Emperor's Domination จักรพรรดิบรรพกาล - ตอนที่ 2672 สวรรค์ละเอียดในหนึ่งกระบอง
ตอนที่ 2672 สวรรค์ละเอียดในหนึ่งกระบอง
ตึง ตึง ตึงนาทีนี้เสียงหลักกฎเกณฑ์ดังขึ้นเป็นระลอก มองเห็นบนตัวราชันแท้จริงมู่เจี้ยนที่กลับกลายเป็นมนุษย์สัจธรรมยักษ์ปรากฎหลักกฎเกณฑ์แต่ละสายที่ทิ้งตัวลงมา
หลังจากหลักกฎเกณฑ์แต่ละสายที่ทิ้งตัวลงมาแล้ว ถึงกับตกลงไปยังต้นกำเนิดสัจธรรม ในเวลานี้เองปรากฎเสียงจี๊ด จี๊ดจี๊ดดังขึ้น เห็นเพียงหลักกฎเกณฑ์แต่ละสายเหล่านี้ถึงกับดูดเอาน้ำแก่นสัจธรรมที่อยู่ในต้นกำเนิดสัจธรรม
และ น้ำแก่นสัจธรรมยังไหลเข้าไปภายในร่างกายของราชันแท้จริงมู่เจี้ยนอย่างราบรื่น ขณะเดียวกัน ยังมีพลังของปฐมบรรพบุรุษที่เข้มข้นจนแยกไม่ออกติดตามน้ำแก่นสัจธรรมไหลเข้าไปภายในร่างกายของราชันแท้จริงมู่เจี้ยนอีกด้วย
ยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนจำนวนนับไม่ถ้วนต่างมองดูจนอ้าปากตาค้างพูดอะไรไม่ออก และงงงันไปในทันที เมื่อได้เห็นภาพเช่นนี้แล้ว
ทุกคนต่างนึกไม่ถึงว่าถึงกับมีวิธีการเช่นนี้อีกด้วย แม้แต่เทพแท้จริงขั้นอมตะ และระดับบรรพบุรุษเก่ากะลาที่มีความรู้กว้างขวางก็มองดูด้วยความเหม่อลอยอยู่ตรงนั้น
อย่างนี้ก็ได้…ระดับบรรพบุรุษระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิยิ้มเจื่อนๆ และกล่าวว่า “ดูดเอาน้ำแก่นสัจธรรม และพลังปฐมบรรพบุรุษโดยตรงแบบนี้มันเกินไปแล้วนะ มิเท่ากับสามารถรีดต้นกำเนิดสัจธรรมจนแห้งเลยรึ?”
ภาพเช่นนี้ ไม่ว่าใครเห็นแล้วมันก็คือเรื่องที่เหลือเชื่อ ทุกคนต่างรู้ดีว่า ต้นกำเนิดสัจธรรมคือรากฐานของน้ำแก่นสัจธรรม ระหว่างต้นกำเนิดสัจธรรมกับน้ำแก่นสัจธรรมเป็นสิ่งที่พึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน สามารถกล่าวได้ว่า น้ำแก่นสัจธรรมกับต้นกำเนิดสัจธรรมเป็นเนื้อเดียวกัน ดังนั้น โดยทั่วไปแล้วศิษย์ของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจะไม่สามารถดูดเอาน้ำแก่นสัจธรรมเข้าไปภายในร่างกายของตนได้โดยตรง
เนื่องจากไม่ว่าจะเป็นน้ำแก่นสัจธรรมหรือตัวของต้นกำเนิดสัจธรรมเอง จะมีพลังปฐมบรรพบุรุษจับตัวรวมอยู่ด้วยกัน ถ้าหากสามารถดูดเอาน้ำแก่นสัจธรรมเข้าไปภายในร่างกายของตนได้ ย่อมบ่งบอกว่าเป็นการดึงหรือตัดพลังที่จับตัวกันของปฐมบรรพบุรุษจนขาด ซึ่งจะทำร้ายรากฐานของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิๆ หนึ่ง ต่อให้แข็งแกร่งจนสามารถทำเช่นนี้ได้แล้วก็ตาม มันก็คือการสูบเอาน้ำออกจากทะเลสาบเพื่อจับปลา ไม่มีศิษย์คนใดของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิใดลัทธิหนึ่งยอมทำเช่นนั้น จะอย่างไรเสียมันเป็นการตัดขาดทางหนีทีไล่ของลูกหลานที่เป็นชนรุ่นหลัง
เวลานี้ราชันแท้จริงมู่เจี้ยนไม่เพียงดูดเอาน้ำแก่นสัจธรรมเข้าไปภายในร่างกายของตนเท่านั้น กระทั่งพลังปฐมบรรพบุรุษก็ถูกดูดเข้าไปในร่างกายของเขาด้วย ต่อให้ไม่ใช่เป็นการนำเข้าน้ำแก่นสัจธรรมและพลังปฐมบรรพบุรุษของต้นกำเนิดสัจธรรมเข้าไปในร่างกายทั้งหมด แต่ก็เป็นการดูดเอาน้ำแก่นสัจธรรมและพลังปฐมบรรพบุรุษของต้นกำเนิดสัจธรรมเข้าไปในร่างกายเป็นจำนวนมาก
“พูดให้ถูกต้องคือ ไม่ใช่ราชันแท้จริงมู่เจี้ยนดูดเอาน้ำแก่นสัจธรรมและพลังปฐมบรรพบุรุษของต้นกำเนิดสัจธรรมเข้าไปในร่างกาย แต่เป็นสัจธรรมของปฐมบรรพบุรุษที่ดูดเอาพวกมันเข้าไปภายในร่างกาย” ระดับบรรพบุรุษผู้หนึ่งที่มีความรู้กว้างขวางมองออกถึงความลึกซึ้งที่อยู่ภายใน และกล่าวขึ้น
ทุกคนต่างได้คิดทันที เมื่อได้รับการชี้ช่องจากระดับบรรพบุรุษผู้นี้ เวลานี้ราชันแท้จริงมู่เจี้ยนอยู่ในฐานะสัจธรรมยืมร่าง ร่างกายของเขาได้ถูกหยิบยืมไปให้กับสัจธรรมปฐมบรรพบุรุษแล้ว ดังนั้น การที่สัจธรรมปฐมบรรพบุรุษดูดเอาน้ำแก่นสัจธรรม และพลังปฐมบรรพบุรุษเข้าไปก็ไม่นับเป็นเรื่องแปลก เดิมพวกเขาก็คือเนื้อเดียวกันอยู่แล้ว
“วิธีการเช่นนี้ของตระกูลมู่นับว่ายอดเยี่ยมมาก นับว่าฝืนลิขิตสวรรค์ยิ่ง” นาทีนี้ทุกคนจึงเข้าใจอย่างแท้จริงถึงท่าไม้ตายของตระกูลมู่ได้แล้ว สามสิบหกบรรพบุรุษหลอมกลั่นเอาคัมภีร์ปฐมบรรพบุรุษออกมา ราชันแท้จริงมู่เจี้ยนยืมร่างกลายเป็นสัจธรรม แล้วอาศัยพลังจากต้นกำเนิดสัจธรรมไปสู้กับหลี่ชิเย่
ตูม ตูม ตูมนาทีนี้เสียงดังตูมตามดังก้องไปทั่วแดนลัทธิราชัน ในเสี้ยววินาทีนี้เอง เห็นเพียงตัวของราชันแท้จริงมู่เจี้ยนเหมือนกลายเป็นปฐมบรรพบุรุษสูงสุดคนหนึ่ง บนตัวของเขาได้พวยพุ่งประกายของปฐมบรรพบุรุษออกมา เห็นเพียงประกายปฐมบรรพบุรุษนั้นพุ่งขึ้นอย่างรุนแรง และทำการพลิกท้องฟ้าขึ้นมา ฉีกสุริยันจันทราและดวงดาวจนกระจุย ภายใต้การชะล้างจากประกายปฐมบรรพบุรุษที่แข็งแกร่งปราศจากผู้ต่อกร ทางช้างเผือกที่ยิ่งใหญ่พลันแหลกไม่มีชิ้นดี ภาพเช่นนี้ทำให้ผู้พบเห็นถึงกับหวาดหวั่นพรั่นพรึง
เสียงตูมดังสนั่นหวั่นไหว ประกายปฐมบรรพบุรุษสาดส่อง อำนาจสูงสุดไร้ผู้เทียบเทียม ราชันแท้จริงมู่เจี้ยนยืนอยู่ตรงหน้า สูงตระหง่านที่สุด นาทีนี้ตัวเขาก็คือปฐมบรรพบุรุษที่ปราศจากผู้ต่อกร
“ปฐมบรรพบุรุษ…” เห็นเพียงศิษย์ผู้บำเพ็ญตนจำนวนนับไม่ถ้วนภายในระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิตระกูลมู่ถึงกับร้องเสียงแหลมขึ้นมาทีหนึ่ง เมื่อมองเห็นสภาพเช่นนี้ของราชันแท้จริงมู่เจี้ยน ในเวลานี้ ไม่รู้ว่ามีศิษย์ของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิตระกูลมู่จำนวนเท่าไรที่คุกเข่าก้มกราบกับพื้น ถึงกับโขกศีรษะกันทีเดียว
“ปฐมบรรพบุรุษไร้เทียมทาน สำแดงอานุภาพตระกูลมู่” ในเวลานี้ ไม่รู้ว่ามีศิษย์ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิตระกูลมู่จำนวนเท่าไรที่ร้องเสียงแหลมไม่หยุด พยายามโขกศีรษะอย่างสุดชีวิต น้ำตานองหน้า กระทั่งมีศิษย์ที่โขกจนศีรษะแตก
นาทีนี้ กล่าวสำหรับศิษย์จำนวนนับไม่ถ้วนของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิตระกูลมู่แล้ว สามารถพบเห็นบุคลิกลักษณะของปฐมบรรพบุรุษของตนขณะที่ตนเองยังมีชีวิตอยู่ นับเป็นเรื่องที่มีเกียรติอย่างยิ่ง ชาตินี้ถือว่าไม่เสียชาติเกิดแล้ว
ปัง…เสียงดังสนั่นหวั่นไหว ในขณะนี้เอง ราชันแท้จริงมู่เจี้ยนก้าวเท้าออกไปก้าวหนึ่ง เหยียบฟ้าดินจนแหลกละเอียด เหยียบหยินและหยางจนละเอียด ภายใต้การก้าวเท้าก้าวเดียวก็สามารถบดขยี้ทุกสิ่งทุกอย่างบนโลก ในเวลานี้ ราชันแท้จริงมู่เจี้ยนก็คือปฐมบรรพบุรุษ เขาคือผู้ปราศจากผู้ต่อกร เขาก็คือผู้ที่อยู่ในฐานะสูงสุด!
ไม่รู้ว่ามีผู้คนจำนวนเท่าไรที่ต้องหวาดหวั่นพรั่นพรึงเมื่อมองเห็นเท้าข้างเดียวก็สามารถทำให้ทุกอย่างแตกละเอียด ผู้คนใต้หล้าถึงกับต้องสั่นเทาทีหนึ่ง และรู้สึกใจหายใจคว่ำ กล่าวด้วยท่าทีหวาดผวาว่า “เป็นความจริงที่ฝีมือของตระกูลมู่ฝืนลิขิตสวรรค์ นี่เปรียบเสมือนดั่งปฐมบรรพบุรุษฟื้นคืนชีพขึ้นมาใหม่!”
“สู้จนถึงที่สุด ไม่ตายไม่เลิก” นาทีนี้เสียงของราชันแท้จริงมู่เจี้ยนดังก้องทั่วฟ้าดิน สยบทั่วหล้า ในพริบตาเดียวนั่นเอง ราชันแท้จริงมู่เจี้ยนที่ยืมร่างกลายเป็นสัจธรรมได้มีท่วงท่าเป็นบุคลิกลักษณะของปฐมบรรพบุรุษขึ้นมาแล้ว
“ลงมือเถอะ นาทีนี้ข้ารอคอยมานานมากแล้ว” หลี่ชิเย่เพียงยิ้มเรียบเฉยและลุกขึ้นยืน เมื่อเผชิญหน้ากับราชันแท้จริงมู่เจี้ยนที่มีบุคลิกลักษณะของปฐมบรรพบุรุษแล้ว
นาทีนี้ทุกคนมองเห็นการต่อสู้ชี้ขาดระหว่างราชันแท้จริงมู่เจี้ยนกับคนโหดอันดับหนึ่งต่างกลั้นลมหายใจเอาไว้ นัยน์ตาคู่นั้นของพวกเขาลืมตาและเบิกกว้างโดยไม่กล้ากะพริบตา ทุกคนต่างไม่ต้องการพลาดการต่อสู้ชี้ขาดที่น่าตื่นเต้นและยอดเยี่ยมเช่นนี้
“ฆ่า…” นาทีนี้ ราชันแท้จริงมู่เจี้ยนก็ไม่ได้พูดอะไรมากความ ร้องคำรามบ้าคลั่งขึ้นมา หนึ่งเสียงคำรามหมื่นแดนแหลกละเอียด ทันใดนั้นเอง กระบองกู่ท้าวในมือได้ฟาดออกไป
ตูม…เสียงดังสนั่นขึ้นเสียงหนึ่ง ฟ้าดินมืดครึ้ม หนึ่งกระบองที่ฟาดลงมา ทุกสิ่งกลับคืนสู่จุดเดิม ทุกสิ่งทุกฟาดจนกลายเป็นขมุกขมัว ไม่ว่าจะเป็นกาลเวลา หยินหยาง ผลกรรม วัฏสงสารอะไรล้วนแล้วแต่แหลกละเอียดเป็นผุยผงภายใต้หนึ่งกระบองนี้โดยทันที และละเอียดจนถึงขีดสุด หลอมละลายกลายเป็นความขมุกขมัว ภายใต้หนึ่งกระบองนี้ไม่มีฟ้าดิน ไม่มีสุริยันจันทราและกาลเวลา
ขณะที่หนึ่งกระบองที่ฟาดลงมานั้น ได้ยินเสียงร้องคำรามสยบจิตใจผู้คนของกู่ท้าว เสียงคำรามเสียงเดียวก็ทำให้ผู้คนต้องหมดสิ้นเรี่ยวแรงจนนอนอยู่กับพื้นไม่สามารถลุกขึ้นมาได้
“แม่จ๋า” หนึ่งกระบองที่ฟาดฟันลงมานั้น ยังคงมีผู้คนไม่รู้จำนวนเท่าไรต้องอกสั่นขวัญหาย ทั้งที่รู้อยู่แล้วว่าหนึ่งกระบองนี้ได้ฟาดใส่ร่างของตนเอง ถึงกับร้องเสียงแหลมขึ้นมา
หนึ่งกระบองสยบเทพมาร อย่าว่าแต่ยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนธรรมดาเลย ต่อให้เป็นระดับเทพแท้จริงเมื่ออยู่ภายใต้การสยบเช่นนี้แล้ว ก็ดูจะมีขนาดเล็กน้อยเป็นพิเศษ เสมือนดั่งเป็นมดปลวกเท่านั้น พลันขวัญหนีดีฝ่อทันที ดังนั้น ในเลานี้จึงได้ยินเสียงตุบ ตุบ ตุบดังขึ้น ไม่รู้ว่ามียอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนจำนวนเท่าไรที่ถูกสยบโดยพลัน คุกเข่าลงกับพื้นไม่สามารถลุกขึ้นมาได้
ปัง…เสียงดังสนั่นดังขึ้นเสียงหนึ่ง ในที่สุด กระบองนี้ก็ได้ฟาดใส่ตัวของหลี่ชิเย่แล้ว ที่เหลือเชื่อก็คือ หลี่ชิเย่ที่เผชิญกับหนึ่งกระบองที่ปราศจากผู้ต่อกรฟาดลงมานั้น ถึงกับไม่ได้อาศัยอาวุธใดๆ ไม่ได้สำแดงเคล็ดวิชาไร้เทียมทานใดๆ เขาถึงกับอาศัยแขนทั้งสองไปรับกับกระบองกู่ท้าวที่ฟาดเข้ามา
ในขณะนี้ มือทั้งสองข้างของหลี่ชิเย่พวยพุ่งเป็นประกายสีทองแวบวับ แขนทั้งสองข้างเสมือนดั่งสร้างขึ้นโดยทองคำอย่างนั้น แขนทั้งสองอยู่ในท่าไขว้กันรับมือกับกระบองกู่ท้าวที่ฟาดเข้ามาหา
กระบองกู่ท้าวปราศจากผู้ต่อกร ได้ยินเสียงปังดังสนั่นเมื่อหนึ่งกระบองที่ฟาดเข้ามา เหมือนโลกทั้งโลกถูกระเบิดทำลายไป ระเบิดทำลายหมื่นชาติ ทุกสิ่งล้วนแล้วแต่ถูกทำลายพินาศย่อยยับอย่างนั้น
ฝุ่นลอยฟุ้งกระจาย สุดท้าย ทุกคนก็ได้เห็นภาพของหลี่ชิเย่ที่ถูกฟาดจนจมเข้าไปใต้พื้นดิน หลังจากหนึ่งกระบองที่ได้ฟาดลงมาแล้ว หนึ่งกระบองที่ฟาดจนพื้นดินแตกละเอียด ร่างของหลี่ชิเย่หายไปไร้ร่องรอย ไม่รู้ว่าถูกฟาดจนกลายเป็นเนื้อบดไปแล้วหรืออย่างไร
ในเวลานี้ทุกคนต่างถูกทำให้สะเทือนหวั่นไหวจนอ้าปากกว้างเมื่อได้เห็นภาพนี้ ต่างรู้สึกหวาดผวา ไม่รู้ว่ามีผู้คนจำนวนเท่าไรที่มีสีหน้าขาวซีด หนึ่งกระบองนี้ช่างน่ากลัวเหลือเกิน หนึ่งกระบองที่ฟาดลงมากระทั่งสามารถทำลายระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิๆ หนึ่งได้ ลองนึกภาพดู หนึ่งกระบองลักษณะเช่นนี้จะมีใครสักกี่คนในโลกนี้สามารถรับเอาไว้ได้
“ตายแล้วรึ?” ทุกคนต่างอ้าปากค้าง และจำนวนไม่น้อยที่มองหน้ากันและกัน เมื่อมองเห็นพื้นแผ่นดินถูกฟาดจนแหลกละเอียด
“เกรงว่าถูกทุบจนกลายเป็นเนื้อบดไปแล้วมั้ง” แม้แต่คนที่มั่นใจในตัวหลี่ชิเย่เต็มที่ ก็อดที่จะสั่นไหวในใจขึ้นมาแล้วในเวลานี้ มองดูพื้นดินที่ถูกฟาดจนละเอียด
จะอย่างไรเสีย หนึ่งกระบองของราชันแท้จริงมู่เจี้ยนนี้น่ากลัวเหลือเกิน หนึ่งกระบองที่ฟาดลงมนั้นเรียกว่ามีพลังปฐมบรรพบุรุษอยู่ในครอบครองแล้ว เสมือนหนึ่งปฐมบรรพบุรุษมู่หวินเป็นผู้ฟาดกระบองนี้ออกมาด้วยตนเองอย่างนั้น กระบองลักษณะเช่นนี้ไร้เทียมทานเพียงใด
“เป็นความจริงที่กระกูลมู่ไม่สามารถสั่นคลอนได้นะเนี่ย” ผู้คนจำนวนเท่าไรต้องหวาดหวั่นพรั่นพรึงเมื่อได้เห็นภาพนี้ หากเปลี่ยนเป็นตนเองไปท้าสู้กับตระกูลมู่ ต่อให้ยอดฝีมือทั้งหมดภายในระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิของตนลุยเข้าไปพร้อมกัน ก็ต้องถูกวิธีการที่ปราศจากผู้ต่อกรเช่นนี้ของตระกูลมู่สังหารสิ้น
ตูม ตูม ตูมจังหวะที่ผู้คนจำนวนมากเข้าใจว่าคนโหดอันดับหนึ่งถูกทุบจนกลายเป็นเนื้อบดนั้น เสียงดังตูมตามดังขึ้นเป็นระลอก นาทีนี้พื้นดินได้สั่นไหวขึ้น แม้แต่ท้องฟ้าก็สั่นไหวขึ้นมา
ตูม ตูม ตูมท่ามกลางเสียงดังตูมตามที่ดังขึ้นเป็นระลอก มองเห็นกระบองกู่ท้าวที่ทุบลงพื้นถูกยกลอยขึ้นทีละนิดๆ
“ดูนั่น คนโหดอันดับหนึ่ง…” ในเวลานี้มีผู้ที่ตาแหลม มองเห็นภาพเหตุการณ์ได้ชัดเจนถึงกับร้องเสียงแหลมขึ้นมา
ทุกคนทยอยกันมองไป มองเห็นเพียงหลี่ชิเย่ที่ยังคงอยู่ในสภาพแขนทั้งสองไขว้กัน กันกระบองกู่ท้าวเอาไว้ เพียงแต่นาทีนี้เป็นเพียงหลี่ชิเย่ปรากฏประกายพวยพุ่งออกมาทั่วร่าง และมีกลิ่นอายขมุกขมัวแต่ละสายที่ทิ้งตัวลงมา โดยกลิ่นอายขมุกขมัวแต่ละสายล้วนแล้วแต่มีขนาดใหญ่เท่ากับน้ำตกสวรรค์
กลิ่นอายขมุกขมัวทั้งตัวของคนโหดอันดับหนึ่งมีความเข้มข้นจนแยกไม่ออก ตัวของเขาเสมือนหนึ่งก้าวเดินออกมาจากความขมุกขมัว เหมือนเป็นบุตรของโลก เหมือนว่าเขาดำรงอยู่มาตั้งแต่โลกยังไม่ได้รับการบุกเบิกเสียอีก
นาทีนี้ กลิ่นอายขมุกขมัวตลบอบอวล แม้ว่าหลี่ชิเย่จะไม่ได้ระเบิดอานุภาพที่สะเทือนเลื่อนลั่นขึ้นมา เขาก็เสมือนดั่งได้ครอบครองพลังต้นกำเนิดโลกอย่างนั้น ในขณะนี้ พลังของโลกทั้งโลกได้บังเกิดอยู่บนตัวของเขาอย่างนั้น เหมือนว่าเขานั่นแหละคือต้นกำเนิดของโลกนี้ เขานั่นแหละคือปฐมบรรพบุรุษของโลกนี้
เสียงตูม ตูม ตูมดังตูมตามขึ้นมาไม่ขาดสาย ร่างกายของหลี่ชิเย่ได้ลอยขึ้นมาอย่างช้าๆ มือทั้งสองของเขาไขว้กัน ผลักดันให้กระบองกู่ท้าวที่ปราศจากผู้ต่อกรในหล้าให้ลอยขึ้นช้าๆ
แม้ว่ากระบองกู่ท้าวในขณะนี้จะแผ่พลังปฐมบรรพบุรุษออกมาต่อเนื่อง แต่ว่า ยังคงไม่สามารถสยบหลี่ชิเย่เอาไว้ได้ กระบองกู่ท้าวที่สามารถฟาดฟ้าดินจนละเอียดอันนี้ยังคงถูกหลี่ชิเย่ผลักดันให้ลอยขึ้น ลอยขึ้นอย่างช้าๆ
……………………………………..