Emperor's Domination จักรพรรดิบรรพกาล - ตอนที่ 2630 อาศัยบารมีคนอื่น
ตอนที่ 2630 อาศัยบารมีคนอื่น
“อาศัยลูกเต่าอย่างเจ้าน่ะหรือ?” หลี่ชิเย่รู้สึกอย่างไรก็ได้อย่างยิ่ง มองดูรอบๆ หลูเหว่ยจวินทีหนึ่ง กล่าวท่าทีเรียบเฉยว่า “ถ้าหากเจ้ามีฝีมือ ข้ายังพอจะมองว่าเจ้ามีระดับ แต่ว่า เจ้าก็เป็นแค่สวะที่อาศัยบรรพบุรุษของตนทำยโสและชอบใช้อำนาจบาตรใหญ่เท่านั้นเอง ยังจะมาทำโวยวายที่นี่ไม่เลิก วันนี้ข้าก็จะฆ่าเจ้าก่อน แล้วค่อยฆ่าคนอื่นๆ”
หลูเหว่ยจวินพลันถูกคำพูดลักษณะเช่นนี้ยั่วโมโหจนกระอักเลือด ใบหน้าแดงก่ำแดงจนดูคล้ำ คล้ายเป็นสีของตับหมูอย่างนั้น โมโหจนตัวสั่นพูดอะไรไม่ออกอยู่เป็นเวลานาน
คำพูดของหลี่ชิเย่กลับทำให้คนบางคนรู้สึกสะใจเป็นพิเศษ เนื่องจากทุกคนต่างก็รู้ว่า การที่หลูเหว่ยจวินหยิ่งยโสขนาดนี้ ทำยโสและชอบใช้อำนาจบาตรใหญ่เช่นนี้ ไม่เห็นใครอยู่ในสายตาขนาดนี้ ก็แค่อาศัยความเป็นระดับเทพแท้จริงขั้นอมตะ ชั้นคงความอมตะตลอดกาลของนักพรตไป๋ยื่อที่เป็นบรรพบุรุษของตนเท่านั้น
ในสายตาของอัจฉริยะบุคคลกลุ่มคนรุ่นใหม่บางคนมองว่า หากว่ากันด้วยเรื่องพรสวรรค์ ด้านกำลังความสามารถ หลูเหว่ยจวินก็สู้ตนไม่ได้เลย เวลานี้ตนเองกลับถูกหลูเหว่ยจวินดูถูก หลูเหว่ยจวินกระทั่งอาศัยท่าทางที่ก้มมองดูพวกเขา ทำให้ภายในใจของบรรดาอัจฉริยะบุคคลกลุ่มคนรุ่นใหม่เหล่านี้ดูไม่สบอารมณ์เป็นพิเศษ ก็แค่มีบรรพบุรุษที่ยอดเยี่ยมไม่ใช่รึ? มีอะไรน่าสรรเสริญ
ถึงแม้ภายในใจของผู้คนจำนวนมากจะรู้สึกไม่สบอารมณ์ แต่ก็ไม่กล้าพูดออกมา เวลานี้หลี่ชิเย่กลับพูดความในใจของพวกเขาออกมา เวลานี้ ภายในใจของบรรดาอัจฉริยะบุคคลกลุ่มคนรุ่นใหม่เหล่านี้จึงรู้สึกสะใจเป็นพิเศษ
“คนโหดอันดับหนึ่งย่อมเป็นคนโหดอันดับหนึ่ง ทำอะไรง่ายๆ ตรงไปตรงมา กับใครก็จะใช้อำนาจบาตรใหญ่โหดเหี้ยมเช่นนี้ นับถือ” มียอดฝีมือกลุ่มคนรุ่นใหม่ถึงกับแอบยกนิ้วโป้งให้กับหลี่ชิเย่ รู้สึกสะใจมากเป็นพิเศษ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเห็นท่าทางหลูเหว่ยจวินถูกยั่วโมโหจนกระอักเลือด ยิ่ง่ทำให้ในใจของผู้คนสะใจแย่ไปเลย
“เจ้าคนไม่รู้จักคำว่าตาย วันนี้คุณชายอย่างข้าจะดื่มเลือดของเจ้า ถลกหนังของเจ้า เลาะเส้นเอ็นของเจ้า กินเนื้อของเจ้า!” เวลานี้หลูเหว่ยจวินถึงกับขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน ดวงตาทั้งสองเผยให้เห็นถึงประกายที่โหดเหี้ยมทารุณออกมา ในขณะนี้ ใบหน้าของเขาดูบิดเบี้ยว ท่าทางดูน่าเกลียดน่ากลัวยิ่ง
เขาถูกหลี่ชิเย่ทำให้ต้องอับอายต่อหน้าผู้คนทั่วหล้า จะให้เขากล้ำกลืนความอัปยศเช่นนี้ได้อย่างไร หากไม่สังหารหลี่ชิเย่ ยากที่เขาจะระบายความแค้นในใจไปได้!
“พวกเจ้าทั้งสี่คน ลุยเข้าไป ต้องฆ่าเขาให้ได้ จับมันสับเป็นหมื่นๆ ชิ้น” เวลานี้หน้าตาของหลูเหว่ยจวินดูน่าเกลียดน่ากลัว ขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน สั่งการต่อเทพแท้จริงขั้นอมตะทั้งสี่คนที่อยู่ข้างกายของตน
“ครับ คุณชาย” เทพแท้จริงขั้นอมตะทั้งสี่คนส่งเสียงออกมาพร้อมกัน และเดินไปข้างหน้เ
หากว่ากันด้วยเรื่องของกำลังความสามารถ เทพแท้จริงขั้นอมตะทั้งสี่คนที่อยู่ตรงหน้าไม่รู้ว่าแข็งแกร่งยิ่งกล่าหลูเหว่ยจวินเท่าไร ด้วยกำลังความสามรถลักษณะเช่นนี้หากเปลี่ยนเป็นคนอื่น คนอย่างหลูเหว่ยจวินเป็นได้เพียงผู้เยาว์ของพวกเขาเท่านั้น
แต่มาวันนี้ พวกเขาได้แต่เชื่อฟังคำสั่งของหลูเหว่ยจวิน สุดแต่หลูเหว่ยจวินจะสั่งการ ซึ่งเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ ใครใช้ให้หลูเหว่ยจวินมีบรรพบุรุษที่ยอดเยี่ยมเล่า ที่พวกเขาทำงานให้กับหลูเหว่ยจวินก็แค่ทำตามคำสั่งของนักพรพไป๋ยื่อเท่านั้นเอง
เพียงชั่วพริบตาเดียว เทพแท้จริงขั้นอมตะทั้งสี่คนก็ได้ล้อมวงเข้ามา พวกเขาล้อมหลี่ชิเย่เอาไว้ฉับพลัน ล้อมหลี่ชิเย่เอาไว้ตรงกลาง ปิดกั้นทุกทิศทุกทางและขังหลี่ชิเย่อยู่ในนั้น ต้องการทำศึกใหญ่กับหลี่ชิเย่
“ท่าน เรื่องอะไรก็ตามอย่าให้มันเกินเลยไปนัก คุณชายของพวกเราหาใช่ท่านจะมีเรื่องได้” ในเวลานี้ ระดับเทพแท้จริงขั้นอมตะผู้หนึ่งกล่าวเสียงทุ้มต่ำว่า “เวลานี้ท่านยอมรับผิดและขอโทษต่อคุณชายของพวกเราบางทียังทัน แต่หากก่อเป็นเรื่องใหญ่ขึ้นมา เมื่อถึงตอนนั้น เกรงว่าไม่เพียงท่านต้องนำมาซึ่งภัยถึงแก่ชีวิต แต่ยังทำให้ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิของท่าน สำนักของท่านต้องหายวับไปกับตาในพริบตาจากนี้เป็นต้นไป นายของพวกเราพลันโกรธขึ้นมา ใต้หล้าไม่มีใครสามารถคุ้มครองท่านได้ พลันที่เขาลงมือไม่ว่าจะเป็นระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิอะไรก็ต้องแตกสลายด้วยมือของท่านผู้เฒ่า…”
“นั่นเป็นความคิดของพวกเจ้าเท่านั้นเอง” หลี่ชิเย่โบกมือและกล่าวว่า “ก็แค่เทพแท้จริงขั้นอมตะชั้นคงความอมตะตลอดกาลเท่านั้น ใช่เป็นระดับปฐมบรรพบุรุษแดนลัทธิเซ๊ยน ไหนเลยคู่ควรจะกล่าวถึง มดปลวกเท่านั้นเอง เวลานี้พวกเจ้ารีบไสหัวไปเสียยังทัน ไม่อย่างนั้นล่ะก็ ข้าจะฆ่าพวกเจ้าพร้อมกันทีเดียวไปแลย”
ทุกคนต่างคุ้นเคยกับความดุร้ายและใช้อำนาจบาตรใหญ่ของคนโหดอันดับหนึ่งแล้ว แต่ว่า เมื่อได้ยินคนโหดอันดับหนึ่งเรียกนักพรตไป๋ยื่อเป็น ‘มดปลวก’ ทุกคนได้แต่ยิ้มเจื่อนๆ ไม่สามารถหาคำใดมาเปรียบเปรยถึงสภาพจิตใจของตนในขณะนี้แล้ว
นักพรตไป๋ยื่อคือเทพแท้จริงขั้นอมตะชั้นคงความอมตะตลอดกาลที่ปราศจากผู้ต่อกรนะเนี่ย ทอดสายตามองไปทั่วหล้าใครเล่าจะต่อกรได้? ไม่มีผู้ใดขวางเขาได้ ต่อให้ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดอย่างกู่อี้เฟยก็ไม่ได้
อย่างไรก็ตาม มาวันนี้คนโหดอันดับหนึ่งกลับเรียกเขาเป็นมดปลวก ทุกคนล้วนแล้วแต่ไม่รู้ว่าคนโหดอันดับหนึ่งนั้นอวดดี หรือว่าแข็งแกร่งจนถึงขั้นปราศจากผู้ใดเทียบเทียมได้อีกแล้ว
ทว่าผู้คนจำนวนมากนึกดูอย่างละเอียดแล้ว ก็ให้รู้สึกว่าเป็นไปไม่ได้ ด้วยอายุของคนโหดอันดับหนึ่งเช่นนี้ จะไปแข็งแกร่งกว่านักพรตไป๋ยื่อได้อย่างไรเล่า ถ้าหากจะต้องแข็งแกร่งกว่านักพรตไป๋ยื่อ ก็ต้องเป็นผู้ที่ดำรงอยู่ในฐานะปฐมบรรพบุรุษแล้ว
แต่หากจะกล่าวว่าในแดนลัทธิราชันมีระดับปฐมบรรพบุรุษโผล่ขึ้นมาคนหนึ่ง มันเป็นเรื่องที่ไม่สามารถปิดบังซ่อนเร้นกันได้ เกรงว่าจะต้องเป็นเรื่องที่รู้กันทั่วหล้า
“รีบฆ่าเขาเสีย เดี๋ยวนี้ สับให้เป็นหมื่นๆ ชิ้น” เวลานี้หลูเหว่ยจวินคำรามด้วยความโกรธ ในขณะนี้หน้าตาของเขาดูบิดเบี้ยว ท่าทางเหมือนตกอยู่ในสภาพบ้าคลั่ง อยากจะกินเนื้อของหลี่ชิเย่ ดื่มเลือดของหลี่ชิเย่ให้รู้แล้วรู้รอดไป เขาอยู่ในสภาพที่บ้าคลั่งไปแล้ว
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ พวกเราได้แต่ล่วงเกินแล้ว” เทพแท้จริงขั้นอมตะทั้งสี่คนอดที่จะจ้องมองตากันและกันไม่ได้ ในเวลานี้พวกเขาไม่มีทางเลือก ในใจของพวกเขาก็รู้ดีว่าหลี่ชิเย่นั้นแข็งแกร่งมาก อย่าว่าแต่สู้กันตัวต่อตัวเลย ต่อให้พวกเขาทั้งสี่ร่วมมือกันเกรงว่าก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหลี่ชิเย่
“ล่วงเกิน?” หลี่ชิเย่หัวเราะจางๆ ท่าทางอย่างไรก็ได้ และกล่าวว่า “พวกเจ้าเป็นการรนหาที่ตายเองกระมัง พวกเจ้าเทียบกับแขกสวรรค์ทั้งห้าเป็นอย่างไร? เทียบกับสิบวัชระแล้วเป็นอย่างไร?”
พลันที่หลี่ชิเย่พูดคำๆ นี้ออกมา ทำให้เทพแท้จริงขั้นอมตะทั้งสี่ถึงกับอึดอัดหายใจไม่ออก ถ้าหากว่ากันด้วยกำลังความสามารถเฉพาะบุคคล พวกเขาคิดว่าไม่เห็นจะด้อยกว่าสิบวัชระคนใดคนหนึ่ง
แต่ว่า หากเทียบกับแขกสวรรค์ทั้งห้าแล้ว ดูจะสู้ไม่ได้ จะอย่างไรเสียแขกสวรรค์ทั้งห้ามีชื่อเสียงโด่งดังก่อนพวกเขาเสียอีก กำลังความสามารถก็เหนือกว่าพวกเขา
แต่ว่า แขกสวรรค์ทั้งห้าร่วมมือกัน ก็ต้องตายอย่างอนาถด้วยมือของหลี่ชิเย่เช่นเดียวกัน อาศัยพวกเขาเพียงสี่คนจะไปสับหลี่ชิเย่ให้เป็นหมื่นๆ ชิ้นได้อย่างไรกันเล่า พวกเขาสามารถเอาตัวรอดได้ก็นับว่าไม่เลวแล้ว
“ยังจะลังเลอะไรอีก รีบเอาท่าไม้ตายที่บรรพบุรุษของข้าให้ไว้กับพวกเจ้า” เวลานี้หลูเหว่ยจวินร้องตวาดเสียงดังออกมา “บรรพบุรุษถ่ายทอดวิชาที่ยอดเยี่ยมให้พวกเข้า ไม่เพียงให้พวกเจ้าคุ้มครองข้า และก็ให้พวกเจ้าได้สังหารศัตรูของข้า!”
เวลานี้หลูเหว่ยจวินพูดจายกตนข่มท่าน แสดงอาการออกมาทางใบหจ้า เขาเคยชินเสียแล้วกับการการชี้มือชี้ไม่ต่อยอดฝีมือระดับเทพแท้จริงขั้นอมตะเสียแล้ว
แม้ว่าภายในใจของพวกเขาจะไม่สบอารมณ์ในตัวหลูเหว่ยจวินเป็นพิเศษ อยากจะเตะโด่งเจ้าหลูเหว่ยจวินไปให้มันรู้แล้วรู้รอดไป แต่พวกเขาก็ไม่อาจไม่สยบและทำตามคำสั่งของหลูเหว่ยจวินได้
ในเวลานี้เอง เทพแท้จริงขั้นอมตะทั้งสี่คนมองตากันและกัน ท่าทางพวกเขาหนักแน่นจริงจัง ต่างคนต่างล้วงหยิบเอาหม้อสามขาวิเศษออกมาคนละใบ
หม้อสามขาวิเศษทั้งสี่ใบส่งประกายสัมฤทธิ์แวบวับ เสมือนดั่งตกทอดมาจากยุคสมัยดึกดำบรรพ์อย่างนั้น
แว้งค์…เสียงหนึ่งดังขึ้น ในพริบตาเดียวนั่นเอง หม้อสามขาวิเศษทั้งสี่ใบได้เปิดผนึกขึ้นมา ยามที่หม้อหม้อสามขาวิเศษเปิดผนึกนั้น ฉับพลันก็ได้ส่งประกายสีเลือดวูบวาบขึ้นมา
ได้ยินเสียงแว้งค์ดังขึ้นเสียงหนึ่ง เมื่อประกายสีเลือดปรากฏขึ้นมานั้น บนท้องฟ้าพลันปรากฎเหตุการณ์ประหลาด มองเห็นบุปผาที่โปรยลงมาจากท้องฟ้า ล่องลอยกระจายออกไป เสมือนดั่งได้เปิดแดนเซียนขึ้นมาแดนหนึ่งอย่างนั้น
ในเวลานี้ ปรากฏกลิ่นหอมที่ดั่งชะมดสายหนึ่งตลบอบอวลไปทั่วฟ้าดิน ทำให้ผู้คนอดที่จะสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ทีหนึ่งไม่ได้
“หอมมาก” ผู้คนจำนวนไม่น้อยหลังจากที่สูดลมหายใจเข้าลึกๆ ทีหนึ่งแล้ว พลันรู้สึกได้ถึงความรู้สึกอย่างหนึ่งที่บอกไม่ถูก เสมือนหนึ่งทั่วร่างของตนได้ผ่านการชำระล้างมารอบหนึ่งอย่างนั้น
ในเวลานี้ ประกายเลือดวูบวาบ ได้ยินเสียงแว้งค์ดังขึ้นเสียงหนึ่ง มองเห็นท่ากลางหม้อสามขาวิเศษปรากฏกฎเกณฑ์ขนาดจิ๋วแต่ละข้อลอยขึ้น ทุกๆ ข้อเสมือนดั่งได้ฝังเลี่ยมด้วยดวงดาวจำนวนนับไม่ถ้วนที่อยู่บนท้องฟ้า กฎเกณฑ์ทุกๆ ข้อก็คล้ายเป็นท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวไร้ขอบเขตสิ้นสุดอย่างนั้น ทำการหล่อเลี้ยงโลกธาตุโลกแล้วโลกเล่า
ทุกคนต่างรู้สึกเครียดในใจเมื่อกฎเกณฑ์ลักษณะเช่นนี้ปรากฎ รู้สึกมีผู้ซึ่งดำรงอยู่ในฐานะปราศจากผู้ต่อกรสยบหัวใจของตนเอาไว้ ทำให้ต้องหายใจหอบ
“นี่ นี่ นี่เป็นเลือดแก่น” ระดับบรรพบุรุษถึงกับใจหายใจคว่ำเมื่อรับรู้ถึงกลิ่นอายลักษณเช่นนี้ กล่าวด้วยท่าทีหวาดผวาว่า “นี่ นี่คือเลือดวัฒนะของเทพแท้จริงขั้นอมตะชั้นคงความอมตะตลอดกาล”
“เลือดแก่นของนักพรตไป๋ยื่อ” ผู้คนจำนวนไม่น้อยรู้สึกสะดุ้งในใจ เมื่อได้ยินคำพูดคำนี้
นักพรตไป๋ยื่อคือเทพแท้จริงขั้นอมตะชั้นคงความอมตะตลอดกาล ปราศจากผู้ต่อกรทั่วหล้า เลือดแก่นของเขานั้นล้ำค่าเพียงใด เรียกได้ว่าประเมินค่าไม่ได้
เลือดแก่นลักษณะเช่นนี้ เกรงว่าไม่ว่าใครก็ตามหากได้ครอบครองก็จะต้องได้รับผลประโยชน์ไม่มีสิ้นสุด ยิ่งไปกว่านั้น ดูจากหม้อสามขาวิเศษทั้งสี่ใบ เลือดแก่นที่อยู่ภายในหม้อสามขาวิเศษมีไม่น้อยทีเดียว
ย่อมไม่ต้องสงสัยนักพรตไป๋ยื่อได้นำเลือดแก่นของตนบางส่วนมากลั่นแล้วปิดผนึกเอาไว้ในหม้อสามขาวิเศษ มอบให้กับเทพแท้จริงขั้นอมตะทั้งสี่คน
ในเวลานี้ ยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนจำนวนมากต่างมองตากันและกัน เมื่อได้เห็นภาพนี้ ทุกคนต่างเข้าใจแล้วว่าเพราะอะไรเทพแท้จริงขั้นอมตะทั้งสี่คนจึงยอมรับการสั่งการให้การรับใช้ต่อหลูเหว่ยจวินแล้ว
ด้วยกำลังความสามารถและฐานะของพวกเขา หลูเหว่ยจวินไม่สามารถสั่งการพวกเขาได้อยู่แล้ว การที่พวกเขายินดีรั้งอยู่ข้างกายของหลูเหว่ยจวิน เป็นเพราะนักพรตไป๋ยื่อได้มอบผลประโยชน์ที่ยอดเยี่ยมกับพวกเขา
แม้ว่าเทพแท้จริงขั้นอมตะทั้งสี่คนจะมีกำลังความสามารถที่แข็งแกร่งยิ่ง แต่เมื่อเทียบกับนักพรตไป๋ยื่อที่เป็นผู้ได้รับความเคารพสูงสุดแล้วยังห่างชั้นอีกมากทีเดียว หากจะกล่าวว่านักพรตไป๋ยื่อมอบเลือดแก่นให้กับพวกเขา กล่าวสำหรับพวกเขาแล้วช่างเป็นเรื่องที่น่าเย้ายวนใจเช่นใด
สมควรทราบว่าเลือดแก่นของนักพรตไป๋ยื่อไม่เพียงสามารถทำให้พวกเขากลายเป็นแข็งแกร่งอย่างยิ่งภายในชั่วพริบตา และยังสามารถทำให้พวกเขาได้ยืดอายุขัยออกไป ยิ่งกว่านั้นยังทำให้พวกเขามีทักษะที่ดีขึ้นเรื่อยๆ ภายใต้ความเย้ายวนเช่นนี้ การที่เทพแท้จริงขั้นอมตะทั้งสี่คนยินดีรั้งอยู่ข้างกายหลูเหว่ยจวินคอยให้การรับใช้ก็ไม่นับเป็นเรื่องแปลก
ผู้คนจำนวนไม่น้อยรู้สึกสะดุ้งในใจเมื่อได้เห็นภาพนี้ ในเวลานี้ มียอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนจำนวนไม่น้อยจึงได้ตระหนักกว่านักพรตไป๋ยื่อโปรดปรานในหลูเหว่ยจวินเพียงใด ดูท่านี่ไม่เพียงเพราะหลูเหว่ยจวินเป็นศิษย์ของตระกูลหลูเท่านั้น และเขายังมีสายเลือดของนักพรตไป๋ยื่อในครอบครอง
แม้จะกล่าวว่าศิษย์ตระกูลหลูมีอยู่มากมาย แต่ เกรงว่าผู้ที่มีสายเลือดของนักพรตไป๋ยื่อคงมีไม่กี่คน
สมควรทราบว่า เฉกเช่นผู้ที่ดำรงอยู่ในฐานะนักพรตไป๋ยื่อ เลือดแก่นของเขาล้ำค่ายิ่งนัก จะไม่มอบให้ใครโดยง่ายดาย แต่เวลานี้ เพื่อให้เทพแท้จริงขั้นอมตะทั้งสี่คนรั้งอยู่ข้างกายทำงานให้กับหลูเหว่ยจวินแล้ว นักพรตไป๋ยื่อถึงกับมอบเลือดแก่นให้ ย่อมมองออกได้ว่านักพรตไป๋ยื่อโปรดปราณในตัวหลูเหว่ยจวินเพียงใดแล้ว
…………………………………………….