Emperor's Domination จักรพรรดิบรรพกาล - ตอนที่ 2758 ธิดาศักดิ์สิทธิ์ดินแดนภาคกลาง
ตอนที่ 2758 ธิดาศักดิ์สิทธิ์ดินแดนภาคกลาง
หลังจากไปจากลานประลองแล้ว หลี่ชิเย่ไม่ได้กลับไปที่ด้านหน้ากำแพงโบราณอีกเลย แต่ไปพักอาศัยอยู่ในโรงเตี้ยมแห่งหนึ่งภายในเมืองโบราณ โดยเหมาเป็นบ้านที่มีลานบ้านเป็นเอกเทศ
แน่นอนที่สุด หากเปลี่ยนเป็นเมื่อครั้งอดีต นิกายหู้ซานจงของพวกเขามีอสังหาริมทรัพย์และจวนอยู่เป็นจำนวนมาก กระทั่งมีที่พักชั่วคราวในทุกๆ เมืองโบราณ ในครั้งนั้น ศิษย์นิกายหู้ซานจงที่มายังเมืองวัฏสงสารเมืองบนเขาไม่จำเป็นต้องพักอาศัยโรงเตี๊ยมอยู่แล้ว
เพียงแต่ในเวลานี้ ทางนิกายหู้ซานจงได้ขายอสังหาริมทรัพย์ที่มีอยู่ในเมืองวัฏสงสารเมืองบนเขาจนหมดสิ้นไปนานแล้ว และหากให้เฉินเหวยเจิ้งเป็นคนจัดการล่ะก็ หาโรงเตี๊ยมเล็กๆ สักแห่งสำหรับหลบลมหลบฝนพักอาศัยก็พอแล้ว จะอย่างไรเสียกล่าวสำหรับเฉินเหวยเจิ้งแล้ว สามารถประหยัดได้ก็ประหยัดสักนิด
หลังจากที่หลี่ชิเย่ได้เข้าพักในโรงเตี๊ยมแล้ว มองดูพวกกัวเจียหุ้ยทีหนึ่ง จัดการโยนศิลาแกร่งให้พวกเขาถุงหนึ่ง สั่งการไปว่า “ออกไปดูโลกภายนอกเถอะ ถือเป็นรางวัลสำหรับความพยายามของพวกเจ้า”
พวกกัวเจียหุ้ยเปิดถุงจักรวาลออกดู พลันทำให้งงงันไปหมด มองเห็นศิลาแกร่งที่บรรจุอยู่ภายในถุงจักรวาลนั้นส่งประกายวูบวาบ แม้ว่าในอดีตพวกเขาไม่เคยได้เห็นศิลาแกร่งที่มากมาย และระดับสูงขนาดนี้มาก่อน ก็รู้ว่าศิลาแกร่งที่มีอยู่เต็มถุงนี้บ่งบอกถึงสิ่งใด
ในเวลานี้ พวกของกัวเจียหุ้ยต่างยืนเซ่ออยู่ตรงนั้น มองดูศิลาแกร่งที่บรรจุอยู่เต็มถุงแล้วไม่ทราบว่าควรจะทำเช่นใด เนื่องจากชั่วชีวิตของพวกเขาไม่เคยได้เห็นศิลาแกร่งจำนวนมากมายเช่นนี้มาก่อน
“ยังไม่รีบขอบคุณท่านปรมาจารย์” เมื่อเฉินเหวยเจิ้งได้สติกลับมาแล้วจ้องเขม็งพวกเขาทีหนึ่ง เขาเองก็ได้แต่หัวเราะเจื่อนๆ ภายในใจ ความจริงแล้ว เจ้านิกายอย่างเขาก็ไม่เคยพบเห็นศิลาแกร่งจำนวนมากมายเช่นนี้มาก่อน ศิลาแกร่งระดับเช่นนี้นิกายหู้ซานจงของพวกเขาก็มีอยู่ไม่เท่าไร
เวลานี้พลันที่หลี่ชิเย่ลงมือ แค่เงินปลีกย่อยสำหรับให้ผู้เยาว์นำไปใช้จ่ายก็น่าตกใจขนาดนี้ ปรมาจารย์ย่อมเป็นปรมาจารย์ ความมือเติบของเขาเป็นสิ่งที่ผู้เยาว์ไม่สามารถจินตนาการได้อยู่แล้ว
พวกกัวเจียหุ้ยเมื่อได้สติกลับมา คารวะต่อหลี่ชิเย่คารวะแล้วคารวะอีกด้วยความดีอกดีใจ แม้ว่าเทียบกับมนุษย์ปุถุชนธรรมดาแล้ว พวกเขานับว่าเป็นผู้มีฐานะผู้หนึ่ง แต่ว่า หากเปรียบเทียบกับศิษย์ของแคว้นเจ้าลัทธิแล้ว พวกเขาคือเจ้าหนูที่เรียกว่ายากจนไม่รู้จะยากจนอย่างไรแล้ว
เวลานี้หลี่ชิเย่ถือโอกาสโยนเงินปลีกสำหรับใช้จ่ายมากมายถึงเพียงนี้ แล้วจะไม่ให้พวกเขาดีใจได้อย่างไรกันเล่า พวกเขามีของที่ถูกใจจำนวนไม่น้อยต้องการจะซื้อตั้งแต่แรกเข้ามาในเมืองวัฏสงสารเมืองบนเขาแล้ว เพียงแต่มีเงินอยู่จำกัดไม่สามารถซื้อได้ ในที่สุดเวลานี้ก็มีเงินที่สามารถซื้อสิ่งที่พวกเขาต้องการได้แล้ว
“ฮึอย่าได้ดีใจเร็วเกินไปนัก” ขณะที่พวกของกัวเจียหุ้ยดีอกดีใจยิ่ง เตรียมตัวออกไปซื้อของอย่างเต็มที่ เฉินเหวยเจิ้งได้จ้องเขม็งพวกเขาทีหนึ่ง สั่งการไปว่า “ถึงจะมีเงินก็ให้ประหยัดใช้จ่ายสักหน่อย วันหน้ายังมีที่ที่ให้พวกเจ้าต้องใช้จ่ายเงินอีกมาก”
แม้จะเป็นเช่นนี้ก็ตาม พวกของหลี่เจี้ยนคุนรีบจดจำคำพูดของเฉินเหวยเจิ้งเอาไว้แล้วยิ้มแต้วิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว
มองดูพวกหลี่เจี้ยนคุนที่วิ่งจู๊ดออกไป เฉินเหวยเจิ้งอดที่จะยิ้มๆ ภายในใจไม่รู้ว่ารู้สึกอิจฉาเพียงใด วัยเยาว์ก็ดีอย่างนี้ ไร้ความกังวล
แม้จะกล่าวว่าตัวเขาในฐานะเจ้านิกายไม่ได้มีความสามารถมากมายนัก แต่ว่า เขาแบกรับภารกิจของนิกายเอาไว้ทั้งหมด ตั้งอยู่ท่ามกลางสถานการณ์ที่อันตรายมากตลอดเวลาที่ผานมา ตัวสั่นงันงก ไม่กล้าหละหลวมแม้แต่น้อย
หลี่ชิเย่สังหารหัวหน้าพิธีกรรมศักดิ์สิทธิ์ธงเพลิง และเทพกระบี่ฉีฟงได้สร้างแรงกระเพื่อมขึ้นมาในเมืองวัฏสงสารเมืองบนเขาไม่น้อยทีเดียว แม้ว่าหัวหน้าพิธีกรรมศักดิ์สิทธิ์ธงเพลิง และเทพกระบี่ฉีฟงไม่นับเป็นยอดฝีมือระดับบนในระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิเซียนมาร และไม่นับเป็นยอดฝีมือในหล้า แต่ทว่า หลี่ชิเย่กลับมาจากนิกายหู้ซานจง
นิกายหู้ซานจงในปัจจุบันเป็นเพียงสำนักระดับสามเล็กๆ เท่านั้นเอง ขณะที่หลี่ชิเย่ในฐานะปรมาจารย์ของนิกายหู้ซานจงกลับสังหารยอดฝีมือรวดเดียวถึงสองคน นับว่าสร้างความตระหนกแก่ผู้คนอย่างยิ่ง ที่ทำให้ผู้คนจำนวนไม่น้อยต้องหวั่นไหวยิ่งกว่าก็คือ สำนักขนาดเล็กอย่างนิกายหู้ซานจงถึงกับล่วงเกินแคว้นฉีฟง ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ภาคกลาง และแคว้นโบราณยันต์แปดทิศที่เป็นสำนักใหญ่รวดเดียวทั้งสามสำนัก
สมควรทราบว่า ทั้งดินแดนศักดิ์สิทธิ์ภาคกลาง และแคว้นโบราณยันต์แปดทิศล้วนแล้วแต่เป็นผู้ยิ่งใหญ่ของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิเซียนมาร แม้ว่าแคว้นฉีฟงจะไม่ได้แข็งแกร่งมากในระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิเซียนมาร แต่ก็มีกำลังความสามารถที่เข้มแข็งยิ่งนัก
แต่ เวลานี้นิกายหู้ซานจงที่อ่อนแอกลับล่วงเกินต่อสำนักเจ้าลัทธิในระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิเซียนมารรวดเดียวถึงสามแห่ง ทั้งยังมีท่าทีที่มั่นใจอย่างยิ่ง ซึ่งทำให้ภายในใจของยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตน และสำนักเจ้าลัทธิจำนวนมากของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิเซียนมารรู้สึกแปลกใจ
นิกายหู้ซานจงที่เป็นเพียงสำนักระดับสามมีความมั่นใจอะไรกันแน่ในการเป็นศัตรูกับสามสำนักเจ้าลัทธิเล่า หรือพวกเขาไม่กลัวสามสำนักเจ้าลัทธิจะทำลายล้างนิกายหู้ซานจงรึ? กระทั่งผู้คนจำนวนมากมองว่า การที่สำนักเจ้าลัทธิทั้งสามจะทำลายล้างนิกายหู้ซานจงที่เป็นเพียงสำนักระดับสามนั้น เกรงว่าคงไม่ใช่เรื่องยากเย็นอะไร กระทั่งเรียกได้ว่าง่ายยิ่งกว่าปอกกล้วยเข้าปากเสียอีก
เวลานี้ ท่ามกลางผู้คนจำนวนไม่น้อยที่รู้สึกแปลกใจว่านิกายหู้ซานจงมีความมั่นใจอะไรที่จะต่อต้านกับสามสำนักเจ้าลทธิกันแน่ ก็ได้มีผู้คนจำนวนมากรู้สึกแปลกใจใจฐานะของหลี่ชิเย่ผู้เป็นปรมาจารย์ของนิกายหู้ซานจงผู้นี้ สำนักระดับสามแห่งหนึ่งพลันมีปรมาจารย์ที่แข็งแกร่งโผล่ขึ้นมากะทันหันเช่นนี้ และในอดีตไม่เคยได้ยินมาก่อน และกระทั่งปราศจากชื่อเสียงมาก่อน นับว่าแปลกเหลือเกิน
มียอดฝีมือรุ่นอาวุโสถึงกับครุ่นคิดอย่างเต็มที่ว่าสามารถจับหลี่ชิเย่ไปเทียบเคียงกับปรัชญาเมธีที่แข็งแกร่ง และหรือบรรพบุรุษของนิกายหู้ซานจงว่าตรงกันหรือไม่ แต่ว่า ไม่ว่าพวกเขาจะครุ่นคิดอย่างหนักจนหมดปัญญา ก็ไม่สามารถคิดได้ว่านิกายหู้ซานจงเคยให้กำเนิดบุคคลเช่นนี้มาก่อน
ฮึ…วันที่สองหลังจากที่หลี่ชิเย่ได้สังหารเทพกระบี่ฉีฟง และหัวหน้าพิธีกรรมศักดิ์สิทธิ์ธงเพลิงไป ภายในเมืองวัฏสงสารเมืองบนเขาปรากฏเสียงฮึน่าเกรงขามขึ้น คนผู้หนึ่งได้เดินทางมาที่เมืองโบราณแห่งนี้
ผู้ที่มายังเมืองโบราณเป็นสุดยอดสาวงามแห่งยุคคนหนึ่ง นางมาด้วยรถที่เลิศหรูมากคันหนึ่ง ตัวรถวาดลวดลายด้วยทองคำเลี่ยมด้วยหยก กลิ่นอายความเป็นกษัตริย์ยิ่งใหญ่ เป็นท่วงท่าของกษัตริย์อย่างสิ้นเชิง ลากรถด้วยห่านฟ้าสีดำปีกทองแปดตัว ยามที่ห่านฟ้าสีดำปีกทองแปดตัวกางปีกบินไปพร้อมๆ กันนั้น มองเห็นประกายสีทองที่สาดส่องลงมา สามารถปรับตัวไปตามสถานการณ์ได้ดี
ห่านฟ้าทั้งแปดตัวลากรถที่เลิศหรูร่อนลงที่เมืองโบราณ สุดยอดหญิงงามแห่งยุคก้าวลงมาจากรถคันที่เลิศหรูนั่น นางสวมชุดลายหงส์ที่มีความงดงามและนุ่มบางเบา ดูไปแล้วเหมือนเทพธิดาหงส์ลงมาจากสวรรค์อย่างนั้น ร่างของนางเปล่งประกายออกมาทั่วร่าง
ขณะที่ผู้หญิงก้าวเดินลงมา และก้าวไปข้างหน้าช้าๆ ทีละก้าวๆ มองเห็นแสงตะวันที่ส่องผ่านเมฆพรั่งพรู ในขณะเดียวกันนางได้แผ่กลิ่นอายที่น่าเกรงขามทั่วตัว กลิ่นอายของนางปกคลุมไปทุกที่ แทรกซึมไปทุกซอกทุกมุม ดูดุเดือดรุนแรงและหนักแน่น
ขณะที่ผู้หญิงคนนี้มาถึงได้ส่งเสียงฮึน่าเกรงขามขึ้นมา พลันดังก้องไปทั่วทั้งเมืองโบราณ ในเวลานี้ได้ยินเสียงตูมดังสนั่นขึ้นมาเสียงหนึ่ง มองเห็นลัคนาของนางเปิดกว้างปรากฎลัคนาแต่ละหลังที่ลอยอยู่เหนือศีรษะ ทิ้งพลังที่ไม่ขาดสายลงมา โดยที่ขณะพลังแต่ละสายทิ้งตัวลงมาคล้ายดั่งเป็นน้ำตกสวรรค์อย่างนั้น
“ธิดาศักดิ์สิทธิ์ดินแดนภาคกลาง…” ผู้คนจำนวนมากในเมืองโบราณจดจำนางได้ทันทีที่มองเห็นผู้หญิงคนนี้ ถึงกับร้องเสียงหลงขึ้นมา
“สิบเอ็ดลัคนา” มีกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่นับดูลัคนาที่ลอยอยู่เหนือศีรษะของธิดาศักดิ์สิทธิ์ดินแดนภาคกลางด้วยความอยากรู้อยากเห็น ถึงกับต้องตื่นตระหนกและกล่าวว่า “เทพแท้จริงขั้นขึ้นสู่สวรรค์ชั้นเก้า ขาดอีกเพียงขั้นเดียวก็ก้าวสู่เทพแท้จริงขั้นอมตะแล้ว”
ยอดฝีมือรุ่นอาวุโสที่เคยพบเห็นธิดาศักดิ์สิทธิ์ดินแดนภาคกลางมาก่อนก็พูดจากใจว่า “นับว่าธิดาศักดิ์สิทธิ์ดินแดนภาคกลางมีพรสวรรค์ที่เหนือคนโดยแท้ หลายปีก่อนที่พบเห็นนาง นางยังคงเป็นเทพแท้จริงขั้นสวรรค์ชั้นแปด เพียงระยะสั้นๆ ไม่กี่ปีก็กลายเป็นเทพแท้จริงขั้นสวรรค์ชั้นเก้าแล้ว เกรงว่าอีกไม่นานก็สามารถขึ้นสู่ขั้นอมตะแล้ว”
“อายุยังน้อยขนาดนี้ก็คือระดับเทพแท้จริงขั้นสวรรค์ชั้นเก้าเสียแล้ว ขอเพียงก้าวเข้าสู่ขั้นอมตะแล้ว เกรงว่าช้าหรือเร็วนางก็ต้องกลายเป็นคงความอมตะตลอดกาล” กำลังความสามารถของธิดาศักดิ์สิทธิ์ดินแดนภาคกลางนับว่าได้รับการยอมรับจากผู้คนไม่น้อย
“ธิดาศักดิ์สิทธิ์ดินแดนภาคกลาง งดงามทั้งรูปโฉมทั้งความสามารถ” ชายหนุ่มรูปงามและมีความสามารถจำนวนไม่น้อยที่เคลิบเคลิ้มหลงไหลในสุดยอดบุคลิกลักษณะอันมีเสน่ห์ของธิดาศักดิ์สิทธิ์ดินแดนภาคกลาง และแหงนหน้ามองพร้อมกับเอ่ยขึ้นมา
“เจ้ายังคงตายใจกับเรื่องนี้เถอะ อาศัยเจ้าอย่าได้คิดมากเลย มีเพียงองค์ชายของแคว้นโบราณยันต์แปดทิศเท่านั้นที่คู่ควรกับสุดยอดสาวงามอย่างธิดาศักดิ์สิทธิ์ดินแดนภาคกลาง” เห็นสหายของตนที่แหงนหน้ามองในสิ่งนี้ พรรคพวกจึงทำให้เขาเลิกคิดในสิ่งนี้
ชายหนุ่มรูปงามที่มีความสามารถได้แต่ทอดถอนใจเบาๆ ทีหนึ่งเมื่อได้ยินคำๆ นี้แล้ว
แม้ว่าในระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิเซียนมารมีผู้บำเพ็ญตนกลุ่มคนรุ่นใหม่จำนวนไม่น้อยที่มีจิตรักใคร่ชอบพอในธิดาศักดิ์สิทธิ์ดินแดนภาคกลาง แต่ก็เป็นที่ยอมรับทั้งกายและใจ สำหรับเรื่องที่ว่ามีเพียงองค์ชายของแคว้นโบราณยันต์แปดทิศที่ได้ครอบครองหญิงงามผู้นี้ จะอย่างไรเสีย องค์ชายแห่งแคว้นโบราณยันต์แปดทิศก็เป็นอัจฉริยะบุคคลที่โดดเด่นดีเลิศที่สุดของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิเซียนมาร
“กำลังความสามารถของธิดาศักดิ์สิทธิ์ดินแดนภาคกลาง สามารถสู้รบกับราชันแท้จริงระดับล่างนะเนี่ย” มีผู้อาวุโสรุ่นบุกเบิกของตระกูลขุนนางโบราณเมื่อมองเห็นสิบเอ็ดลัคนาที่ลอยล่องของธิดาศักดิ์สิทธิ์ดินแดนภาคกลางแล้ว อดที่จะกล่าวขึ้นไม่ได้
“ต้องดูว่าเป็นราชันแท้จริงแบบไหน เป็นราชันแท้จริงรากหญ้า หรือราชันแท้จริงจากสำนักเจ้าลัทธิ” เทพแท้จริงขันอมตะกล่าวท่าทีจริงจังว่า “ธิดาศักดิ์สิทธิ์ดินแดนภาคกลางได้ฝึกปรือสุดยอดเคล็ดวิชาที่ปฐมบรรพบุรุษทิ้งเอาไว้ มีสุดยอดอาวุธที่ไร้เทียมทานในครอบครอง ธาตุแท้ภายในที่หนาแน่นหาใช่ราชันแท้จริงที่มีชาติกำเนิดทั่วไปสามารถเทียบเคียงได้อยู่แล้ว…”
“…ถ้าหากราชันแท้จริงระดับล่างทั่วไปคิดจะเทียบเคียงกับธิดาศักดิ์สิทธิ์ดินแดนภาคกลาง เกรงว่าคงไม่ง่ายนัก แม้ว่าสุดยอดสัจธรรมจะมีข้อได้เปรียบมากกว่านี้ ก็ไม่แน่เสมอไปว่าจะเป็นคู่ต่อสู้ของธิดาศักดิ์สิทธิ์ดินแดนภาคกลางได้”
บางที ผู้ที่ได้ฟังคำเช่นนี้แล้วอาจคิดว่าไม่เป็นเช่นนั้น และหรือรู้สึกไม่สบายในใจ แต่ความจริงแล้วมันเป็นเช่นนี้จริงๆ ธิดาศักดิ์สิทธิ์ดินแดนภาคกลางที่มีชาติกำเนิดมาจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์ภาคกลางมีความได้เปรียบจากการได้รับเงื่อนไขและสิ่งแวดล้อมที่ดีเป็นพิเศษ
สมควรทราบว่า ในครั้งนั้นขณะที่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ภาคกลางเพิ่งก่อตั้งขึ้นมาใหม่ๆ ปรมาจารย์ของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ภาคกลางเคยขอให้ผู้เฒ่าอมตะประทานชื่อให้ และผู้เฒ่าอมตะได้ประทานชื่อว่า “ดินแดนภาคกลาง” มาให้ ซึ่งสามารถมองออกว่าขณะดินแดนศักดิ์สิทธิ์ภาคกลางเริ่มก่อตั้งก็ได้รับความรักจากผู้เฒ่าอมตะอยู่มากเหมือนกัน แม้ว่าจะเทียบไม่ได้กับวิหารอมตะและนิกายหู้ซานจง แต่เป็นความจริงที่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ภาคกลางก็ได้รับความชื่นชอบจากผู้เฒ่าอมตะจริงๆ
ด้วยเหตุนี้จึงมีการเล่าลือกันว่า ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ภาคกลางได้สืบทอดเคล็ดวิชาและของวิเศษจำนวนไม่น้อยของผู้เฒ่าอมตะ ซึ่งเคล็ดวิชาและของวิเศษเหล่านี้ล้วนแล้วแต่ได้รับการสืบทอดต่อมายุคแล้วยุคเล่า และมีการสั่งสมธาตุแท้ภายในที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้นเรื่อยๆ
ธิดาศักดิ์สิทธิ์ดินแดนภาคกลางคืออัจฉริยะบุคคลของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ภาคกลางมาตั้งแต่อายุยังน้อย ได้รับความชื่นชอบจากผู้อาวุโสของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ภาคกลาง ได้ฝึกปรือเคล็ดวิชาที่ทรงพลังมากที่สุดของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ภาคกลาง มีอาวุธที่ทรงพลังปราศจากผู้เทียบเทียมในครอบครอง โดยเฉพาะหลังจากที่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ภาคกลางเกี่ยวดองสมรสกับแคว้นโบราณยันต์แปดทิศแล้ว ธิดาศักดิ์สิทธิ์ดินแดนภาคกลางยิ่งได้รับการชื่นชมจากสำนักเจ้าลัทธิทั้งสอง
การที่ธิดาศักดิ์สิทธิ์ดินแดนภาคกลางได้รับความชื่นชมจากสองสำนักเจ้าลัทธิเช่นนี้ ย่อมสามารถจินตนาการได้ว่าธาตุแท้ภายในของนางจะลึกล้ำเช่นใดแล้ว ของวิเศษ อาวุธ กระทั่งเคล็ดวิชาที่นางฝึกปรือ เคล็ดวิชาลับที่นางครอบครอง ล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งที่คนอื่นไม่สามารถเทียบเคียงได้อยู่แล้ว
กระทั่งกล่าวได้ว่า ราชันแท้จริงระดับล่างที่มีชาติกำเนิดมาจากสำนักที่ค่อนข้างอ่อนด้อย ล้วนแล้วแต่ไม่เห็นว่าจะเทียบกับนางได้
“ผู้ใดสังหารสาวใช้ข้า สมควรตาย!” เสียงที่ไม่แสดงความโกรธแต่เปี่ยมด้วยอำนาจของธิดาศักดิ์สิทธิ์ดินแดนภาคกลาที่เพิ่งมาถึงเมืองโบราณดังก้องอยู่บนท้องฟ้าของเมืองโบราณ กล่าวน่าเกรงขามขึ้นมาว่า “เดินทางมารับโทษด้วยตนเอง เดินทางมาจัดการตัวเอง บางทีสำนักอาจได้รับการอภัย มิฉะนั้น ฆ่าล้างเก้าชั่วโคตร ทำลายสิบสำนัก!”
คำพูดของธิดาศักดิ์สิทธิ์ดินแดนภาคกลางแข็งกร้าวไร้ความปรานี ทำให้ผู้คนที่ได้ยิน รู้สึกเหมือนเลือดสดๆ ที่ไหลรินอย่างหนึ่ง
……………………………………