Emperor's Domination จักรพรรดิบรรพกาล - ตอนที่ 2767 จงยวี่จู่หวัง
ตอนที่ 2767 จงยวี่จู่หวัง
ในเวลานี้ ธิดาศักดิ์สิทธิ์ดินแดนภาคกลางได้ลุกขึ้นยืน ดวงตาทั้งสองเย็นยะเยือก จ้องมองดูหลี่ชิเย่อย่างไม่คลาดสายตา
ขณะที่ในเวลานี้ หลี่ชิเย่ยังคงนั่งอยู่บนเก้าอี้ล้อเลื่อน หลับตาลงสองข้าง กระบี่ยาววางอยู่บนตักเฉยๆ ภาพรวมเหมือนนอนหลับไปแล้วอย่างนั้น ในเวลานี้เหมือนว่าทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกล้วนแล้วแต่ดูไม่คู่ควรจะกล่าวถึงอย่างนั้น
ในขณะนี้ แม้แต่ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างก็จ้องมองดูกระบี่ยาวเล่มนั้นที่อยู่บนตักของหลี่ชิเย่อย่างไม่คลาดสายตา ในเวลานี้กระบี่ยาวเล่มนี้ไม่ได้เปล่งประกายเยือกเย็นใดๆ ออกมา และไม่ได้เปล่งพลังกระบี่ที่สะเทือนยเลื่อนลั่น ยิ่งไม่มีประกายกระบี่ที่วูบวาบ
เวลานี้ กระบี่ยาวเล่มนี้นอนอยู่บนตักของหลี่ชิเย่เฉยๆ เก็บงำประกาย ย้อนคืนสู่ความเรียบง่ายบริสุทธิ์ ทุกอย่างดูธรรมดาทั่วไปอย่างยิ่ง ทุกอย่างดูปรกติอะไรอย่างนั้น
นาทีนี้เวลานี้ กระบี่ยาวที่อยู่บนตักของหลี่ชิเย่นั้นก็เหมือนเช่นตัวของเขาอย่างนั้น ดูเรียบง่ายจริงใจ ปรกติธรรมดาอย่างยิ่ง แต่ว่า ในขณะนี้ กระบี่ยาวเล่มนี้ที่แลดูเรียบง่ายจริงใจ ปรกติธรรมดาไม่มีอะไรแปลกสะดุดตา เหมือนว่ามันก็คือผู้บงการทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกใบนี้ บงการชะตาชีวิตของเหล่าสรรพสัตว์ทั้งหลาย หนึ่งกระบี่ที่สำแดงออกไปก็คือความเป็นความตายของสรรพสัตว์
“ยังมีใครจะสู้อีกมั้ย?” เวลานี้หลี่ชิเย่เพียงเลิกหนังตาเบาๆ ทีหนึ่ง ภาพโดยรวมของตัวเขาดูเรียบเฉยเป็นธรรมชาติ ทุกอย่างล้วนแล้วแต่ตามอารมณ์อะไรอย่างนั้น เหมือนว่าเขาแค่พูดคำพูดคำหนึ่งที่ไม่คู่ควรจะกล่าวถึงออกมาเท่านั้น
คำพูดที่แลดูตามอารมณ์ยิ่งของหลี่ชิเย่นี่แหละ กลับทำให้ผู้คนที่อยู่ในเหตุการณ์ถึงกับอึดอัดจนหายใจไม่ออก ไม่รู้ว่ามีผู้คนจำนวนเท่าไรที่รู้สึกว่าฉับพลันนั้นเองถูกคนเขาบีบคอเอาไว้แน่นมากจนไม่สามารถหายใจออกได้อยู่เป็นเวลานาน
ในเวลานี้ ทุกคนต่างกลั้นลมหายใจเอาไว้มองดูธิดาศักดิ์สิทธิ์ดินแดนภาคกลาง ไม่รู้ว่ามีผู้คนจำนวนเท่าไรที่รู้สึกเป็นกังวลในตัวของนาง
ก่อนหน้านั้น ธิดาศักดิ์สิทธิ์ดินแดนภาคกลางช่างยโสโอหังอะไรอย่างนั้น ช่างมีท่วงท่าที่น่าเกรงขามอะไรอย่างนั้น กระทั่งทุกคนต่างเข้าใจว่าการลงมือของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ภาคกลางในครั้งนี้จะต้องปราบหลี่ชิเย่ได้แน่นอน เกรงว่าหลี่ชิเย่ที่เป็นปรมาจารย์ของนิกายหู้ซานจงคงเป็นไปไม่ได้ที่จะมีชีวิตก้าวออกจากตำหนักที่มีไว้พักผ่อนชั่วคราวได้อีกแล้ว
ไม่นึกไม่ฝันเลยว่า เวลานี้สถานการณ์จะกลับตาลปัตรได้ถึงเพียงนี้ นาทีนี้ทุกคนต่างตระหนักได้ว่า ผู้ที่ไม่สามารถมีชีวิตก้าวเดินออกไปจากตำหนักที่มีไว้พักผ่อนชั่วคราวนั้น เกรงว่าจะเป็นพวกของธิดาศักดิ์สิทธิ์ดินแดนภาคกลาง ไม่ใช่หลี่ชิเย่
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ดีไม่ดีศิษย์ของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ภาคกลางทั้งหมด รวมทั้งธิดาศักดิ์สิทธิ์ดินแดนภาคกลางและบรรดาเหล่าบรรพบุรุษทั้งหลาย เกรงว่าจะไม่มีผู้ใดสามารถมีชีวิตรอดออกไปจากตำหนักที่มีไว้พักผ่อนชั่วคราวได้เลยแม้แต่คนเดียว
“ข้าเอง…” ในเวลานี้ ธิดาศักดิ์สิทธิ์ดินแดนภาคกลางลุกขึ้นพรวดพราด กล่าวน้ำเสียงเย็นชา ท่าทางดูเข้มงวดน่าเกรงขาม
ผู้คนจำนวนไม่น้อยถึงกับเหงื่อตกภายในใจ เมื่อเห็นธิดาศักดิ์สิทธิ์ดินแดนภาคกลางลุกขึ้นมารับคำท้า นาทีนี้เวลานี้ทุกคนต่างมองออกว่า ธิดาศักดิ์สิทธิ์ดินแดนภาคกลางไม่ใช่คู่ต่อสู้ของคนโหดอันดับหนึ่งอีกต่อไปแล้ว
แม้ว่าธิดาศักดิ์สิทธิ์ดินแดนภาคกลางจะเป็นเทพแท้จริงขั้นขึ้นสู่สวรรค์ชั้นที่เก้า แต่ว่า หลี่ชิเย่ที่เป็นปรมาจารย์ของนิกายหู้ซานจงสามารถสังหารได้กระทั่งเทพแท้จริงขั้นอมตะได้ ลำพังแค่เทพแท้จริงขั้นขึ้นสู่สวรรค์จะนับเป็นอะไรได้ ต่อให้เป็นเทพแท้จริงขั้นขึ้นสู่สวรรค์ชั้นที่เก้าก็ตาม เกรงว่าภายใต้คมกระบี่ของหลี่ชิเย่แล้วคงได้แต่ไปรนหาที่ตาย
“ธิดาศักดิ์สิทธิ์ดินแดนภาคกลางสามารถรับหนึ่งกระบี่ได้หรือไม่?” มียอดฝีมือถึงกับซุบซิบขึ้นด้วยความกังขา
เวลานี้ใช่ว่าทุกคนจะดูเคลนต่อธิดาศักดิ์สิทธิ์ดินแดนภาคกลาง และไม่ใช่เป็นการดูถูกธิดาศักดิ์สิทธิ์ดินแดนภาคกลาง แต่ว่า ความแตกต่างด้านกำลังความสามารถนั้นเห็นๆ กันอยู่ ด้วยกำลังความสามารถที่ห่างชั้นเช่นนี้ ทุกคนล้วนแล้วแต่เป็นกังวลว่าธิดาศักดิ์สิทธิ์ดินแดนภาคกลางจะไม่สามารถรับหนึ่งกระบี่ของหลี่ชิเย่ได้
ความจริงก็เป็นเช่นนั้น เมื่อครู่นี้บรรพบุรุษหยงซวีแห่งดินแดนศักดิ์สิทธิ์ภาคกลางก็ถูกหลี่ชิเย่สังหารในกระบี่เดียว สมควรทราบว่าบรรพบุรุษหยงซวีนั้นแข็งแกร่งกว่าธิดาศักดิ์สิทธิ์ดินแดนภาคกลางไม่รู้เท่าไร ยิ่งไปกว่านั้น ภายใต้หนึ่งกระบี่นี้ บรรพบุรุษหยงซวียังได้รับความช่วยเหลือจากบรรพบุรุษอีกผู้หนึ่งที่แข็งแกร่งยิ่งกว่า แต่ว่า สุดท้ายยังคงต้องตายภายใต้หนึ่งกระบี่ของหลี่ชิเย่
“บางทีอาจสามารถดิ้นรนได้เล็กน้อยกระมัง” เทพแท้จริงขั้นอมตะลังเลนิดหนึ่ง และกล่าวว่า “แม้ว่าธิดาศักดิ์สิทธิ์ดินแดนภาคกลางเป็นเทพแท้จริงขั้นขึ้นสู่สวรรค์ก็จริง แต่ว่า ธิดาศักดิ์สิทธิ์ดินแดนภาคกลางยังได้เคยฝึกสุดยอดเคล็ดวิชามา ได้ยินมาว่ายังมีอาวุธปฐมบรรพบุรุษในครอบครอง แม้ว่าด้านทักษะและกำลังความสามารถไม่สามารถเทียบได้กับเทพแท้จริงขั้นอมตะ แต่ ไม่แน่นักนางอาจจะมีฝีมือในการปกป้องตนเองอยู่บ้าง”
ย่อมไม่ต้องสงสัย ในฐานะที่เป็นผู้สืบทอดของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ภาคกลาง ธิดาศักดิ์สิทธิ์ดินแดนภาคกลางมีของวิเศษจำนวนนับไม่ถ้วนอยู่ในความครอบครอง มีความได้เปรียบที่คนอื่นไม่มี แต่ว่า สามารถรับหนึ่งกระบี่ของหลี่ชิเย่ได้จริงหรือไม่นั้น ทำให้ทุกคนต่างไม่มั่นใจในตัวของนาง แม้แต่เทพแท้จริงขั้นอมตะก็คิดว่าธิดาศักดิ์สิทธิ์ดินแดนภาคกลางไม่สามารถรับหนึ่งกระบี่ของหลี่ชิเย่ได้
“เจ้ารึ?” หลี่ชิเย่เลิกหนังตาทีหนึ่ง มองดูธิดาศักดิ์สิทธิ์ดินแดนภาคกลางแวบหนึ่ง ยิ้มเรียบเฉยและกล่าวว่า “หนึ่งกระบี่สำแดงออกไป เสียชีวิตแน่นอน”
คำพูดคำนี้ของหลี่ชิเย่เอ้อระเหยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นเพียงใด เป็นการตามอารมณ์สบายอกสบายใจเช่นใด แต่ คำพูดคำเดียวก็เป็นการกุมอำนาจในการชี้เป็นชี้ตายเอาไว้ แม้แต่กับผู้ดำรงอยู่ในฐานะเช่นธิดาศักดิ์สิทธิ์ดินแดนภาคกลาง นาทีนี้เกรงว่าก็ดูจะไม่คู่ควรจะกล่าวถึง
“จะไหวหรือไม่ จะทราบผลได้เร็วๆ นี้” ธิดาศักดิ์สิทธิ์ดินแดนภาคกลางกล่าวน้ำเสียงเย็นชา ท่าทางเข้มงวดน่าเกรงขามหนักแน่นจริงจัง ภายในใจของนางในเวลานี้ได้เตรียมใจพร้อมรับความตายอยู่แล้ว
หลี่ชิเย่ได้สังหารศิษย์และยอดฝีมือดินแดนศักดิ์สิทธิ์ภาคกลางของพวกเขามากมายถึงเพียงนี้ ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ภาคกลางของพวกเขาไม่มีทางหนีทีไล่เหลือไว้อีกแล้ว หากไม่ทำลายล้างนิกายหู้ซานจง ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ภาคกลางพวกเขาไม่สามารถมีที่ยืนในระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิเซียนมารอีกแล้ว อำนาจบารมีของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ภาคกลางก็จะหมดสิ้นไป
ดังนั้น มาถึงวันนี้ ระหว่างดินแดนศักดิ์สิทธิ์ภาคกลางของพวกเขากับนิกายหู้ซานจง จะต้องตายไปข้างหนึ่งแน่นอน
มาวันนี้ แม้ว่าธิดาศักดิ์สิทธิ์ดินแดนภาคกลางรู้อยู่แล้วว่าไปตาย แต่นางจะต้องทำ ในฐานะที่นางเป็นถึงธิดาศักดิ์สิทธิ์ดินแดนภาคกลาง ฮองเฮาของแคว้นโบราณยันต์แปดทิศในอนาคต นางจะร้องขอให้หลี่ชิเย่ละเว้นตนไม่ได้อย่างเด็ดขาด และก้มหัวให้หลี่ชิเย่ไม่ได้อย่างเด็ดขาด
เนื่องจากบนบ่าของนางไม่เพียงแบกรับเกียรติยศของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ภาคกลาง ยังแบกรับเกียรติยศของแคว้นโบราณยันต์แปดทิศ กล่าวสำหรับนาแล้วมีเพียงความตายเท่านั้น จะต้องไม่ทำให้แคว้นเจ้าลัทธิทั้งสองต้องเสียความน่าเกรงขามและเกียรติยศไปอย่างเด็ดขาด
เวลานี้ ธิดาศักดิ์สิทธิ์ดินแดนภาคกลางก้าวเดินลงมาอย่างช้าๆ ท่าทางของนางดูหนักแน่น ภายในใจของนางเข้าใจแล้วว่า การไปคราวนี้จะไม่กลับมาอีก แต่ว่า ภายในใจของนางได้เตรียมพร้อมรับกับความตายอยู่แล้ว
“ข้ารับมือเจ้าหนึ่งกระบี่…” หลังจากธิดาศักดิ์สิทธิ์ดินแดนภาคกลางก้าวเดินลงมาแล้วได้มองดูหลี่ชิเย่ด้วยท่าทีเย็นชา แม้ว่านางรู้อยู่แล้วว่าจะต้องตาย นางยังคงไม่ยอมก้มหัวอันสูงส่งลง นางยังคงต่อสู้กับหลี่ชิเย่จนถึงที่สุด
ปัง…เสียงหนึ่งดังขึ้น จังหวะที่ธิดาศักดิ์สิทธิ์ดินแดนภาคกลางกำลังจะต่อสู้กับหลี่ชิเย่อยู่นั้น ปรากฏคนผู้หนึ่งลงมาจากท้องฟ้า กั้นขวางอยู่ด้านหน้าของธิดาศักดิ์สิทธิ์ดินแดนภาคกลาง สายลมที่ตีเข้ากับชุดที่เขาสวมใส่เสียงดังพึ่บพั่บ เสมือนดั่งเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์องค์หนึ่งที่ยืนตระหง่านอยู่ตรงนั้น
เขาคือผู้เฒ่าคนหนึ่ง ผมหงอกขาวยาวปะบ่า ผมหมอกเต็มหัวของเขาส่งประกายแวบวับ ผมทุกๆ เส้นเหมือนเป็นเส้นไหมเงินอย่างนั้น ซึ่งสอดรับกับตัวเขาที่แลดูสูงใหญ่ทรงกำลังอำนาจ และแข็งแกร่งทรงพลังของเขา
เมื่อบุคคลลักษณะเช่นนี้ยืนอยู่ ณ ที่ตรงนั้น เสมือนดั่งมีภูเขาที่สูงใหญ่อย่างยิ่งลูกหนึ่งตั้งตระหง่านอยู่ตรงนั้น เมื่อเขายืนขวางอยู่ที่ใด เหมือนว่าใครก็ตามล้วนไม่สามารถก้าวข้ามไปได้อย่างนั้น
“จู่หวัง…” ธิดาศักดิ์สิทธิ์ดินแดนภาคกลางถึงกับส่งเสียงร้องขึ้นมา เมื่อมองเห็นผู้เฒ่าผู้นี้แล้ว
“จงยวี่จู่หวัง…” บรรพบุรุษสำนักเจ้าลัทธิร้องในใจขึ้นมา เมื่อมองเห็นผู้เฒ่าผู้นี้ และกล่าวว่า “เขาคือหนึ่งในระดับบรรพบุรุษที่แข็งแกร่งที่สุดของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ภาคกลาง เขาอยู่ในระดับเทพแท้จริงขั้นอมตะ ชั้นอมตะพันชาติตั้งแต่ยุคสมัยที่แล้วมาแล้ว”
“จงยวี่จู่หวัง นี่คือบรรพบุรุษระดับสูงของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ภาคกลางนะเนี่ย” เทพแท้จริงขั้นอมตะจำนวนไม่น้อยต่างเคยได้ยินชื่อเสียงอันโด่งดังของจงยวี่จู่หวังมาก่อน ไม่นึกเลยว่าวันนี้เขาจะมาด้วยตนเอง
“จงยวี่จู่หวังนะเนี่ย ถึงกับยังไม่ได้ละสังขารในท่านั่งสมาธิ” ชื่อจงยวี่จู่หวังชื่อนี้เคยดังก้องไปทั่วดินแดนศักดิ์สิทธิ์ภาคกลาง เคยเป็นบรรพบุรุษที่มีชื่อเสียงโด่งดัง ขณะที่เขาอายุยังน้อยก็เป็นอัจฉริยะบุคคลที่มีความปราดเปรื่องน่าทึ่งคนหนึ่ง
“คนที่ลงมือเมื่อครู่ก็คึอเจ้าล่ะสิ” หลี่ชิเย่มองหน้าจงยวี่จู่หวังแวบหนึ่ง ยิ้มนิดหนึ่ง กระบี่ยาวยังคงวางอยู่บนตัก ยังคงไม่คิดว่าจะมีอะไรดีนักหนา
ท่าทีเช่นนี้ของหลี่ชิเย่พลันทำให้ม่านตาดำของจงยวี่จู่หวังถึงกับหดตัวทีหนึ่ง รู้ทั้งรู้ถึงกำลังความสามารถเช่นนี้ของจงยวี่จู่หวังแล้ว หลี่ชิเย่ยังคงไม่ได้มองดูมากไปกว่าครั้งหนึ่ง ยังคงไม่คิดว่าจะมีอะไรดีนักหนา ย่อมสามารถจินตนาการได้ว่าหลี่ชิเย่นั้นมีความแข็งแกร่งเพียงใดแล้ว
ในขณะนี้ จงยวี่จู่หวังเองก็รู้แล้วว่าดินแดนศักดิ์สิทธิ์ภาคกลางของพวกเขาเจอของแข็งเข้าให้แล้ว แต่ว่า ในวันนี้ศิษย์ของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ภาคกลางจำนวนนับพันนับหมื่นตายอย่างอนาถด้วยน้ำมือของหลี่ชิเย่ ไม่ว่าจะอย่างไร บรรพบุรุษเช่นเขาคนนี้ก็ถอยไม่ได้อย่างเด็ดขาด จะต้องทวงคำตอบให้กับศิษย์ที่ได้ตายไป
“นิกายหู้ซานจงมีปรมาจารย์เช่นท่านตั้งแต่เมื่อไหร่กัน” เวลานี้ดวงตาทั้งสองของจงยวี่จู่หวังเจิดจ้า ส่งประกายเยือกเย็นวูบวาบ ขณะที่ประกายตาทั้งสองหมุนเคลื่อนไปนั้น เหมือนก้าวข้ามสายน้ำแห่งกาลเวลาอย่างนั้น ประกายดังกล่าวได้ตกไปอยู่บนตัวของหลี่ชิเย่ ต้องการมองหาเบาะแสบางอย่างบนตัวของเขา
ความจริงแล้วไม่ว่าดวงตาคู่นั้นของจงยวี่จู่หวังจะวิวัฒนาการความลึกซึ้งยอดเยี่ยมอย่างไร ทำการเปรียบเทียบสัจธรรมอย่างไรก็ตาม ก็ไม่สามารถมองเห็นเบาะแสใดๆ ได้จากตัวของเขา และไม่สามารถเปรียบเทียบหาร่องรอยใดๆ ได้แม้แต่น้อย
ภายในใจของจงยวี่จู่หวังครุ่นคิดอย่างละเอียดแต่ก็นึกไม่ออกว่า นิกายหู้ซานจงมีระดับปรมาจารย์เช่นนี้โผล่ขึ้นมาตั้งแต่เมื่อไหร่กัน เขาไม่สามารถนำหลี่ชิเย่ที่อยู่ตรงหน้าไปเปรียบเทียบและเข้ากันได้กับปรมาจารย์คนใดคนหนึ่งที่มีความแข็งแกร่งของนิกายหู้ซานจงในอดีตได้
แม้ว่าในอดีตทางนิกายหู้ซานจงจะเคยให้กำเนิดปรมาจารย์ที่แข็งแกร่งจำนวนมาก แต่ จงยวี่จู่หวังนึกไปนึกมาก็นึกไม่ออกว่ามีปรมาจารย์อย่างหลี่ชิเย่มาก่อน
“เดิมทีโลกนี้ก็เต็มไปด้วยสิ่งเหนือความคาดคิด และความตื่นตระหนกระคนกับความดีใจอยู่แล้ว การไม่รู้ก็ไม่ได้มีอะไรน่าแปลก” หลี่ชิเย่ยิ้มเรียบเฉย
“ดี ข้าจะรับมือหนึ่งกระบี่ของท่าน!” จงยวี่จู่หวังคำรามเสียงดัง ทันใดนั้นได้ยินเสียงตูมดังสนั่น มองเห็นสิบสองลัคนาของเขาพุ่งขึ้นมาอย่างรุนแรง สิบสองลัคนาพลันปูลาดเป็นวิถีขึ้นมา วิถีลักษณะเช่นนี้เรียบๆ แต่มีพลัง เสมือนดั่งก้าวข้ามอดีตปัจจุบัน ก้าวข้ามกาลเวลา ย้อนกลับไปอดีต
นาทีนี้ จงยวี่จู่หวังเสมือนดั่งยืนอยู่ด้านนี้ของสายน้ำแห่งกาลเวลา แต่ว่า ก็ดูเหมือนเขาสามารถก้าวข้ามไปยังยุคสมัยอดีตได้ตลอดเวลา
“ขั้นอมตะ ชั้นอมตะสิบล้านชาตินับว่าแข็งแกร่งโดยแท้จริง” ผู้ที่อยู่ในระดับเทพแท้จริงขั้นอมตะเช่นกัน ต่างชมเปาะขึ้นมาด้วยความตื่นตะลึง และอิจฉา เมื่อมองเห็นวิถีที่ปูลาดออกมาจากสิบสองลัคนาของจงยวี่จู่หวัง
“เจ้า รับหนึ่งกระบี่ของข้าไม่ได้” หลี่ชิเย่ยิ้มนิดหนึ่ง
คำพูดที่สบายๆ เช่นนี้ของหลี่ชิเย่ พลันทำให้จงยวี่จู่หวังถึงกับหายใจไม่ออก นาทีนี้เขาตระหนักได้อย่างแท้จริงแล้วว่า มีความเป็นไปได้ที่ตนจะรับหนึ่งกระบี่นี้ของหลี่ชิเย่ไม่ได้จริงๆ
“จู่หวัง ให้ข้ารับมือกับหนึ่งกระบี่ของเขาก่อน” ในเวลานี้ธิดาศักดิ์สิทธิ์ดินแดนภาคกลางได้กล่าวเสียงทุ้มต่ำขึ้นมา
“ไม่ ลูกเอ๊ย เจ้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา เจ้ารับหนึ่งกระบี่ของเขาไม่ได้ ไร้ประโยชน์” จงยวี่จู่หวังเข้าใจในความตั้งใจของธิดาศักดิ์สิทธิ์ดินแดนภาคกลาง กล่าวและส่ายหน้าเบาๆ
……………………………………