Emperor's Domination จักรพรรดิบรรพกาล - ตอนที่ 2611 ยอมแพ้
ตอนที่ 2611 ยอมแพ้
แค่โจมตีครั้งหนึ่งก็ซัดสี่แขกสวรรค์จนกระเด็น สถานการณ์ในเวลานี้เงียบสงัดอย่างยิ่ง ภายในใจของทุกคนต่างสั่นเทาทีหนึ่ง และอดใจหายใจคว่ำไม่ได้
สี่แขกสวรรค์แข็งแกร่งมากกว่าสิบวัชระอยู่ไม่น้อย มาวันนี้พวกเขาทั้งสี่คนร่วมมือกันยังคงต้านการโจมตีเพียงครั้งเดียวของหลี่ชิเย่ไม่ได้ มันช่างเป็นเรื่องที่น่ากลัวเพียงใด และสิ่งที่ทำให้ผู้คนต้องหวาดหวั่นพรั่นพรึงเช่นใด
สีหน้าของแขกสวรรค์ชุดเขียวหวาดผวา การที่เขาไม่สามารถรับมือหลี่ชิเย่ได้แม้กระบวนท่าเดียวก็นับเป็นเรื่องที่เสียหน้ามากแล้ว กล่าวได้ว่าเป็นความอัปยศอย่างยิ่ง แต่ทว่า เวลานี้สี่แขกสวรรค์ร่วมมือกันยังคงไม่สามารถรับมือหลี่ชิเย่ได้แม้เพียงกระบวนท่าเดียว ผลที่ออกมาเช่นนี้ทำให้เขาถึงกับสั่นเทาในใจทีหนึ่ง
หากว่ากันด้วยเรื่องตำแหน่ง ฐานะ ความสามารถแล้ว แขกสวรรค์ทั้งห้าล้วนแล้วแต่แข็งแกร่งกว่าสิบวัชระมากทีเดียว ถ้าหากสิบวัชระพ่ายแพ้จะมากหรือน้อยยังพอจะพูดได้ จะอย่างไรเสียการร่วมมือของพวกเขายังไม่ใช่ขบวนการที่แข็งแกร่งที่สุดของแดนลัทธิราชัน
การพ่ายแพ้ของแขกสวรรค์ทั้งห้านับว่าสร้างความสะท้านในใจกับผู้คนยิ่งนัก ทอดสายตามองไปทั่วทั้งแดนลัทธิราชัน ยากจะหาขบวนทัพที่แข็งแกร่งมากกว่าพวกเขาได้อีกแล้ว
“ลึกล้ำยากจะหยั่งถึง ระดับความสามารถไร้ขีดจำกัด” ระดับบรรพบุรุษที่เก่ากะลาดึกดำบรรพผู้หนึ่งเมื่อได้เห็นภาพนี้แล้วอดพึมพำขึ้นมาไม่ได้ นาทีนี้ ภายในใจของเขามีความหวาดกลัวมากทีเดียว เนื่องจากความแข็งแกร่งของหลี่ชิเย่ถึงขั้นที่ไม่มีใครสามารถจินตนาการได้อีกแล้ว หรือบางทีทอดสายตามองออกไปทั่วแดนลัทธิราชันก็ไม่มีใครเป็นคู่ต่อสู้ของเขาได้อีกแล้ว
“มันแตกต่างอะไรกับมดปลวกเล่า” ในเวลานี้ ไม่รู้ว่ามีผู้คนจำนวนมากที่เหม่อลอยกับสิ่งนี้ ยังมีคนที่ยังคมบ่นอุบกับคำๆ นี้ติดปาก่อยู่
ก่อนหน้านี้ แขกสวรรค์ชุดเขียว และศิษย์ที่เป็นยอดฝีมือของเคอะเหมิงต่างก็มองราษฎรของเมืองหมิงลั่วเฉิงเป็นเพียงมดปลวก สามารถเหยียบย่ำชีวิตของพวกเขาตามอารมณ์ มองเหมือนเนื้อที่อยู่บนเขียง
ความจริงแล้วใช่เพียงแขกสวรรค์ชุดเขียวที่เป็นเช่นนี้ บรรดายอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนจำนวนมากที่อยู่ในเหตุการณ์ก็มองราษฎรเป็นดั่งมดปลวกอยู่ในใจ มีผู้คนจำนวนเท่าไรที่มองราษฎรทั่วไปของเมืองหมิงลั่วเฉิงเป็นเนื้อที่อยู่บนเขียง ชีวิตของพวกเขาไร้ค่าแม้แต่นิดเดียวในสายตาของเหล่าผู้บำเพ็ญตนจำนวนมาก
แต่ทว่า เมื่อมาถึงตอนนี้ แขกสวรรค์ทั้งห้าไม่สามารถรับมือได้แม้เพียงกระบวนท่าเดียวของหลี่ชิเย่ ก็เป็นเหมือนดั่งมราหลี่ชิเย่ได้พูดเอาไว้อย่างนั้น พวกเขาที่เป็นยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนก็เป็นได้เพียงมดปลวกที่อยู่ใต้ฝ่าเท้าของเขาเท่านั้น พวกเขาเหล่านี้ที่เข้าใจว่าตัวเองเป็นยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนที่สูงส่ง นาทีนี้เมื่ออยู่ต่อหน้าหลี่ชิเย่แล้ว มีความแตกต่างอะไรกับเหล่าราษฎรทั่วไปเล่า?
พวกเขาที่อยู่ในมือของหลี่ชิเย่ ก็เป็นเหมือนดั่งเนื้อที่อยู่บนเขียงเช่นเดียวกันเท่านั้น หลี่ชิเย่สามารถทำให้พวกเขาตายได้อย่างง่ายดาย
กล่าวสำหรับยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนจำนวนมากที่อยู่ในเหตุการณ์ สิ่งที่ต้องประสบนี้ภายในใจของพวกเขารู้สึกสุดจะทนมากเป็นพิเศษ ปรกติแล้วมีแต่พวกเขาที่มองคนอื่นเป็นดั่งมดปลวก ดั่งเนื้อที่อยู่บนเขียง ขณะที่มาวันนี้ พวกเขาเองกลับตกไปเป็นมดปลวก ตกไปเป็นเนื้อที่อยู่บนเขียง
ในเวลานี้ ยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนจำนวนไม่น้อยที่รู้สึกเหม่อลอย ถึงกับเสียวสันหลังวาบ และเผยให้เห็นถึงความหวาดกลัวที่อยู่ลึกๆ ในใจออกมา
ช่าาา…เสียงหนึ่งดังขึ้น ในเวลานี้เศษหินแตกกระจาย มองเห็นพวกแขกสวรรค์เขาทองคำ แขกสวรรค์เคราขาวที่เป็นสี่แขกสวรรค์ได้ออกมาจากหลุมลึก โดยมีเนื้อตัวที่ชุ่มไปด้วยเลือดท่าทางกระเซอะกระเซิงยิ่ง
กล่าวได้ว่า นี่เป็นนาทีที่กระเซอะกระเซิงมากที่สุดในชีวิตของพวกเขา พวกเขาเคยเกรียงไกรทั่วหล้า เคยปราศจากผู้ต่อกรทั่วหล้า เป็นที่เคารพนับถือไปทุกหนทุกแห่ง มาวันนี้กลับถูกผู้อื่นตบคว่ำในหนึ่งฝ่ามือ ซึ่งสิ่งนี้กล่าวสำหรับพวกเขาแล้ว เป็นเรื่องที่ยากจะทนได้จริงๆ
“ยังดี ไม่ได้ถูกตบจนตายในฝ่ามือเดียว มิฉะนั้นล่ะก็นับว่าเป็นที่สิ้นหวังเหลือเกิน เทพแท้จริงขั้นอมตะสี่คนที่แข็งแกร่งถึงเพียงนี้ยังถูกหนึ่งฝ่ามือตบจนตายล่ะก็ มันคือปราศจากผู้ต่อกรในหล้าชัดๆ แล้วจะให้กลุ่มคนรุ่นใหม่ลืมตาอ้าปากได้อย่างไร” ครั้นยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนจำนวนไม่น้อยเห็นพวกของแขกสวรรค์เขาทองคำ แขกสวรรค์เคราขาวที่เป็นสี่แขกสวรรค์ยังคงมีชีวิตอยู่ จึงหายใจด้วยความโล่งอก
แม้จะกล่าวว่าในขณะนี้สี่แขกสวรรค์มีลักษณะที่ดูกระเซอะกระเซิงยิ่งนัก และมีรอยเลือดเต็มตัว ซึ่งได้รับบาดเจ็บมาไม่เบาเลยทีเดียว อย่างน้อยที่สุดพวกเขายังคงมีชีวิตอยู่
ถ้าหากหลี่ชิเย่อาศัยหนึ่งฝ่ามือซัดออกไปตามอารมณ์เช่นนี้ก็สามารถสังหารเทพแท้จริงทั้งสี่จนตายล่ะก็ เรียกว่าเป็นเรื่องที่ทำให้คนสิ้นหวังจริงๆ
เนื่องจากเกรงว่าในแดนลัทธิราชันคงไม่มีใครสามารถทำได้ด้วยการตบแขกสวรรค์ให้ตายพร้อมกันทีเดียวสี่คน ถ้าหากสามารถทำได้คนผู้นี้ก็จะปราศจากผู้ต่อกรอย่างแท้จริง สามารถสยบทั่วทั้งแดนลัทธิราชัน
เมื่อถึงตอนนั้นจะเป็นทำให้ยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนจำนวนมากของแดนลัทธิราชันต้องสิ้นหวังอย่างแท้จริงแล้ว เมื่อมีการดำรงอยู่ของระดับปราศจากผู้ต่อกรลักษณะเช่นนี้ คนอื่นๆ ย่อมไม่มีโอกาสที่จะลืมตาอ้าปากไอด้อยู่แล้ว
ถึงแม้ว่าหนึ่งฝ่ามือที่ฟาดฟันลงมา สี่แขกสวรรค์ยังคงมีชีวิตอยู่แต่ก็มีสีหน้าที่ขาวซีด พวกเขามองตากันและกัน แววตาได้เผยให้เห็นถึงความหวาดกลัวออกมา
จะอย่างไรเสียพวกเขามีความเข้าใจในศักยภาพของตน แม้ว่าพวกเขาทั้งสี่ร่วมมือกันอย่างกะทันหัน โดยที่แขกสวรรค์ชุดเขียวไม่ได้เข้ามาร่วมมือกับพวกเขา นั่นก็มีความแข็งแกร่งเพียงพอแล้ว
อย่างไรก็ตาม การที่พวกเขาทั้งสี่โจมตีร่วมกันยังคงถูกหนึ่งฝ่ามือของหลี่ชิเย่ซัดจนกระเด็น ช่างเป็นผลที่น่ากลัวเหลือเกิน พวกเขาในฐานะที่เป็นใหญ่มายุคสมัยหนึ่ง ยากที่จะจินตนาการได้ว่า ทั่วทั้งแดนลัทธิราชันยังจะมีใครสามารถอาศัยฝ่ามือเดียวซัดพวกเขาทั้งสี่จนปลิวไปพร้อมกันทีเดียว
ถ้าหากสู้กันโดยลำพัง บางทีอาจยังคงผู้ที่สามารถตบพวกเขาจนกระเด็นได้ในหนึ่งฝ่ามือ แต่ทว่า หากพวกเขาทั้งสี่ร่วมมือกัน ยากที่จะหาผู้ที่ดำรงอยู่ในฐานะปราศจากผู้ต่อกรในแดนลัทธิราชันสามารถอาศัยหนึ่งฝ่ามือตบพวกเขาทั้งสี่คนจนกระเด็นไปพร้อมๆ กัน
ในเวลานี้พวกเขาทั้งห้าคนรวมแขกสวรรค์ชุดเขียวต่างจ้องตากันและกัน พวกเขาทั้งห้าต่างก้าวถอยหลังไปหนึ่งก้าว
ในเวลานี้เอง ภายในใจของพวกเขาล้วนแล้วแต่บังเกิดความคิดหนึ่งขึ้นมา นั่นก็คือหนี
กล่าวได้ว่า ลู่เคอะเวิงผู้ดำรงอยู่ในฐานะแข็งแกต่งที่สุดของเคอะเหมิงไม่ได้อยู่ที่ตรงนี้ ต่อให้พวกเขาทั้งห้าคนร่วมมือกัน เกรงว่าก็คงไม่สามารถต่อต้านกับหลี่ชิเย่ได้ ในเวลานี้การกระทำที่ฉลาดที่สุดก็คือหนี
แขกสวรรค์ทั้งห้าล้วนแล้วแต่เป็นผู้ที่เคยผ่านอุปสรรคมานับไม่ถ้วนทั้งสิ้น ล้วนแล้วแต่เป็นผู้ที่คลุกคลีอยู่กับอุปสรรคมาแล้ว ย่อมไม่เหมือนคนหนุ่มเหล่านั้นที่มีเลือดที่ระอุอยู่เต็มอก บุกเข้าสังหารโดยไม่คำนึงถึงผลที่จะตามมาภายหลัง
แต่ว่า พวกเขาเองก็เป็นผู้ที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วหล้า เป็นระดับบรรพบุรุษที่แข็งแกร่งที่สุดของสำนักเจ้าลัทธิๆ หนึ่ง หรือระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิๆ หนึ่ง พวกเขาเป็นตัวแทนด้านชื่อเสียงเกียรติยศของสำนักเจ้าลัทธิ หรือระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิแห่งหนึ่ง ในเวลานี้ต่อให้มีแนวความคิดเป็นร้อยว่าให้หันหลังแล้วหลบหนีไป พวกเขาก็ไม่สามารถหันหลังแล้วหลบหนีไปได้
หากพวกเขาหนีไปตั้งแต่ตอนนี้ ชีวิตที่เหลืออยู่ของพวกเขาก็จะเป็นที่เยาะเย้ยของผู้คน กลายเป็นเรื่องขำขันที่ยิ่งใหญ่ที่สุดชั่วชีวิตของพวกเขา กลายเป็นความอัปยศที่สุดในชั่วชีวิตของพวกเขา
“คุณท่าน พวกเรามีการเข้าใจผิดกันนิดหน่อย” แขกสวรรค์ชุดเขียวพูดนำขึ้นมาก่อน โดยเอ่ยขึ้นช้าๆ ว่า “ข้าเชื่อว่าความแค้นควรละมิควรผูก ดังนั้น มาคราวนี้ พวกเราทำไม่ถูกจริงๆ เวลานี้ก็จะปฏิบัติตามความต้องการของคุณท่าน เคอะเหมิงของพวกเราจะถอนตัวออกจากเมืองหมิงลั่วเฉิงทันที ไม่เหยียบเข้าเมืองหมิงลั่วเฉิงแม้เพียงครึ่งก้าว”
พลันที่แขกสวรรค์ชุดเขียวพูดออกมาเช่นนี้ พลันทำให้ผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ทั้งหมดต่างมองหน้าซึ่งกันและกัน ทุกคนไม่นึกเลยว่าแขกสวรรค์ทั้งห้าจะยอมอ่อนข้อได้เร็วเพียงนี้
เมื่อครู่สี่แขกสวรรค์ยังพูดจายกตนข่มท่านอยู่ด้วยพลังแข็งแกร่งดั่งสายรุ้งที่ทะลุผ่านดวงตะวันไป ไม่นึกเลยว่า เพียงช่วงเวลาสั้นๆ แขกสวรรค์ทั้งห้าที่มีชื่อเสียงโด่งดังก็ยอมอ่อนข้อและยอมแพ้
สมควรทราบว่า แขกสวรรค์ทั้งห้ามีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วหล้า พวกเขาเคยเกรงกลัวต่อใครตั้งแต่เมื่อไรกัน โดยเฉพาะหลังจากที่มีการก่อตั้งเคอะเหมิงขึ้นมาแล้ว พวกเขามีเบื้องหลังที่แข็งแกร่งอย่างเพียงพอ ยิ่งไม่เคยเกรงกลัวต่อผู้ใดในหล้า แม้ต้องเผชิญหน้ากับระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิที่เป็นสามยักษ์ใหญ่ พวกเขาก็สามารถพูดคำพูดที่แข็งกร้าวยิ่งออกมาได้บ้าง
เวลานี้ แขกสวรรค์ชุดเขียวได้ยอมอ่อนข้อยอมแพ้ทันทีต่อหน้าผู้คนจำนวนมาก เป็นการอยู่เหนือความคาดคิดของทุกคน และเป็นเรื่องที่ทุกคนนึกไม่ถึง
ในเวลานี้ ผู้คนจำนวนไม่น้อยมองหน้าซึ่งกันและกัน การที่แขกสวรรค์ชุดเขียวยอมแพ้ในทันทีนั้น นับว่าทำให้ผู้คนตั้งตัวไม่ทันจริงๆ
“ขิงแก่ย่อมเผ็ดกว่า” เมื่อยอดฝีมือรุ่นอาวุโสมองเห็นแขกสวรรค์ชุดเขียวยอมแพ้แล้ว ไม่อาจไม่ยอมรับว่า และกล่าวว่า “แขกสวรรค์ทั้งห้าไม่เสียทีที่เป็นจิ้งจอกเฒ่าที่ผ่านอุปสรรคมานับไม่ถ้วน เมื่อเห็นสถานการณ์ไม่ดีก็สามารถละทิ้งศักดิ์ศรียอมแพ้ สิบวัชระนั้นคือแข็งเกินไปไม่ยอมแพ้ สุดท้ายจึงต้องพ่วงเอาชีวิตของทุกคนเข้าไปด้วย”
“ในเวลานี้การยอมแพ้ก็ไม่ได้มีอะไรอยู่แล้ว” บรรพบุรุษสำนักเจ้าลัทธิก็รู้สึกได้ถึงการยอมแพ้ของแขกสวรรค์ชุดเขียว กล่าวเสียงแผ่วเบาว่า “เจอะเจอกับคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งและน่ากลัวเช่นนี้ ยอมอ่อนให้สักนิดจะเป็นอะไรไป ไหนเลยจะต้องสู้กันจนตายไปข้างหนึ่ง ใช่ว่าจะมีเรื่องแค้นเคืองที่อยู่ร่วมโลกกันไม่ได้”
การที่ระดับบรรพบุรุษสำนักเจ้าลัทธิพูดออกมาเช่นนี้ นอกจากเป็นการเห็นด้วยกับการกระทำของแขกสวรรค์ชุดเขียวแล้ว ก็เป็นการหาทางลงให้กับตนเองด้วย แม้แต่แขกสวรรค์ทั้งห้ายังยอมแพ้ การที่พวกเขาเกรงกลัวต่อคนโหดอันดับหนึ่ง มันก็ใช่เป็นเรื่องที่น่าอายอะไร
“เพิ่งคิดจะอ่อนข้อในเวลานี้ ไม่รู้สึกว่ามันสายไปหน่อยแล้วรึ?” หลี่ชิเย่กล่าวท่าทีเรียบเฉย
คำพูดนี้ทำให้แขกสวรรค์ทั้งห้ามีท่าทีกลืนไม่เข้าคายไม่ออก ด้วยฐานะของพวกเขาแล้ว การยอมแพ้ต่อหน้าผู้คนทั่วหล้าก็เป็นเรื่องที่น่าอับอายอย่างยิ่งแล้ว เวลานี้ยังถูกหลี่ชิเย่ซักถามเช่นนี้ สิ่งนี้กล่าวสำหรับเขาแล้วมันคือความอัปยศอย่างหนึ่ง
“ไม่สาย ไม่สาย” แขกสวรรค์ชุดเขียวหัวเราะแห้งๆ และกล่าวว่า “ไม่ตีกันก็ไม่รู้จักกัน สามารถรู้จักกับยอดคนเช่นคุณท่านนับเป็นเกียรติอย่างหนึ่ง การกระทำของคุณท่านนับว่าเป็นที่เลื่อมใสของผู้คน รุ่นอย่างพวกข้ารู้สึกอับอายยิ่งนัก คนหนุ่มมีพลังน่าเลื่อมใสจริงๆ ใต้หล้าเป็นของกลุ่มคนรุ่นใหม่พวกท่านแล้ว…”
เวลานี้แขกสวรรค์ชุดเขียวทำหน้าด้านเริ่มประจบสอพรอหลี่ชิเย่ขึ้นมา คำพูดที่ยกยอปอปั้นออกมาไม่ขาดสาย
ได้ยินคำพูดหน้าด้านพูดประจบสอพรอหลี่ชิเย่จากปากของแขกสวรรค์ชุดเขียวที่เป็นถึงระดับบรรพบุรุษชั้นสูงเช่นนี้ นับว่าได้ทำให้ผู้คนจำนวนไม่น้อยที่อยู่ในเหตุการณ์รับไม่ทัน
“เหอะ…” บางคนที่ได้สติกลับมาแล้วถึงกับหัวเราะเยาะ และรู้สึกดูแคลนกับการหน้าด้านและไร้ยางอายของแขกสวรรค์ชุดเขียว
เมื่อครู่ ท่าทีของแขกสวรรค์ชุดเขียวอวดแสนยานุภาพเช่นใด ใช้อำนาจบาตรใหญ่และยโสอย่างไร ไม่เคยเห็นใครอยู่ในสายตาอยู่แล้ว เวลานี้กลับหวาดกลัวต่อหลี่ชิเย่ ไม่เพียงยอมแพ้อ่อนข้อให้กับหลี่ชิเย่เท่านั้น ทั้งยังประจบสอพรอหลี่ชิเย่ขึ้นมา
ในเวลานี้ทุกคนต่างจ้องมองไปที่หลี่ชิเย่ เมื่อเห็นแขกสวรรค์ชุดเขียวยอมอ่อนข้อและประจบสอพรอ
นาทีนี้ทุกคนมองว่าสิ่งที่หลี่ชิเย่ได้มานั้นมีมากพอแล้ว ไม่เพียงช่วยชีวิตราษฎรของเมืองหมิงลั่วเฉิงเอาไว้ได้ แม้แต่แขกสวรรค์ทั้งห้าก็ยอมอ่อนข้อให้กับเขา และประจบสอพรอต่อเขา เรียกได้ว่าสิ่งนี้ได้สร้างชื่อให้กับเขาอย่างชนิดไม่มีขีดจำกัดแล้ว
ความสำเร็จเช่นนี้ เกรงว่ายอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนจำนวนนับไม่ถ้วนชั่วชีวิตก็ไม่สามารถก้าวไปถึงระดับนี้ได้
หลายคนมองว่า ในเมื่อสามารถก้าวมาถึงระดับนี้แล้ว หลี่ชิเย่ไม่มีความจำเป็นต้องลงมืออีกแล้ว ทำไมไม่ถือโอกาสตามน้ำซื้อใจเล่า? จะอย่างไรเสียทั้งสองฝ่ายก็ใช่ว่ามีความแค้นที่ไม่อาจอยู่ร่วมโลกกันได้แต่อย่างใด