั่งการกับศิษย์ตระกูลหวูขึ้นมา เมื่อเห็นว่าหญ้าเหยี่ยวไฟถูกเผาไหม้ไปจนหมดสิ้นแล้ว
ศิษย์ตระกูลหวูลงมือทันที ต่างทยอยกันขุดลึกลงไปสามฟุต ต้องการขุดเอาหนอนไฟเหมันต์ทั้งหมดขึ้นมาจากใต้ดินโคลน
“ทำไมรึ พวกเจ้ายังไม่เริ่มขุดรึ?” ขณะที่กำลังลงมือขุดนั้น หวูเลี่ยนได้หันหลังกลับมา มองดูหลี่ชิเย่กับซ่งหวี่เฮ่าทีหนึ่งด้วยท่าทีเย้ยหยัน
“ไม่รีบ พวกเจ้าขุดไปก่อน” หลี่ชิเย่ยิ้มกล่าวด้วยท่าทีเอ้อระเหย
ฮึหวูเลี่ยนยิ้มเย็นยะเยือก กล่าวด้วยท่าทีเย็นชาว่า “ต่อให้พวกเจ้าประวิงเวลาได้ชั่วครู่ก็ไม่สามารถประวิงเวลาได้ตลอดไป สักครู่พวกเจ้าสองคนจัดการแทะดินโคลนตรงนี้ให้หมดก็แล้วกัน”
“เป็นใครที่ต้องแทะดินโคลนจนสะอาดยังไม่รู้เลย” หลี่ชิเย่ยิ้มกล่าวเฉยเมย
สีหน้าของหวูเลี่ยนถึงกับเปลี่ยนไป เมื่อเห็นว่าหลี่ชิเย่ต่อปากต่อคำไม่ลดละเช่นนี้ สองตาจ้องมองหลี่ชิเย่อย่างโกรธแค้น
ทำเอาซ่งหวี่เฮ่าที่อยู่ข้างๆ ตกใจยิ่ง กระตุกแขนเสื้อของหลี่ชิเย่ทันทีเชิงอย่าไปขัดแย้งกับหวูเลี่ยน
“ขุดเข้า ขุดเร็วๆ หน่อย นายน้อยอย่างข้ารอดูพวกเขาแทะดินโคลนอยู่นะเนี่ย” หวูเลี่ยนเห็นว่าหลี่ชิเย่ไม่ยอมอ่อนข้อให้แม้แต่น้อย จึงร้องเสียงดังขึ้นมาทันที
ฉับ ฉับ ฉับ…เสียงขุดลอกดินโคลนดังขึ้นเป็นระลอก ศิษย์ของตระกูลหวูพยายามขุดอย่างเต็มที่ เวลานี้พวกเขาขุดลึกลงไปได้สามฟุตแล้ว แต่ทว่า ยังคงไม่เห็นแม้แต่เงาของหนอนไฟเหมันต์
“นายน้อย ไม่เห็นมีหนอนไฟเหมันต์” เวลานี้มีศิษย์มารายงานให้ทราบ
สีหน้าของหวูเลี่ยนพลันเปลี่ยนไปทันทีเมื่อได้ยินคำพูดเช่นนี้ ร้องตวาดเสียงดังออกไปว่า “มันจะเป็นไปได้อย่างไร ต้องเป็นเพราะพวกเจ้าขุดได้ไม่ลึกพอ ขุดต่อไป ต่อให้ต้องพลิกแผ่นดินโคลนขึ้นมา ก็ต้องขุดเอาหนอนไฟเหมันต์มาให้ได้”
ศิษย์ตระกูลหวูจนด้วยเกล้า ได้แต่พยายามขุดดินโคลนกันต่อไป แต่ทว่า จากการที่พวกเขาได้ขุดลึกลงไปมากขึ้นทุกที ยังคงไม่พบแม้แต่เงาของหนอนไฟเหมันต์
“ไม่มีเหตุผลเลยนี่” ผู้บำเพ็ญตนจำนวนมากที่ยืนดูอย่างรอบข้างต่างรู้สึกแปลกใจ เมื่อเห็นศิษย์ของตระกูลหวูได้ขุดพื้นดินโคลนลึกลงไปสามฟุตแล้ว แต่ยังคงไม่มีแม้แต่เงาของหนอนไฟเหมันต์
ผู้บำเพ็ญตนบางคนถึงกับพึมพำออกมาว่า “ตามหลักแล้วเมื่อมีการขุดลึกลงไปสามฟุตก็ต้องได้เห็นหนอนไฟเหมันต์ เวลานี้ได้ขุดลึกลงไปถึงขนาดนี้แล้วยังคงไม่เห็นหนอนไฟเหมันต์ ไม่มีหนอนไฟเหมันต์แม้แต่ตัวเดียว นี่ นี่มันไม่น่าเป็นไปได้กระมัง”
เวลานี้ ทุกคนต่างรู้สึกแปลกใจอย่างยิ่ง เนื่องจากเรื่องเช่นนี้ในอดีตไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน จะอย่างไรเสียทุกครั้งที่หญ้าเหยี่ยวแดงลุกไหม้หนอนไฟเหมันต์ก็จะต้องคลานขึ้นมาจากใต้พื้นดินโคลน จากนั้นก็จะกลืนกินเพลิงแก่นที่อบู่บริเวณรากของหญ้าเหยี่ยวแดง
เอาล่ะสิ มาคราวนี้หวูเลี่ยนทำการยึดครองสนามหญ้าเอาไว้แต่ผู้เดียวทั้งหมด หลังจากที่หญ้าเหยี่ยวแดงมีการลุกไหม้ทั้งหมดไปแล้ว พวกของหวูเลี่ยนขุดดินโคลนลึกลงไปสามฟุตแล้ว ไม่มีหนอนไฟเหมันต์แม้แต่ตัวเดียว ไม่ว่าใครก็ตามก็ต้องมองว่าเรื่องนี้ไม่น่าเป็นไปได้จริงๆ
“ขุด ขุดต่อไป ต่อให้ต่อขุดพื้นดินโคลนลงไปสามพันฟุตก็ต้องขุดเอาหนอนไฟเหมันต์ขึ้นมาให้ข้า” สีหน้าของหวูเลี่ยนในเวลานี้ดูไม่จืดถึงขีดสุด ร้องเสียงดังขึ้นมา
เมื่อครู่เขาได้พูดจานักเลงออกไปแล้ว ถ้าหากไม่สามารถขุดหนอนไฟเหมันต์ได้แม้แต่ตัวเดียวล่ะก็ เกรงว่าเขาจะหาทางลงไม่ได้แล้วล่ะ
“เวลานี้พวกเรามาขุดกันได้แล้วล่ะ” ในขณะที่พวกของหวูเลี่ยนขุดหนอนไฟเหมันต์ไม่ได้แม้แต่ตัวเดียวนั้น หลี่ชิเย่จึงได้พูดเอ้อระเหยขึ้นมา
เวลานี้ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างมองไปที่หลี่ชิเย่ ทุกคนไม่ค่อยอยากจะเชื่อนักว่าพวกหลี่ชิเย่ จะสามารถขุดหนอนไฟเหมันต์ได้สักตัว พวกของหวูเลี่ยนขุดไปทั่วสนามจำนวนหลายร้อยหมู[1]ก็ยังขุดหนอนไฟเหมันต์ไม่ได้เลยสักตัว ขณะที่พื้นที่ที่เป็นเพียงมุมเล็กๆ มุมหนึ่ง และมีหญ้าเหยี่ยวแดงขึ้นอยู่เพียงหร็อมแหร็มเท่านั้น ต่อให้ต้นหญ้าเหยี่ยวแดงที่มีอยู่เพียงน้อยนิดลุกไหม้ก็ไม่น่าเป็นไปได้ที่จะดึงดูดให้หนอนไฟเหมันต์ปรากฏออกมา เป็นไปไม่ได้ที่หนอนไฟเหมันต์จะยอมทิ้งสนามหญ้าจำนวนหลายร้อยหมูแล้วไปอุดหนุนหญ้าเหยี่ยวแดงที่มีอยู่เพียงหร็อมแหร็มนั่น
ฮึหวูเลี่ยนส่งเสียงฮึเย็นชาออกมา กล่าวน้ำเสียงเย็นชาว่า “สนามหญ้าเหยี่ยวแดงหลายร้อยหมูของข้ายังขุดหาหนอนไฟเหมันต์ไม่ได้เลยสักตัว ของพวกเจ้าที่มีหญ้าเหยี่ยวแดงเพียงไม่กี่ต้นก็คิดจะดึงดูดหนอนไฟเหมันต์ได้ ออกจะเป็นการฝันกลางวันไปแล้วกระมัง เวลานี้ยอมแทะดินโคลนไม่กี่คำยังทัน รอให้พวกเราขุดหนอนไฟเหมันต์ได้สักตัว เกรงว่าต่อให้เพียงแค่ตัวเดียวเท่านั้นพวกเจ้าก็ต้องแทะกินดินโคลนที่อยู่บนสนามหญ้าทั้งหมดจนเกลี้ยง”
“อย่าประเมินค่าตัวเองให้สูงเกินไปนัก” หลี่ชิเย่ไม่หวั่นไหว ยิ้มกล่าวท่าทีเอ้อระเหยว่า “รอให้ขุดขึ้นมาได้จริงๆ เสียก่อน จึงจะรู้ว่าใครกันที่หัวเราะเป็นคนสุดท้าย” กล่าวพลาง เขาเพียงใช้นิ้วดีดไปที่ต้นไม้แก่ทีหนึ่ง
ต้นไม้แก่ไม่เต็มใจที่จะนั่งอยู่ตรงนั้นมานานแล้ว มันคือโอสถเซียนที่มีเพียงหนึ่งไม่มีสองในหล้า และมีเพียงหนึ่งไม่มีสองตลอดกาล มาวันนี้จับมันมาใช้กับสถานที่เช่นนี้มันคือการขี่ช้างจับตั๊กแตนชัดๆ ดังนั้นเมื่อหลี่ชิเย่ใช้นิ้วดีดมัน มันจึงรีบกระโดดขึ้นมาแล้วหลบเข้าไปอยู่ในลัคนา
โดยที่ต้นไม้แก่ต้นนี้มีลักษณะที่ไม่สมบูรณ์ไม่เป็นที่สะดุดตาแม้แต่น้อย จึงไม่มีใครให้ความสนใจ ต่อให้มีคนที่ได้สังเกตเห็นต้นไม้แก่ต้นนี้แล้วจะมีใครจดจำมันได้กันเล่า?
ทอดสายตามองไปทั่วแดนสามเซียน มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่สามารถมองออกถึงความลึกลับพิสดารของต้นไม้แก่ต้นนี้ แม้แต่บรรดาระดับบรรพบุรุษก็มองไม่รู้ถึงความลึกล้ำพิสดารของต้นไม้แก่ต้นนี้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงพวกมนุษย์ปุถุชนธรรมดาที่อยู่ตรงหน้าแล้ว
“ขุดเถอะ” หลังจากหลี่ชิเย่ได้เรียกคืนต้นไม้แก่แล้ว จึงสั่งการซ่งหวี่เฮ่าไป
“พวก พวก พวกเราจะขุดจริงๆ รึ?” ซ่งหวี่เฮ่าไม่มีความมั่นใจเลยแม้แต่น้อย เขาขาดความมั่นใจโดยสิ้นเชิง เนื่องจากพวกของหวูเลี่ยนที่มีหญ้าเหยี่ยวแดงตั้งหลายร้อยหมูยังขุดหาหนอนไฟเหมันต์ไม่ได้แม้แต่ตัวเดียว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงพื้นที่น้อยนิดของพวกเขาแล้ว เหมือนดั่งที่หวูเลี่ยนพูดเอาไว้ แค่หญ้าเหยี่ยวแดงที่ขึ้นอยู่หร็อมแหร็มไม่สามารถดึงดูดหนอนไฟเหมันต์มาได้อยู่แล้ว
คนอื่นๆ ที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างจ้องมองดูหลี่ชิเย่กับซ่งหวี่เฮ่า ขนาดพวกของหวูเลี่ยนมีหญ้าเหยี่ยวแดงถึงหลายร้อยหมูยังขุดหาหนอนไฟเหมันต์ไม่ได้สักตัว พวกเขาที่มีพื้นที่ขนาดเล็กเช่นนั้นยิ่งเป็นไปไม่ได้ที่จะมีหนอนไฟเหมันต์แล้ว
“ข้าบอกให้เจ้าขุดก็ขุดไป” หลี่ชิเย่เอ่ยขึ้นมาช้าๆ
ซ่งหวี่เฮ่าในเวลานี้ไม่มีทางเลือกอีกแล้ว ได้แต่หยิบเอาพลั่วขึ้นมา ฝืนใจขุดลงไป ในขณะนี้เขามีความรู้สึกว่าต้องได้กินดินโคลนแน่นอนแล้วล่ะ เขาต้องมาเดิมพันกับหวูเลี่ยนโดยไม่รู้ตัวแบบนี้ ออกจะไม่เป็นธรรมเหลือเกิน แต่ว่า เวลานี้เขาก็ไม่สามารถพูดอะไรได้ ได้แต่ขุดไปๆ เรื่อยๆ
“พวกไม่รู้จักเจียมตัว” หวูเลี่ยนส่งเสียงฮึเย็นชาออกมาเมื่อเห็นหลี่ชิเย่ และซ่งหวี่เฮ่ายังคงขุดหาหนอนไฟเหมันต์โดยไม่ยอมแพ้ กล่าวน่าครั่นคร้ามขึ้นมาว่า “รอให้ข้าขุดหนอนไฟเหมันต์ให้ได้สักตัวก่อน จะต้องให้พวกเจ้าได้กินดินโคลนทั้งหมดที่มีอยู่บริเวณนี้จนหมดเกลี้ยวแน่นอน!” ครั้นพูดมาถึงตรงนี้แล้ว ดวงตาทั้งสองของเขาได้เผยปณิธานการฆ่าที่น่ากลัวออกมา
ในระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิหุบเขาอมตะ มีกี่คนที่กล้าจงใจหาเรื่องกับแคว้นว่านโซ่วของพวกเขา
ขณะที่ซ่งหวี่เฮ่าขุดไปๆ นั้น ขุดได้ไม่นานนักได้ยินเสียงแว้งค์ดังขึ้น ใต้พื้นดินโคลนปรากฏแสงไฟพวยพุ่งขึ้นมา คล้ายดั่งมีขุมทรัพย์อยู่ใต้พื้นดินโคลนอย่างนั้น
ซ่งหวี่เฮ่าเหมือนหนึ่งถูกฟ้าผ่าเอาอย่างนั้นเมื่อได้เห็นสิ่งที่อยู่ในดินโคลน ถึงกับตะลึงงันอยู่ตรงนั้น เมื่อได้สติคืนกลับมาแล้วซ่งหวี่เฮ่าถึงกับควบคุมตัวเองไม่ได้ ทำการขุดดินโคลนอย่างบ้าคลั่ง เหมือนดั่งสติฟั่นเฟือนไปแล้ว
“นั่นมันอะไร?” ทุกคนต่างทยอยกันมองไป เมื่อเห็นแสงไฟที่พวยพุ่งขึ้นมาจากใต้ดินโคลน พลันดึงดูดสายตาของทุกคน
ภายในระยะเวลาอันสั้น ซ่งหวี่เฮ่าได้ขุดเป็นหลุมขนาดใหญ่ขึ้น และได้อุ้มลูกบอลไฟที่กลมใหญ่ขึ้นมาได้ลูกหนึ่ง ขนาดของมันเท่าๆ กับอ่างล้างหน้า
แต่ว่า เมื่อมองดูให้ละเอียดอีกครั้ง นั่นมันไม่ใช่ลูกบอลไฟ มันคือหนอนไฟแต่ละตัว โดยที่หนอนไฟแต่ละตัวที่แลดูคล้ายเป็นหนอนไหมฤดุใบไม้ผลิอย่างนั้น แต่ว่าพวกมันมีขนาดเล็กและยาวกว่าหนอนไหมฤดุใบไม้ผลิ หนอนไฟแต่ละตัวที่เบียดเสียดกันแน่น เหมือนว่ามีอะไรบางอย่างที่ดึงดูดพวกมันเอาไว้ พวกมันจึงเกาะเบียดเสียดกันแน่นเป็นก้อน
แต่เดิมหนอนไฟแต่ละตัวต่างก็มีแสงไฟที่แวบวับไปทั่วตัว ยามที่หนอนไฟแต่ละตัวเบียดเสียดอัดกันแน่น ดูไปแล้วก็คล้ายดั่งเป็นลูกบอลไฟลูกหนึ่งอย่างนั้น สว่างไสวยิ่งนัก
“นี่ นี่ นี่มันคือหนอนไฟเหมันต์” มีผู้ร้องเสียงดังขึ้นมา เมื่อมองเห็นลูกบอลไฟที่ถูกซ่งหวี่เฮ่าอุ้มชูสูงขึ้นมา
“นี่ นี่มันคือหนอนไฟเหมันต์มากขนาดนี้ นี่ นี่เกรงว่าคงเป็นพันตัวกระมัง” มีผู้ที่มองเห็นหนอนไฟเหมันต์แต่ละตัวที่เบียดเสียดกันและเคลื่อนไหวดุ๊กดิกอยู่และคาดการณ์ขึ้น
“นี่ นี่มันเหลือเชื่อจริงๆ” เวลานี้ผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์จำนวนมากต่างไม่อยากเชื่อสายตาของตนเอง พื้นที่เล็กนิดเดียวเช่นนี้ถึงกับสามารถขุดหนอนไฟเหมันต์ได้มากมายถึงเพียงนี้ มันคือเรื่องที่เป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว
“ต่อให้เป็นหญ้าเหยี่ยวไฟจำนวนหลายร้อยหมูภายในหุบเขายนี้ก็ยากที่จะขุดหาหนอนไฟเหมันต์ได้มากมายถึงเพียงนี้” หมอโอสถที่มีประสบการณ์ถึงกับกล่าวว่า “เวลานี้ ด้วยพื้นที่ขนาดเล็กเช่นนี้กลับสามารถขุดหนอนไฟเหมันต์ที่เบียดเสียดกันเป็นก้อน มัน มัน มันคือความอัศจรรย์โดยแท้”
เวลานี้ ทุกคนต่างจ้องมองดูที่หลี่ชิเย่ ทุกคนล้วนแล้วแต่ไม่เข้าใจว่าเพราะอะไรถึงได้มีหนอนไฟเหมันต์มาเบียดเสียดอยู่ในพื้นที่ขนาดเล็กเช่นนี้
…………………………………………………………….
[1] หมู ( 亩 mǔ ) เป็นหน่วยวัดพื้นที่ของจีน หนึ่งหมูจะเท่ากับ 666.67 ตารางเมตร