Emperor's Domination จักรพรรดิบรรพกาล - ตอนที่ 2655 โลกภายใน
ตอนที่ 2655 โลกภายใน
หลี่ชิเย่ก้าวเท้าเข้าไปในประตูมิติ เมื่อเขาก้าวเท้าเข้าไปก็ได้เข้าสู่โลกที่ใหม่ทั้งหมดโลกหนึ่ง เหมือนว่าระบบถ่ายทอดทางด้านลัทธิสือยวิ่นไม่ได้คงอยู่อีกต่อไปแล้วอย่างนั้น
ที่ตรงนี้คือโลกภายในของระบบถ่ายทอดทางด้านลัทธิสือยวิ่นแห่งหนึ่ง แน่นอน ใช่ว่าระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิใดๆ ล้วนแล้วแต่มีโลกภายในได้ การที่ปฐมบรรพบุรุษคนหนึ่งสรรสร้างโลกภายในขึ้นมาโลกหนึ่ง ย่อมต้องมีความหมายที่ลึกซึ้งของเขาอย่างแน่นอน
โลกภายในของระบบถ่ายทอดทางด้านลัทธิสือยวิ่นเป็นระบบทางน้ำที่มีขนาดใหญ่โตมโหฬารมาก ขณะที่เหยียบเข้าไปภายในโลกภายในนั้น ก็จะพบว่าโลกภายในนี้มีลักษณะของแม่น้ำลำคลองที่ตัดกันไปมา แม่น้ำลำคลองแต่ละสายที่คล้ายดั่งมังกรยักษ์แต่ละตัวที่ยึดครองผืนแผ่นดินผืนนี้เอาไว้
แม่น้ำลำคลองทุกๆ สายที่ผาดโผนตัดไขว้กันไปมาทั้งหมด กลายเป็นโลกภายในที่มีระบบทางน้ำที่แยกเป็นสาขาครอบคลุมพื้นที่ที่ใหญ่ที่สุด สลับซับซ้อนมากที่สุด และลึกซึ้งมากที่สุด
ท่ามกลางโลกภายในที่มีแม่น้ำลำคลองตัดไขว้กันไปมา ไม่ว่าจะไปที่แม่น้ำลำคลองสายใดก็ตาม ดูเหมือนล้วนแล้วแต่สามารถไปถึงสถานที่ทุกแห่งของโลกภายใน และท่ามกลางโลกภายในลักษณะเช่นนี้ ไม่ว่าจะก้าวเข้าไปยังแม่น้ำลำคลองสายใดๆ ก็ตามก็มีโอกาสหลงทาง กระทั่งกล่าวได้ว่าเดินผิดเพียงก้าวเดียว จะไม่สามารถออกมาจากระบบทางน้ำที่สลับซับซ้อนนี้ได้อีกเลย
ระบบทางน้ำของโลกภายในทั้งหมดไม่เพียงแค่มีแม่น้ำลำคลองจำนวนนับไม่ถ้วนที่ผาดโผนสลับไขว้กันไปมาเท่านั้น ยิ่งไปกว่านั้นก็คือทั่วทั้งโลกภายในถูกวางสถานการณ์ยิ่งใหญ่เอาไว้
ทั่วทั้งโลกภายในไม่เพียงแต่มีแม่น้ำลำคลองทั้งหมดที่ตัดสลับไขว้กันไปมาสลับซับซ้อนที่ดูเป็นเนื้อเดียวกันเท่านั้น ความจริงแล้วมันเป็นดั่งเนื้อเดียวกันทั่วทั้งโลกภายในทั้งหมด และสถานการณ์ทั้งหมดก็ได้หลอมรวมเข้าไปอยู่ในทุกตารางนิ้วของช่องว่างของผืนแผ่นดินในโลกภายใน ดังนั้น เมื่อเข้าไปอยู่ในโลกภายในลักษณะเช่นนี้ ก็คือเข้าไปอยู่ในสถานการณ์ที่ลึกซึ้ง และสลับซับซ้อนยิ่ง
สถานการณ์ทั้งหมดถูกหลอมสร้างขึ้นด้วยมือตนเองของปฐมบรรพบุรุษระบบถ่ายทอดทางด้านลัทธิสือยวิ่น เรียกได้ว่าภาพรวมของสถานการณ์คือได้รับโชคชะตาที่ฟ้าดินประทานมาให้ ภายในสถานการณ์แห่งนี้ไม่เพียงมีการเปลี่ยนแปลงอันเนื่องมาจากค่ายกล และยันต์เท่านั้น ยิ่งไปกว่านั้นยังมีการวิวัฒนาการจากความลึกซึ้งของสัจธรรม ดังนั้น การมาอยู่ในโลกภายในลักษณะเช่นนี้ ขอเพียงก้าวผิดไปก้าวเดียวก็เป็นไปได้ว่าอาจจะต้องเสียชีวิตอยู่ที่ตรงนี้ และอาจเป็นไปได้ว่าจะต้องหลงทางอยู่ในนั้นชั่วชีวิต ไม่สามารถออกจากโลกภายในได้ตลอดกาล ไม่สามารถก้าวเดินออกมาจากระบบทางน้ำที่ตัดไขว้กันไปมาและสลับซับซ้อนนั่น
ภายใต้สถานการณ์ทั้งหมดนั้น ตลบอบอวลไปด้วยหมอกหนาทึบ แม้ว่าระบบทางน้ำที่มีขนาดใหญ่ได้ยึดครองพื้นที่ส่วนใหญ่ของโลกภายในเอาไว้ แต่ว่า ภายใต้หมอกที่ลงจัดยังคงไม่สามารถมองเห็นภาพทั้งหมดของโลกภายใน ทำให้ไม่สามารถเปิดโฉมหน้าลึกลับของระบบทางน้ำที่ใหญ่โตมโหฬารของโลกภายในออกมาได้
“เป็นสถานที่ที่ซ่อนสิ่งของได้ดีจริงๆ” หลี่ชิเย่ยิ้มเรียบเฉยขณะมองดูโลกภายในที่ถูกสถานการณ์ครอบคลุมคลุมเอาไว้ และมองดูระบบทางน้ำที่ไขว้สลับไปมาสลับซับซ้อนนั่น
สิ้นเสียงหลี่ชิเย่ก้าวเท้าเข้าไปยังแม่น้ำลำคลองสายหนึ่ง เหยียบเกลียวคลื่นโต้ลมขึ้นไป ท่าทางสง่าผ่าเผยและสบายอกสบายใจ
สมควรทราบว่า ระบบทางน้ำของโลกภายในทั้งหมดเรียกได้ว่ามีความสลับซับซ้อนยิ่งนัก ภายใต้การวิวัฒนาการของสถานการณ์ ระบบทางน้ำทั้งหมดกระทั่งมีการเปลี่ยนแปลงตามกันไป กระทั่งทิศทางการไหลของแม่น้ำลำคลองแต่ละสายก็มีการเปลี่ยนแปลงทุกๆ วัน
ภายใต้ระบบทางน้ำเช่นนี้อาจกล่าวได้ว่า ขอเพียงก้าวเท้าเข้าไปในแม่น้ำลำคลองแล้ว หากไม่สามารถบรรลุถึงความลึกซึ้งของมันได้ ไม่สามารถศึกษาถึงความลึกลับของมันได้อย่างละเอียด ก็ต้องถูกกักขังอยู่ในระบบทางน้ำที่มีขนาดใหญ่โตมโหฬารเช่นนี้ไปชั่วชีวิต
แน่นอน สิ่งเหล่านี้ไม่มีปัญหาอะไรทั้งสิ้นสำหรับหลี่ชิเย่ หลี่ชิเย่ก้าวย้อนลำคลองขึ้นไป ทุกๆ ก้าวมีดอกบัวผุดขึ้นมารองรับ ทุกก้าวที่เข้าก้าวเดินออกไปก็จะมีการวิวัฒนาการของกฎเกณฑ์ และการกำเนิดสัจธรรม ในเวลานี้เหมือนว่าเขาไม่ได้เดินอยู่เหนือลำคลอง และไม่ได้ก้าวเดินย้อนลำคลองขึ้นไป ที่เขาเดินอยู่คือถนนหนทาง
ความจริงแล้ว หลี่ชิเย่ก็ใช่ว่าจะเดินย้อนลำคลองขึ้นไปจริงๆ ภาพการเดินย้อนขึ้นไปที่เห็นเป็นเพียงจินตภาพเท่านั้นเอง การที่ทุกย่างก้าวของเขาบังเกิดดอกบัวผุดขึ้นมารองรับ ทุกๆ ก้าวที่เหยียบลงนั้นก็เกิดการวิวัฒนาการของหลักกฎเกณฑ์ของสัจธรรม เกิดกำเนิดสัจธรรมขึ้นมา
เมื่อสัจธรรมได้ก่อเกิดเป็นโครงสร้างใต้เท้าของหลี่ชิเย่ขึ้นมา เท่ากับช่วยบุกเบิกเส้นทางให้กับหลี่ชิเย่ ภายใต้การนำของสัจธรรม หลี่ชิเย่ย่ำลำคลองขึ้นไป ภายใต้ระบบทางน้ำที่สลับซับซ้อนยังคงทำให้หลี่ชิเย่มุ่งหน้าไปยังทิศทางอีกทิศทางหนึ่ง
อีกทั้ง เนื่องจากสัจธรรมได้ก่อเกิดขึ้นใต้เท้าของหลี่ชิเย่ ไม่ว่าสถานการณ์โดยรวมจะทำการวิวัฒนาการอย่างไร ระบบทางน้ำทั้งหมดจะเปลี่ยนแปลงเช่นใด ยังคงไม่สามารถทำให้หลี่ชิเย่ต้องหลงทางไปกับระบบทางน้ำที่สลับซับซ้อนนี้ได้
หลี่ชิเย่มีดอกบัวผุดขึ้นมารองรับทุกย่างก้าว หนึ่งก้าวหนึ่งฟ้าดิน การย้อนตามแนวลำคลองขึ้นไปของเขาดูเหมือนไม่เร็ว แต่ว่า ทุกๆ ก้าวที่เขาก้าวเท้าลงไปสภาพก็เปลี่ยนไปแล้ว จากแม่น้ำลำคลองสายหนึ่งก้าวข้ามไปยังแม่น้ำลำคลองอีกสายหนึ่งแล้ว
ภายใต้การก้าวข้ามในลักษณะเช่นนี้ แม้ว่าดูไปแล้วหลี่ชิเย่ไม่ได้รวดเร็วเป็นพิเศษ แต่ความจริงแล้วเป็นการก้าวข้ามที่รวดเร็วมาก เร็วจนไม่สามารถจินตนาการได้
การก้าวเดินย้อนแม่น้ำลำคลองขึ้นไปทีละก้าวๆ ของหลี่ชิเย่ไม่รู้ว่าได้ก้าวเดินไปนานเท่าไรแล้ว สุดท้าย เขาติดตามเป้าหมายของเขาได้แล้ว
ในเวลานี้ บริเวณลำคลองสายใหญ่ตรงหน้าปรากฏเรือโบราณอยู่ลำหนึ่ง เรือโบราณลำนี้ดูลายพร้อยไปหมด ดูดึกดำบรรพ์ยิ่ง ไม่รู้ว่ามันได้ล่องลอยมานานมากเท่าไรแล้ว
เรือโบราณลำนี้สร้างขึ้นโดยอาศัยไม้ศักดิ์สิทธิ์ที่ล้ำค่ายิ่ง บนลำเรือได้สลักยันต์ที่ทรงพลังยิ่งเอาไว้ โดยยันต์เหล่านี้มีทั้งที่มาจากฝีมือของปฐมบรรพบุรุษ มีทั้งมาจากฝีมือของราชันแท้จริง และมาจากฝีมือของเทพแท้จริงขั้นอมตะที่แข็งแกร่ง…
เรือโบราณลำนี้ผ่านการปลุกเสกมาหลายขั้น เรียกได้ว่าตัวของเรือโบราณลำนี้เองก็คือของวิเศษที่ประเมินค่าไม่ได้อยู่แล้ว ตัวมันเองคือของวิเศษที่ฝืนลิขิตสวรรค์ยิ่งชิ้นหนึ่ง กระทั่งเรียกได้ว่าเป็นของวิเศษชั้นปฐมบรรพบุรุษก็ว่าได้
เนื่องเพราะเรือโบราณลำนี้ได้ผ่านการปลุกเสกจากราชันแท้จริง เทพแท้จริงขั้นอมตะแต่ละคน กระทั่งปฐมบรรพบุรุษ จึงทำให้มันมีพลังอย่างเพียงพอที่สามารถขับเคลื่อนไปได้เรื่อยๆ ตลอดไป ท่ามกลางกาลเวลาอย่างยาวนานที่ผ่านมา
นอกเหนือจากนี้ ตัวลำเรือของเรือโบราณลำนี้มีระบบป้องกันที่ฝืนลิขิตสวรรค์ยิ่ง สามารถป้องกันการรุกล้ำ หรือเข้าถึงของสิ่งชั่วร้ายให้อยู่ด้านนอกตัวเรือ ด้วยเรือโบราณที่แข็งแกร่งไร้เทียมทานเช่นนี้ กล่าวได้ว่า ไม่ว่าจะเป็นสิ่งชั่วร้ายอะไรก็ตาม คิดจะตีแตกแนวป้องกันของมันนับเป็นเรื่องที่ไม่ง่ายดายเลย
สามารถมองเห็นคนแต่ละคนที่นั่งอยู่บนดาดฟ้าเรือของเรือโบราณ แต่ละคนล้วนแล้วแต่เป็นการทิ้งตัวลงนั่งกับพื้นด้วยจิตใจที่ฮึกเหิม พวกเขานั่งล้อมวงกันล้อมของสิ่งหนึ่งเอาไว้ตรงกลาง ดูจากท่าทางของพวกเขาคือต้องการปกป้องคุ้มครองสิ่งของสิ่งนี้เอาไว้
มองดูอย่างละเอียด แต่ละคนที่นั่งอยู่กับพื้นทั้งหมดเป็นคนตายทั้งสิ้น พวกเขาไม่รู้ว่าได้ตายมานานมากเท่าไร ศพของพวกเขาได้แห้งไป และศพของพวกเขากลายเป็นหินไปแล้ว
เมื่อพิจารณาดูศพแต่ละศพอย่างละเอียด ก็จะพบว่าคนเหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็นผู้ที่ปราศจากผู้ต่อกรทั้งสิ้นขณะยังมีชีวิตอยู่ โดยเฉพาะมีอยู่สามคนดูจะแข็งแกร่งมากเป็นพิเศษ ทั้งสามคนต่างสวมหมวกราชันบนศีรษะ แม้ว่าพวกเขาจะตายมานานมากแล้ว แม้ว่าศพของพวกเขาจะกลายเป็นหินมานานมาก แต่บนตัวของพวกเขายังคงเปล่งอานุภาพราชันสายหนึ่งออกมา มีความศักดิ์สิทธิ์ไม่สามารถล่วงเกินได้ อานุภาพราชันที่เปล่งออกมาจากตัวของพวกเขาทำให้ผู้คนรู้สึกต้องให้ความเคารพ
ย่อมไม่ต้องสงสับ ทั้งสามคนขณะมีชีวิตอยู่คือราชันแท้จริง และราชันแท้จริงทั้งสามล้วนแล้วแต่ตายอยู่ที่ตรงนี้
นอกเหนือจากราชันแท้จริงทั้งสามแล้ว ยังมีศพที่นั่งอยู่บนเรืออีกกว่าสิบศพ แม้ว่าศพที่แห้งของพวกเขาไม่ได้เปล่งอานุภาพราชันออกมา แต่ ยังคงตลบอบอวลไปด้วยจิตวิญญาณ ท่ามกลางการกัดกล่อนจากกาลเวลาอันยาวนาน ศพของพวกเขาได้สูญเสียอำนาจไปแล้ว แต่ศพแห้งของพวกเขายังคงมีจิตวิญญาณที่แวบวับอยู่
ย่อมไม่ต้องสงสัย ก่อนพวกเขาจะเสียชีวิตล้วนแล้วแต่เป็นระดับเทพแท้จริงขั้นอมตะที่แข็งแกร่งปราศจากผู้เทียบเทียม กระทั่งสามารถเทียบเคียงกับราชันแท้จริงทั้งสามที่อยู่ตรงหน้า ต่อให้เทียบเคียงไม่ได้ เกรงว่าก็คงห่างชั้นไม่มากนัก
เมื่อมองดูให้ละเอียด บนตัวของราชันแท้จริงสามคนและเหล่าเทพแท้จริงขั้นอมตะล้วนไม่มีบาดแผลใดๆ ย่อมไม่ต้องสงสัยว่าพวกเขาไม่ได้ถูกสังหาร และพวกเขาแก่ตายเองอยู่ที่นี่
มองดูให้ละเอียดอีกที พวกเขาต่างอยู่ในท่ามุทราที่ศักดิ์สิทธิ์ก่อนตายทั้งสิ้น เวลาผ่านไปเป็นพันล้านปี พวกเขาไม่เพียงรักษาท่ามุทรานี้เอาไว้เท่านั้น อีกทั้งท่ามุทราของพวกเยายังคงเปล่งประกายออกมานิดๆ โดยประกายน้อยนิดนี้มีความศักดิ์สิทธิ์บริสุทธิ์อย่างยิ่ง มันสามารถขับไล่สิ่งชั่วร้ายใดๆ ให้จางหายไป มันสามารถทำให้ความชั่วร้ายใดๆ ให้บริสุทธิ์ได้
แม้ว่ามาถึงวันนี้ ประกายศักดิ์สิทธิ์น้อยนิดนี้มีความอ่อนแอมากแล้ว แต่สามารถมองออกได้ว่า ในครั้งนั้นท่ามุทรานี้นับว่ามีความแข็งแกร่งยิ่ง และอันธพาลอย่างยิ่ง ไม่ว่าจะเป็นสิ่งชั่วร้าย หรือความชั่วร้ายเข้ามาใกล้เมื่อใด ก็จะถูกทำลาย
ราชันแท้จริงทั้งสามท่านและเทพแท้จริงขั้นอมตะได้นั่งล้อมเป็นวง โดยสิ่งที่ปกป้องภายในวงล้อมเป็นก้อนหินก้อนใหญ่มาก้อนหนึ่ง หรือจะพูดให้ถูกต้องมากกว่านี้ก็คือมันเป็นอ่างหินที่ใหญ่มากอันหนึ่ง
เพียงแต่ อ่างน้ำดังกล่าวนี้ไม่เหมือนเกิดจากการแกะสลักขึ้นมาของมนุษย์ ตัวของอ่างหินเองเป็นหินก้อนที่ใหญ่มากก้อนหนึ่ง เพียงแต่ตรงกลางของหินมีร่องที่ใหญ่มาก ทำให้ดูไปแล้วเหมือนเป็นอ่างหินมากกว่า
กล่าวได้ว่าอ่างหินลักษณะเช่นนี้เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ ไม่ได้ผ่านการเจียระไนหรือแกะสลักใดๆ
อ่างหินนี้ดูเหมือนหยาบมาก มันเหมือนเป็นก้อนหินที่กลิ้งตกลงมาจากภูเขาที่ลึกเข้าไปในป่าเท่านั้น เอง พื้นผิวของก้อนหินมีเม็ดหินที่ที่หยาบมาก กระทั่งเอามือไปลูบอาจบาดมือได้
อ่างหินทั้งก้อนมีสีเทาเข้ม ดูไปแล้วก็ไม่ได้มีอะไรพิเศษ คนทั่วไปมองไปเห็นถึงความลึกซึ้งและลึกลับของมันได้อยู่แล้ว
แต่ว่าผู้ที่ก้าวมาถึงระดับอย่างหลี่ชิเย่ย่อมแตกต่าง เมื่อพิจารณาดูอ่างหินนี้อย่างละเอียดแล้ว มันไม่เพียงเป็นเนื้อเดียวกันเท่านั้น อ่างหินทั้งก้อนเสมือนหนึ่งเป็นโลกๆ หนึ่งอย่างนั้น โลกที่ยังไม่ผ่านการบุกเบิกมาก่อน โลกที่ยังคงมีความบริสุทธิ์ที่สุด และดั้งเดิมที่สุด
แน่นอนที่สุด อ่างหินนี้ได้ซ่อนความลึกซึ้งอะไรเอาไว้กันแน่นั้น หาใช่แค่มองแวบเดียวก็สามารถมองทะลุได้
ภายในอ่างหินได้เปล่งประกายเซียนออกมา ประกายเซียนแต่ละสายที่เปล่งออกมาจากอ่างหินนั้นเป็นที่อกสั่นขวัญหายยิ่งนัก ทำให้ผู้พบเห็นถึงกับใจเต้นตูมตาม
แน่นอน ประกายเซียนแต่ละสายที่เปล่งออกมานั้นหาใช่มาจากตัวของอ่างหินเอง โดยประกายเซียนแต่ละสายเปล่งประกายออกมาจากสิ่งที่บรรจุอยู่ภายในอ่างหินนั่น
ภายในอ่างหินได้บรรจุของเหลวอยู่เต็มเปี่ยม เมื่อมองดูให้ละเอียดอีกครั้ง นั่นมันหาใช่ของเหลวอะไร มันคือต้นกำเนิดสัจธรรม เพียงแต่ต้นกำเนิดสัจธรรมมียันต์จำนวนนับไม่ถ้วนที่ลอยล่องอยู่ในนั้น หลักกฎเกณฑ์แต่ละข้อมีมีขนาดเล็กมากได้วิวัฒนาการตนเองอยู่
แม้ว่าหลักกฎเกณฑ์ขนาดเล็กแต่ละข้อดูไปแล้วจะมีขนาดเล็กมาก แต่ทว่า หลักกฎเกณฑ์แต่ละข้อคล้ายดั่งได้ฝังเลี่ยมสุริยันจันทราและดวงดาวเอาไว้เป็นจำนวนนับไม่ถ้วน ทุกๆ หลักกฎเกณฑ์สัจธรรมขนาดเล็กแต่ละข้อเหมือนทางช้างเผือกแต่ละสายอย่างนั้น
ย่อมไม่ต้องสงสัย ต้นกำเนิดสัจธรรมที่บรรจุอยู่ภายในอ่างหินที่อยู่ตรงหน้าก็คือต้นกำเนิดสัจธรรมของระบบถ่ายทอดทางด้านลัทธิสือยวิ่นนั่นเอง
……………………………………………..