Emperor's Domination จักรพรรดิบรรพกาล - ตอนที่ 2639 ดูถูกเหยียดหยาม
ตอนที่ 2639 ดูถูกเหยียดหยาม
ราชันแท้จริงต้วนยวี่ หลี่ยวี่เจินเมื่อได้ยินคำพูดของหลี่ชิเย่แล้ว โค้งคำนับและแสดงคารวะแบบจีน และกล่าวว่า “น้อมรับฟังคำของพี่หลี่ หลังจากเรื่องราวที่นี่เสร็จสิ้นลงแล้ว กับพี่หลี่ไม่เมาไม่เลิก”
หลังจากนั้น หลี่ยวี่เจินได้กวาดตามองไปที่พวกเขาเหล่านั้นโดยรอบ และกล่าวว่า “วันนี้ควรจะเป็นโชคดีของพวกเจ้า ตระกูลหลี่ของพวกเราไม่ยื่นมือเข้าไปเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ และก็เป็นเรื่องที่โชคร้ายของพวกเจ้า เกรงว่าวันนี้ก็คือวันตายของพวกเจ้า”
พวกของราชันแท้จริงมู่เจี้ยนรู้สึกไม่พอใจอย่างยิ่งกับคำพูดเช่นนี้ของราชันแท้จริงต้วนยวี่ แต่ว่า พวกเขาก็แค่ส่งเสียงฮึเย็นชาขึ้นมาเท่านั้น พวกเขาเองก็ไม่ต้องการให้เกิดเรื่องราวแทรกซ้อนขึ้นมา กล่าวสำหรับพวกเขาแล้ว การที่ราชันแท้จริงต้วนยวี่ไม่ยื่นมือเข้ามายุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้เป็นสิ่งที่พวกเขาต้องการมากที่สุด
บรรดาผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์เมื่อได้เห็นภาพนี้แล้วต่างรู้สึกใจหายใจคว่ำ เวลานี้ผู้คนจำนวนไม่น้อยต่างมองหน้ากันและกัน
ความพาลแข็งกร้าวและดุดันของราชันแท้จริงต้วนยวี่นั้นทุกคนต่างประจักษ์แก่สายตา นางที่อยู่ในฐานะราชันแท้จริงหกลัคนาได้ประกาศออกมาตรงๆ ว่าจะสังหารราชันแท้จริงมู่เจี้ยน ยิ่งกว่านั้นท่าทางที่อันธพาลต้องการท้าสู้กับลู่เคอะเวิง กล่าวได้ว่า ราชันแท้จริงต้วนยวี่ที่แข็งแกร่งปราศจากผู้ต่อกรนับว่าไม่เห็นราชันแท้จริงมู่เจี้ยนอยู่ในสายตาเอาเสียเลย แม้แต่ลู่เคอะเวิงที่เป็นเทพแท้จริงขั้นอมตะรุ่นเก่ากะลาปราศจากผู้เทียบเทียม นางยังคงกล้าท้าสู้จนถึงที่สุด
อย่างไรก็ตาม ด้วยท่าทีของราชันแท้จริงต้วนยวี่ที่พาล แข็งกร้าวดุดัน ท่าทีที่หมางเมินทั่วหล้า ท่าทีที่ดูถูกเหยียดหยามเหล่าผู้กล้าเช่นนี้ ถึงกับยอมปฏิบัติตามคำสั่งของคนโหดอันดับหนึ่งทุกอย่าง ถึงกับให้ความเคารพนับถือต่อคนโหดอันดับหนึ่งขนาดนี้ นับว่าเป็นเรื่องที่เหนือความคาดคิดยิ่งของทุกคน
ลองคิดดู ราชันแท้จริงต้วนยวี่คือราชันแท้จริงหกลัคนา กำลังความสามารถของนางจะมีความเข้มแข็งขนาดไหน เฉกเช่นราชันแท้จริงอย่างราชันแท้จริงมู่เจี้ยนไม่ได้อยู่ในสายตาอีกแล้ว แม้แต่ลู่เคอะเวิงที่เป็นบรรพบุรุษรุ่นเก่ากะลาที่แข็งแกร่งเช่นนี้ นางก็ยังคงอาศัยท่วงท่าที่แข็งกร้าวและพาลไปท้าสู้
ตรงกันข้ามกับคนโหดอันดับหนึ่ง นางกลับแสดงออกให้ความเคารพนับถือ แสดงออกถึงการปฏิบัติตาม สิ่งนี้บ่งบอกว่าฐานะของคนโหดอันดับหนึ่งที่อยู่ในใจของนางนั้นเหนือกว่าพวกของลู่เคอะเวิงมากทีเดียว
กระทั่งกล่าวได้ว่า ภายในใจของราชันแท้จริงต้วนยวี่นั้น หลี่ชิเย่แข็งแกร่งมากกว่าพวกของลู่เคอะเวิงมากเหลือเกิน
“คนโหดอันดับหนึ่งถึงกับได้รับการยอมรับจากราชันแท้จริงต้วนยวี่ถึงเพียงนี้ นี่ นี่ออกจะน่ากลัวมากเกินไปแล้วกระมัง” ผู้คนจำนวนมากที่มองเห็นราชันแท้จริงต้วนยวี่ถึงกับยอมปฏิบัติตามคำสั่งของหลี่ชิเย่ถอยไปอยู่ข้างๆ ทำให้ในใจของพวกเขาถึงกับสะดุ้ง ผู้คนจำนวนมากต่างรู้สึกใจหายใจคว่ำ
“ราชันแท้จริงต้วนยวี่เป็นราชันแท้จริงหกลัคนา แข็งกร้าวและพาล เกรียงไกรทั่วหล้า นับตั้งแต่นางเข้าสู่ยุทธภพเป็นต้นมาเคยเกรงใจใครมาก่อน เวลานี้กลับให้ความเคารพและคล้อยตามคนโหดอันดับหนึ่งถึงเพียงนี้ นี่ นี่ นี่ออกจะดุดันเกินไปแล้ว” แม้แต่บรรพบุรุษสำนักเจ้าลัทธิก็อดที่จะสะดุ้งในใจ และรู้สึกหวาดหวั่นพรั่นพรึงในใจอยู่บ้าง
ในเวลานี้ บรรพบุรุษสำนักเจ้าลัทธิจำนวนไม่น้อยต่างมองหน้ากันและกัน เฉกเช่นราชันแท้จริงต้วนยวี่ที่เป็นคนแข็งกร้าวและอันธพาล หากไม่แข็งแกร่งจนถึงระดับแบบนั้น ไม่สามารถทำให้นางคล้อยตามได้อยู่แล้ว ในบรรดากลุ่มคนรุ่นใหม่ของแดนลัทธิราชันราชันแท้จริงมู่เจี้ยนนับว่าแข็งแกร่งมากพอแล้วกระมัง แต่ ราชันแท้จริงต้วนยวี่กลับดูถูกเหยียดหยามเขา ประกาศว่าจะสังหารเขา
ลู่เคอะเวิงนับว่ามีชื่อเสียงโด่งดังทั่วหล้าเพียงพอ สยบหมื่นอาณาจักรแล้วกระมัง ราชันแท้จริงต้วนยวี่ยังคงอาศัยท่วงท่าที่แข็งกร้าวและอันธพาลไปท้าสู้กับเขา
อย่างไรก็ตาม ราชันแท้จริงต้วนยวี่กลับเฉพาะเจาะจงให้ความเคารพและคล้อยตามต่อหลี่ชิเย่ นางคือคนโหดที่เคยลุยเดี่ยวเข้าตระกูลมู่ เข่นฆ่าคนของตระกูลมู่จนล้มระเนระนาดนะเนี่ย มาวันนี้กลับให้ความเคารพและคล้อยตามถึงเพียงนี้ ย่อมสามารถจินตนาการได้ว่าคนโหดอันดับหนึ่งช่างสามารถทำให้ราชันแท้จริงต้วนยวี่ต้องยอมรับและเชื่อฟังเพียงใด
“คนโหดอันดับหนึ่งนี่แข็งแกร่งถึงขั้นไหนแล้วกันแน่” แม้แต่ระดับบรรพบุรุษที่เก่ากะลายิ่งยังรุ้สึกสั่นเท่าขึ้นในใจ
“การสวามิภักดิ์ของราชันแท้จริงต้วนยวี่ นี่ นี่ นี่เหลือเชื่อเกินไปแล้ว ทั่วหล้ายังมีใครสามารถทำได้? หรือว่านี่ นี่ นี่คือผู้ดำรงอยู่ในฐานะปฐมบรรพบุรุษรึ?” โดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่แล้วยิ่งมีสีหน้าที่ขาวซีด ถึงกับสั่นเทิ้มขึ้นมา
การจะทำให้ราชันแท้จริงคนหนึ่งยอมสวามิภักดิ์ใช่เป็นเรื่องง่ายดาย มีราชันแท้จริงคนไหนบ้างที่ไม่ใช่เป็นผู้ที่มีนิสัยหยิ่งยโสไม่ยอมสยบให้ใครอยู่แล้ว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงราชันแท้จริงต้วนยวี่ที่เป็นราชันแท้จริงประเภทแข็งกร้าวและอันธพาลแล้ว
ทุกคนไม่สามารถจินตนาการได้อีกแล้วว่า คนโหดอันดับหนึ่งนั้นมีความน่ากลัวถึงเพียงใดกันแน่ จึงสามารถทำให้ผู้ที่ดำรงอยู่ในฐานะอย่างราชันแท้จริงต้วนยวี่ยอมคล้อยตามและให้ความเคารพถึงเพียงนี้
“เกรงว่าต่อให้ไม่ใช่ระดับปฐมบรรพบุรุษก็คือระดับคงความอมตะตลอดกาล ต่อให้ไม่ใช่คงความอมตะตลอดกาลก็คงไม่ไกลแล้วล่ะ อีกทั้ง คนโหดอันดับหนึ่งถึงกับมีอายุหนุ่มแน่นมากขนาดนี้ก็น่ากลัวถึงเพียงนี้แล้ว อนาคตมิแย่เลยรึ มิเท่ากับกลายเป็นผู้ดำรงอยู่ในฐานะปฐมบรรพยบุรุษนั่น” ท่าทีของราชันแท้จริงต้วนยวี่พลันสร้างความสะเทือนหวั่นไหวให้กับทุกคน และทำให้ผู้คนจำนวนไม่น้อยเริ่มคาดคะแนถึงกำลังความสามารถของหลี่ชิเย่
กล่าวสำหรับภายในใจของบรรดาอัจฉริยะบุคคลกลุ่มคนรุ่นใหม่แล้ว เรียกได้ว่าปรากฎความรู้สึกร้อยพันเมื่อได้เห็นภาพนี้ กล่าวสำหรับพวกเขา การที่สามารถได้รับการโปรดปรานจากราชันแท้จริงต้วนยวี่มองดูแวบหนึ่ง ก็เป็นเกียรติอันสูงสุดอย่างหนึ่งแล้ว ส่วนเรื่องที่ว่าได้รับการเคารพและคล้อยตามเช่นนี้จากราชันแท้จริงต้วนยวี่นั้น เป็นเรื่องที่พวกเขาไม่กล้านึกถึงแม้ในความฝัน
ดังนั้น บรรดาอัจฉริยะบุคคลกลุ่มคนรุ่นใหม่จำนวนไม่นอยจึงรู้สึกอิจฉาริษยาและแค้นเคือง ขณะจ้องมองดูหลี่ชิเย่
หลี่ชิเย่เพียงก้าวเดินออกมาอย่างช้าๆ บิดขี้เกียจทีหนึ่งด้วยท่าทางตามอารมณ์ และสบายอกสบายใจอย่างยิ่ง ท่ามกลางการตื่นตะลึงของทุกคน มองดูพวกของราชันแท้จริงมู่เจี้ยน ลู่เคอะเวิงพวกเขาสี่คนทีหนึ่ง กล่าวเรียบเฉยขึ้นมาว่า “พวกเจ้าเข้ามาพร้อมๆ กันก็แล้วกัน ข้าเกรงว่าหากสู้กันตัวต่อตัวแล้วพวกเจ้าจะต้านไม่ได้สองถึงสามกระบวนท่า ไม่สิ สองหรือสามกระบวนท่านั้นเป็นเพราะข้าเล่นกับพวกจ้าเท่านั้น หากข้าเล่นของจริง เกรงว่าพวกเจ้าก็ได้แค่หนึ่งถึงสองกระบวนท่าเท่านั้น”
พวกราชันแท้จริงมู่เจี้ยน ลู่เคอะเวิง สี่พุทธา ผู้เฝ้าดูต้นไม้ พวกเขาคนไหนบ้างที่ไม่ใช่ผู้ที่สยบใต้หล้า ขอเพียงพวกเขากระทืบเท้าทีหนึ่ง ก็จะทำให้สั่นเทาไปทั่วแดนลัทธิราชัน
มาวันนี้ กลับถูกหลี่ชิเย่ดูถูกเหยียดหยามถึงเพียงนี้ ถึงกับหาญกล้าบอกว่าพวกเขาไม่สามารถรับมือหลี่ชิเย่ได้แม้เพียงสองถึงสามกระบวนท่า สิ่งนี้กล่าวได้ว่าเป็นการถูกคนอื่นดูถูกเหยียดหยามเช่นนี้เป็นครั้งแรกในชีวิต พลันทำให้พวกเขาตาเบิกกว้างทั้งสองข้าง และดูดุเดือดรุนแรง เผยปณิธานการฆ่าที่น่ากลัวขึ้นมา
“ไม่ปฏิเสธว่าเจ้าเหนือกว่าข้า แต่ สามารถเอาชนะพวกเราในสองสามกระบวนท่าได้ ออกจะวาจาสามหาวมากเกินไปแล้วกระมัง” ดวงตาทั้งสองของราชันแท้จริงมู่เจี้ยนดูน่าเกรงขาม มองเห็นปณิธานการฆ่าที่น่ากลัววูบวาบ เสียงที่หนักแน่นเสมือนดั่งกระบี่ออกจกฝักอย่างนั้น ระหว่างคำพูดได้ปรากฏปณิธานการฆ่าที่ตลบอบอวลแล้ว
เวลานี้ ราชันแท้จริงมู่เจี้ยนก็ยอมรับแล้วว่าหลี่ชิเย่เหนือกว่าพวกเขาจริง กระทั่งเหนือกว่าลู่เคอะเวิง แต่ว่า หากหลี่ชิเย่จะบอกว่าแค่สองสามกระบวนท่าก็สามารถเอาชนะพวกเขาได้นั้น พวกเขาไม่เชื่อกระทั่งตัวเอง
“เชื่อหรือไม่เชื่อ พวกเจ้าจะได้รู้เร็วๆ นี้แล้ว” หลี่ชิเย่ทำท่ายักไหล่ทีหนึ่งไม่ได้มีปัญหาอะไร กล่าวเรียบเฉยขึ้นมาว่า “แต่ว่า เมื่อถึงตอนนั้นแล้วพวกเจ้าคิดเสียใจภายหลังก็ไม่มีโอกาสอีกแล้ว โลกนี้ไม่มียาแก้เสียใจภายหลังขาย”
“คนหนุ่มมีพลังที่น่าเคารพเลื่อมใส คนหนุ่มมีพลังที่น่าเคารพเลื่อมใส” ลู่เคอะเวิงถึงกับไม่แสดงอาการโกรธ ชมเปาะทีหนึ่ง พยักหน้าและกล่าวว่า “ตาเฒ่าอย่างพวกเราจากการที่อายุมากขึ้นทุกวัน สภาพร่างกายแย่ลงทุกวัน สู้กันตัวต่อตัวเกรงว่าพวกเราจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเจ้า วันนี้พวกเราก็ทำหน้าหนานิดหนึ่ง พวกเราสี่คนร่วมมือกันรับการชี้แนะจากสุดยอดเคล็ดวิชาในหล้าของเจ้า”
ในเวลานี้ ลู่เคอะเวิงก็ยอมรับจากปากของตนว่าสู้คนโหดอันดับหนึ่งไม่ได้ ภายในใจของทุกคนล้วนแล้วแต่สะดุ้งเมื่อได้ยินคำพูดของลู่เคอะเวิง ทุกคนอดที่จะมองหน้าซึ่งกันและกันไม่ได้
แม้จะกล่าวว่าก่อนหน้านี้ทุกคนต่างก็มีการคาดเดาอยู่ก่อนแล้ว เพียงแต่ยังไม่กล้ายืนยัน เวลานี้ลู่เคอะเวิงก็ได้ยอมรับด้วยตนเองแล้ว ย่อมเป็นการบ่งบอกว่ากำลังความสามารถของคนโหดอันดับหนึ่งเหนือกว่าลู่เคอะเวิงจริงๆ ความจริงข้อนี้นับว่าเป็นการหยิกหัวใจของผู้คนอย่างแรงทีหนึ่งโดยแท้
โดยเฉพาะกล่าวสำหรับกลุ่มคนรุ่นใหม่แล้ว เฉกเช่นราชันแท้จริงมู่เจี้ยนที่เป็นยอดอัจฉริยะบุคคที่เป็นหนึ่งไม่เป็นสองรองใคร ในความคิดของพวกเขาคือยอดเยี่ยมอย่างยิ่งแล้ว สำหรับผู้ที่ดำรงอยู่ในฐานะเช่นลู่เคอะเวิงนั้น คือผู้ที่ยืนอยู่จุดสูงสุดของแดนลัทธิราชันแล้ว ทั่วแดนลัทธิราชันคงมีไม่กี่คนที่สามารถตัดสินแพ้ชนะกับลู่เคอะเวิงได้อีกแล้ว
เวลานี้คนโหดอันดับหนึ่งถึงกับแข็งแกร่งกว่าลู่เคอะเวิงเสียอีก และอายุอ่อนกว่าผู้คนจำนวนมาก แล้วจะไม่ให้ภายในใจของผู้คนต้องรู้สึกสั่นเทาได้อย่างไร ด้วยกำลังความสามารถเช่นนี้ ชั่วชีวิตของพวกเขาได้แต่มองแต่เอื้อมไม่ถึง
กล่าวสำหรับอัจฉริยะบุคคลกลุ่มคนรุ่นใหม่จำนวนไม่น้อยแล้ว เรื่องเช่นนี้นับเป็นความจริงที่โหดร้ายอย่างยิ่ง เป็นการกระทบอย่างแรงต่อความเชื่อมั่นของพวกเขา โดยเฉพาะอัจฉริยะบุคคลบางคน พวกเขาต่างมั่นใจในกำลังความสามารถของตน กระทั่งกระหยิ่มยิ้มย่อง แต่ทว่า เมื่อเปรียบเทียบกับคนโหดอันดับหนึ่งในเวลานี้แล้ว ความสำเร็จที่พวกเขาได้มาเพียงเท่านั้น ช่างเป็นเรื่องที่ไร้ค่าคู่ควรจะกล่าวถึง็น
ดังนั้น ครั้นอัจฉริยะบุคคลกลุ่มคนรุ่นใหม่จำนวนมากที่เดิมมีความรู้สึกที่ดี นำเอาตนเองไปเปรียบกับคนโหดอันดับหนึ่งแล้ว อดที่จะรู้สึกสิ้นหวังไม่ได้
ไม่มีการเปรียบเทียบก็ไม่มีความเจ็บปวด ดังนั้น ในเวลานี้ไม่รู้ว่ามีผู้บำเพ็ญตนกลุ่มคนรุ่นใหม่จำนวนเท่าไรที่จ้องมองดูคนโหดอันดับหนึ่งด้วยท่าทางเหม่อลอย ในสมองของพวกเขามีแต่ความว่างเปล่า
หลี่ชิเย่เพียงยิ้มนิดหนึ่งเท่านั้นสำหรับคำพูดที่ดูถ่อมตนนั่น กล่าวเรียบเฉยว่า “วางใจเถอะ ข้าจะไม่ขัดขวางพวกเจ้าอยู่แล้ว พวกเจ้าคิดจะร่วมมือกันเข้ามา ก็ร่วมมือกันตามสบายเถอะ”
“คนอย่างข้าเป็นคนที่ใจกว้างตลอดมา พวกเจ้ามีท่าไม้ตายอะไร มีเคล็ดวิชาที่ต้องอาศัยความร่วมมือ รู้ใจ โจมตีพร้อมกันอะไรนั่น เมื่อเป็นเช่นนี้ ถือโอกาสเวลานี้ยังมีเวลาพวกเจ้าก็ปรึกษาหารือกันก่อน รอให้ข้าลงมือแล้ว เกรงว่าพวกเจ้าก็จะไม่มีโอกาสเช่นนี้อีกแล้ว” ครั้นหลี่ชิเย่เอ่ยมาถึงตรงนี้ได้หัวเราะทีหนึ่ง
การที่หลี่ชิเย่ใจกว้างเช่นนี้พลันทำให้ทุกคนต่างงุนงง ทุกคนล้วนแล้วแต่นึกไม่ถึงว่าหลี่ชิเย่จะพูดออกมาเช่นนี้
ในสายตาของยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนใดๆ ก็ตามมองว่า เมื่อต้องเผชิญกับการร่วมมือโจมตีของศัตรูนั้น ทางที่ดีที่สุดก็คืออย่าให้ศัตรูมีโอกาสร่วมมือกัน หรือมีสัญญาที่รู้ใจกัน เมื่อไรที่ปล่อยให้ศัตรูได้รู้ใจกันและร่วมมือกันได้ ก็จะทำให้ศัตรูมีความแข็งแกร่งขึ้นมา และไม่เป็นผลดีต่อตนเอง
เวลานี้คนโหดอันดับหนึ่งถึงกับอนุญาตให้พวกของราชันแท้จริงมู่เจี้ยนได้ปรึกษาหารือถึงยุทธวิธีได้ ถึงกับอนุญาตให้พวกของลู่เคอะเวิงได้ปรึกษาหรือถึงเคล็ดวิชาการโจมตีร่วมกัน ความใจกว้างเช่นนี้เป็นเรื่องที่ไม่กล้าจินตนาการ นี่จะต้องอาศัยจิตใจที่แข็งแกร่งเพียงใด
“คนโหดอันดับหนึ่งมั่นใจในกำลังความสามารถของตนเต็มเปี่ยม” มีผู้พึมพำขึ้นมาเมื่อได้ยินคำพูดเช่นนี้ของหลี่ชิเย่
“คนโหดอันดับหนึ่งสามารถต้านการร่วมมือกันของพวกลู่เคอะเวิงสี่คนได้จริงรึ?” ในเวลานี้มีผู้คนจำนวนมากต่างไม่ค่อยอยากจะเชื่อขณะมองดูหลี่ชิเย่ สำหรับภาพนี้แล้ว พวกเขาต่างเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง
ต่อให้คนโหดอันดับหนึ่งแข็งแกร่งกว่าพวกของลู่เคอะเวิงทุกคน แต่ว่า เมื่อลู่เคอะเวิงพวกเขาร่วมมือกันสี่คน พลานุภาพที่สำแดงออกมานั้นไม่อาจจินตนาการได้ คนโหดอันดับหนึ่งสามารถต้านได้จริงรึ? สิ่งนี้ทำให้ผู้คนจำนวนมากต่างรู้สึกสงสัย
“ความใจกว้างของคุณท่าน พวกเราขอขอบคุณ” ลู่เคอะเวิงมีบุคลิกที่น่านับถือยิ่ง พยักหน้า และเอ่ยขึ้นช้าๆ ว่า “พวกเราไม่จำเป็นต้องปรึกษาหารือกันอีก ในใจของพวกเราได้มีสัญญาใจกันแล้ว”
คำพูดนี้ของลู่เคอะเวิงใช่เป็นคำพูดที่โอ้อวด ดูท่าก่อนหน้านี้พวกเขาได้มีการปรึกษาหารือกันถึงมาตรการตอบโต้แล้ว
“ดี เช่นนั้นก็ลงมือเถอะ” หลี่ชิเย่ทำท่าบิดขี้เกียจ และกล่าวเรียบเฉยขึ้นมา
…………………………..