Emperor's Domination จักรพรรดิบรรพกาล - ตอนที่ 2778 ฮ่องเต้วิหารอมตะ
ตอนที่ 2778 ฮ่องเต้วิหารอมตะ
จันไถเมี่ยว คือฮ่องเต้วิหารอมตะในยุคปัจจุบัน และคือฮ่องเต้วิหารอมตะในยุคก่อนหน้า
เพียงแต่ปัจจุบันไม่มีใครรู้จักชื่อของนางอีกแล้ว ทุกคนรู้แต่เพียงว่านางคือฮ่องเต้วิหารอมตะ เจ้าของวิหารอมตะ เป็นฮ่องเต้มาสองยุคสมัย
ฮ่องเต้วิหารอมตะนางไม่เพียงเป็นฮ่องเต้มาสองยุคสมัยเท่านั้น ที่สำคัญมากไปกว่านั้นก็คือ นางคือระดับเทพแท้จริงขั้นอมตะ ชั้นคงความอมตะตลอดกาลตั้งแต่ยุคสมัยที่แล้ว เคยเป็นถึงอัจฉริยะบุคคลผู้ปราดเปรื่องน่าทึ่งแห่งยุค เคยเป็นชั้นคงความอมตะตลอดกาลที่มีอายุน้อยที่สุดของแดนลัทธิเซียน
ฮ่องเต้วิหารอมตะเคยได้รับการยกย่องว่าเป็นสุดยอดอัจฉริยะบุคคลที่ยอดเยี่ยมมากที่สุดของวิหารอมตะสืบต่อจากเจียงฉางฉุนในขณะนั้น
เพียงแต่ในยุคสมัยนี้ ฮ่องเต้วิหารอมตะปลีกวิเวกไม่ปรากฏตัว เก็บตัวเงียบไม่เผยโฉมออกมาอีกเลย กระทั่งมีผู้กล่าวว่า นางได้กักตนโดยไม่กลับออกมาอีก แม้จะเป็นเช่นนี้ก็ตาม วิหารอมตะยังคงมีความเป็นระเบียบเหมือนเดิม
มาวันนี้ฮ่องเต้วิหารอมตะปรากฏตัวขึ้น ทำให้ยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนจำนวนมากในระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิเซียนมารถึงกับหวั่นไหวกับสิ่งนี้ สามารถได้เห็นรูปโฉมผู้หญิงที่งดงามที่สุด อัจฉริยบุคคลที่ปราดเปรื่องน่าทึ่งที่สุด สำหรับผู้คนจำนวนมากแล้วนับว่าไม่เสียใจอีกแล้ว
ภายในใจของระดับเทพแท้จริงขั้นอมตะที่เคยอยู่ร่วมสมัยเดียวกันกับฮ่องเต้วิหารอมตะรู้สึกสะอื้นเบาๆ เมื่อมองเห็นฮ่องเต้วิหารอมตะยังคงมีท่วงทีที่งดงามเหมือนเดิม ขณะที่ตนเองนั้นดูจะอยู่ในวัยชราไปแล้ว
เคยมียอดฝีมือรุ่นอาวุโสที่เข้าสู่ยุทธภพพร้อมๆ กับฮ่องเต้วิหารอมตะ เมื่อเห็นโชควาสนาของฮ่องเต้วิหารอมตะแล้ว หันมองดูตนเองอีกที ทำให้ภายในใจยิ่งรู้สึกเศร้าเสียใจยิ่ง จะอย่างไรเสียฮ่องเต้วิหารอมตะในวันนี้คือชั้นคงความอมตะตลอดกาลมานานแล้ว ขณะที่ตนเองยังคงดิ้นร้นด้วยความยากลำบากอยู่กับระดับเทพแท้จริงขั้นขึ้นสู่สวรรค์อยู่เลย
เข้าสู่ยุทธภพพร้อมๆ กัน กลับต่างกันราวฟ้ากับดิน มันช่างเป็นเรื่องที่ทำให้รู้สึกน่าผิดหวังอย่างยิ่ง
ฮ่องเต้วิหารอมตะมีบุคลิกลักษณะที่สุดยอดในหล้า มีเสน่ห์ความเป็นหญิงที่เป็นผู้ใหญ่ มีกลิ่นอายความเป็นทายาทผู้สูงศักดิ์ ทำให้บุรุษจำนวนเท่าไรที่ต้องอึดอัดจนหายใจไม่ออก
เวลานี้ฮ่องเต้วิหารอมตะก้าวเดินเข้ามาช้าๆ มีดอกบัวที่ผุดขึ้นรับกับฝ่าเท้าของนาง ร่างที่พริ้วไหวด้วยบุคลิกลักษณะอันมีเสน่ห์ที่ ระหว่างที่เหลียวซ้ายเลขวา ทำให้ผู้คนที่มองเห็นแล้วไม่อาจลืมเลือน
“หากคุณชายต้องการขึ้นนั่งบนบัลลังก์ วิหารอมตะของข้าสนับสนุนเป็นคนแรก” ฮ่องเต้วิหารอมตะก้าวเดินมาจนหยุดอยู่ตรงหน้าหลี่ชิเย่อย่างช้าๆ โค้งคำนับกึ่งคุกเข่าแสดงคารวะต่อหลี่ชิเย่ และทักทายปราศรัยว่า “จันไถเมี่ยวขอแสดงคารวะสูงสุดต่อคุณชายในฐานะตัวแทนของวิหารอมตะ”
“ลุกขึ้น” หลี่ชิเย่เรียบเฉยยิ่ง เหมือนว่าที่ย่อตัวคุกเข่าอยู่ตรงหน้านั้นเป็นเพียงศิษย์ธรรมดาคนหนึ่งของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิเซียนมารเท่านั้น
ภาพเช่นนี้ได้ทำให้ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ตาค้างลิ้นจุกปากพูดอะไรไม่ออก ผู้คนจำนวนมากอ้าปากกว้างมาก เวลานี้สมองเหมือนพันตูกันไปหมดไม่สามารถตอบสนองได้ทัน
ฮ่องเต้วิหารอมตะคือเจ้าแห่งวิหารอมตะ มีอำนาจชี้เป็นชี้ตายอยู่ในมือ มีฐานะที่สูงส่งอย่างยิ่ง ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นระดับเทพแท้จริงขั้นอมตะ ชั้นคงความอมตะตลอดกาลคนหนึ่ง นางที่ดำรงอยู่ในฐานะเช่นนี้เมื่อเทียบกับผู้เฒ่าเซียนแห่งดินแดนภาคกลาง ยันต์แปดทิศกุมชะตาสรรพชีวิตแล้ว เรียกได้ว่ามีแต่สูงส่งกว่าไม่มีต้อยต่ำกว่าอยู่แล้ว
มาวันนี้ เฉกเช่นฮ่องเต้วิหารอมตะที่สูงส่งมีความเป็นทายาทกษัตริย์ถึงกับแสดงคารวะถึงเพียงนี้ เรื่องเช่นนี้สร้างความรู้สึกแก่ผู้คนว่าเหลือเชื่อ และไม่อาจจินตนาการได้
สมควรทราบว่า ใต้หล้าทุกวันนี้ ผู้ที่คู่ควรให้ฮ่องเต้วิหารอมตะต้องแสดงคารวะเต็มรูปแบบขนาดนี้ได้ เกรงว่าคงมีเจียงฉางฉุนที่อยู่ในตำนานแล้วล่ะ!
“นี่ นี่มันเกิดอะไรขึ้น? ” แม้แต่ระดับเทพแท้จริงขั้นอมตะก็ไม่สามารถเข้าใจเรื่องนี้ได้
ต่อให้หลี่ชิเย่เป็นถึงปรมาจารย์ของนิกายหู้ซานจง ก็คงไม่ถึงกับต้องให้ฮ่องเต้วิหารอมตะแสดงคารวะเต็มรูปแบบถึงเพียงนี้ จะอย่างไรเสียฐานะของวิหารอมตะกระทั่งสูงกว่านิกายหู้ซานจงเสียอีก ยิ่งไม่ต้องพูดถึงนิกายหู้ซานจงที่ได้ตกต่ำลงแล้วในวันนี้
“วิหารอมตะสนับสนุนคุณชายขึ้นนั่งบนบัลลังก์ปฐมบรรพบุรุษ! ” เวลานี้ท่าทีของวิหารอมตะชัดเจนมาก หลี่ชิเย่ต้องการก้าวขึ้นนั่งบนบัลลังก์ปฐมบรรพบุรุษ วิหารอมตะของพวกเขาสนับสนุนเต็มที่
ฮ่องเต้วิหารอมตะ ทำเช่นนี้เกรงว่าจะไม่เหมาะ” มีระดับเทพแท้จริงขั้นอมตะที่มีชื่อเสียงและบารมีสูงกล่าวด้วยท่าทีจริงจังขึ้นช้าๆ ว่า “บัลลังก์ปฐมบรรพบุรุษเกี่ยวพันกับเกียรติยศของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิเซียนมาร ใช่ว่าใครก็สามารถขึ้นนั่งบนบัลลังก์ได้ ขอฮ่องเต้วิหารอมตะโปรดไตร่ตรองให้รอบคอบ! ”
“วิหารอมตะยินดีแบกรับความรับผิดชอบทุกอย่าง! ” ฮ่องเต้วิหารอมตะไม่หวั่นไหวต่อสิ่งนี้ เอ่ยขึ้นช้าๆ ว่า “หากบรรดาผู้อาวุโสมีข้อซักถามใดๆ วิหารอมตะของข้าให้การต้อนรับทุกเมื่อ”
ท่าทีลักษณะเช่นนี้ของฮ่องเต้วิหารอมตะนับว่าแข็งกร้าวมากแล้ว ทุกคนต่างมองออกว่า ฮ่องเต้วิหารอมตะให้การสนับสนุนต่อหลี่ชิเย่ขึ้นนั่งบัลลังก์ปฐมบรรพบุรุษอย่างเด็ดขาด ไม่ว่าใครก็ขวางไม่อยู่
ในเวลานี้ ทุกคนต่างเจ้ามองดูข้า ข้ามองดูเจ้า ทุกคนล้วนแล้วแต่ไม่รู้ว่าระหว่างหลี่ชิเย่กับฮ่องเต้วิหารอมตะมีความสัมพันธ์เช่นใดกันแน่ ยิ่งไม่ชัดเจนว่าหลี่ชิเย่กับวิหารอมตะมีความสัมพันธ์อย่างไร
ทุกคนต่างไม่เข้าใจว่า เพราะอะไรวิหารอมตะถึงได้ให้การสนับสนุนหลี่ชิเย่อย่างแข็งขันขนาดนี้
ต่อให้วิหารอมตะมีความคิดที่จะจัดการกับแคว้นโบราณยันต์แปดทิศ ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ภาคกลางก็ไม่จำเป็นต้องแสดงคารวะต่อหลี่ชิเย่ถึงเพียงนี้ ยิ่งไม่จำเป็นต้องพูดว่าจะประคองหลี่ชิเย่ขึ้นไปยังบัลลังก์ปฐมบรรพบุรุษ
แม้แต่พวกเฉินเหวยเจิ้งก็มองดูจนตาค้างพูดอะไรไม่ออก พวกเขาเองก็นึกไม่ถึงว่าวิหารอมตะผู้ที่ดำรงอยู่ในฐานะสูงเด่น กลับให้ความเคารพนอบน้อมต่อปรมาจารย์ของพวกเขาขนาดนี้
“คุณชายขึ้นไปยังบัลลังก์ปฐมบรรพบุรุษได้หรือไม่? ” เวลานี้ ฮ่องเต้วิหารอมตะได้โค้งคำนับเพื่อขอความเห็นจากหลี่ชิเย่
“ประคองข้าขึ้นไป” หลี่ชิเย่ท่าทางตามอารมณ์ยิ่ง เพียงสั่งการไปเบาๆ เท่านั้น แม้ว่าจะเป็นผู้ที่ดำรงอยู่ในฐานะฮ่องเต้วิหารอมตะ เขาก็ใช้เหมือนเป็นสาวใช้คนหนึ่ง
ด้วยท่าทีลักษณะเช่นนี้เ ทำให้ภายในใจของผู้คนถึงกับสะดุ้งทีหนึ่ง นี่มันเป็นท่าทีของเผด็จการเพียงใด สมควรทราบว่า ฮ่องเต้วิหารอมตะคือผู้ที่กุมอำนาจสั่งเป็นสั่งตายของผู้คน ยิ่งกว่านั้นยังเป็นผู้อยู่ในระดับเทพแท้จริงขั้นอมตะ ชั้นคงความอมตะตลอดกาล จะมีสักกี่คนกล้าเรียกใช้ฮ่องเต้วิหารอมตะเสมือนดั่งสาวใช้คนหนึ่ง
“คุณชาย ล่วงเกินแล้ว” ฮ่องเต้วิหารอมตะโค้งคำนับต่อหลี่ชิเย่ ยื่นมือออกไปจัดการอุ้มหลี่ชิเย่ที่นั่งนอนอยู่ในเก้าอี้ล้อเลื่อนขึ้นมา ก้าวขึ้นบันไดไปยังบัลลังก์ปฐมบรรพบุรุษ
หลี่ชิเย่ที่มีท่าทีเป็นธรรมชาติ ไม่มีความรู้สึกที่ไม่สบายอกสบายใจแม้แต่น้อย ขณะหนุนอยู่กับอกสาวงาม
ภาพที่ฮ่องเต้วิหารอมตะอุ้มหลี่ชิเย่ขึ้นไปยังบัลลังก์ปฐมบรรพบุรุษด้วยตนเอง ทำเอาทุกคนต่างรู้สึกงงงันจนตัวแข็งทื่อขณะมองดูภาพเหตุการณ์ตรงหน้า
นี่คือฮ่องเต้วิหารอมตะนะเนี่ย มาวันนี้กลับลงมืออุ้มหลี่ชิเย่ขึ้นมาเพื่อไปที่บัลลังก์ปฐมบรรพบุรุษด้วยตัวเอง ช่างเป็นท่วงท่าที่ถ่อมตนและนอบน้อมอะไรอย่างนั้น
แน่นอนที่สุด มีผู้คนจำนวนไม่น้อยเช่นกันที่ได้เห็นภาพนี้แล้ว ภายในใจรู้สึกอิจฉาริษยาและแค้นเคืองนัก การปรนนิบัติเช่นนี้ก็คงมีหลี่ชิเย่เพียงคนเดียวที่ได้เสพสุขเท่านั้น
ทุกคนต่างมองดูภาพที่อยู่ตรงหน้าในเวลานี้ด้วยความงงงัน อ้าปากกว้างค้าง ไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้
ฮ่องเต้วิหารอมตะอุ้มหลี่ชิเย่ก้าวเดินไปยังบัลลังก์ปฐมบรรพบุรุษ ขึ้นไปทีละก้าวๆ ดูท่าหลี่ชิเย่คงขึ้นไปถึงบัลลังก์ปฐมบรรพบุรุษได้
นาทีนี้ ร่างเงาสองสายได้เหินลงมาจากบนฟ้า พลังลมปราณยิ่งใหญ่ดั่งทะเล สะเทือนทั่วหล้า ได้ยินเสียงดังปุเสียงหนึ่ง พลังกระแทกที่ทรงพลังปราศจากผู้เทียบเทียมเหมือนว่าสามารถพัดพาเอามหาสมุทรไปบนเส้นขอบฟ้าได้อย่างนั้น
แต่ว่า ภายใต้พลังที่ยิ่งใหญ่มหาศาลนั้น ฮ่องเต้วิหารอมตะที่อุ้มหลี่ชิเย่เอาไว้นั้นมั่นคงดั่งขุนเขา ไม่หวั่นไหว
คนทั้งสองที่เหินฟ้าลงมานั้นกล้าหาญเด็ดเดี่ยวยิ่ง เป็นผู้กุมความเป็นความตายในมือ ทำให้ผู้พบเห็นอดที่จะเคารพยำเกรงไม่ได้
“ยันต์แปดทิศกุมชะตาสรรพชีวิต ผู้เฒ่าเซียนดินแดนภาคกลาง” มีผู้ร้องเสียงหลงขึ้นมาเพื่อเห็นคนทั้งสองที่เหินฟ้าลงมา
คนทั้งสองที่เหินฟ้าลงมาก็คือยันต์แปดทิศกุมชะตาสรรพชีวิตแห่งแคว้นโบราณยันต์แปดทิศ และผู้เฒ่าเซียนดินแดนภาคกลางแห่งดินแดนศักดิ์สิทธิ์ภาคกลางนั่นเอง ชั้นคงความอมตะตลอดกาลทั้งสองคนเหินลงมาจากฟ้าพร้อมกัน กลิ่นอายความเป็นชั้นคงความอมตะตลอดกาลพลันกดดันจนทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์หายใจหอบไม่ทัน ทุกคนต่างรู้สึกว่าคอของตนถูกรัดจนแน่น มีความรู้สึกหายใจไม่ออก
“ฮ่องเต้วิหารอมตะ หยุดก่อน” ในเวลานี้ผู้เฒ่าเซียนดินแดนภาคกลางได้ท่องเป็นคาถาออกมา และกลับกลายเป็นกำแพงหมื่นลี้ ขวางทางของฮ่องเต้วิหารอมตะเอาไว้
“เฒ่าเซียน เจ้าสามารถขวางทางข้าได้รึ? ” ฮ่องเต้วิหารอมตะพลันลืมตาทั้งสองขึ้น ประกายดาวไร้ขีดจำกัด พลังความเป็นกษัตริย์ยิ่งใหญ่ กลิ่นอายที่สูงส่งของความเป็นทายาทกษัตริย์เผยให้เห็นโดยไม่ปิดบัง ทำให้ผู้คนบังเกิดอารมณ์ต้องการสวามิภักดิ์ขึ้นมา
“ฮ่องเต้วิหารอมตะ ไม่เพียงแต่เฒ่าเซียนที่ไม่ยอม ข้าเองก็ไม่ยอม” เวลานี้ยันต์แปดทิศกุมชะตาสรรพชีวิตกล่าวขึ้นช้าๆ เขาท่องบ่นเป็นคาถา ตัวอักษณทุกตัวจึงมีความหนักแน่น มีอำนาจสูงสุดยากที่ผู้คนจะขัดขืน
“พวกเจ้าสองคนเข้ามาพร้อมกันรึ? ” ฮ่องเต้วิหารอมตะยืนอย่างทระนง หมางเมินใต้หล้า มีจิตใจอันห้าวหาญปราศจากผู้ต่อกรทั่วหล้า แม้ต้องเผชิญหน้ากับสองเทพแท้จริงขั้นอมตะ ชั้นคงความอมตะตลอดกาล ยังคงมีท่าทางที่ทะนงองอาจปราศผู่เทียบเทียม
“ไม่เสียทีที่เป็นสุดยอดอัจฉริยะบุคคลที่ปราดเปรื่องน่าทึ่งที่สุดของยุคสมัยที่แล้ว” ผู้คนจำนวนไม่น้อยมองดูจนรู้สึกปากคอแห้ง และทอดถอนใจออกมา เมื่อเห็นท่าทางฮ่องเต้วิหารอมตะที่หมางเมินใต้หล้า
“ฮ่องเต้วิหารอมตะ โปรดไตร่ตรองให้รอบคอบ บรรพบุรุษทั้งสองท่านไม่ได้มาร้าย” ในเวลานี้อ๋องเทพฉีฟงรีบเร่งก้าวเดินเข้ามาด้วยท่าทีรอมชอม และกล่าวว่า “บัลลังก์ปฐมบรรพบุรุษเกี่ยวพันถึงเกียรติยศสูงสุดของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิเซียนมารพวกเรา ใครสามารถขึ้นนั่งบัลลังก์ดังกล่าว สมควรปรึกษาให้รอบคอบ”
“ฮ่องเต้วิหารอมตะ ท่านสมควรเข้าใจได้ว่า ผู้ที่สามารถขึ้นนั่งบัลลังก์ปฐมบรรพบุรุษล้วนแล้วแต่เป็นปรัชญาเมธีของพวกเรา มนุษย์ปุถุชนธรรมดามีคุณธรรมมีความสามารถใด สามารถขึ้นนั่งบัลลังก์ปฐมบรรพบุรุษได้” เวลานี้ผู้เฒ่าเซียนดินแดนภาคกลางก็เอ่ยขึ้นมาช้าๆ ว่า “ขอฮ่องเต้วิหารอมตะคำนึงถึงวิหารอมตะ อย่าได้ใช้แต่อารมณ์ ทำให้ชื่อเสียงนับพันล้านปีของวิหารอมตะต้องเสียหาย”
“นั่นสิ ขอฮ่องเต้วิหารอมตะโปรดไตร่ตรองให้รอบคอบ” ในเวลานี้ มีระดับเทพแท้จริงขั้นอมตะจำนวนไม่น้อยที่อยู่ในยุคสมัยเดียวกันกับฮ่องเต้วิหารอมตะทยอยกันออกปากกล่าวเตือน
“ปล่อยข้าลงเถอะ” หลี่ชิเย่หัวเราะทีหนึ่ง จังหวะที่ผู้คนจำนวนมากกำลังตำหนิติเตียน
ฮ่องเต้วิหารอมตะทำท่าลังเลนิดหนึ่ง และปล่อยวางหลี่ชิเย่ลง เพียงจ้องมองพวกของยันต์แปดทิศกุมชะตาสรรพชีวิตท่าทีเย็นชานิดหนึ่ง กล่าวเรียบเฉยว่า “นี่เป็นการรนหาที่พินาศของตัวเอง ไม่ว่าใครก็ช่วยพวกเจ้าไม่ได้” กล่าวจบ ถอยไปอยู่ด้านข้างช้าๆ
ครั้นฮ่องเต้วิหารอมตะปล่อยหลี่ชิเย่ลงแล้ว หลี่ชิเย่ยืนอยู่ตรงนั้นอย่างมั่นคง พลันทำให้ทุกคนต่างมองดูด้วยความเหม่อลอย
เนื่องจากตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาหลี่ชิเย่ล้วนแล้วแต่นอนอยู่บนเก้าอี้ล้อเลื่อน ทุกคนรวมทั้งพวกของเฉินเหวยเจิ้งต่างเข้าใจว่าหลี่ชิเย่นั้นมีร่างกายที่พิการไม่สามารถลุกขึ้นยืนได้ ไม่นึกไม่ฝันเลยว่า หลี่ชิเย่ไม่ได้รับผลกระทบอะไรอยู่แล้ว
มาคราวนี้พลันทำให้ทุกคนยืนเหม่ออยู่ตรงนั้น ในเมื่อหลี่ชิเย่สามารถยื่นและเดินได้ด้วยตัวเอง เพราะอะไรจึงต้องนั่งอยู่บนเก้าอี้ล้อเลื่อน
“ก็ดี ผู้ที่คิดว่าข้าไม่สามารถนั่งบัลลังก์ปฐมบรรพบุรุษได้ให้ก้าวออกมาทั้งหมด” หลี่ชิเย่ยิ้มนิดหนึ่ง ท่าทางอ่อนโยน และกล่าวว่า “แน่นอน ข้าเป็นผู้ที่ใจกว้างและมีความเมตตาสำหรับผู้ที่คัดค้านเสมอมา”
ในเวลานี้ บรรดาผู้อยู่ในเหตุการณ์ต่างเจ้ามองข้า ข้ามองเจ้า หากเป็นก่อนหน้านั้น เกรงว่าผู้คนจำนวนมากล้วนแล้วแต่เลือกที่จะยืนอยู่ข้างฝ่ายของพวกแคว้นโบราณยันต์แปดทิศ จะอย่างไรเสียทุกคนย่อมสามารถมองออกว่า แคว้นโบราณยันต์แปดทิศยังครองความได้เปรียบอยู่
ยิ่งไปกว่านั้น มาถึงวันนี้แล้วแคว้นโบราณยันต์แปดทิศมีท่าทีที่จะได้บัญชาการใต้หล้า ขณะที่หลี่ชิเย่ต่อให้แข็งแกร่งมากกว่านี้ก็เป็นเพียงหัวเดียวกระเทียมลีบเท่านั้นเอง
แต่ว่า เวลานี้เหตุการณ์ได้เปลี่ยนไปแล้ว เมื่อวิหารอมตะให้การสนับสนุนหลี่ชิเย่เต็มที่ คราวนี้พลันทำให้ผู้คนจำนวนไม่น้อยลังเลขึ้นมา
“ข้าแคว้นฉีฟงไม่เห็นด้วยเป็นคนแรก” ย่อมไม่ต้องสงสัยว่า อ๋องเทพฉีฟงเป็นคนแรกที่ยืนอยู่ในฝั่งของแคว้นโบราณยันต์แปดทิศ ก่อนหน้านั้นหลี่ชิเย่ก็ได้สังหารเทพกระบี่ฉีฟงไป ยิ่งไปกว่านั้น แคว้นฉีฟงเป็นมิตรประเทศกับดินแดนศักดิ์สิทธิ์ภาคกลางตลอดมา
เวลานี้หากแคว้นฉีฟงจะยืนอยู่ข้างฝ่ายของแคว้นโบราณยันต์แปดทิศก็ไม่มีอะไรจะต้องพะวงอยู่แล้ว
……………………………………………………………………………………….