Emperor's Domination จักรพรรดิบรรพกาล - ตอนที่ 2614 กวาดเรียบ
ตอนที่ 2614 กวาดเรียบ
เสียงตูม…ดังสนั่น ขณะที่หลี่ชิเย่เข้าไปยังแคว้นเหล่าเทพนั้น เห็นเพียงร่างเงาทั้งหมดล้วนแล้วแต่พวยพุ่งพลังที่แข็งแกร่งปราศจากผู้ต่อกรออกมา
ทันใดนั่นเอง มองเห็นร่างเงาแวบหนึ่ง เพียงพริบตาเดียวเทพแท้จริงขั้นอมตะแต่ละคนก็ได้ล้อมหลี่ชิเย่เอาไว้ อีกทั้งพวกเขายืนอยู่บนตำแหน่งค่ายกล กลายเป็นสุดยอดค่ายกลขนาดใหญ่
บนตัวของเทพแท้จริงขั้นอมตะแต่ละคนได้เปล่งประกายอมตะออกมา โดยเฉพาะพวกแขกสวรรค์ชุดเขียวทั้งห้าคน ประกายอมตะที่เปล่งออกมาจากบนตัวของพวกเขาดูจะเจิดจ้าละลานตายิ่งนัก พวกเขาคล้ายดั่งได้รับการแต่งตั้งให้เป็นปราชญ์อย่างนั้น ให้ความรู้สึกผู้คนถึงร่างกายที่ปั้นจากดินสีทอง
เสียงแว้งค์ แว้งค์ แว้งค์เสียงหนึ่งดังขึ้นมาเป็นระลอก ในเวลานี้เอง ทั่วทั้งแคว้นเหล่าเทพได้พวยพุ่งแสงสว่างขึ้นมาเป็นสาย แสงสว่างทุกๆ สายคล้ายเป็นลำแสงที่สาดส่องไปบนตัวของร่างเงาแต่ละสาย ทำให้ร่างเงาแต่ละสายพลันถูกแสงศักดิ์สิทธิ์ส่องให้สว่าง นาทีนี้ เสมือนดั่งพวกเขาทุกคนได้มาด้วยตนเองอย่างนั้น
“ฆ่า…” นาทีนี้ เสียงคำรามเสียงดังได้ดังขึ้น มองเห็นสุดยอดค่ายกลได้ถูกปลุกให้ตื่นขึ้นมาแล้วในขณะนี้ ระดับเทพแท้จริงขั้นอมตะแต่ละคนต่างล้อมวงหลี่ชิเย่เอาไว้และหมุนเคลื่อนที่ไปรอบๆ ตัวของหลี่ชิเย่ อีกทั้งยิ่งหมุนยิ่งเร็ว จนท้ายที่สุดมองไม่เห็นร่างเงาของพวกเขาอีกแล้ว
ตูม ตูม ตูมในเวลานี้ ร่างเงาทั้งหมดเสมือนดั่งได้กลับกลายเป็นกังหันลมขนาดยักษ์ที่หมุนเคลื่อนที่อยู่ ฟ้าดินส่งเสียงดังตูมตาม มองเห็นอาวุธแต่ละเล่ม ของวิเศษแต่ละชิ้นที่พุ่งโจมตีลงมาอย่างบ้าคลั่ง สุดยอดเคล็ดวิชาปราศจากผู้ต่อกรแต่ละแขนง เคล็ดวิชาลับสูงสุดก็ได้เข้าสยบและสังหารต่อหลี่ชิเย่
เสี้ยววินาทีนี้เอง แขกสวรรค์ทั้งห้าและทุกๆ คนล้วนแล้วแต่หายตัวไปโดยพลันอย่างนั้น จากการหมุนด้วยความเร็วรอบที่สูง พวกเขาคล้ายกลับกลายเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่มีพันแขนองค์หนึ่ง
ทันใดนั้นเอง แขนทุกแขนของสิ่งศักดิ์สิทธิ์พันแขนนี้ต่างเสกเอาของวิเศษที่แตกต่างกันออกมา สำแดงกระบวนท่าที่แตกต่างกัน อาวุธแต่ละชิ้นอาศัยอานุภาพที่แข็งแกร่งที่สุดโจมตีสังหารเข้ามา และเคล็ดวิชาแต่ละแขนงก็ได้วิวัฒนาการให้มีอานุภาพที่ลึกล้ำที่สุดพุ่งสังหารลงมา
ในเวลานี้ หลี่ชิเย่ได้ตกอยู่ท่ามกลางการถูกสังหารของพันแขน จุดตายบนตัวทั้งหมด ช่องว่างบนตัวทั้งหมดล้วนแล้วแต่ถูกพันแขนนี้มุ่งสังหาร ทุกๆ การเคลื่อนไหวของเขาล้วนแล้วแต่ถูกสยบเอาไว้
อีกทั้งการโจมตีของพันแขนหาใช่เป็นการโจมตีแบบสะเปะสะปะ กระบวนท่าของแขนแต่ละแขน ของวิเศษทุกๆ ชิ้นที่เข้าโจมตี ล้วนแล้วแต่ประสานร่วมมือกันอย่างไร้ที่ติ ปราศจากช่องโหว่ใดๆ อีกทั้งขณะที่ระหว่างแต่ละกระบวนท่า ของวิเศษแต่ละชิ้นล้วนแล้วแต่ประสานกันอย่างไร้ที่ตินั้น ได้ทำการปิดกั้นทางหนีของหลี่ชิเย่จนสิ้น ทำการล็อคเป้าหมายที่เป็นช่องโหว่บนตัวของหลี่ชิเย่เอาไว้ทั้งหมด ล็อคเป้าที่เป็นจุดตายบนตัวของหลี่ชิเย่ไว้ทุกจุด
ภายใต้การโจมตีเพียงครั้งเรียกได้ว่าสามารถถึงตายได้ กล่าวได้ว่าพลันที่ลงมือก็คือการสังหารที่ทรงพลังและถึงแก่ชีวิตมากที่สุด เหมือนดั่งเป็นพายุฝนฟ้าคะนองที่พุ่งเข้าโจมตีบนตัวของหลี่ชิเย่
ยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนทั้งหมดที่ได้มองเห็นภาพนี้แล้วต่างใจหายใจคว่ำ การโจมตีด้วยแขนพันแขนลงมาเช่นนี้เกรงว่าคงไม่มีใครสามารถต้านเอาไว้ได้ ภายใต้การสังหารเช่นนี้ ไม่ว่าจะเป็นระดับบรรพบุรุษสำนักเจ้าลัทธิใดๆ ก็ต้องหายวับไปกับตาในชั่วพริบตาเดียว
“ไม่ว่าจะเป็นทิศทางใด ไม่ว่าจะเป็นมุมไหนก็ต้องถูกสังหารแน่นอน ขอเพียงคนโหดอันดับหนึ่งลงมือช่องโหว่ต้องถูกโจมตี และการโจมตีทุกอย่างก็จะโจมตีเข้าใส่ดังพายุฝนฟ้าคะนองในพริบตาเดียว และจะยิงจนกลายเป็นดุจดั่งกระชอน เว้นเสียแต่เขาจะไม่ลงมือ” ระดับบรรพบุรุษตระกูลขุนนางโบราณถึงกับเสียวสันหลังวาบ คิดว่าตนเองไม่สามารถต้านการโจมตีอย่างบ้าคลั่งเช่นนี้ได้อยู่แล้ว
แว้งค์เสียงหนึ่งดังขึ้น อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางการโจมตีอย่างบ้าคลั่งในพริบตาเดียวนั้น หลี่ชิเย่ไม่ได้ลงมือเลยแต่อย่างใด บนตัวของเขาได้แผ่ประกายสีทองออกมา ทั้งเนื้อทั้งตัวเหมือนชุบด้วยทองคำ ดูไปแล้วเขาเหมือนคนที่ถูกหลอมสร้างขึ้นมาจากทองคำอย่างนั้น
ปัง ปัง ปังเสียงดั่งสนั่นหวั่นไหวดังขึ้นเป็นระลอก ในพริบตาเดียวนั่นเอง อาวุธแต่ละชิ้น พันมือหมื่นแขนทั้งหมดพุ่งเข้าโจมตีใส่หลี่ชิเย่พร้อมๆ กัน ขณะที่อาวุธ กระบวนท่าทั้งหมดล้วนแล้วแต่ซัดใส่บนตัวของหลี่ชิเย่นั้น ได้ยินเสียงปัง ปัง ปังที่ดั่งสนั่น และเสียงดังตูมตามที่ดังไม่ขาดสาย ดูเหมือนทั่วทั้งแคว้นเหล่าเทพก็สั่นไหวโคลงเคลงขึ้นมา
ในเวลานี้เอง เรื่องที่เหลือเชื่อได้เกิดขึ้น อาวุธทั้งหมด กระบวนท่าทั้งหมดล้วนแล้วแต่โจมตีใส่ร่างของหลี่ชิเย่นั้น หลี่ชิเย่กลับไม่มีอะไรเกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นอาวุธที่แหลมคมแค่ไหนฟาดฟันบนตัวของหลี่ชิเย่ ไม่ว่าจะเป็นค้อนยักษ์ที่มีน้ำหนักเพียงใดทุบใส่ร่างของหลี่ชิเย่ ไม่ว่าจะเป็นหมัดที่พาลเพียงใดซัดใส่ร่างของหลี่ชิเย่…
แต่ทว่า ตัวของหลี่ชิเย่ก็ยังปรากฏประกายสีทองแวบวับไปทั่วตัว เหมือนว่าร่างของเขาหลอมสร้างมาจากทองคำ ไม่บุบสลายแม้แต่น้อย ภาพเช่นนี้คล้ายดั่งเป็นการนำเอาไข่ไก่นับพันนับหมื่นฟองปาใส่บนตัวของมนุษย์เหล็ก โดยที่มนุษย์เหล็กได้ได้รับความเสียหายแม้แต่น้อยนิดอย่างนั้น
ท่ามกลางการโจมตีอย่างบ้าคลั่งในลักษณะเช่นนี้ หลี่ชิเย่ไม่เพียงไม่ได้ถูกโจมตีจนกระอักเลือดออกมา ยิ่งไปกว่านั้นไม่ได้ถูกโจมตีจนน้าอกทะลุอะไรนั่น เขายืนอยู่ตรงนั้นอย่างปลอดภัย ปล่อยให้พันมือหมื่นแขนเข้าโจมตีตามอำเภอใจ กระทั่งเรียกได้ว่าเขาไม่ได้รับความเสียหายแม้แต่เส้นขนเส้นเดียว
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หลี่ชิเย่ไม่ได้ขยับตัวเลยภายใต้การโจมตีใส่ตัวของเขาด้วยอาวุธมากมายขนาดนั้น กระบวนท่ามากมายอย่างบ้าคลั่งเช่นนั้น กลับไม่สามารถสั่นคลอนเขาได้แม้แต่น้อย
“นี่ นี่ นี่มันเป็นไปได้อย่างไรเล่า?” ทุกคนต่างมองดูจนอ้าปากตาค้างพูดอะไรไม่ออกขณะมองเห็นภาพนี้ ทุกคนล้วนแล้วแต่มองดูภาพนี้จนอ้าปากกว้าง
ความแข็งแกร่งของคนโหดอันดับหนึ่งทุกคนต่างประจักษ์แก่สายตาตนเอง ที่ทำให้นึกไม่ถึงก็คือ ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้เขาสามารถยืนอยู่นิ่งๆ สุดแต่พันมือหมื่นแขนโจมตีตามอำเภอใจ แต่ทว่า ไม่ได้รับความเสียหายเลยแม้แต่น้อย
“นี่ นี่ นี่คือกายเพชรที่อยู่ในตำนานรึ?” สิ่งนี้ได้สร้างความประหลาดใจให้กับผู้คนจำนวนมาก เมื่อมองเห็นหลี่ชิเย่ปล่อยให้พันมือหมื่นแขนโจมตีได้ตามอำเภอใจ โดยไม่ได้รับความเสียหายแม้แต่เส้นขนสักเส้น ต่างเข้าใจว่าตัวเองนั้นคงตาลายไป
แม้จะกล่าวว่าทุกคนล้วนแล้วแต่รู้ว่ามีกายเพชรอยู่ แต่ว่า ไม่มีใครที่สามารถทำได้ถึงขั้นกายเพชรอย่างแท้จริง แม้ว่ามีบางคนยากที่จะทำให้เขาบาดเจ็บได้ แต่ เมื่อพบกับศัตรูที่มีความแข็งแกร่งยิ่งกว่าแล้ว ก็ถูกทำห้าดเจ็บสาหัสได้เช่นกัน
แต่ว่า หลี่ชิเย่ยังคงไม่ได้รับบาดเจ็บแม้แต่น้อยเมื่ออยู่ภายใต้การโจมตีอย่างบ้าคลั่งที่น่ากลัวเช่นนี้ เป็นเรื่องยากที่จะให้ผู้คนเชื่อ สิ่งนี้ก็คล้ายดั่งกายเพชรที่อยู่ในตำนานอย่างนั้น
“เอาล่ะ ถึงทีข้าบ้างนะ” หลี่ชิเย่ยิ้มเรียบเฉย มือทั้งสองรวบเข้าหา ระหว่างฝ่ามือทั้งสองพลันปรากฎประกายที่ดั่งคลื่นยักษ์ และในเสี้ยววินาทีนี่เอง ระหว่างฝ่ามือทั้งสองของหลี่ชิเย่เหมือนได้รวบรวมดวงตะวันเอาไว้เป็นล้านล้านดวง ดวงตะวันจำนวนนับไม่ถ้วนได้รวบรวมเอาแสงที่เจิดจ้าและละลานตาที่สุดเอาไว้
ตูม…เสียงดังสนั่นหวั่นไหว ในพริบตาเดียวนั่นเอง ดวงตะวันจำนวนนับล้านล้านดวงเหมือนระเบิดขึ้นพร้อมๆ กัน พลังที่น่าสยองขวัญปราศจากผู้เทียบเทียมพลันพุ่งโจมตีออกมา คลื่นสั่นสะเทือนทำลายที่พุ่งเข้าปะทะทำลายฟ้าดินโดยพลัน
ตูม ตูม ตูมทั่วทั้งแคว้นเหล่าเทพสั่นไหวโคลงแคลงขึ้นมาภายใต้การพุ่งโจมตีของคลื่นสั่นสะเทือนทำลายดังกล่าว กระทั่งได้ยินเสียงดังคร๊ากกกที่เป็นเสียงแตกร้าวดังขึ้น แคว้นเหล่าเทพปรากฏเป็นรอยแยกขึ้นมา
ปังเสียงแตกละเอียดดังขึ้น เมื่อคลื่นสั่นสะเทือนทำลายกวาดผ่านไปอย่างรุนแรง ทุกอย่างล้วนแล้วแต่ พังพินาศย่อยยับ เมื่อทุกคนสามารถมองเห็นสภาพภายในแคว้นเหล่าเทพได้อย่างชัดเจนนั้น เห็นเพียงร่างเงาแต่ละร่างภายใต้คลื่นสั่นสะเทือนทำลายที่น่ากลัวนี้ ถึงกับถูกพุ่งชนจนพังพินาศย่อยยับ ร่างเงาแต่ละร่างหายวับไปกับตาในชั่วพริบราเดียว กลายเป็นควันแต่ละสายที่ล่องลอยกระจายหายไป
ขณะที่แขกสวรรค์ทั้งห้าถูกพุ่งเข้าใส่จนตัวปลิว กระอักเลือดออกมาอย่างแรง และร่างกายปรากฎเลือดที่ไหลทะลักออกมาทั่วตัว ภายใต้การพุ่งเข้าปะทะของคลื่นสั่นสะเทือนทำลายที่น่ากลัวนี้ พลันยิงทำลายร่างของพวกเขาจนแตกละเอียด เกือบจะพุ่งปะทะจนพวกเขาต้องกลายเป็นหมอกเลือดไป
“นี่ นี่ นี่น่าสยองขวัญเหลือเกิน” ทุกคนล้วนแล้วแต่เสียวสันหลังวาบ เมื่อแคว้นเหล่าเทพสงบลงแล้ว และมองเห็นแขกสวรรค์ทั้งห้าที่เกือบจะกลายเป็นหมอกเลือด ร่างเงาของระดับเทพแท้จริงขั้นอมตะทั้งหมดถูกโจมตีจนหายวับไปกับตาในพริบตาเดียว อดรู้สึกหวาดหวั่นพรั่นพรึงไม่ได้
“แค่การโจมตีในลักษณะเช่นนี้ ก็สามารถทำลายสำนักเจ้าลัทธิแห่งหนึ่งได้อย่างง่ายดาย เกรงว่าสามารถยิงทะลุระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิแห่งหนึ่งได้กระมัง” เมื่อระดับบรรพบุรุษสำนักเจ้าลัทธิมองเห็นภาพนี้แล้ว ต่างรู้สึกใบหน้าที่ขาวซีด
“มดปลวกเท่านั้น ยังมีกระบวนท่าเด็ดๆ หรือไม่?” หลี่ชิเย่อาศัยคลื่นสั่นสะเทือนก็ทำลายสุดยอดค่ายกลแคว้นเหล่าเทพไปได้ จากนั้นทำท่าปัดเสื้อผ้าเหมือนปัดฝุ่นที่ติดเสื้อออกไป เอ้อระเหยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
เวลานี้ ทั้งเนื้อทั้งตัวของแขกสวรรค์ทั้งห้าเต็มไปด้วยเลือด แววตาของพวกเขาล้วนแล้วแต่เผยท่าทีที่หวาดผวาออกมา พวกเขาอดที่จะจ้องมองตากันและกันและรู้สึกผวา นึกไม่ถึงเลยว่าอยู่ท่ามกลางแคว้นเหล่าเทพพวกเขาจะพ่ายแพ้ได้เร็วถึงเพียงนี้ และพ่ายแพ้ได้ยับเยินขนาดนี้
“แลกชีวิตกันเลย” ในเวลานี้เอง พวกของแขกสวรรค์ชุดเขียวทั้งห้าต่างมองตากันและกัน ร้องเสียงดังขึ้นมา นาทีนี้พวกเขาไม่มีทางเลือก ได้แต่อาศัยความตายเข้าแลกแล้ว
แว้งค์…เสียงหนึ่งดังขึ้น นาทีนี้เอง บนท้องฟ้าของแคว้นเหล่าเทพปรากฏคันฉ่องลอยขึ้นมาบานหนึ่ง โดยคันฉ่องบานนี้เสมือนดั่งผิวน้ำของทะเลสาบอย่างนั้น ที่น่ากลัวยิ่งกว่าก็คือ ผิวน้ำที่ว่าหาใช่น้ำทะเลสาบ แต่เป็นน้ำเลือด
เหมือนว่าภายในคันฉ่องได้รวบรวมเลือดสดๆ ปริมาณมหาศาลเอาไว้ ที่ทำให้ผู้คนรู้สึกหวาดหวั่นพรั่นพรึงยิ่งกว่าก็คือ คันฉ่องบานนี้ถึงกับมีวิญญาณอาฆาตพยาบาทจำนวนนับไม่ถ้วนล้อมรอบโดยไม่จางหาย ดูจากความคิดอาฆาตพยาบาทและความรู้สึกที่ดุร้ายที่แผ่กระจายออกมาจากคันฉ่องบานนี้แล้ว เหมือนว่าสามารถฉีกฟ้าดินให้ขาดได้อย่างนั้น
“นี่ นี่มันคืออะไร…” ผู้คนจำนวนมากรู้สึกสั่นเทาเมื่อมองเห็นคันฉ่องบานนี้ รู้สึกได้ว่าคันฉ่องบานนี้น่ากลัวอย่างยิ่ง
“สิ่งนี้ต้องอาศัยชีวิตคนจำนวนเท่าไรจึงหลอมสร้างขึ้นมาได้สำเร็จนะเนี่ย นี่ นี่มันคืออาวุธร้าย ไม่ มันคืออาวุธต้องห้าม เป็นอาวุธที่อาศัยชีวิตจำนวนนับไม่ถ้วนหลอมสร้างขึ้นมา” ระดับบรรพบุรุษระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิผู้หนึ่งมองออกถึงความนัยของคันฉ่องบานนี้ ถึงกับมีสีหน้าที่เปลี่ยนไป
“ลำพังอาศัยคันฉ่องบานนี้ เคอะเหมิงพวกเจ้าก็มีโทษสมควรตายหมื่นครั้งแล้ว” หลี่ชิเย่มองดูคันฉ่องบานนี้ทีหนึ่ง และกล่าวน้ำเสียงเย็นชาขึ้นมา
“รอให้เจ้าสามารถพ้นเคราะห์กรรมนี้ไปให้ได้ก่อน แล้วค่อยพูดจานักเลง” แขกสวรรค์ชุดเขียวร้องตวาดออกมาด้วยความโกรธ ในเวลานี้ เสียงตูมดังสนั่นขึ้นมา พวกเขาได้ทำการถ่ายทอดลมปราณทั้งหมดเข้าสู่คันฉ่องบานนี้
ได้ยินเสียงจี๊ด จี๊ด จี๊ดดังขึ้น ในเวลานี้ พวกของแขกสวรรค์ชุดเขียวไม่เพียงมีลมปราณที่แห้งเหือด ร่างกายของพวกเขาก็เริ่มแห้งเหี่ยวลง เหมือนว่าคันฉ่องบานนี้ต้องการดูดเอาเลือดแก่นของพวกเขาจนหมดทั้งร่างอย่างนั้น
“พวกแขกสวรรค์ชุดเขียวต้องการแลกชีวิตแล้ว แม้แต่เลือดวัฒนะของตนก็นำมาใช้จนหมดสิ้น ด้วยการถ่ายทอดเลือดวัฒนะของตนเข้าไปในคันฉ่องบานนั้น ต่อให้พวกเขาสามารถเอาชนะคนโหดอันดับหนึ่งได้ เกรงว่าก็มีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นาน พวกเขาได้ใช้อายุขัยของตนจนหมดสิ้นแล้ว” มียอดฝีมือรุ่นอาวุโสที่มองเห็นภาพนี้แล้วได้พึมพำขึ้นมา
พวกของแขกสวรรค์ชุดเขียวไม่เสียดายที่จะใช้เลือดวัฒนะของตนจนหมดสิ้น ก็เพราะต้องการตายไปด้วยกันกับหลี่ชิเย่
………………