Emperor's Domination จักรพรรดิบรรพกาล - ตอนที่ 2564 ตกใจไปทั่วหล้า
ตอนที่ 2564 ตกใจไปทั่วหล้า
ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ปรากฏเป็นลมคาวฝนเลือดในชั่วข้ามคืนเมื่อพวกของปิ้งจวินลงมือ โดยปิ้งจวินได้นำพาพวกของมังกรทองแปดแขนบุกโจมตีเข้าไปยังพราะราชวังของแคว้นว่านเจิ้น ทำลายสุดยอดค่ายกลของแคว้นว่านเจิ้น รื้อธาตุแท้ภายในของแคว้นว่านเจิ้น สังหารบรรดาเหล่าบรรพบุรุษของแคว้นว่านเจิ้น เข่นฆ่ากองทัพแต่ละกองทัพของแคว้นว่านเจิ้นไป
ภายในระยะเวลาอันสั้นเพียงคืนเดียว พระราชวังของแคว้นว่านเจิ้นแตกสลาย สมาชิกราชวงศ์ทั้งหมดถูกสังหารสิ้น มีการประกาศการล่มสลายของแคว้นว่านเจิ้นอย่างเป็นทางการ โดยฮ่องเต้องค์ใหม่ได้ส่งคนไปปกครองแคว้นว่านเจิ้นแทน
เพียงชั่วข้ามคืน หนึ่งในห้าแกร่งอย่างแคว้นว่านเจิ้นหายวับไปกับตาในชั่วพริบตา สร้างความสะเทือนหวั่นไปไปทั่วระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่
พวกของปิ้งจวินอาศัยอานุภาพที่แข็งแกร่งสุดต้านทานตีแคว้นว่านเจิ้นจนแตก ซึ่งก็หาใช่เรื่องแปลกแต่อย่างใด เดิมตัวของปิ้งจวินก็มีชาติกำเนิดมาจากระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ เคยเป็นสุดยอดอัจฉริยะบุคคลที่ยอดเยี่ยมที่สุดของราชวงศ์โต่วเซิ่นมาก่อน ย่อมมีความเข้าใจในระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่มากกว่าคนอื่นๆ แม้ว่าสุดยอดค่ายกลใหญ่ของแคว้นว่านเจิ้นจะทรงพลังยิ่ง แต่ยังคงขวางการย่างก้าวของพวกปิ้งจวินไม่ได้
หลังจากที่แคว้นว่านเจิ้นล่มสลายแล้ว ราชวงศ์โต่วเซิ่นได้ต้อนรับการกวาดล้างอย่างหนัก คณะมนตรีศักดิ์สิทธิ์หายวับไปกับตาในชั่วพริบตาเพียงชั่วข้ามคืน ธาตุแท้ภายในของคณะมนตรีศักดิ์สิทธิ์ก็ถูกฮ่องเต้องค์ใหม่ยึดเอามาเป็นของตน
ขณะเดียวกัน ภายใต้คำบัญชาของหลี่ชิเย่ พวกของปิ้งจวินได้เข้าควบคุมกองทัพทั้งห้า และกองทัพทั้งห้าถูกกวาดล้างเต็มที่ ระดับแม่ทัพนายกองจำนวนมากถูกสังหาร กองทัพทั้งห้าถูกกวาดล้างตั้งแต่ส่วนบนลงล่าง
สุดท้ายแล้ว กองทัพทั้งห้าถูกพวกของปิ้งจวินควบคุมอย่างเบ็ดเสร็จอยู่ในกำมือ และถวายความจงรักภักดีต่อฮ่องเต้องค์ใหม่
ติดตามด้วยตระกูลขุนนางโบราณปิงฉือ วัดจิ้งเหลียนกวานต่างได้รับการลงโทษและกวาดล้างที่แตกต่างกัน กล่าวได้ว่า ตระกูลขุนนางโบราณปิงฉือโชคดีที่มีปิงฉือหานยวี่ร้องขอความเมตตา มิฉะนั้นล่ะก็จะต้องหายวับไปกับตาในพริบตาเช่นเดียวกันกับแคว้นว่านเจิ้น
ส่วนวัดจิ้งเหลียนกวานนั้น แม้ว่าภายใต้การนำของฉินเจี้ยนเหยาจะถูกลงโทษอย่างหนัก แต่อย่างน้อยที่สุดวัดจิ้งเหลียนกวานยังคงรักษาชีพจรชีวิตเอาไว้ได้ ไม่เหมือนดั่งแคว้นว่านเจิ้นที่ถูกเข่นฆ่าล้างในชั่วข้ามคืน หายวับไปกับตาในคืนเดียว หายสาบสูญไปนับแต่นี้เป็นต้นไป
เพียงชั่วข้ามคืน แคว้นว่านเจิ้นหายวับไปกับตาชั่วพริบตาเดียว ติดตามด้วยคณะมนตรีศักดิ์สิทธิ์สลายตัวไปสิ้น ห้ากองทัพได้รับการกวาดล้างขนานใหญ่ ตระกูลขุนนางโบราณปิงฉือ วัดจิ้งเหลียนกวานต่างได้รับการลงโทษในระดับที่แตกต่างกัน
ภายในชั่วข้ามคืน กลิ่นคาวเลือดตลบอบอวลในระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ ไม่รู้ว่ามีผู้คนจำนวนเท่าไรที่ถูกสังหาร ทั่วทั้งระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่เข้าสู่ยุคของการเปลี่ยนราชวงศ์และยุคสมัย เข้าสู่ยุคของฮ่องเต้องค์ใหม่
ขณะที่แคว้นว่านเจิ้น และคณะมนตรีศักดิ์สิทธิ์ล้วนหายวับไปกับตาในชั่วพริบตานั้น ไม่รู้ว่ามีสำนักเจ้าลัทธิของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่จำนวนเท่าไรที่หวาดผวาจนขนลุกซู่ ศิษย์ผู้บำเพ็ญตนทุกคน ยอดฝีมือและระดับบรรพบุรุษอดที่จะตัวสั่นงันงกไม่ได้ เกรงต้องได้รับโทษมีจุดจบเหมือนเช่นแคว้นว่านเจิ้น และคณะมนตรีศักดิ์สิทธิ์อย่างนั้น
ในขณะที่แคว้นว่านเจิ้นถูกทำลายล้าง วัดจิ้งเหลียนกวาน ตระกูลขุนนางโบราณปิงฉือต่างได้รับการลงโทษในระดับที่แตกต่างกันนั้น ในบรรดาห้าแกร่งของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่มีเพียงสำนักเสินสิงเหมิน และหอหลินไห่เก๋อที่โชคดีรอดพ้นมาได้
หอหลินไห่เก๋อนั้นไม่ต้องเอ่ยถึงให้มากความ ผู้คนใต้หล้าต่างก็รู้ว่า ปัจจุบันหลิ่วชูฉิงได้รับการรักใคร่จากฮ่องเต้องค์ใหม่ กล่าวได้ว่าหอหลินไห่เก๋อดูจะร่ำรวยมีวาสนามากยิ่งขึ้น ก่อนหน้านั้น แม้ว่าหอหลินไห่เก๋อก็คือหนึ่งในห้าแกร่ง หากว่ากันถึงด้านกำลังและฐานะแล้ว เรียกได้ว่าห่างชั้นเทียบไม่ได้กับวัดจิ้งเหลียนกวาน แต่ทว่า มาวันนี้หลิ่วชูฉิงได้รับการโปรดปรานจากฮ่องเต้องค์ใหม่ ฐานะของหอหลินไห่เก๋อย่อมดูจะแตกต่างกับคนอื่นๆ เรียกว่าสูงกว่าสำนักเจ้าลัทธิต่างๆ เช่นวัดจิ้งเหลียนกวานเป็นต้น
สำหรับสำนักเสินสิงเหมินนั้น ขณะที่ด้านนอกกำลังสั่นไหวด้วยลมคาวฝนเลือดอยู่นั้น สำนักเสินสิงเหมินได้วางตัวอยู่เหนือเหตุการณ์ ไม่ใส่ใจเลยแม้เพียงนิดเดียว นับตั้งแต่สำนักเสินสิงเหมินได้ปิดสำนักแล้วก็ห่างไกลจากโลกมนุษย์ปุถุชนธรรมดา มาคราวนี้ภัยพิบัติครั้งใหญ่จึงไม่ได้ลามไปถึงสำนักเสินสิงเหมิน ทำให้สำนักเสินสิงเหมินรอดพ้นจากเคราะห์กรรมไปได้ครั้งหนึ่ง
สิ่งนี้ถือเป็นความฉลาดเฉียบแหลมมองการณ์ไกลของเทพวายุ มิฉะนั้นล่ะก็ สำนักเสินสิงเหมินก็คงไม่โชคดีถึงเพียงนี้ กล่าวได้ว่าในบรรดาห้าแกร่ง สำนักเสินสิงเหมินถือเป็นสำนักที่อ่อนแอมากที่สุด แต่ทว่า มาวันนี้โชคดีสามารถอยู่รอดมาได้ ซึ่งทำให้ฐานะของสำนักเสินสิงเหมินกลับกลายเป็นยิ่งอยู่เหนือมากขึ้นกว่าเดิมไปอีก
“โชคดี” ดังนั้น เมื่อเกิดลมคาวฝนเลือดขึ้นในระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ ทางด้านของเทพวายุก็ได้ข่าวมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อได้ข่าวแคว้นว่านเจิ้นถูกทำลาย เขาอดไม่ได้ที่จะเหงื่อเย็นไหลโทรมกายขึ้นมา
เรื่องนี้ก็ต้องถือว่าเป็นความโชคดี วันนั้นหากไม่เป็นเพราะเขาพาหลี่ชิเย่มาอยู่ที่สำนักเสินสิงเหมิน ไม่แน่นัก สำนักเสินสิงเหมินของพวกเขาก็จะรวมอยู่กับพวกของแคว้นว่านเจิ้น สุดท้าย ต้องพบกับจุดจบด้วยการหายวับไปกับตาในพริบตาเดียว
“เสียดาย…” สุดท้าย เทพวายุเองก็อดที่จะเสียใจภายหลังไม่ได้ มองดูศิษย์ภายในสำนักทีหนึ่ง และมองดูลู่ปิง ธิดาศักดิ์สิทธิ์เฟยฮวาทีหนึ่ง ส่ายหน้าเบาๆ และกล่าวว่า “คิดผิดชั่ววูบส่งผลชั่วชีวิต ฝ่าบาทอยู่เหนือเก้าชั้นฟ้า พระนางฮองเฮาก็สูงส่งสุดพรรณนา!”
ภายในใจของเทพวายุรู้สึกเสียใจภายหลังอยู่บ้าง แต่เดิมในครั้งนั้น ขณะหลี่ชิเย่อยู่ที่สำนักเสินสิงเหมินนั้นนับเป็นโอกาสที่ดีที่สุด หากว่า ณ เวลานั้น ธิดาศักดิ์สิทธิ์เฟยฮวาลู่ปิงสามารถเข้ากับหลี่ชิเย่ได้เป็นอย่างดี เช่นนั้นแล้ว ธิดาศักดิ์สิทธิ์เฟยฮวาลู่ปิงก็จะมีฐานะสูงส่งเฉกเช่นหลิ่วชูฉิงอย่างนั้น
ธิดาศักดิ์สิทธิ์เฟยฮวาอดไม่ได้ที่จะก้มหน้าลงด้วยท่าทีสลด วันนั้นนางดูแคลนในตัวของหลี่ชิเย่ ในสายตาของนางมองว่าเป็นเพียงฮ่องเต้ที่โง่เขลาเบาปัญญาไร้ความสามารถ แต่แล้ว มาวันนี้หลี่ชิเย่ได้ปกครองแผ่นดินอยู่เหนือเก้าชั้นฟ้า เป็นใหญ่แต่ผู้เดียวใต้หล้า ฐานะสูงเด่นปราศจากผู้ใดเทียบเทียม
นางที่เคยมองว่าตนเองนั้นสูงเด่น เวลานี้ได้แต่แหงนมองผู้ชายที่ตนเองเคยดูถูกคนนี้เท่านั้นเอง
มองไปที่หลิ่วชูฉิง ในวันนั้น พวกนางต่างก็มีฐานะเช่นเดียวกัน ต่างเคยมีสัญญาหมั้นหมายลักษณะเช่นนี้กับหลี่ชิเย่ อย่างไรก็ตาม ตัวนางเองกลับหยิ่งยโสดั่งนางหงส์ คิดไปเองว่าฮ่องเต้ทรราชอย่างหลี่ชิเย่นั้นไม่คู่ควรกับตน ตั้งใจคิดแต่จะฉีกสัญญาหมั้นหมายนี้ทิ้งไป
แต่แล้ว มาถึงวันนี้หลิ่วชูฉิงได้กลายเป็นฮองเฮาที่สูงส่งสุดพรรณนาไปแล้ว รับการเข้าเฝ้าจากทั่วทั้งระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ ยิ่งไปกว่านั้น ยังได้ครอบครองจิ่วมี่ที่ทุกคนใฝ่ฝันจะได้ครอบครอง ทั่วระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่คงมีแต่นางเท่านั้นที่ได้รับเกียรติเช่นนี้แต่เพียงผู้เดียวเท่านั้น!
ขณะที่นางเอง มาวันนี้ก็เป็นได้แค่ศิษย์คนหนึ่งของสำนักเสินสิงเหมินเท่านั้น แม้ว่าฐานะในสำนักเสินสิงเหมินของนางสูงมาก แต่ว่า นั่นมันก็แค่องค์หญิงของเสินสิงเหมินเท่านั้น ว่ากันตามนี้แล้ว นางไม่สามารถเทียบได้กับฮองเฮาของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ได้เลย
ธิดาศักดิ์สิทธิ์เฟยฮวาอดที่จะทอดถอนใจออกมาด้วยความสลด ถ้าหากวันนั้นไม่เป็นเพราะตนเองโง่เขลาขนาดนี้ ไม่เป็นเพราะตนเองโง่เขลามองเห็นแต่สิ่งที่อยู่ตรงหน้า ไหนเลยจะมีสภาพอย่างที่เห็นกันเล่า
ภายในใจของเทพวายุก็ต้องทอดถอนใจออกมาด้วยความหดหู่ ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม สำนักเสินสิงเหมินของพวกเขาก็นับว่าโชคดีมากในความโชคร้าย อย่างน้อยที่สุดสำนักเสินสิงเหมินของพวกเขาก็อยู่รอดปลอดภัยท่ามกลางลมคาวฝนเลือดในครั้งนี้ สามารถผ่านด่านหนักหนาเช่นนี้มาได้
ในขณะนี้ สายตาของเทพวายุอดที่จะตกไปอยู่บนตัวของจางเจี้ยนชวน แม้ว่าจางเจี้ยนชวนหาใช่ศิษย์ที่มีพรสวรรค์สูงที่สุดในสำนักเสินสิงเหมินของพวกเขา แต่กลับเป็นศิษย์ที่มีพลังแฝงมากที่สุด อนาคต ภาระอันหนักอึ้งที่จะทำให้สำนักเสินสิงเหมินได้มีความโดดเด่นขึ้นมานั้น ได้ตกไปอยู่บนตัวของเขาแล้ว
หลังจากที่ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ผ่านการกวาดล้างครั้งใหญ่แล้ว ได้กลับคืนสู่ความสงบอย่างรวดเร็วอีกครั้ง
สำหรับเรื่องราวทางโลกนั้น หลี่ชิเย่จะไม่เข้าไปก้าวก่าย โดยมอบหมายเรื่องราวทั้งหมดให้กับหลิ่วชูฉิง แม้ว่าหลิ่วชูฉิงเองก็เพิ่งจะได้สัมผัสกับเรื่องเช่นนี้เป็นครั้งแรก ภายในใจรู้สึกไม่ค่อยจะมั่นใจนัก แต่ว่า ภายใต้การให้กำลังใจของหลี่ชิเย่แล้ว นางเองก็ยินดีช่วยหลี่ชิเย่แบ่งเบาเรื่องราวทางโลกเหล่านี้
การที่หลี่ชิเย่ทำเช่นนี้ก็เป็นความจงใจต้องการบ่มฟักหลิ่วชูฉิง กล่าวสำหรับเขาแล้ว ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่เป็นเพียงสถานที่ที่เขาแวะพักเป็นการชั่วคราวเท่านั้น เขาจะต้องไปจากในเวลาไม่นานนัก ท้ายที่สุดแล้วผืนแผ่นดินนี้ยังคงต้องคืนให้กับระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ ดังนั้นหลี่ชิเย่จึงเลือกหลิ่วชูฉิง
หลี่ชิเย่ไม่สนใจในเรื่องทางโลกอีกต่อไป ตั้งอกตั้งใจหมกมุ่นอยู่กับการเสาะหาสัจธรรม
เมื่อเปรียบกับวิธีการที่เด็ดขาดของหลี่ชิเย่แล้ว วิธีการของหลิ่วชูฉิงดูจะนุ่มนวล ด้วยเหตุนี้เอง ทั่งทั้งระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่จึงก้าวสู่ความมั่นคง และเริ่มจะคึกคักขึ้นมาอีกครั้ง สำนักต่างๆ จำนวนมากที่เคยถูกทำให้หวาดกลัวจนเงียบกริบเริ่มจะมีการเคลื่อนไหวอีกครั้ง
ภายใต้การกำกับสถานการณ์ของหลิ่วชูฉิง ผู้คนจำนวนมากต่างรู้สึกว่า หากพระนางฮองเฮาอย่างนางนับว่ามีความรู้ความสามารถอย่างแท้จริงย่อมมีชื่อเสียงตามมา และมีปัญญาเฉียบแหลมมองการณ์ไกล เพียบพร้อมด้วยคุณธรรม
ในเวลานี้เอง ณ สถานที่ที่ห่างไกลแห่งหนึ่งของแดนลัทธิราชัน ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิที่อยู่ในช่วงเวลาสุดท้าย ซึ่งระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธินี้มีชื่อว่าระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิสือยวิ่น และในค่ำคืนนี้เอง ที่ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิสือยวิ่นได้เกิดเรื่องราวขึ้นเรื่องหนึ่งที่ไม่เล็กเลย
ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิสือยวิ่นเคยเป็นระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิที่แข็งแกร่งและฝืนลิขิตสวรรค์มาก ขณะที่ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิสือยวิ่นอยู่ในช่วงที่เจริญรุ่งเรืองที่สุดนั้น เคยเกรียงไกรไปทั่วแดนลัทธิราชัน ในเวลานั้นตระกูลหลี่ ตระกูลมู่ และระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ที่แข็งแกร่งและเจริญรุ่งเรื่องในวันนี้ล้วนแล้วแต่ต้องสลดและอับแสง
ท่ามกลางกาลเวลาที่เจิดจรัสอย่างยิ่งช่วงเวลานั้น ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิสือยวิ่นได้ชื่อว่าเป็นผู้ที่ครองอำนาจในแดนลัทธิราชันแต่ผู้เดียว ในขณะนั้นเรียกได้ว่าปราศจากผู้ต่อกรทั่วหล้าและไร้เทียมทาน
แต่ทว่า ไม่ทราบเป็นเพราะเหตุใด ภายหลังระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิสือยวิ่นถึงกับเสื่อมลง ในยุคหลังนี้มีผู้กล่าวว่า ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิสือยวิ่นได้เสื่อมโทรมลงภายในชั่วข้ามคืน และมีผู้กล่าวว่าระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิสือยวิ่นนั้นขาดผู้ที่จะสืบทอดต่อไปจึงได้เสื่อมโทรมลง
เพียงแต่ จะว่าไปก็เป็นเรื่องแปลก ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิสือยวิ่นถึงกับทรุดลงอย่างชนิดที่ไม่มีวันฟื้นคืนขึ้นมาได้ ภายใต้สภาพไม่มีศัตรูเข้ามารุกราน และเสื่อมลงนับแต่นั้นเป็นต้นมา ภายหลังมีผู้ที่อพยพออกจากระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิสือยวิ่นมากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิสือยวิ่นดูจะแห้งแล้งร้างยิ่งขึ้นอย่างช้าๆ และเสื่อมโทรมยิ่งขึ้น
แต่ว่า เรื่องที่แปลกประหลาดยิ่งกว่าอยู่ด้านหลัง ปรกติแล้วระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิๆ หนึ่งหลังจากเสื่อมโทรมลงแล้ว เมื่อเสื่อมไปถึงระดับหนึ่งแล้ว ต้นกำเนิดสัจธรรมจะเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้น เมื่อพลังของต้นกำเนิดสัจธรรมไม่สามารถพยุงระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธินี้ได้อีกต่อไป ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิๆ นี้ก็จะตกลงไป
ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงในครั้งนั้นก็เป็นตัวอย่างๆ หนึ่ง ขณะที่ลานกำแหงอยู่ในช่วงที่แข็งแกร่งสุดๆ นั้นคือสำนักที่อยู่ในแดนลัทธิเซียน ภายหลังได้ตกลงไปเรื่อยๆ กระทั่งตกไปอยู่ในแดนลัทธิพรรษ
ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิสือยวิ่นในปัจจุบันนี้เรียกได้ว่าแห้งแล้งอย่างยิ่ง สำนักที่แข็งแกร่งในระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิสือยวิ่นเรียกว่าหาไม่ได้อีกแล้ว ไม่ต้องพูดถึงสำนักที่แข็งแกร่งเฉกเช่นวัดจิ้งเหลียนกวาน หรือตระกูลขุนนางโบราณปิงฉือ แม้แต่สำนักที่จัดอยู่ในชั้นหนึ่งก็หาไม่ได้ในระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิสือยวิ่นอีกแล้ว
กล่าวได้ว่า ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิสือยวิ่นในเวลานี้ อย่าว่าแต่ในแดนลัทธิราชันเลย ต่อให้อยู่ในแดนลัทธิพรรษก็เป็นระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิที่เสื่อมโทรมจนไม่รู้จะเสื่อมโทรมอย่างไรอีกแล้ว ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลักษณะเช่นนี้เรียกได้ว่าก้าวสู่ปลายยุคแล้ว เป็นระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิที่เหมือนไม้ใกล้ฝั่งแล้ว พร้อมที่จะแตกสลายได้ทุกเมื่อ
แต่ว่า ที่แปลกก็คือ พันล้านปีผ่านไป ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิสือยวิ่นที่ตกต่ำยังคงอยู่ในแดนลัทธิราชันอย่างเข้มแข็ง แม้ว่ามันได้เสื่อมโทรมลงจนใกล้จะจบแล้ว แต่ยังคงรั้งอยู่ในแดนลัทธิราชันได้ ไม่มีวี่แววว่าจะร่วงลงสู่แดนลัทธิพรรษสักนิด
สภาพเช่นนี้ เป็นเรื่องที่ผู้คนคิดไม่ออกตลอดระยะเวลายาวนานที่ผ่านมา ไม่มีใครรู้ว่าเพราะอะไรระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิสือยวิ่นถึงได้ตกต่ำลงจนถึงขั้นนี้แล้วยังคงไม่ตกชั้น
ภายหลังได้เคยมีระดับปฐมบรรพบุรุษทำการสำรวจระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิสือยวิ่น และปฐมบรรพบุรุษผู้นี้เคยกล่าวเอาไว้ว่า การที่ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิสือยวิ่นยังคงยืนตระหง่านอยู่ในแดนลัทธิราชันได้นั้น เป็นเพราะต้นกำเนิดสัจธรรมของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิสือยวิ่นยังคงอยู่ อีกทั้งต้นกำเนิดสัจธรรมของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิสือยวิ่นยังคงคึกคักมีชีวิตชีวา
เมื่อเป็นดังนี้ก็ยิ่งทำให้ผู้คนจำนวนมากไม่สามารถเข้าใจได้ ในเมื่อต้นกำเนิดสัจธรรมยังคงคึกคักมีชีวิตชีวา เพราะอะไรระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิสือยวิ่นจึงได้ตกต่ำลงจนถึงขั้นนี้ได้เล่า?
…………………