Emperor's Domination จักรพรรดิบรรพกาล - ตอนที่ 2784 หนึ่งหมัดทำลายหนึ่งแคว้น
ตอนที่ 2784 หนึ่งหมัดทำลายหนึ่งแคว้น
“เจ้า เจ้าคิดจะทำอะไร? ” อ๋องเทพฉีฟงท่าทางตระหนกร้อนรนไม่รู้ว่าควรจะทำเช่นใดอย่างสิ้นเชิง ร้องเสียงดังขึ้นมา
หลี่ชิเย่หัวเราะทีหนึ่ง และกล่าวว่า “จะทำอะไรได้ สังหารเจ้าเท่านั้นเอง”
“ข้า ข้าสู้ตายกับเจ้า” ในเวลานี้อ๋องเทพฉีฟงไม่มีทางเลือก ขณะที่ยันต์แปดทิศกุมชะตะสรรพชีวิตและผู้เฒ่าเซียนดินแดนภาคกลางยังเอาตัวไม่รอด ไม่ลงมือช่วยเขาอยู่แล้ว
ในเวลานี้เอง อ๋องเทพฉีฟงรู้สึกเสียใจภายหลังอย่างสุดซึ้ง หากรู้แต่แรกว่าผลจะออกมาเช่นนี้ ทำไมเขาจะต้องเข้ามายุ่งเกี่ยวกับเรื่องแย่ๆ เช่นนี้เล่า หากรู้แต่แรกว่าจะเป็นเช่นนี้ เขาก็ไม่สมควรเข้ามายุ่งเกี่ยวด้วย
แรกทีเดียวเขาเข้าใจว่ามียันต์แปดทิศกุมชะตาสรรพชีวิตและผู้เฒ่าเซียนดินแดนภาคกลางร่วมมือกันย่อมต้องชนะอย่างไม่ต้องสงสัย เขาเข้ามาข้องแวะด้วยก็แค่ต้องการเอาใจพวกยันต์แปดทิศกุมชะตาสรรพชีวิต เพื่อแสวงหาผลประโยชน์ให้กับแคว้นฉีฟงของพวกเขา
ไม่นึกไม่ฝันเลยว่าเรื่องราวจะพัฒนาจนกลายเป็นสถานการณ์เช่นนี้ แม้แต่ยันต์แปดทิศกุมชะตาสรรพชีวิตและผู้เฒ่าเซียนดินแดนภาคกลางร่วมมือกันก็ไม่สามารถกุมความได้เปรียบจากหลี่ชิเย่ กระทั่งสู้ไม่ได้ ซึ่งส่งผลให้เขาต้องกลายเป็นเป้ากระสุนตายอย่างไร้ค่า
หากรู้แต่แรกว่าจะมีผลออกมาเช่นนี้ เขาก็จะไม่เข้ามาร่วมด้วย เสียดาย โลกนี้ไม่มียาเสียใจภายหลังไว้ขาย
ในขณะนี้ เรื่องของเสียใจภายหลังก็เป็นเรื่องของการเสียใจภายหลัง อ๋องเทพฉีฟงไม่มีทางเลือกอีกแล้ว ได้แต่สู้อย่างเต็มที่ ในเวลานี้พลังลมปราณของเขาได้พวยพุ่งออกมาทั่วตัว เสียงตูมดังสนั่นหวั่นไหว ปรากฏเปลวเพลิงร้อนแรงพวยพุ่งขึ้นมา ขณะเปลวเพลินร้อนแรงทั้งหมดพวยพุ่งขึ้นมาได้ครอบคลุมไปทั่วเก้าชั้นฟ้าสิบแดนดิน
“เด็กๆ ช่วยข้าอีกแรง” ในเวลานี้ อ๋องเทพฉีฟงคำรามเสียงดังขึ้นมา เสียงของเขาดังก้องไปทั่วฟ้าดิน ดังก้องไปทั่วทั้งระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิเซียนมาร
เอี๊ยด เอี๊ยด เอี๊ยดเสียงสิ่งของหนักอึ้งดั่งขึ้นเป็นระลอก นาทีนี้แคว้นฉีฟงที่อยู่ในระยะห่างไกลมากได้ปรากฎคันฉ่องยักษ์ที่แวววับบานหนึ่งลอยขึ้นมา คันฉ่องยักษ์บานนี้อาศัยศิลาผลึกเจียระไนขึ้นมา บริเวณตรงกลางของคันฉ่องศิลาผลึกยักษ์เว้าลง สามารถรวบรวมแสงได้เป็นปริมาณนับไม่ถ้วน
เสียงตูม…ดังสนั่นหวั่นไหว ในเวลานี้แคว้นฉีฟงได้อาศัยความเร็วที่เหลือเชื่อ พลันรวบรวมพลังสัจธรรมเอาไว้ได้เป็นปริมาณมหาศาล เหมือนว่าพลังที่เป็นธาตุแท้ภายในทั่วทั้งแคว้นฉีฟงพลันถูกรวบรวมเอาไว้ภายในคันฉ่องศิลาผลึกยักษ์
ในเสี้ยววินาทีนี้เอง ท่ามกลางเสียงตูมที่ดังสนั่นมองเห็นคันฉ่องศิลาผลึกยักษ์พลันยิงลำแสงที่เจิดจรัสยิ่งออกมาสายหนึ่ง โดยที่ลำแสงดังกล่าวมีขนาดใหญ่มาก พลันก้าวข้ามท้องฟ้าเป็นล้านลี้ ยิงใส่บนตัวของอ๋องเทพฉีฟงในทันที
ขณะที่ลำแสงเจิดจรัสยิงใส่ตัวของอ๋องเทพฉีฟงนั้น ฉับพลันนั้นได้ทำให้ร่างกายของอ๋องเทพฉีฟงรองรับกับพลังธาตุแท้ภายในที่มาจากแคว้นฉีฟง ส่งผลให้เปลวเพลิงทั่วตัวของเขามีความร้อนแผดเผาเพิ่มมากขึ้นกว่าเดิม ขณะเดียวกันก็เสมือนดั่งคลื่นที่โหมสาดซัดใส่ท้องฟ้า ปกคลุมท่วมดวงดาวจำนวนนับไม่ถ้วนจนจมมิด
กำลังความสามารถของอ๋องเทพฉีฟงพลันเพิ่มขึ้นมากมายหลังจากได้รับพลังจากธาตุแท้ภายในแคว้นของตนแล้ว เปลวเพลิงร้อนแผดเผาที่พวยพุ่งออกมาจากตัวของเขานั้นปรากฎสายฟ้าแลบดังเปรี๊ยะเปรี๊ยะขึ้นมา
ฆ่า…นาทีนี้อ๋องเทพฉีฟงคำรามเสียงดังขึ้นมาเสียงหนึ่ง ภายใต้พลังธาตุแท้ภายในทั้งหมด ฝ่ามือยักษ์เหนือศีรษะของเขาที่แปลงมาจากภูเขาศักดิ์สิทธิ์จำนวนเป็นแสนเป็นล้านลูกก็พลันส่งประกายที่พร่างพราวขึ้นมา ภายใต้ประกายที่พร่างพราวทั้งหมดทำให้ไม่สามารถมองเห็นภูเขาแต่ละลูกเหล่านั้นอีกแล้ว เห็นเพียงฝ่ามือยักษ์ที่สมบูรณ์แบบโดยสิ้นเชิงที่ลอยล่องอยู่ตรงนั้น และฝ่ามือยักษ์ดังกล่าวได้ทิ้งกลิ่นอายที่ดั่งน้ำตกสวรรค์ลงมา โดยที่กลิ่นอายดังกล่าวเต็มไปด้วยพลังของปฐมบรรพบุรุษ
เวลานี้ อ๋องเทพฉีฟงถือเอาชิงลงมือก่อนได้เปรียบ จากการที่เขาคำรามเสียงดังขึ้น ตามด้วยเสียงตูมที่ดังสนั่นหวั่นไหว ฝ่ามือยักษ์บนท้องฟ้าพลันตบใส่หลี่ชิเย่โดยตรงด้วยพลังสังหารที่ยอดเยี่ยมปราศจากผู้เทียบเทียม และการที่พลังลักษณะเช่นนี้มีกลิ่นอายของปฐมบรรพบุรุษอีกด้วย เหมือนว่าสามารถบดขยี้ทุกสิ่งทุกอย่างจนสิ้นภายใต้หนึ่งฝ่ามือ
ขณะหนึ่งฝ่ามือลักษณะเช่นนี้สังหารลงมาเหมือนเป็นหนึ่งฝ่ามือของปฐมบรรพบุรุษอย่างนั้น ทำให้ผู้คนรู้สึกตกใจหวาดหวั่นพรั่นพรึงยิ่ง ไม่รู้ว่ามีผู้คนจำนวนเท่าไรถึงกับสั่นเทาเมื่อเห็นภาพนี้แล้ว
“หนึ่งฝ่ามือสามารถทำลายหนึ่งแคว้น” มีฮ่องเต้แคว้นโบราณใบหน้าซีดเผือดร้องเสียงดังขึ้นมา เมื่อเห็นหนึ่งฝ่ามือที่สยบสังหารลงมา
หลี่ชิเย่ไม่ค่อยมีปฏิกิริยาตอบสนองอะไรมากนัก เมื่อต้องเผชิญหนึ่งฝ่ามือที่หอบเอาพลังปฐมบรรพบุรุษนี้แล้วเพียงยิ้มนิดหนึ่ง เหินฟ้าขึ้นไปหนึ่งหมัดที่ซัดออกไปทันที ร้องเสียงดังว่า “ทำลาย…”
เสียงตูมดังขึ้นเสียงหนึ่ง เสมือนดั่งรุ้งกินน้ำสีขาวที่ทะลุผ่านดวงตะวัน ดุจมังกรแท้จริงผงาดฟ้า หนึ่งหมัดทะลุผ่านหมื่นอาณาจักร พลังสุดจะต้าน ไม่ว่าผู้นั้นจะเป็นราชันหรือเหล่าเทพก็ต้องถูกซัดจนทะลุผ่านภายใต้หนึ่งหมัดนี้
ปัง ปัง ปัง…ขณะที่หนึ่งหมัดนี้ซัดออกไปตรงๆ นั้น ปรากฏเสียงแตกละเอียดดังขึ้นเป็นระลอก และเสียงแตกละเอียดแต่ละเสียงเป็นเสียงที่เกิดขึ้นในพริบตา พลันดังต่อเนื่องติดต่อกันเป็นจังหวะยิ่ง
ในเวลานี้ทุกคนต่างรู้สึกงงงันนิดหนึ่ง ภาพเหตุการณ์ตรงหน้าสร้างความหวั่นไหวต่อจิตใจยิ่ง หนึ่งหมัดที่ยาวต่อเนื่องออกไป อันดับแรกที่ถูกซัดจนเจาะทะลุผ่านไปก็คือฝ่ามือยักษ์ที่หมายสยบสังหารลงมา
ฝ่ามือยักษ์ข้างนี้ถูกหนึ่งหมัดของหลี่ชิเย่เจาะจนทะลุผ่านไป ภูเขานับหมื่นนับพันลูกที่กลับกลายเป็นฝ่ามือยักษ์นี้ก็แหลกละเอียดไปภายใต้หนึ่งหมัดนี้
หนึ่งหมัดที่เจาะทะลุผ่านฝ่ามือยักษ์แล้ว หมัดยาวดั่งพยัคฆ์กระโจนมังกรรำโดยไม่ได้หยุดอยู่เพียงเท่านั้น มันทะลุผ่านทรวงอกของอ๋องเทพฉีฟงไป ตามติดด้วยหมัดยาวต่อเนื่องนับล้านล้านลี้ ท่ามกลางเสียงปังที่ดังขึ้นได้ทะลุผ่านคันฉ่องศิลาผลึกยักษ์ของแคว้นฉีฟง สุดท้าย ปังเสียงดังสนั่นดังขึ้นมาเสียงหนึ่ง หมัดยาวได้เจาะทะลุผ่านผืนแผ่นดินของแคว้นฉีฟง พระราชวังของแคว้นฉีฟงพลันถูกเจาะทะลุเป็นหลุมขนาดยักษ์ ภายใต้หนึ่งหมัดนี้ธาตุแท้ภายในใต้พื้นดินของแคว้นฉีฟงพลันถูกทำลายพินาศย่อยยับ
ดังนั้น ขณะธาตุแท้ภายในใต้พื้นดินของแคว้นฉีฟงพลันถูกทำลายพินาศย่อยยับนั้น ได้ยินเสียงตูม ตูม ตูมดังตูมตามขึ้นมาไม่ขาดสาย พลังแก่นฟ้าดินทั้งหมด พลังสัจธรรมพลันพวยพุ่งตามขึ้นมาหลังจากที่ธาตุแท้ภายในถูกทำลายไป มันพวยพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า และโปรยปรายลงไปยังทุกซอกทุกมุมของแคว้นฉีฟง
นาทีนี้ทุกคนที่อยู่ในแคว้นฉีฟงต่างมองขึ้นไปบนท้องฟ้า เหมือนดั่งเป็นน้ำค้างหอมหวาน พลังแก่นฟ้าดิน และพลังสัจธรรมทั้งหมดล้วนแล้วแต่ตกลงมาจากบนฟ้า ทำให้ผืนแผ่นดินเปียกชุ่ม ให้ความรู้สึกสรรพสิ่งล้วนแล้วแต่กลับมาเปี่ยมด้วยชีวิตชีวาอย่างนั้น
ในเวลานี้มีอาณาประชาราษฎร์ของแคว้นฉีฟงจำนวนไม่น้อยต่างร้องออกมาด้วยความดีใจ ผู้คนจำนวนไม่น้อยได้รับประโยชน์มหาศาลจากการดูดซึมเอาพลังแก่นฟ้าดิน และพลังสัจธรรมเช่นนี้เข้าไป แม้แต่มนุษย์ปุถุชนธรรมดา ผู้สูงอายุก็จะมีอายุยืนอันสืบเนื่องจากสิ่งนี้
หนึ่งหมัดทำให้ฝ่ามือยักษ์แตกสลาย หนึ่งหมัดสังหารอ๋องเทพฉีฟง ยิ่งกว่านั้น หนึ่งหมัดยังทำลายธาตุแท้ภายในของแคว้นฉีฟง ภายใต้หนึ่งหมัดทำให้สำนักๆ หนึ่งแตกสลาย ทำให้ราชวงศ์หนึ่งล่มสลาย นี่มั่นช่างเป็นเรื่องที่สะเทือนหวั่นไหวต่อจิตใจผู้คนเหลือเกิน
หลังจากผ่านไปชั่วครู่ใหญ่อ๋องเทพฉีฟงจึงได้สติกลับมา ก้มมองดูทรวงอกของตนที่เป็นรูเลือดแล้ว ดวงตาคู่นั้นของเขาถึงกับเบิกกว้างมาก ในเวลานี้เขาอดที่จะหันหลังกลับไปมองไปยังแคว้นฉีฟงจากระยะห่างไกล เห็นเพียงพระราชวังถูกเจาะทะลุ ธาตุแท้ภายในถูกทำให้แตกสลาย พลังแก่นฟ้าดิน และพลังสัจธรรมทั้งหมดพวยพุ่งออกมา
สิ่งนี้สร้างความหวาดผวาให้กับอ๋องเทพฉีฟงจนดวงตาคู่นั้นของเขาเบิกกว้างสุดๆ ทุกคนต่างก็รู้ดีว่า เมื่อใดที่ธาตุแท้ภายในถูกทำให้แตกสลาย ย่อมบ่งบอกว่าแคว้นดังกล่าวจะต้องหายวับไปกับตาในพริบตานับจากนี้เป็นต้นไป
ราชวงศ์แคว้นฉีฟงพวกเขาได้ผ่านมายุคแล้วยุคเล่า ผ่านการสั่งสมของผู้คนมายุคแล้วยุคเล่า เคยยืนตระหง่านมาแล้วยุคแล้วยุคเล่า ปากครองแคว้นดังกล่าวมานานนับไม่ถ้วน ไม่นึกไม่ฝันเลยว่ามาวันนี้กลับถูกทำลายพินาศย่อยยับในหนึ่งหมัด ราชวงศ์ๆ หนึ่งต้องหายวับไปกับตาในพริบตาเช่นนี้
ไม่…อ๋องเทพฉีฟงถึงกับร้องเสียงแหลมขึ้นมาเสียงหนึ่ง แต่ว่า ทุกอย่างสายเกินไปเสียแล้ว ร่างของเขาหงายหลังล้มลงไปตรงๆ และเสียชีวิตไปทันที แม้อ๋องเทพฉีฟงจะตายไปแล้วดวงตาคู่นั้นของเขายังคงเบิกโพลงมาก นาทีสุดท้ายก่อนที่เขาจะตาย เขายังคงไม่เต็มใจ แต่ เรื่องนี้มันไร้ประโยชน์เสียแล้ว ไม่เพียงตัวเขาที่ต้องตายเท่านั้น ราชวงศ์ของแคว้นฉีฟงก็หายวับไปกับตาตามตัวของเขาไปด้วย
ทุกคนต่างมองดูภาพนี้ด้วยความหวั่นไหว ลองนึกภาพดู หมัดๆ เดียวนี้ไม่เพียงสังหารอ๋องเทพไปคนหนึ่งเท่านั้น ยิ่งไปกว่านั้นยังทำลายราชวงศ์หนึ่งจนพินาศย่อยยับ ที่น่ากลัวยิ่งไปกว่านั้นก็คือ ภายใต้หนึ่งหมัดนี้ หนึ่งราชวงศ์ที่ห่างไกลนับล้านล้านลี้ต้องหายวับไปกับตาในพริบตา!
“น่ากลัวเหลือเกิน” ไม่รู้ว่ามีผู้คนจำนวนเท่าไรที่รู้สึกหวาดหวั่นพรั่นพรึง เมื่อได้เห็นภาพนี้แล้ว
ในเวลานี้ ทุกคนสามารถจินตนาการได้ว่าการเป็นศัตรูกับหลี่ชิเย่จะมีจุดจบเช่นใด? ถ้าหากเขาต้องการทำลายล้างสำนัก ทำลายล้างราชวงศ์ของเจ้า เขาไม่จำเป็นต้องไปที่สำนักหรือราชวงศ์ของเจ้าด้วยตัวเองเลย หนึ่งหมัดที่ซัดออกไปผ่านอากาศโดยตรงก็สามารถทำลายล้างสำนัก ทำลายล้างราชวงศ์สักแห่งได้แล้ว
“ปฐมบรรพบุรุษรึ? ” ระดับเทพแท้จริงขั้นอมตะถึงกับร่างสั่นเทิ้มทีหนึ่ง เหงื่อเย็นไหลโทรมกาย เมื่อมองเห็นหนึ่งหมัดของหลี่ชิเย่ที่น่ากลัวมากถึงเพียงนี้
“ปฐมบรรพบุรุษในยุคนี้ได้ถือกำเนิดแล้วมิใช่รึ? ทำไมถึงมีระดับปฐมบรรพบุรุษได้อีก? และไม่เคยได้ยินว่ามีระดับปฐมบรรพบุรุษเช่นนี้มาก่อน หากว่ามีปฐมบรรพบุรุษคนใหม่บรรลุสัจธรรมควรเป็นเรื่องที่รับรู้กันทั่วหล้าจึงถูก” มีระดับบรรพบุรุษที่เอ่ยขึ้นพร้อมกับนัยน์ตาคู่นั้นที่เบิกกว้าง
ย่อมไม่ต้องสงสัยว่า หนึ่งหมัดของหลี่ชิเย่ได้ทำลายภาพความทรงจำที่มีต่อเขาลงอีกครั้ง ทุกคนมีการคาดการณ์เกี่ยวกับตัวเขาขึ้นไปอีกระดับที่สูงกว่าอีกครั้ง
“ต่อให้ไม่ใช่ระดับปฐมบรรพบุรุษก็ต้องเป็นเทพแท้จริงขั้นอมตะชั้นคงความอมตะตลอดกาลที่ฝืนลิขิตสวรรค์ยิ่ง และหรือเป็นชั้นคงความเป็นอมตะตลอดกาลขั้นสูง หรือขั้นสูงสุด ดีไม่ดีอาจจะเป็นขั้นหย่วนเต้า! ” ในเวลานี้แม้แต่เทพแท้จริงขั้นอมตะก็ต้องสั่นเทา ขาทั้งสองข้างสั่นเทาด้วยความไม่เอาไหน
สีหน้าของทั้งยันต์แปดทิศกุมชะตาสรรพชีวิตและผู้เฒ่าเซียนดินแดนภาคกลางถึงกับดูไม่จืดถึงขีดสุด พวกเขาสองคนแลกสายตากันทีหนึ่ง แววตาของพวกเขาปรากฏปณิธานการฆ่าที่รุนแรงยิ่งขึ้น
ย่อมไม่ต้องสงสัย วันนี้พวกเขาจะต้องสังหารหลี่ชิเย่ให้ได้ ถ้าหากวันนี้ไม่สังหารหลี่ชิเย่เสีย ต่อให้พวกเขาทั้งสองสามารถมีชีวิตรอดไปจากที่นี่ได้ กล่าวสำหรับพวกเขา กล่าวสำหรับแคว้นโบราณยันต์แปดทิศ ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ภาคกลางแล้ว ก็จะเป็นหอกข้างแคร่ของพวกเขา
วันนี้ขอเพียงหลี่ชิเย่มีชีวิตอยู่ต่อไป เกรงว่าช้าหรือเร็วสักวันเขาก็ต้องทำลายล้างแคว้นโบราณยันต์แปดทิศ ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ภาคกลางของพวกเขาแน่ เมื่อถึงตอนนั้น เกรงว่าแคว้นโบราณยันต์แปดทิศ ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ภาคกลางคงไม่มีอะไรสามารถต้านเขาได้อีกแล้ว
เมื่อมีแคว้นฉีฟงเป็นตัวอย่าง ทำให้ทั้งทั้งยันต์แปดทิศกุมชะตาสรรพชีวิตและผู้เฒ่าเซียนดินแดนภาคกลางต่างก็จิตสังหารที่มั่นคงยิ่งขึ้น มาวันนี้กล่าวสำหรับพวกเขาแล้ว ไม่ก็หลี่ชิเย่มีชีวิตไปจากที่นี่ ไม่ก็เป็นพวกเขาที่มีชีวิตไปจาก ทั้งสองฝ่ายจะต้องมีฝ่ายหนึ่งต้องตาย! มิฉะนั้นล่ะก็ ด้านหลังจะต้องมีภัยพิบัติที่ยิ่งใหญ่กว่านี้
“ถึงเวลาพวกเจ้าแล้ว พวกเจ้าเตรียมตัวถึงไหนกันแล้ว? ” หลังจากที่หนึ่งหมัดทำลายล้างแคว้นฉีฟงไปแล้ว หลี่ชิเย่ได้หันหลังกลับไปมองดูพวกของยันต์แปดทิศกุมชะตะสรรพชีวิต ยังคงยืนมือไพล่หลัง
“แต่ว่า ดูไปแล้วจานเซียนอมตะยังลงมาไม่ได้ ยังต้องอาศัยเวลาอีกหน่อย พวกเจ้าเข้ามารับความตายก่อนก็แล้วกัน” หลี่ชิเย่มองดูจานเซียนอมตะที่อยู่บนท้องฟ้า
เนื่องจากจานเซียนอมตะไม่สามารถรวบรวมยันต์จานได้ครบทั้งสิบแปดแผ่น คิดจะขับเคลื่อนมันก็ต้องอาศัยเวลาที่ยาวยิ่งขึ้น
……………………………………………………………………………………………….