Emperor's Domination จักรพรรดิบรรพกาล - ตอนที่ 2677 คงความเป็นอมตะตลอดกาล
ตอนที่ 2677 คงความเป็นอมตะตลอดกาล
นักพรตไป๋ยื่อเพียงพยักหน้าเท่านั้นเอง เมื่อมองเห็นศิษย์นับล้านล้านคนของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิตระกูลมู่ส่งเสียงร้องออกมาด้วยความดีใจ เผยรอยยิ้มจางๆ ขึ้นมา ขณะที่แววตาของเขาจ้องมองไปที่ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิตระกูลมู่ทั้งหมดนั้น ท่าทางนั้นดูแปลกมาก
ในเวลานี้ ท่าทางของนักพรตไป๋ยื่อดูเป็นบุคลิกลักษณะเฉพาะตัวของผู้ที่เป็นผู้บำเพ็ญตน เหมือนมีรสชาติของผู้ที่หลุดพ้นจากกิเลสก้าวขึ้นสู่ความเป็นเซียนอย่างนั้น พริบตาเดียวนั้นเองได้ทำให้ผู้คนบังเกิดเป็นภาพลวงตา ฤานักพรตไป๋ยื่อกำลังจะขึ้นสู่สวรรค์รับการแต่งตั้งเป็นเซียนแล้ว
“คนโหดอันดับหนึ่งล่ะ?” ไม่ง่ายนักกว่าที่จะมีผู้ได้สติคืนกลับมา ถึงกับจ้องมองไปยังบริเวณที่ไกลออกไปในจักรวาล
เวลานี้ ทุกคนต่างจ้องมองไปยังบริเวณที่ไกลออกไปในจักรวาล ทุกคนล้วนแล้วแต่ต้องการรู้ว่า หลังจากที่คนโหดอันดับหนึ่งถูกโจมตีโดยนักพรตไป๋ยื่อเป็นระลอก จะมีจุดจบเป็นเช่นใด
จักรวาลลึกล้ำยิ่งนัก ไร้ขอบเขตสิ้นสุด ทุกคนล้วนแล้วแต่มองไม่เห็นเงาของคนโหดอันดับหนึ่ง
มีเพียงนักพรตไป๋ยื่อที่เพ่งดวงตาทั้งสองไปข้างหน้า แววตาที่ลึกล้ำมองไกลออกไปถึงจักรวาล และเอ่ยขึ้นช้าๆ ว่า “ฟ้าสูงพื้นดินกว้างไกล ทุกๆ คนล้วนเป็นเพียงมดปลวก อย่าได้ทำอวดดีหลงตัวเอง”
คำพูดลักษณะเช่นนี้ที่ออกมาจากปากของนักพรตไป๋ยื่อฟังดูมีอรรถรสมาก กล่าวได้ว่าเปี่ยมด้วยความเป็นผู้บำเพ็ญตน ทำให้ผู้ที่ได้ยินได้ฟังรู้สึกถึงอรรถรสของการหลุดพ้นจากโลกีย์ก้าวขึ้นสู่สวรรค์ พลันทำให้ภาพลักษณ์ของนักพรตไป๋ยื่อถูกยกขึ้นไปสูงส่งมาก
นาทีนี้ ขณะที่ทุกคนมองไปที่นักพรตไป๋ยื่อนั้น ล้วนแล้วแต่มีท่าทางที่แปรเปลี่ยนไป ในสายตาของผู้คนจำนวนมากใต้หล้า นักพรตไป๋ยื่อเวลานี้ก็คือผู้สูงส่งที่บรรลุธรรมขั้นสูง บุคลิกท่วงท่าความเป็นผู้บำเพ็ญตนของเขาหาใช้มนุษย์ปุถุชนธรรมดาสามารถเทียบเคียงได้อยู่แล้ว
เวลานี้นักพรตไป๋ยื่อในสายตาของผู้คนจำนวนเท่าไรมองว่าช่างเป็นผู้ที่หลุดพ้นจากประเพณีของโลกีย์มนุษย์เหนือมนุษย์ปุถุชนธรรมดาทั่วไป ไม่ยุ่งเกี่ยวกับเรื่องราวทางโลก นาทีนี้ฐานะ และภาพลักษณ์ในความคิดของผู้คนจำนวนมากถูกยกระดับขึ้นไร้ขีดจำกัด
“นี่แหละคือผู้สูงส่งนะเนี่ย ไม่เสียทีฉายายอดฝีมืออันดับหนึ่ง” มีผู้อดที่จะเอ่ยชื่นชมขึ้นมาเบาๆ
ในเวลานี้เอง เสียงที่เอ้อระเหยเสียงหนึ่งดังขึ้น เสียงนั้นหัวเราะและกล่าวว่า “เวไนยสัตว์ล้วนมดปลวก พูดได้ดี เจ้าเองก็เป็นมดปลวกในนั้น”
พลันที่พูดคำพูดนี้ออกมา ทำให้ผู้คนใต้หล้าถึงกับสะดุ้งในใจ ใต้หล้าคงมีคนเพียงคนเดียวที่กล้าพูดคำพูดเช่นนี้ออกมา ใต้หล้าคงมีคนเพียงคนเดียวที่กล้าเหยียดหยามต่อนักพรตไป๋ยื่อเช่นนี้ คนๆ นั้นก็คือคนโหดอันดับหนึ่ง
ทุกคนต่างมองไปที่จักรวาล เป็นคนโหดอันดับหนึ่งจริงๆ เห็นเพียงคนโหดอันดับหนึ่งที่ก้าวเท้าเข้ามา เพียงชั่วพริบตาเดียวก็ปรากฏตัวต่อสายตาของผู้คน แม้ว่าจะเป็นจักรวาลที่ไร้ขอบเขตจำกัด ภายใต้เท้าของคนโหดอันดับหนึ่ง ดูเหมือนมันก็แค่ไม่กี่ก้าวเท่านั้นเอง
ทุกคนมองไปยังคนโหดอันดับหนึ่งที่ก้าวเท้าเข้ามา เห็นเพียงบนตัวของเขามีรอยเลือดอยู่บ้าง เสื้อผ้าก็มีส่วนที่ขาดอยู่บ้าง สามารถมองออกได้ว่า จากการลอบโจมตีของนักพรตไป๋ยื่อกะทันหัน พลันซัดจนคนโหดอันดับหนึ่งลอยออกไป และเป็นความจริงที่ทำให้คนโหดอันดับหนึ่งได้รับบาดเจ็บ
แต่ทว่า ผู้ที่รู้ดีจริงๆ นั้นเมื่อพิจารณาดูอย่างละเอียดแล้ว พลันทำให้ลูกตาหดตัว และสั่นเทาในใจทีหนึ่ง พวกเขามองดูอย่างละเอียด แม้ว่าบนตัวของคนโหดอันดับหนึ่งจะมีรอยเลือดอยู่บ้าง แต่ นั่นมันก็แค่บาดแผลภายนอกเท่านั้นเอง
สมควรทราบว่า จังหวะที่คนโหดอันดับหนึ่งกำลังสยบราชันแท้จริงมู่เจี้ยนอยู่นั้น พลันถูกนักพรตไป๋ยื่อลอบโจมตีกะทันหัน และพลันที่นักพรตไป๋ยื่อลงมือก็อาศัยเคล็ดวิชาสังหารเด็ดขาด ‘ไป๋ยื่อตัดวัฏสงสาร’ ภายใต้กระบวนท่าสังหารเด็ดขาดเช่นนี้ หากเปลี่ยนเป็นผู้อื่นล้วนแล้วแต่หายวับไปกับตาในพริบตา
อย่างไรก็ตาม แค่ปรากฏเป็นบาดแผลภายนอกบนตัวของคนโหดอันดับหนึ่งเท่านั้นเอง มันช่างเป็นกายเนื้อที่น่ากลัวเช่นใด เป็นกำลังความสามารถที่น่ากลัวเพียงใด
แม้แต่นักพรตไป๋ยื่อที่มองเห็นหลี่ชิเย่แล้ว แววตาของเขาถึงกับเต้นวูบวาบทีหนึ่ง กล่าวได้ว่า นาทีนี้เขารอมานานมากแล้ว ในจังหวะที่เขามั่นใจมากที่สุดเพียงชั่วพริบตาเดียวนั้น เขาจึงได้สำแดง ‘ไป๋ยื่อตัดวัฏสงสาร’ เขาเข้าใจว่าสามารถทำให้คนโหดอันดับหนึ่งได้รับบาดเจ็บสาหัส ไม่นึกไม่ฝันเลยว่า มันแค่ทำให้บาดเจ็บภายนอกเท่านั้น
กำลังความสามารถที่แข็งแกร่งของคนโหดอันดับหนึ่ง ทำให้ภายในใจของนักพรตไป๋ยื่อถึงกับสั่นเทา ในเวลานี้เขาก็ไม่สามารถศึกษาได้อย่างละเอียดว่าคนโหดอันดับหนึ่งมีความแข็งแกร่งปานใดกันแน่
แต่ว่า ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม นักพรตไป๋ยื่อจะไม่ยอมรามืออย่างเด็ดขาด เนื่องจากที่เขารออยู่ก็คือวันนี้ กล่าวสำหรับเขาแล้ววันนี้คือโอกาสที่หาได้ยากยิ่งของเขา เขาจะพลาดไม่ได้อย่างเด็ดขาด
ในเวลานี้เอง หลี่ชิเย่ได้บิดขี้เกียจทีหนึ่ง มองดูนักพรตไป๋ยื่อด้วยท่าทีเบื่อหน่ายทีหนึ่ง ด้วยท่าทางที่อย่างไรก็ได้และกล่าวตามอารมณ์ขึ้นมาว่า “เจ้าก็คือนักพรตไป๋ยื่อคนนั้นน่ะสิ ที่ว่าตลอดกาลก็แค่ได้ลูบคลำธรณีประตูนิดหนึ่งเท่านั้น เทียบกับเหล่าเวไนยสัตว์แล้ว มันก็แค่เป็นมดปลวกที่ตัวใหญ่กว่านิดหนึ่งเท่านั้นเอง”
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่คนโหดอันดับหนึ่งพูดคำพูดที่เปรียบนักพรตไป๋ยื่อเป็นมดปลวกออกมา ก่อนหน้านั้นก็เคยพูด แต่ว่ามาวันนี้เป็นการพูดต่อหน้านักพรตไป๋ยื่อ พูดต่อหน้าผู้คนทั่วหน้า เป็นการดูถูกเหยียดหยามอย่างโจ๋งครึ่มโดยสั้นเชิง
ไม่รู้ว่ามีผู้คนจำนวนเท่าไรที่ได้แต่ยิ้มเจื่อนๆ เมื่อได้ยินคำพูดเช่นนี้ของคนโหดอันดับหนึ่ง ในโลกนี้คงมีเพียงคนโหดอันดับหนึ่งเท่านั้นที่กล้าพูดเหยียดหยามต่อนักพรตไป๋ยื่อแล้ว และคงมีเพียงคนโหดอันดับหนึ่งที่มองนักพรตไป๋ยื่อเป็นเพียงมดปลวก
มีผู้ที่รู้สึกหายใจไม่ออกกับสิ่งนี้ เฉกเช่นเทพแท้จริงขั้นอมตะชั้นคงความอมตะตลอดกาลอย่างนักพรตไป๋ยื่อ ยังเป็นได้แค่มดปลวกในสายตาของคนโหดอันดับหนึ่งเท่านั้น เช่นนั้นแล้ว ในโลกนี้ยังจะมีสักกี่คนที่เข้าตาคนโหดอันดับหนึ่งได้เล่า?
ดวงตาทั้งสองของนักพรตไป๋ยื่อพลันดูน่าเกรงขาม เมื่อถูกหลี่ชิเย่มองว่าเป็นมดปลวกต่อหน้าผู้คนทั่วหล้า แววตาส่งประกายเยือกเย็นออกมา โดยที่ประกายตาเยือกเย็นนั้นเหมือนจริงมาก ไม่ว่าใครก็ตามเมื่อได้เห็นประกายตาเยือกเย็นจากดวงตาทั้งสองของเขาล้วนแล้วแต่ร่างสั่นเทิ้มทีหนึ่ง ประกายตาเยือกเย็นทุกๆ สายเสมือนดั่งเป็นเข็มน้ำแข็งที่ทิ่มแทงเข้าหัวใจของผู้คนอย่างนั้น
“ยอดฝีมือใต้หล้าดั่งดอกเห็ด เจ้าเองดูจะถือดีมากเกินไปแล้ว” เวลานี้นักพรตไป๋ยื่อเอ่ยขึ้นช้าๆ เขาไม่ได้โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ ยังคงมีจิตใจที่สงบนิ่งไร้ซึ่งความรู้สึกกังวล สามารถดูออกได้ว่าเขาควบคุมอารมณ์ตนเองได้เหนือผู้คน เขามีบุคลิกลักษณะที่เป็นหนึ่งไม่มีสองของความเป็นชั้นคงความอมตะตลอดกาลโดยแท้จริง
“นั่นก็แค่สำหรับเจ้าเท่านั้น” หลี่ชิเย่หัวเราะทีหนึ่ง กล่าวขึ้นช้าๆ ว่า “ในสายตาของเข้าไม่มีอะไรแตกต่าง”
เมื่อหลี่ชิเย่เอ่ยมาถึงตรงนี้แล้วได้บิดขี้เกียจทีหนึ่ง กวักมือต่อนักพรตไป๋ยื่อ และกล่าวว่า “มา มา มา เมื่อครู่ถูกเจ้าลอบโจมตีไปทีหนึ่ง ดูจะมีมาตรฐานอยู่บ้าง เวลานี้ข้าจะทดสอบดูอีกครั้งว่าเจ้าจะมีฝีมือเท่าไร”
นักพรตไป๋ยื่อพลันมีสีหน้าแดงก่ำขึ้นมาเมื่อหลี่ชิเย่พูดขึ้นมาเช่นนั้น แน่นอน ใช่เป็นเพราะถูกหลี่ชิเย่พูดเหยียดหยาม
จะอย่างไรเสียเขาก็เป็นชั้นคงความอมตะตลอดกาล เป็นยอดฝีมือที่ยอดเยี่ยมเป็นหนึ่งไม่เป็นสองรองใคร ในฐานะยอดฝีมืออันดับหนึ่งของแดนลัทธิราชัน การลอบโจมตีผู้เยาว์วคนหนึ่งต่อหน้าผู้คนทั่วหล้า นับเป็นเรื่องที่ไร้ศักดิ์ศรีจริงๆ ต่อให้เขาเป็นฝ่ายชนะ ก็ชนะได้อย่างไม่สมศักดิ์ศรี
“ข้าน้อมรับก็แล้วกัน” นักพรตไป๋ยื่อส่งเสียงฮึเย็นชา และเอ่ยขึ้นช้าๆ ว่า “ขอเพียงมีข้าอยู่ จะไม่อนุญาตให้เจ้าฆ่าคนบริสุทธิ์เด็ดขาด จะไม่อนุญาตให้เจ้าฆ่าคนดังผักปลา ข้าจะรักษาความเป็นธรรมให้กับแดนลัทธิราชัน และมันก็เป็นหน้าที่ของข้า”
คำบอกเล่าของนักพรตไป๋ยื่อพูดได้สง่าผ่าเผย และถือตนเป็นฝ่ายธรรมะ ซึ่งก็เป็นเพียงปิดบังซ่อนเร้นความจริงที่เขาลอบโจมตีหลี่ชิเย่เท่านั้น
แต่ทว่า ไม่ว่าจะปิดบังอย่างไรก็ตาม ขอเพียงเป็นผู้ที่ผ่านโลกมาก็ย่อมเข้าใจได้ ต่อให้ปิดบังอย่างไรก็ไม่สามารถทำให้เรื่องการลอบโจมตีเป็นเรื่องถูกต้องได้ ลอบโจมตีก็คือลอบโจมตี ไม่มีลอบโจมตีเพื่อคุณธรรมอะไรนั่นอยู่แล้ว
“รู้แล้วล่ะ” หลี่ชิเย่ยิ้มๆ และกล่าวว่า “เจ้าคือบุคคลฝ่ายคุณธรรม ปกป้องคุณธรรมของแดนลัทธิราชัน ส่วนข้า ก็คือจอมมาร แต่ว่า ในนี้ของข้าล้วนแล้วแต่เป็นฝ่ายชั่วร้ายเอาชนะคุณธรรมตลอดมา ดังนั้น เจ้ายังคงมีสำนึกของการถูกข้าสังหารกระมัง”
ขาดคำ ได้ยินเสียงดังแว้งค์ขึ้นมาเสียงหนึ่ง ต้นโลกดึกดำบรรพ์ของหลี่ชิเย่ได้ปรากฎขึ้น และทิ้งประกายลงมาเป็นสาย
ผู้คนจำนวนมากต่างมองหน้าซึ่งกันและกัน เมื่อได้ยินคำพูดที่ประหลาดของหลี่ชิเย่ ไม่ว่าจะเป็นคนดีหรือคนชั่วก็ตาม ผู้บำเพ็ญตนใต้หล้าไม่มีใครยินดีบอกว่าตนเองนั้นเป็นจอมมาร และไม่มีใครยินดียืนอยู่ข้างความชั่วร้าย จะอย่างไรเสีย สิ่งนี้จะนำมาซึ่งถูกผู้คนใต้หล้ากล่าวโจมตีทั้งวาจาและตัวอักษร จะอย่างไรเสีย ความชั่วร้ายเป็นศัตรูกับคุณธรรมตลอดไป
อีกอย่าง ระหว่างคนโหดอันดับหนึ่งกับระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิตระกูลมู่ก็แค่การฆ่าฟันกันด้วยเหตุของบุญคุณความแค้นเท่านั้น ไม่ถึงขั้นว่าเป็นคุณธรรม หรือชั่วร้ายแต่อย่างใด
แต่ คนโหดอันดับหนึ่งกลับอย่างไรก็ได้กับสิ่งที่เรียกว่าคุณธรรม กับความชั่วร้ายอย่างสิ้นเชิง ตามอารมณ์อย่างยิ่ง ไม่ได้ใส่ใจแม้แต่น้อย
“นี่แหละคือความแข็งแกร่งที่แท้จริง ไม่เพียงทักษะยุทธที่แข็งแกร่ง จิตแห่งการบำเพ็ญเพียรก็แกร่งด้วย” มีระดับบรรพบุรุษทอดถอนใจขึ้นเบาๆ เมื่อได้ยินคำพูดเช่นนี้ของหลี่ชิเย่
“มาสิ ให้ข้าได้เปิดหูเปิดตาอีกสักครั้ง อะไรตะวันขาดๆ ตัดวัฏสงสารนั่น” ในเวลานี้ หลี่ชิเย่ยิ้มกล่าวกับนักพรตไป๋ยื่อพร้อมกับกวักมือ
พลันที่คำพูดคำนี้ถูกพูดออกมา ทำให้สีหน้าของนักพรตไป๋ยื่อเปลี่ยนไป ‘ไป๋ยื่อตัดวัฏสงสาร’ คือท่าไม้ตายที่เขาภาคภูมิใจที่สุดในชีวิต ไม่รู้ว่ามีผู้คนจำนวนเท่าไรที่เสียชีวิตภายใต้กระบวนท่านี้ กล่าวได้ว่า ไม่ว่าใครก็ตามเมื่อพูดถึง ‘ไป๋ยื่อตัดวัฏสงสาร’ ของเขาแล้วก็ต้องมีสีหน้าที่หวาดกลัว และเขาเองก็รู้สึกมีความสุขที่ผู้อื่นให้ความเกรงกลัวต่อกระบวนท่านี้ของเขา
เป็นอย่างไรล่ะตอนนี้ เมื่อออกจากปากของหลี่ชิเย่แล้วกลายเป็น ‘ตะวันขาดๆ ตัดวัฏสงสาร’ นั่นเป็นท่าทีที่เมินใส่อย่างสิ้นเชิง นับว่าได้ยั่วให้นักพรตไป๋ยื่อโกรธขึ้นมาอย่างแท้จริงแล้ว
“ดี เจ้าเด็กน้อย เจ้ารนหาที่ตายเอง!” ต่อให้เป็นผู้ที่ใจเย็นสุดก็มีอารมณ์ได้เหมือนกัน เมื่อถูกหลี่ชิเย่เหยียดหยามครั้งแล้วครั้งเล่า นักพรตไป๋ยื่อเองก็โกรธขึ้นมาแล้ว
“ลงมือเถอะ” หลี่ชิเย่ไม่สนใจในท่าทีของนักพรตไป๋ยื่ออยู่แล้ว กล่าวด้วยท่าทางที่เบื่อหน่าย
เสียงแว้งค์ดังขึ้นมาเสียงหนึ่ง ในพริบตาเดียวนั่นเอง ดาวเคราะห์ทั้งหมดที่อยู่ข้างกายของนักพรตไป๋ยื่อพลันหมุนขึ้นมาอย่างรวดเร็ว เส้นสายผลึกกาลเวลาแต่ละเส้นสยายออกไป
เมื่อเส้นสายผลึกกาลเวลาแต่ละเส้นที่สยายออกไป เสมือนดั่งเปิดโลกแห่งกาลเวลาขึ้นมาโลกหนึ่ง มองเห็นช่องว่างที่เส้นสายผลึกกาลเวลาเข้าไปอยู่พลันกลับกลายเป็นพร่างพราวขึ้นมา
“จะลงมือแล้ว คอยดูให้ดี” ไม่รู้ว่ามีเทพแท้จริงขั้นอมตะจำนวนเท่าไรที่รู้สึกตื่นเต้นในใจเมื่อได้เห็นภาพนี้แล้ว ดวงตาคู่นั้นของทุกคนเบิกกว้าง ต้องการมองให้ละเอียดและชัดเจนถึงกระบวนท่า ‘ไป๋ยื่อตัดวัฏสงสาร’ ของนักพรตไป๋ยื่อ
“ไป๋ยื่อตัดวัฏสงสาร…” ในพริบตาเดียวนั่นเอง นักพรตไป๋ยื่อร้องคำรามเสียงดังขึ้นมา
ในพริบตาเดียวนั่นเอง เสียงแว้งค์ดังขึ้นมาเสียงหนึ่ง ทุกอย่างรวดเร็วเหลือเกิน ไม่สิ สิ่งนี้กับความเร็วไม่ได้มีความสัมพันธ์ใดๆ แต่เป็นการก้าวเข้าไปอยู่ในอาณาจักของกาลเวลา
ในพริบตาเดียวนั่นเอง มองเห็นเพียงเส้นสายผลึกกาลเวลาแต่ละเส้นถูกโยนทิ้งออกมา ฉับพลันทะลุผ่านพันร้อยชาติ ในชั่วพริบตาเดียวนั่นเอง เส้นสายผลึกกาลเวลาทุกๆ เส้นล้วนแล้วแต่ทะลุผ่านเส้นสายกาลเวลาทุกๆ เส้น เส้นสายผลึกกาลเวลาล้วนแล้วแต่เหมือนว่าได้ไหลผ่านชีวิตของทุกๆ คนไปอย่างนั้น
เสียงตูมดังสนั่นหวั่นไหว ในเวลานี้ จังหวะที่เส้นสายผลึกกาลเวลาถูกโยนออกมานั้น ดาวเคราะห์ทั้งหมดได้พุ่งชนออกไปตามเส้นสายกาลเวลา มันก้าวข้ามฟ้าดิน ก้าวข้ามช่องว่าง พลันพุ่งเข้าชนโจมตีต่อชีวิตของทุกคน
“มาแล้ว…” ทุกคนต่างรู้สึกหายใจไม่ออก เนื่องจากในชั่วพริบตาเดียวนั่นเอง ทุกคนล้วนแล้วแต่รู้สึกว่าดาวเคราะห์ทั้งหมดแต่ละรอบได้บดขยี้กาลเวลาแห่งชีวิตของตนจนแหลกละเอียดไป
……………………………………