Emperor's Domination จักรพรรดิบรรพกาล - ตอนที่ 2615 อาวุธต้องห้าม
ตอนที่ 2615 อาวุธต้องห้าม
แว้งค์…เสียงหนึ่งดังขึ้น ในเวลานี้เองมองเห็นคันฉ่องโลหิตส่งประกายสีเลือดที่วูบวาบออกมา เมื่อพวกของแขกสวรรค์ชุดเขียวได้นำเอาลมปราณทั้งหมดกระทั่งเลือดวัฒนะอัดฉีดเข้าไปภายในคันฉ่องโลหิตแล้ว คันฉ่องทั้งบานได้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่น่าตกใจขึ้นมา
ท่ามกลางเสียงแว้งค์ที่ดังขึ้น แม้จะกล่าวว่าเห็นประกายเลือดที่วูบวาบ แต่ที่น่ากลัวยิ่งกว่าก็คือ พริบตาเดียวนี้เองคันฉ่องโลหิตนี้คล้ายดั่งกลายเป็นทะเลสาบเลือด ที่มองเห็นคือน้ำในทะเลสาบที่กระเพื่อม ซึ่งน้ำทะเลสาบที่กระเพื่อมดังกล่าวคือเลือดสดๆ ที่ข้นมากจนเกิดการจับตัวแยกกันไม่ออก
แรกทีเดียว ขณะที่ทุกคนมองไปนั้น ยังเข้าใจว่าน้ำทะเลสาบและหรือเงาของทะเลสาบที่อยู่ภายในคันฉ่องโลหิตนั้น เป็นเพียงเงาสะท้อนในกระจก หรือเป็นเพียงการวิวัฒนาการอย่างหนึ่งเท่านั้น
แต่ว่า เมื่อลมปราณของพวกแขกสวรรค์ชุดเขียวได้อัดฉีดเข้าไปภายในคันฉ่องโลหิต และเป็นการปลุกคันฉ่องโลหิตให้ตื่นขึ้นอย่างแท้จริงแล้ว ทุกคนจึงรู้สึกว่านี่มันหาใช่เงาสะท้อนอะไร และหาใช่เป็นการวิวัฒนาการแต่อย่างใด เกรงว่ามันคือทะเลสาบน้ำเลือดอย่างแท้จริง
บางที นี่หาใช่เป็นคันฉ่องโลหิตอะไร แต่เป็นทะเลสาบเลือด เพียงแต่ทะเลสาบลักษณะเช่นนี้ได้อาศัยการกลั่นจนจับตัวแข็งโดยวิชาอภินิหาร แล้วหดตัวย่อลงมาจนมีขนาดคล้ายคันฉ่องบานหนึ่ง มองไปแล้วก็เสมือนหนึ่งเป็นคันฉ่องโลหิตอย่างนั้น
เมื่อน้ำเลือดที่อยู่ในทะเลสาบกระเพื่อม พลันปรากฏกลิ่นคาวเลือดที่ตลบอบอวลไปทั่วฟ้าดิน ฮือออ…ในขณะเดียวกัน บนพื้นผิวของทะเลสาบปรากฏวิญญาณอาฆาตพยาบาทแต่ละตนลอยขึ้นมา วิญญาณอาฆาตพยาบาททุกๆ ตนล้วนแล้วแต่ส่งเสียงร้องคร่ำครวญด้วยความทุกข์ระทม เปี่ยมด้วยความเครียดแค้นที่น่ากลัวยิ่ง ท่ามกลางเสียงร้องที่เศร้ารันทดเช่นนี้ เหมือนหนึ่งเป็นการท่องสวดคำสาปที่ร้ายกาจมากที่สุดในโลกอยู่ เหมือนว่ากำลังสาปแช่งสรรพสิ่งมีชีวิตทั้งหมดที่อยู่บนโลก เสียงร้องคร่ำครวญที่เครียดแค้นดังขึ้นไม่ขาดสาย เหมือนว่าสามารถกวาดทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกจนราบคาบ
“นี่ นี่ นี่มันน่ากลัวมากเหลือเกิน” ยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนจำนวนไม่น้อยมองเห็นทะเลสาบเลือดที่มีประกายเลือดกระเพื่อม มองเห็นวิญญาณอาฆาตพยาบาทจำนวนนับไม่ถ้วนที่วนเวียนและสาบแช่งอยู่ตรงนั้น ทำให้ต้องสั่นเทาทีหนึ่ง
“นี่คืออาวุธต้องห้ามอย่างหนึ่งที่อาศัยชีวิตจำนวนนับไม่ถ้วนกลั่นบูชาขึ้นมาจริงๆ หรือนี่?” มีผู้เยาว์ที่ร่างสั่นเทิ้มทีหนึ่ง ขาทั้งสองข้างสั่นเทาอย่างช่วยไม่ได้ทีหนึ่ง เมื่อมองเห็นภาพนี้แล้ว
“เกรงว่าน่าจะใช่ ทั้งยังอาศัยชีวิตจำนวนไม่น้อย กระทั่งเป็นล้านชีวิต” ระดับบรรพบุรุษผู้หนึ่งกล่าวด้วยท่าทีหนักแน่นจริงจังอย่างยิ่ง
ทุกคนต่างรู้สึกใจหายใจคว่ำเมื่อได้ยินคำพูดเช่นนี้ เพื่อหลอมสร้างอาวุธต้องห้ามลักษณะเช่นนี้แล้ว ต้องอาศัยชีวิตจำนวนนับล้านหรือกระทั่งมากกว่า ช่างเป็นเรื่องที่น่าสยองขวัญเพียงใด และเป็นเรื่องน่ากลัวยิ่งเช่นใด และก็เป็นเรื่องที่โหดร้ายทารุณมากอีกด้วย
ยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนจำนวนไม่น้อยต่างแอบมองตากันและกัน สมควรทราบว่า เคอะเหมิงนั้นก่อตั้งขึ้นมาโดยเทพแท้จริงขั้นอมตะแต่ละคน และบรรดาเทพแท้จริงขั้นอมตะเหล่านี้ก็จะมีระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิที่แข็งแกร่งแต่ละแห่งอยู่เบื้องหลัง กล่าวได้ว่า เคอะเหมิงมีระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิหลายสิบแห่งที่อยู่เบื้องหลัง
หากแต่ละระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจะจับเอาประชาขนสักแปดหมื่นหรือแสนคนเพื่อนำไปใช้ในการหลอมสร้างอาวุธต้องห้ามล่ะก็ เกรงว่าจะไม่มีใครรับรู้เรื่องเช่นนี้
จะอย่างไรเสีย ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิที่แข็งแกร่งแห่งหนึ่ง มีพื้นที่ที่กว้างขวางไร้ขอบเขต ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิแต่ละแห่งมักจะมีสำนักตั้งอยู่นับพันนับหมื่น สำนักและแคว้นซึ่งตั้งอยู่ในระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิที่กว้างขวางไร้ขอบเขตนี้ มีประชาชนนับล้านล้าน แล้วจะมีใครไปรับรู้ได้ เมื่อแต่ละระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิแอบลักพาตัวประชาชนไปสักแปดหมื่นหรือแสนคน? จำนวนเพียงเท่านี้เป็นเพียงจำนวนที่เป็นส่วนน้อยท่ามกลางผู้คนจำนวนนับไม่ถ้วน
“บางที ลู่เคอะเวิงได้มีการคิดเรื่องนี้เอาไว้แล้ว ตั้งแต่เริ่มต้นก่อตั้งเคอะเหมิงขึ้นมา กระทั่งมีความเป็นไปได้ว่า เป้าหมายที่พวกของลู่เคอะเวิงก่อตั้งเคอะเหมิงก็เพื่อการนี้” มีผู้ที่พูดเสียงแผ่วเบาขึ้นมา
คำพูดลักษณะเช่นนี้สร้างความหวาดหวั่นพรั่นพรึงให้กับผู้คน ถ้าหากว่าการก่อตั้งเคอะเหมิงของพวกลู่เคอะเวิงคือการกลั่นบูชานี้ล่ะก็ มันช่างเป็นเรื่องที่น่ากลัวมากเหลือเกิน
ถ้าหากเป็นผู้บำเพ็ญตนคนใดคนหนึ่ง หรือระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิแห่งใดแห่งหนึ่งนำเอาประชาชนจำนวนหลายล้านชีวิต กระทั่งกว่าสิบล้านชีวิตมาหลอมสร้างเป็นอาวุธต้องห้ามชิ้นหนึ่ง ย่อมต้องถูกผู้คนพบเข้าอย่างแน่นอน แม้ว่าจะอาศัยชีวิตของราษฎรทั่วไปมาหลอมสร้างก็ตาม หากถูกพบเห็นเมื่อไหร่ ก็ต้องถูกโจมตีทั้งด้วยวาจาและตัวอักษร
แต่หากว่าหลายสิบระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิแอบร่วมมือกัน แล้วอาศัยชีวิตราษฎรหลายล้านกระทั่งนับสิบล้านชีวิตมาหลอมสร้างอาวุธต้องห้ามสักชิ้นหนึ่ง เมื่อเป็นเช่นนี้ ยอดของผู้คนได้ถูกเฉลี่ยไปยังระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิหลายสิบแห่ง ก็จะดูเป็นจำนวนที่เล็กน้อยมากแล้ว
ผู้คนในระบบถ่ายทอดความคิดด้านลัทธิสักแห่งหากจะมีผู้สูญหายแปดหมื่นถึงแสนคน มันเป็นเรื่องที่หาใช่ปัญหาใหญ่อย่างแน่นอน ปรกติการขัดแย้งระหว่างสำนักด้วยกัน ยอดเสียชีวิตก็มักจะมากกว่าจำนวนนี้อยู่เสมอๆ
หากเป็นไปตามการคำนวณเช่นนี้จริง เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้วก็จะไม่มีใครรับรู้ว่าเคอะเหมิงได้แอบขโมยชีวิตคนจำนวนนับสิบล้านชีวิตมาหลอมสร้างอาวุธต้องห้ามขึ้นมา
“บางที นี่อาจเป็นเพียงการทดลองอย่างหนึ่งเท่านั้น” มีระดับบรรพบุรุษที่เก่ากะลามากกว่านี้ที่รู้ถึงวิธีการหลอมสร้างอาวุธต้องห้ามมากกว่านี้ ได้พูดเสียงแผ่วเบาขึ้นมาว่า “หากการทดลองนี้ประสบผลสำเร็จ ไม่แน่นักอาจจะอาศัยจำนวนที่มากมากกว่านี้ไปหลอมสร้างอาวุธต้องห้ามที่น่าสยองขวัญมากยิ่งขึ้นกว่านี้ มีคำเล่าลือเล่าว่า หากอาศัยโลกทั้งโลกไปหลอมสร้างอาวุธสักชิ้นหนึ่ง ก็จะปราศจากผู้ต่อกรใต้หล้า ไม่รู้ว่าจริงหรือเท็จ”
คำพูดของบรรพบุรุษที่เก่ากะลาผู้นี้พลันทำให้ทุกคนต้องหวาดหวั่นพรั่นพรึง ถ้าหากบรรพบุรุษที่เก่ากะลาผู้นี้กล่าวได้ถูกต้อง เช่นนั้นแล้ว คันฉ่องโลหิตที่เห็นอยู่ตรงหน้าเป็นแค่การทดลองอย่างหนึ่งของเคอะเหมิงเท่านั้นเอง เวลานี้พวกเขาทดสอบจนสำเร็จแล้ว ไม่แน่นักก็จะไปทำการหลอมสร้างอาวุธที่ทรงพลังยิ่งกว่านี้
เมื่อถึงเวลานั้น เกรงว่าจะไม่ใช่แค่ต้องการหลายลานคนเท่านั้น ถึงตอนนั้นอาจจะเป็นหลายสิบล้านกระทั่งเป็นล้านล้านคน
ถ้าหากระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิสักแห่งมีชีวิตที่ถูกนำมาหลอมกลั่นต้องเป็นที่รับรู้ของใต้หล้าอย่างแน่นอน แต่หากแบ่งเฉลี่ยกันไปเป็นหลายสิบระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิ มันก็แค่เหมือนสำนักเจ้าลัทธิ หรือแคว้นๆ หนึ่งของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิใดลัทธิหนึ่งถูกทำลายล้างไปเท่านั้นเอง
ลองนึกภาพดู ในแดนลัทธิราชันมีไฟสงครามต่อเนื่องกันทุกวัน หนึ่งสำนักเจ้าลัทธิ หรือหนึ่งแคว้นถูกทำลายล้าง เรื่องนี้ไม่ถือเป็นเรื่องเล็ก แต่ก็ไม่ได้เป็นเรื่องใหญ่มากเป็นพิเศษ บอกได้แต่เพียงเป็นหัวข้อให้ผู้คนใต้หล้านำมาถกกันเท่านั้น
“ความทะเยอทะยานเช่นนี้น่าสยดสยองเหลือเกิน” ระดับบรรพบุรุษอดที่จะร่างสั่นเทาและรู้สึกหวาดหวั่นพรั่นพรึงไม่ได้ เมื่อได้ยินคำพูดลักษณะเช่นนี้
แว้งค์…เสียงหนึ่งดังขึ้น ในขณะที่ทุกคนกำลังวิพากวิจารณ์ถึงการหลอมสร้างอาวุธต้องห้ามที่น่าสยองขวัญเช่นนี้ด้วยเสียงแผ่วเบา มองเห็นคันฉ่องโลหิตบานดังกล่าวที่อยู่บนท้องฟ้าได้ทิ้งประกายเลือดลงมาด้านล่าง
ในพริบตาเดียวนั่นเอง ประกายเลือดดุจน้ำตกสวรรค์ที่เทลงมา และทำการครอบหลี่ชิเย่เอาไว้ทันที
ประกายเลือดถูกเทลงมาไม่ขาดสาย อีกทั้งประกายเลือดที่เทลงมานั้นเหมือนน้ำเลือดเสียมากกว่า เนื่องจากประกายเลือดที่ถูกเทลงมาดูจะมีความเหนียวหนืดเป็นพิเศษ เหมือนว่าหากถูกมันเกาะติดเอาไว้ก็จะไม่สามารถหลุดไปได้อีกต่อไป
ดังนั้น เมื่อประกายเลือดถูกเทลงมานั้น จึงได้ยินเสียงดังจี๊ดขึ้นมาเสียงหนึ่ง ประกายเลือดถึงกับคล้ายดั่งเป็นน้ำในทะเลสาบพลันท่วมตัวหลี่ชิเย่จนจมมิด โดยที่ร่างของหลี่ชิเย่ถูกท่วมจนจมมิดอยู่ท่ามกลางประกายเลือดดังกล่าว
อีกทั้งขั้นตอนระหว่างประกายเลือดที่ถูกเทลงมา กระทั่งน้ำเลือดไหลท่วมจนจมมิดนั้นเป็นด้วยความรวดเร็วอย่างยิ่ง ภายใต้ความเร็วเช่นนี้ เกรงว่าต่อให้บุคคลผู้นั้นมีความเร็วมากกว่านี้ก็ไม่สามารถหลบหนีไปได้
ยิ่งไปกว่านั้น ที่ตรงนี้คือแคว้นเหล่าเซียน ไม่ว่าจะหลบหนีอย่างไรก็หลบหนีไปไม่ได้ ขอเพียงทะเลสาบเลือดนี้ปรากฎตัว และเมื่อใดที่ประกายเลือดได้เทราดลงมา สถานการณ์ก็ถูกกำหนดเอาไว้แล้วว่าไม่สามารถหลบหนีไปได้อีกเลย
“สำเร็จแล้ว” พวกของแขกสวรรค์ชุดเขียวทั้งห้าต่างรู้สึกดีใจอย่างยิ่ง เมื่อมองเห็นหลี่ชิเย่ถูกประกายเลือดท่วมจนจมมิดไปโดยพลัน
ก่อนหน้านั้น สิ่งที่พวกเขาเป็นกังวลมากที่สุดก็คือ ก่อนที่พวกเขาจะได้ทันปลุกคันฉ่องโลหิตให้ตื่นขึ้น ปล่อยให้หลี่ชิเย่ถอนตัวออกไปจากแคว้นเหล่าเทพ และหรือจังหวะที่ประกายเลือดยังไม่ทันท่วมร่างของหลี่ชิเย่จนจมมิด แล้วถูกเขาอาศัยวิธีการที่ฝืนลิขิตสวรรค์ยิ่งหาทางหลบเลี่ยงไปได้
เวลานี้หลี่ชิเย่ไม่ได้หนีไปก่อนที่คันฉ่องโลหิตจะถูกปลุกให้ตื่นขึ้น และไม่ได้หลบเลี่ยงประกายเลือดนี้ไป ทั้งยังถูกประกายเลือดท่วมมิดร่างไปโดยพลัน
“สำเร็จแล้วจริงๆ” พวกของแขกสวรรค์ชุดเขียวทั้งห้าต่างดีใจกันอย่างยิ่ง หลังจากที่มองเห็นหลี่ชิเย่ถูกประกายเลือดท่วมมิดร่างไปแล้ว พวกเขานึกไม่ถึงว่าจะง่ายดายเช่นนี้ ในสายตาของพวกเขามองว่า ขอเพียงหลี่ชิเย่ถูกประกายเลือดท่วมจนจมมิด ไม่ว่าเขาจะแข็งแกร่งปานใดก็ยากจะหนีความตายไปได้พ้น
เสียงจี๊ด จี๊ด จี๊ดดังขึ้น ครั้นประกายเลือดได้ท่วมจนมิดร่างอย่างสิ้นเชิงไปแล้ว ประกายเลือดค่อยๆ จางหายไป เหมือนดั่งระดับน้ำในทะเลสาบที่ลดลงตลอดอย่างนั้น
ในเวลานี้ ทุกคนได้มองเห็นหลี่ชิเย่อีกครั้งหนึ่ง เพียงแต่ในขณะนี้ประกายเลือดได้มุดเข้าไปภายในร่างกายของหลี่ชิเย่ทั้งหมด เป็นเพราะร่างกายของหลี่ชิเย่ที่รองรับประกายเลือดในปริมาณมากเช่นนี้ จึงทำให้ประกายเลือดค่อยๆ จางหายไป ประกายเลือดทั้งหมดล้วนแล้วแต่มุดเข้าไปภายในร่างกายของเขา
“คนโหดอันดับหนึ่งจะตอบโต้กลับแล้วรึ?” มีผู้ที่เข้าใจว่าหลี่ชิเย่กำลังดูดกลืนเอาประกายเลือดที่ท่วมตนจนจมมิดนั่นไป เมื่อเห็นประกายเลือดที่ค่อยๆ จางหายไป
“ไม่ ไม่ถูก” มียอดฝีมือที่สังเกตเห็นข้อปลีกย่อยแล้วกล่าวด้วยความตระหนกว่า “นี่ไม่ใช่การตอบโต้ของคนโหดอันดับหนึ่ง แต่เป็นประกายเลือดที่ทำการโจมตีต่อเขาอย่างดุเดือด เป็นประกายเลือดที่มุดเร่างเขาอย่างบ้าคลั่ง ประกายเลือดทั้งหมดล้วนแล้วแต่ต้องการมุดเข้าไปภายในร่างกายของเขา ซึ่งสิ่งนี้เกรงว่าเขาจะไม่สามารถป้องกันได้”
“เมื่อประกายเลือดนี้มุดเข้าไปในร่างกายของเขาแล้วจะเป็นอย่างไร?” มีผู้บำเพ็ญตนถึงกับตื่นตระหนกยิ่งนัก และกล่าวว่า “หรือว่าจะทำการหลอมละลายคนโหดอันดับหนึ่งไป”
ตูม…ในขณะนี้เองเสียงหนึ่งดังขึ้น ช่องว่างพลันสั่นสะเทือนทีหนึ่ง เหมือนว่ามีพลังที่ปราศจากผู้ต่อกรทั่วหล้ามาพันธนาการช่องว่างเอาไว้ และดูเหมือนช่องว่างจะถูกบีบอัดไปอย่างนั้น
เสียงจี๊ด…ดังขึ้นมาเสียงหนึ่ง นาทีนี้มองเห็นช่องว่างของแคว้นเหล่าเทพพลันจับตัวและหดตัวลง โดยมีหลี่ชิเย่เป็นศูนย์กลาง พลังของทั่วทั้งช่องว่างล้วนแล้วแต่หดเข้าหาหลี่ชิเย่อย่างบ้าคลั่ง ทั่วทั้งช่องว่างล้วนแล้วแต่กลับกลายเป็นก้อนผลึกอย่างนั้น
ในเวลานี้ช่องว่างดังกล่าวเหมือนต้องการบีบอัดหลี่ชิเย่จนแหลกละเอียดไปอย่างนั้น
ตูม ตูม ตูม…เสียงตูมตามดังขึ้นไม่ขาดสาย แคว้นเหล่าเซียนสั่นไหวโคลงแคลงไปทั่วแคว้น พริบตาเดียวนั่นเอง มองเห็นช่องว่างทั้งหมดได้พวยพุ่งพลังที่ไม่มีสิ้นสุดขึ้นมา โดยที่พลังที่น่ากลัวทั้งหมดนี้ล้วนแล้วแต่กดทับลงบนตัวของหลี่ชิเย่ทั้งสิ้น
พลังเช่นนี้ปราศจากรูปร่าง ไม่ว่าหลี่ชิเย่จะอยู่ที่ใดก็ตาม ก็จะต้องถูกพลังที่ไม่มีสิ้นสุดนี้บีบอัดอยู่
เสียงตึง ตึง ตึงดังขึ้นมา ในเวลานี้เอง ภายในร่างกายของหลี่ชิเย่ปรากฏเสียงโลหะที่กระทบกัน เห็นเพียงประกายเลือดที่มุดเข้าร่างของหลี่ชิเย่ได้ปรากฎขึ้นภายในร่างกายของเขา กลายเป็นกฎเกณฑ์สีเลือดที่ทำการพันธนาการร่างกายของหลี่ชิเย่เอาไว้ และหดตัวลงทีละนิดๆ
มันเสมือนหนึ่งกฎเกณฑ์เหล่านี้ได้ทำการพันธนาการกล้ามเนื้อทุกๆ ตารางนิ้วของหลี่ชิเย่เอาไว้ จากนั้นก่พยายามบีบเข้าหา ต้องการบีบอัดร่างกายของหลี่ชิเย่จนพังทลายลงฝยที่สุด
จี๊ด จี๊ด จี๊ดเสียงประหลาดดังขึ้น ในเวลานี้ ภาพที่แปลกประหลาดยิ่งได้ปรากฏขึ้นต่อหน้าสายตาของทุกคน
มองเห็นร่างกายของหลี่ชิเย่ที่ค่อยๆ กลายเป็นมี่ขนาดที่เล็กลงๆ ทั้งยังเล็กลงเรื่อยๆ เล็กลงเรื่อยๆ
ภายในระยะเวลาอันสั้น มองเห็นร่างกายของหลี่ชิเย่ที่หดตัวลงอย่างบ้าคลั่ง กระทั่งหดเล็กลงไปหลายพันเท่า หลายหมื่นเท่า