Emperor's Domination จักรพรรดิบรรพกาล - ตอนที่ 2668 ง่ายๆ หยาบคาย
ตอนที่ 2668 ง่ายๆ หยาบคาย
ภูเขาศักดิ์สิทธิ์แต่ละลูกได้ปรากฏขึ้นมา ร่างเงาที่สูงใหญ่แต่ละร่างยืนตระหง่านอยู่ตรงนั้น ภายใต้การสนับสนุนของพลังจากระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิทั้งหมด เหมือนว่าราชันแท้จริงแต่ละคนได้ฟื้นคืนชีพ เทพแท้จริงขั้นอมตะชั้นคงความอมตะตลอดกาลแต่ละคนปรากฏบนโลก ด้วยพลังเช่นนี้สามารถสยบเหล่าชั้นฟ้าได้ และปราศจากผู้ต่อกรในหล้า
“ภูเขาศักดิ์สิทธิ์หกสิบสี่ลูก ผู้ปราศจากผู้ต่อกรหกสิบสี่ท่าน” มีผู้นับดูจำนวนภูเขาแต่ละลูกที่ปรากฏขึ้นมา และกล่าวด้วยเสียงแผ่วเบา
‘หกสิบสี่ปรมาจารย์!’ มีบรรพบุรุษระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิที่ทราบถึงประวัติความเป็นมาของภูเขาศักดิ์สิทธิ์หกสิบสี่ลูก และหกสิบสี่ร่างเงา และกล่าวว่า “นี่คือหกสิบสี่ปรมาจารย์ที่เคยรับใช้ต่อปฐมบรรพบุรุษมู่หวิน ในจำนวนหกสิบสี่ปรมาจารย์มีทั้งราชันแท้จริง และเทพแท้จริงขั้นอมตะชั้นคงความอมตะตลอดกาล”
“กำลังรบลักษณะเช่นนี้ของปฐมบรรพบุรุษมู่หวินแข็งแกร่งมากเหลือเกิน” มีผู้อดที่จะร่างสั่นเทิ้มทีหนึ่งไม่ได้ เมื่อมองเห็นกลิ่นอายที่แผ่กระจายออกมาจากปรมาจารย์ทั้งหกสิบสี่คนนั่น
แน่นอนที่สุด หกสิบสี่ปรมาจารย์ไม่ได้มีชีวิตอยู่บนโลกอีกแล้ว ต่อให้มีชีวิตอยู่ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะคงอยู่ในตระกูลมู่ต่อไป ภูเขาศักดิ์สิทธิ์หกสิบสี่ลูก และหกสิบสี่ร่างเงานี้เป็นสุดยอดอภินิหารสูงสุดที่พวกเขาต่างคนต่างทิ้งเอาไว้ เพื่อคุ้มครองตระกูลมู่ เพื่อปกป้องรักษาตระกูลมู่
เป็นความจริงที่ปฐมบรรพบุรุษมู่หวินในครั้งนั้นไร้เทียมทาน ในยุคสมัยนั้น เขาไม่จำเป็นต้องลงมือเอง แค่กองทัพภายใต้การนำของหกสิบสี่ปรมาจารย์ผู้ใต้บังคับบัญชาของเขาก็เพียงพอที่จะเกรียงไกรไปทั่วแดนสามเซียน ไร้เทียมทานปราศจากผู้ต่อกร กล่าวได้ว่า ท่ามกลางประวัติศาสตร์สายน้ำแห่งกาลเวลานั้น ปฐมบรรพบุรุษมู่หวินนับเป็นปฐมบรรพบุรุษที่เจิดจรัสคนหนึ่ง กำลังความสามารถทระนงองอาจปราศจากผู้เทียบเทียม จะอย่างไรเสีย ระดับปฐมบรรพบุรุษชั้นแดนลัทธิเซียนใช่จะมีชื่อเสียงจอมปลอมอยู่แล้ว ระดับเทพแท้จริงขั้นอมตะถึงกับมีท่าทีหนักแน่นจริงจัง
เมื่อเอ่ยถึงปฐมบรรพบุรุษมู่หวินแล้วก็อดที่จะเกิดความรู้สึกนับถือขึ้นมา แต่เดิมระดับปฐมบรรพบุรุษก็ไร้เทียมทานอยู่แล้ว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงปฐมบรรพบุรุษชั้นแดนลัทธิเซียนย่อมไร้เทียมทานยิ่งกว่า สามารถเกรียงไกรทั่วทั้งแดนสามเซียน
เสียงตูม…ดังสนั่นขึ้นมาเสียงหนึ่ง ในพริบตาเดียวนั้นเอง ภูเขาศักดิ์สิทธิ์หกสิบสี่ลูกได้พวยพุ่งเป็นประกายที่เจิดจ้าขึ้นมาพร้อมๆ กัน ในพริบตาเดียวนี้เองภูเขาศักดิ์สิทธิ์หกสิบสี่ลูกเหมือนโปร่งแสงอย่างนั้น เป็นประกายใสงดงาม ภูเขาศักดิ์สิทธิ์ทุกๆ ลูกล้วนแล้วแต่บ่มเพาะอักขระยันต์สัจธรรมที่มีพลังไร้ขอบเขต และลึกซึ้งยอดเยี่ยมที่มีเพียงหนึ่งไม่มีสองเอาไว้
ชั่วพริบตาเดียวนั่นเอง อักขระยันต์สัจธรรมทั้งหมดได้ทะลักออกมาดุจดั่งคลื่นที่บ้าคลั่ง อักขระยันต์ทั้งหมดพลันรวมตัวกันและกรอกเข้าไปบนตัวของหกสิบสี่ปรมาจารย์
นาทีนี้ได้ยินเสียงแว้งค์ดังขึ้นมาเสียงหนึ่ง ประกายแต่ละสายได้ผ่าฟ้าดินแยกออก ฟาดดวงดาวจนร่วงหล่นลงมา ขณะที่ประกายแต่ละสายเหล่านี้แผ่กระจายออกมาจากตัวของหกสิบสี่ปรมาจารย์นั้น สาดส่องจนผู้คนยากจะลืมตาทั้งสองขึ้นมาได้ มันทำให้แสบตาอย่างยิ่ง
ท่ามกลางเสียงตูมที่ดังสนั่นหวั่นไหวนั้น มองเห็นร่างเงาทั้งหกสิบสี่สายนี้เสมือนดั่งฟื้นคืนชีพขึ้นมา เหมือนมีหกสิบสี่ปรมาจารย์ที่ฟื้นชีพและมาด้วยตนเองอย่างนั้น ขณะที่พวกเขาลืมตาทั้งสองขึ้นมานั้น เหมือนเป็นดวงตะวันแต่ละดวงที่สูงเด่นอยู่บนท้องฟ้า เหมือนว่าสามารถย่างพื้นแผ่นดินจนไหม้เกรียม อบดินจนหลอมละลายได้
ทุกคนต่างรู้สึกหวาดหวั่นพรั่นพรึงภายใต้พลังที่น่ากลัวเช่นนี้ ร่างเงาทั้งหกสิบสี่สายยังไม่ทันได้ลงมือ ยามที่ประกายตาของพวกเขาฉายเข้ามาก็ทำให้รู้สึกได้ว่าตนเองนั้นถูกเผาไหม้ไป และกลายเป็นเถ้าธุลี
“ปิดกั้น…” พริบตาเดียวนั่นเอง ร่างเงาทั้งหกสิบสี่สายร้องเสียงดังขึ้นพร้อมกัน และลงมือพร้อมกัน พวกเขาไม่ได้มีคำพูดมากความ พลันที่ยกมือขึ้น กวาดต้อนลมเมฆ รวบรวมสัจธรรม กาลเวลาฟ้าดินพลันมารวมตัวกันอยู่บนฝ่ามือของพวกเขา
เสียงปุเสียงหนึ่งดังขึ้น ทุกคนล้วนแล้วแต่รู้สึกได้ว่ากาลเวลาระหว่างฟ้าดินทั้งหมดล้วนแล้วแต่ถูกหกสิบสี่ปรมาจารย์ดึงเอาไปอย่างนั้น ทุกคนล้วนแล้วแต่ถูกกักตึงตรึงร่างเอาไว้จนกระดิกตัวไม่ได้ นับว่าเป็นอภินิหารที่สยองขวัญและยอดเยี่ยมอย่างยิ่ง
เมื่อกาลเวลาถูกดึงเอาไป สัจธรรมและสรรพสิ่งถูกจองจำ ไม่ว่าใครก็ตามเมื่ออยู่ต่อหน้าหกสิบสี่ปรมาจารย์ ล้วนแล้วแต่เสมือนดั่งเนื้อที่อยู่บนเขียง สุดแล้วแต่ผู้อื่นจะเชือดเฉือน
“ปิดกั้น…” เสียงทุ้มต่ำที่สยบฟ้าดิน ปราบปรามเหล่าเทพมาร เห็นเพียงสัจธรรมกาลเวลาที่ถูกรวบรวมโดยหกสิบสี่ปรมาจารย์ที่โจมตีสังหารลงมา
มองเห็นเพียงสัจธรรมกาลเวลาที่ประณีตงดงามและโปร่งแสง แต่ว่า ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนแล้วแต่ถูกพลังและอภินิหารที่น่ากลัวยิ่งปิดผนึกเอาไว้อยู่ภายใน
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กาลเวลาลักษณะเช่นนี้ได้ปิดผนึกเข้ามาโดยฉับพลัน ซึ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องของความเร็วอีกแล้ว มันเป็นการก้าวข้ามเรื่องของความเร็วโดยสิ้นเชิง ด้วยการเข้าไปในอาณาจักรของกาลเวลาโดยตรง ภายใต้สภาพที่ไม่มีเรื่องความห่างของกาลเวลาแม้แต่น้อยนิด มันจึงผนึกลงบนร่างของหลี่ชิเย่ทันที
ได้ยินเสียงดังปุขึ้นมาเสียงหนึ่ง สัจธรรมกาลเวลาที่ทำให้ไม่สามารถหลบเลี่ยงได้อยู่แล้ว เนื่องจากตัวเราเองก็อยู่ท่ามกลางกาลเวลา ดังนั้น เมื่อสัจธรรมกาลเวลาพลันปิดผนึกลงมานั้น ก็คล้ายดั่งอดีต ปัจจุบัน และอนาคตของคนผู้นั้นจับตัวแข็งขึ้นในทันที ทั้งหมดจับตัวเป็นรูปเป็นร่างผนึกอยู่บนตัวของคนผู้นั้นในทันที
ดังนั้น ภายใต้การปิดผนึกกาลเวลาเช่นนี้ ไม่ว่าจะหลบหนีอย่างไรก็ไม่พ้น ไม่ว่าจะอาศัยเคล็ดวิชา หรือกระบวนท่าใดๆ มาต่อต้าน ก็ไม่สามารถต้านได้กับการปิดผนึกลักษณะเช่นนี้ เนื่องจากเป็นกาลเวลาของตนปิดผนึกตนเอง
นาทีนี้ ฟ้าดินพลันเหมือนหยุดลงอย่างนั้น เมื่อทุกคนมองออกไป เห็นเพียงหลี่ชิเย่ที่ถูกกาลเวลาปิดผนึกเอาไว้อยู่ตรงนั้น เขามีสภาพเหมือนเป็นรูปแกะสลักตัวหนึ่งอย่างนั้น กาลเวลาของเขาแวววาว หลังจากที่ร่างทั้งร่างของเขาถูกปิดผนึกเอาไว้อยู่ตรงนั้นแล้ว เหมือนว่าทุกอย่างได้จับตัวเป็นรูปเป็นร่างไปแล้วอย่างนั้น
นาทีนี้ หลี่ชิเย่ที่ถูกปิดผนึกเอาไว้นั้นดูไปแล้วก็เหมือนรูปแกะสลักที่ถูกทำให้กลายเป็นผลึก อีกทั้งผลึกกาลเวลานี้ยังมีความแข็งอย่างยิ่ง ไม่ว่าสิ่งใดก็ไม่สามารถทุบให้มันแตกได้ เมื่อใดที่ถูกมันผนึกเอาไว้ด้านในก็จะถูกผนึกเอาไว้ในนั้นตลอดกาล
“จบสิ้นกันแล้วรึ?” ผู้คนจำนวนมากต่างมองหน้าซึ่งกันและกัน เมื่อมองเห็นหลี่ชิเย่ที่ถูกผนึกร่างเอาไว้ในกาลเวลา
“แข็ง แข็งแกร่งปราศจากผู้เทียบเทียม ที่ผ่านมามองเห็นเพียงส่วนปลีกย่อยเท่านั้น จากตรงนี้สามารถมองออกว่าปฐมบรรพบุรุษมู่หวินในครั้งนั้นมีความแข็งแกร่งเพียงใด และไร้เทียมทานเช่นใด” หลายคนต่างรู้สึกหวาดหวั่นพรั่นพรึง เมื่อมองเห็นคนโหดอันดับหนึ่งที่ถูกผนึกเอาไว้ในกาลเวลา
“ถูกต้อง ตามตำนานเล่าว่า เป็นไปได้ที่ปฐมบรรพบุรุษมู่หวินได้ควบคุมพลังของกาลเวลาเอาไว้แล้ว ดังนั้นหกสิบสี่ปรมาจารย์จึงอาศัยอภินิหารก้าวข้ามอาณาจักรกาลเวลาโดยตรง ผนึกร่างของศัตรูเอาไว้” ปฐมบรรพบุรุษของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิถึงกับมีท่าทีหนักแน่นจริงจัง
ตระกูลมู่ในฐานะหนึ่งในสามผู้ยิ่งใหญ่ของแดนลัทธิราชันใช่จะมีชื่อเสียงจอมปลอม สมควรทราบว่า ในครั้งนั้นขณะยังอยู่ที่แดนลัทธิเซียนก็มีชื่อเสียงโด่งดังแล้ว ถ้าหากไม่เป็นเพราะไปหาเรื่องกับราชันแท้จริงฉงหัวล่ะก็ ไม่แน่นัก ตระกูลมู่ในวันนี้ของพวกเขาอาจยังคงตั้งตระหง่านอยู่ ณ แดนลัทธิเซียน พวกเขาจะไม่ปรากฎตัวที่แดนลัทธิราชันอยู่แล้ว
“ไหนว่าคนโหดอันดับหนึ่งไร้เทียมทานมิใช่รึ? ถูกผนึกเอาไว้อย่างนี้เสียแล้ว” มียอดฝีมืกลุ่มคนรุ่นใหม่เมื่อมองเห็นคนโหดอันดับหนึ่งถูกปิดผนึกเอาไว้ท่ามกลางกาลเวลารู้สึกฉงน แสดงท่าทีสงสัยในความเป็นผู้ไร้เทียมทานของคนโหดอันดับหนึ่ง
“พ่อหนุ่ม เจ้าอ่อนเยาว์เกินไปแล้ว คอยดูก็แล้วกัน ผู้ที่ควบคุมกาลเวลาได้ไม่ได้มีเพียงปฐมบรรพบุรุษมู่หวินเท่านั้น” ระดับบรรพบุรุษผู้ซึ่งเคยเห็นถึงความแข็งแกร่งของคนโหดอันดับหนึ่งกับตาของตนเองหัวเราะและกล่าวขึ้น
แว้งค์เสียงหนึ่งดังขึ้น จังหวะที่ระดับบรรพบุรุษผู้นี้พูดขาดคำ มองเห็นร่างกายหลี่ชิเย่ที่ถูกปิดผนึกเอาไว้นั้นได้สั่นไหวแผ่วเบาทีหนึ่ง เป็นการสั่นไหวที่เบาบางอย่างยิ่ง
แต่ว่า จังหวะที่ร่างกายของเขาสั่นไหวเบาบางยิ่งนั้น ตามติดด้วยเสียงดังคร๊ากกก คร๊ากกก คร๊ากกกขึ้นมา มองเห็นสัจธรรมกาลเวลาที่ผนึกร่างของเขาเอาไว้นั้นปรากฏเป็นรอยแยกเป็นริ้วๆ แต่ละสายขึ้นมา
ตามติดมาด้วยเสียงดังปัง สัจธรรมกาลเวลาที่ที่ผนึกร่างเอาไว้แตกละเอียด มองเห็นหลี่ชิเย่ก้าวออกมาจากด้านใน
“ข้าพูดถูกแล้วน่ะสิ พ่อหนุ่ม เจ้ายังคงอ่อนเยาว์เกินไป ไหนเลยไปดูถูกคนโหดอันดับหนึ่งได้” ระดับบรรพบุรุษผู้นี้หัวเราะและกล่าวขึ้น
“ความลึกซึ้งยอดเยี่ยมของกาลเวลาของปฐมบรรพบุรุษมู่หวินก็แค่นั้น ให้เขามาด้วยตนเองค่อยยังชั่วหน่อย” หลี่ชิเย่ก้าวเท้าก้าวหนึ่งออกจากผนึกกาลเวลา และยิ้มกล่าวเรียบเฉยขึ้นมา
“ปิดกั้น…” ร่างเงาทั้งหกสิบสี่ปรมาจารย์ยกมือขึ้นอีกครั้ง กาลเวลาเจิดจ้า ละลานตาอย่างยิ่ง พลันลงมือด้วยการให้ผนึกกาลเวลาพุ่งปิดผนึกลงมาจากท้องฟ้าอีกครั้ง
“จิ๊บๆ เท่านั้นเอง” หลี่ชิเย่ยิ้มจางๆ ร่างกายสั่นไหวแผ่วเบาทีหนึ่ง ในเสี้ยววินาทีนี้เอง เขาเสมือนดั่งก้าวทะลุผ่านไป หลุดจากอนาคต และหายไปอย่างไร้ร่องรอยในทันที
ได้ยินเสียงปังเสียงหนึ่งดังขึ้น ผนึกกาลเวลาพลาดเป้าปิดผนึกไม่สำเร็จ
นาทีนี้หลี่ชิเย่ได้ก้าวสู่อาณาจักรของพวกเขาได้แล้ว ก้าวเท้าไปก้าวเดียว ได้ยินเสียงตูมดังสนั่นหวั่นไหว ขณะที่เท้าข้างหนึ่งของเขาได้ก้าวเดินเข้าไปนั้น ทำให้ผู้คนรับรู้ได้ถึงพลังที่มีเพียงหนึ่งไม่มีสองในหล้าของเขาพลันสยบระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิตระกูลมู่เอาไว้อย่างนั้น
“ฆ่า…” ร่างเงาของหกสิบสี่ปรมาจารย์ร้องเสียงทุ้มต่ำขึ้นมา พลันยกมือขึ้นก็ได้ยินเสียงตึง ตึง ตึงดังขึ้น ฉับพลันนั้น กระบี่ศักดิ์สิทธิ์นับล้านล้านเล่มพุ่งขึ้นท้องฟ้า และกลับกลายเป็นทะเลกระบี่ที่น่ากลัวยิ่งบนท้องฟ้า
ทะเลกระบี่ทั้งหมดสังหารหมื่นอาณาจักร พลังที่เกิดจากการเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วของกระบี่เหมือนหนึ่งเป็นพายุฝนฟ้าคะนองที่อาละวาดฟ้าดิน ภายใต้การผาดโผนของพลังกระบี่ ฟ้าดินนับล้านลี้เหมือนถูกฉีกขาดไปทันทีอย่างนั้น
ตึง ตึง ตึงเสียงกระบี่คำรามดังไม่ขาดสาย มองเห็นเพียงกระบี่ศักดิ์สิทธิ์จำนวนนับไม่ถ้วนพลันพุ่งสังหารลงมา ฟันสัจธรรมขาดสบั้น ฟันเวลาจนขาด หนึ่งกระบี่สังหารเทพ ล้านล้านกระบี่สามารถทำลายพื้นที่ของเหล่าเทพ
“ของเล่นเล็กน้อย…” หลี่ชิเย่ที่เผชิญกับกระบี่ล้านล้านเล่มเข่นฆ่าเทพสังหารมารที่ฟาดฟันเข้ามา ก้าวเท้าออกไปก้าวหนึ่ง มือขนาดใหญ่ยื่นออกไป ได้ยินเสียงช่าาาดังขึ้นเสียงหนึ่ง มองเห็นเขาดึงเอาเทือกเขาเทือกหนึ่งที่ยาวนับสิบล้านลี้ขึ้นมากำเอาไว้ในมือ
ท่ามกลางเสียงช่าาาที่ดังขึ้น มองเห็นมือขนาดใหญ่ของหลี่ชิเย่ที่จับรูดไปที เทือกเขาทั้งเทือกถูกหลี่ชิเย่หลอมกลั่น แร่ธาตุพลันถูกหลอมกลั่น และเทือกเขาทั้งเทือกเหมือนหนึ่งถูกหลอมกลั่นจนกลายเป็นกระบองเหล็กขนาดยักษ์อย่างนั้น
ปัง ปัง ปังเสียงแตกละเอียดังขึ้นมาเป็นระลอก นาทีนี้หลี่ชิเย่ได้ควงเทือกเขายาวนับสิบล้านลี่ดั่งกระบองเหล็กฟาดเข้าไปอย่างแรง ท่ามกลางเสียงแตกละเอียดนั้น กระบี่ศักดิ์สิทธิ์จำนวนล้านล้านเล่มที่ฟาดฟันลงมาอย่างรุนแรงถูกทุบจนแหลกละเอียดไป
“ทำลาย…” หลังจากที่หนึ่งกระบองทำลายทะเลกระบี่ไปแล้ว หลี่ชิเย่ได้ก้าวออกไปอีกหนึ่งก้าว ตามติดด้วยเทือกเขายาวนับสิบล้านลี่ในมือก็ได้ฟาดลงไป
ปัง ปัง ปังเสียงแตกสลายดังขึ้นเป็นระลอก ขณะที่ผู้คนทั้งหมดยังไม่ได้สติกลับมานั้น เห็นเพียงกระบองเหล็กเทือกเขาของหลี่ชิเย่ที่ฟาดลงไปดั่งพายุฝนฟ้าคะนอง ภูเขาศักดิ์สิทธิ์หกสิบสี่ลูกพลันถูกทุบจนแหลกละเอียดไป และร่างเงาของหกสิบสี่ปรมาจารย์พลันถูกทำลาย
เพียงชั่วพริบตาเดียวเท่านั้น ไม่ว่าจะเป็นหกสิบสี่ภูเขาศักดิ์สิทธิ์ หรือหกสิบสี่ปรมาจารย์อะไรนั้เหลือไว้เพียงเศษหินที่แตกละเอียดและดินโคลนเท่านั้น กลายเป็นซากปรักหักพัง
จากการที่เทือกเขากระบองเหล็กของหลี่ชิเย่ที่ทุบลงไป ได้ยินเสียงดังปังดังขึ้นมาเสียงหนึ่ง สุดยอดอภินิหารที่หกสิบสี่ปรมาจารย์ทิ้งเอาไว้นั้นพลันหายวับไปกับตาในพริบตาเดียว ทุกอย่างล้วนหายไปอย่างไร้ร่องรอย
จากการทุบลงไปในลักษณะเช่นนี้ ทุกสิ่งทุกอย่างของหกสิบสี่ปรมาจารย์ อภินิหารต่างๆ ล้วนแล้วแต่ไม่เหลือทิ้งเอาไว้อีกในพริบตาเดียว
ทุกสิ่งล้วนแล้วแต่ง่ายๆ หยาบคายอะไรอย่างนั้น คล้ายเป็นการชกต่อยของชาวบ้านอย่างนั้น
…………………………………………………