Emperor's Domination จักรพรรดิบรรพกาล - ตอนที่ 2827 กระบี่มีจิตวิญญาณ
ตอนที่ 2827 กระบี่มีจิตวิญญาณ
กระบี่ล้างบาปไม่ต้องให้หลี่ชิเย่ไปหยิบจับ มันค่อยๆ ลอยขึ้นมาเองช้าๆ และลอยไปอยู่ข้างกายของหลี่ชิเย่อย่างช้าๆ ในเวลานี้เอง กระบี่ล้างบาปเสมือนดั่งมีจิตวิญญาณอย่างนั้น ไม่จำเป็นต้องให้หลี่ชิเย่ไปบังคับควบคุมอยู่แล้ว
ได้ยินเสียงแว้งค์…ดังขึ้นมาเสียงหนึ่ง กระบี่ล้างบาปในเวลานี้ไม่ได้เป็นเพียงกระบี่ที่แลดูธรรมดาๆ เล่มหนึ่งอีกต่อไป ตัวกระบี่ทั้งเล่มปรากฏประกายที่ไม่มีสิ้นสุดวูบวาบขึ้นมา มีความศักดิ์สิทธิ์สูงสุด เหมือนว่าลำพังแค่ประกายที่มันเปล่งออกมานั้นก็สามารถทำให้ความมืดทุกอย่างบริสุทธิ์ได้ ชำระล้างความชั่วร้ายทุกอย่าง
ไม่ว่าจะเป็นอู๋เคอหรือว่าจางติงยวี่ต่างรู้สึกตัวสั่นเทานิดหนึ่ง ขณะมองดูประกายศักดิ์สิทธิ์สูงสุดที่เปล่งออกมาจากกระบี่ล้างบาป เนื่องจากประกายที่สาดส่องออกมาจากกระบี่ล้างบาปเหมือนสาดส่องเข้าไปภายในจิตใจของพวกเราทันทีอย่างนั้น ประกายที่ศักดิ์สิทธิ์เหมือนชะล้างความคิดชั่วร้ายที่อยู่ภายในใจของพวกเขาอย่างนั้น ดุจดั่งสามารถทำให้พวกเขาต้องยอมสยบในพริบตาเดียว
ในพริบตาเดียวนั่นเอง พวกของอู๋เคอต่างควบคุมจิตของตนเอาไว้ เพื่อไม่ให้ประกายจรัสที่น่ากลัวนี้ส่งผลกระทบต่อสติปัญญาและความคิดของตน
“กระบี่เยี่ยม…” หลังจากที่อู๋เคอควบคุมจิตของตนเอาไว้แล้วอดที่จะชื่นชมเป็นการใหญ่คำหนึ่ง ดวงตาคู่นั้นอดที่จะจ้องเขม็งไปที่กระบี่ล้างบาปที่อยู่ตรงหน้าอย่างไม่ลดละ
อู๋เคอคือยอดฝีมือสายกระบี่ แม้ว่าเขาจะไม่ใช่เป็นยอดฝีมือระดับสูงสุด แต่ว่า เขามีความเข้าใจใจกระบี่ที่ลึกซึ้งอย่างยิ่ง ดังนั้น เมื่อกระบี่ล้างบาปค่อยๆ ลอยขึ้นมานั้น เขาก็รู้ได้ทันทีว่ากระบี่ล้างบาปกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์สามารถเชื่อมถึงกันได้ กระบี่ก็คือสิ่งศักดิ์สิทธิ์
สมควรทราบว่า กระบี่เล่มหนึ่งจะเชื่อมต่อกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ได้นั้นใช่เป็นเรื่องง่าย ถ้าหากว่ากระบี่เล่มหนึ่งสามารถเชื่อมกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ได้ กระบี่เล่มนั้นก็คือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ นั่นย่อมบ่งบอกว่ากระบี่เล่มนี้ก็คือกระบี่ศักดิ์สิทธิ์ที่ยอดเยี่ยมใต้หล้ายากจะหาใดเทียม โดยทั่วไปแล้ว มีเพียงกระบี่ประจำกายของปฐมบรรพบุรุษ และหลังจากได้ผ่านการบ่มฟักด้วยกายใจและสัจธรรมนับไม่ถ้วนของปฐมบรรพบุรุษแล้วเท่านั้น จึงสามารถมีจิตวิญญาณเช่นนี้ได้ มิฉะนั้นแล้ว ต่อให้เป็นกระบี่ทั่วไปของปฐมบรรพบุรุษก็จะไม่มีจิตวิญญาณเช่นนี้
ดังนั้น เวลานี้ขณะที่ดวงตาทั้งสองจ้องเขม็งไปที่กระบี่ล้างบาปนั้นได้กลับกลายเป็นร้อนแผดเผายิ่งนัก ความโลภละโมบภายในใจก็ยิ่งเพิ่มความเร่าร้อนมากขึ้น ทำให้เขาตัดสินใจที่จะช่วงชิงกระบี่ล้างบาปเล่มนี้มาให้ได้ ถ้าหากได้ครอบครองกระบี่ล้างบาปเล่มนี้จะทำให้ตัวเขาเหมือนพยัคฆ์ติดปีก ทำให้เขามีอานุภาพของกระบี่ที่ทรงพลังมากขยิ่งขึ้น
“ย่อมต้องเป็นกระบี่ยอดเยี่ยม” หลี่ชิเย่ยิ้มกล่าวเรียบเฉยว่า “กระบี่ล้างบาปคือกระบี่ประจำกายของปฐมบรรพบุรุษทิ้งเอาไว้ กระบี่เล่มนี้ผ่านการบ่มฟักด้วยสัจธรรมชั่วชีวิตของปฐมบรรพบุรุษ มีความจรัสสูงสุด มันสามารถส่งแสงสว่างสาดส่องทั่วหล้าอย่างเสมอภาค สามารถทำให้ความมืดกลายเป็นบริสุทธิ์ ขับไล่ความคิดชั่วร้าย เมื่อกระบี่นี้พบกับความคิดชั่วร้ายแล้ว ไม่จำเป็นต้องไปขับเคลื่อนหรือบังคับควบคุม สามารถทำการสังหารสิ่งมีชีวิตใด ๆ ที่มีความคิดชั่วร้าย”
“เชื่อมต่อถึงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ได้จริงๆ ไม่เสียทีที่เป็นกระบี่ประจำกายของปฐมบรรพบุรุษ” ดวงตาทั้งสองของอู๋เคอยิ่งร้อนแผดเผามากยิ่งขึ้น ความโลภนั้นยากจะมีผู้ใดเทียม อยากจะได้ครอบครองกระบี่เล่มนี้เดี๋ยวนี้ให้มันรู้แล้วรู้รอดไป
“ใช่มันนี่แหละ หากเจ้ารู้จักกาลเทศะล่ะก็รีบๆ มอบมาให้เสีย” จางติงยวี่ก็อดที่จะร้องเสียงดังขึ้นมา
กระบี่ปฐมบรรพบุรุษเช่นนี้ใครบ้างล่ะที่ไม่อยากได้ครอบครอง? ต่อให้ไม่ใช่ยอดฝีมือสายกระบี่ก็ต้องการครอบครองกระบี่ปฐมบรรพบุรุษสักเล่มหนึ่งเช่นกัน เมื่อไรที่ได้ครอบครองกระบี่ปฐมบรรพบุรุษ ย่อมเป็นการบ่งบอกว่า กำลังความสามารถของตนถูกดึงให้เพิ่มขึ้นหลายระดับเลยทีเดียว
นักศึกษาส่วนหนึ่งที่ดูชมอยู่ด้านหลังภูเขาเมื่อได้ยินคำพูดเช่นนี้ของหลี่ชิเย่แล้ว ก็อดที่จะตระหนกอยู่ในใจ มีนักศึกษาที่รู้สึกว่ามันเหลือเชื่อ พูดเสียงแผ่วเบาขึ้นมาว่า “นี่ นี่จะเป็นไปได้อย่างไร สถาบันศึกษาล้างบาปจะไปมีกระบี่ปฐมบรรพบุรุษเช่นนี้ในความครอบครองได้อย่างไรกันเล่า?”
“นี่แหละแสดงว่าเจ้าไม่เข้าใจในสถาบันศึกษาล้างบาป” นักศึกษาที่อาวุโสค่อนข้างมากส่ายหน้าและกล่าวว่า “แม้ว่าชื่อเสียงของสถาบันศึกษาล้างบาปจะไม่เท่าไร กำลังความสามารถก็อ่อนด้อย ไม่เคยให้กำเนิดนักศึกษาที่ยอดเยี่ยมอะไรมา แต่ว่า สถาบันศึกษาล้างบาปมีประวัติศาสตร์ที่ยาวนานมาก สามารถเทียบเคียงได้กับสี่สถาบันศึกษาใหญ่ใดๆ ก็ได้ กระทั่งมีผู้กล่าวว่า ประวัติของมันยาวนานยิ่งกว่าเป่ยเยี่ยนเสียอีก ปฐมบรรพบุรุษเป็นผู้ก่อตั้งขึ้นมากับมือเอง สามารถมีธาตุแท้ภายในที่สะเทือนเลื่อนลั่นก็นับว่าไม่แปลก เพียงแต่ชนรุ่นหลังไม่เอาไหน ดังนั้น จึงไม่ได้ให้กำเนิดนักศึกษาที่ยอดเยี่ยมอะไร”
“ข้ารู้ กระบี่ล้างบาปเล่มนี้ ปฐมบรรพบุรุษเป็นผู้ทิ้งเอาไว้ให้สถาบันศึกษาล้างบาปกับมือเอง” นักศึกษาอีกผู้หนึ่งที่มีอาวุโสมากกว่าเอ่ยขึ้นช้าๆ ว่า “กระบี่ล้างบาปเล่มนี้เป็นของวิเศษประจำสถาบันศึกษาล้างบาป แต่ว่า พันล้านปีที่ผ่านมา ผู้ที่สามารถหยิบยกเอากระบี่เล่มนี้ขึ้นมาได้มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้น ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าจะนำมันไปด้วย เท่าที่ข้าทราบ ในยุคปัจจุบันหนึ่งเดียวที่สามารถหยิบยกเอากระบี่ล้างบาปขึ้นมาได้ก็คือราชันแท้จิรงเซิ่นซวงแห่งเป่ยเหยี่ยนแล้ว”
“มีเพียงราชันแท้จริงเซิ่นซวงที่สามารถหยิบยกเอากระบี่ล้างบาปเล่มนี้ขึ้นมาได้” นักศสึกษาคนอื่นๆ ถึงกับตกใจรู้สึกเหลือเชื่อ และกล่าวว่า “มีเพียงราชันแท้จริงเซิ่นซวงที่สามารถหยิบยกเอากระบี่ล้างบาปเล่มนี้ขึ้นมาได้ แล้วทำไมนักศึกษาจากสถาบันศึกษาล้างบาปผู้นี้จึงหยิบยกมันขึ้นมาได้? และยังสามารถนำออกจากสถาบันศึกษาล้างบาปได้ หรือว่าเขาแข็งแกร่งกว่าราชันแท้จริงเซิ่นซวงรึ?”
“ไม่ นักศึกษาสถาบันศึกษาล้างบาปคนหนึ่งจะไปแข็งแกร่งมากไปกว่าราชันแท้จริงเซิ่นซวงได้อย่างไรกันเล่า” นักศึกษาที่มีอาวุโสผู้นี้ส่ายหน้าและกล่าวว่า “เกรงว่าจะเป็นวาสนาอย่างหนึ่ง เขาได้รับการยอมรับจากกระบี่ล้างบาป ดังนั้น เขาก็สามารถครอบครองกระบี่ล้างบาป พูดได้แต่เพียงว่า เขาเป็นผู้โชคดีอย่างยิ่ง เนื่องจากเรื่องของวาสนาล่องลอยว่างเปล่า ไม่ว่าใครก็บอกไม่ถูก”
“กระบี่ปฐมบรรพบุรุษนะเนี่ย” แม้ว่าจะพูดเช่นนี้ก็ตาม ยังคงทำให้นักศึกษาทั้งหมดอิจฉาริษยากับสิ่งนี้ จะอย่างไรเสียกระบี่ปฐมบรรพบุรุษเล่มหนึ่งใช่ว่าใครก็สามารถครอบครองอยู่แล้ว โดยปรกติแล้วผู้ที่สามารถครอบครองกระบี่วิเศษเช่นนี้ล้วนแล้วแต่เป็นผู้ที่ยอดเยี่ยมที่สุด และมีพรสวรรค์สูงที่สุดในยุคนั้นทั้งสิ้น
หลี่ชิเย่ถึงกับเผยรอยยิ้มที่ลึกซึ้งขึ้นมาเมื่อเห็นอาการที่โลบละโมบของพวกอู๋เคอ และกล่าวว่า “รัศมีแสงสว่างกระบี่เล่มนี้ส่องสว่างไปทั่วหล้าอย่างเสมอภาค ขับไล่ความมืด ตัดขาดความคิดชั่วร้าย พวกเจ้ากล้ากบอกล่าวต่อกระบี่เล่มนี้ว่า ในใจของพวกเจ้าไม่มีความคิดชั่วร้าย มีจิตใจที่ซื่อตรงถูกต้องชอบธรรมยิ่งใหญ่หรือไม่?”
“กล้าพูดแล้วเป็นอย่างไร?” อู๋เคอส่งเสียงฮึเย็นชา ไม่อยากจะเชื่อนัก
“ถ้าเช่นนั้นพวกเราก็มาพนันกัน” หลี่ชิเย่ยิ้มและกล่าวว่า “ถ้าหากว่า พวกเจ้ากล้าเผชิญหน้ากับกระบี่ล้างบาปเล่มนี้ และกระบี่ล้างบาปไม่ได้สังหารพวกเจ้า นั่นเป็นการบ่งบอกว่าภายในใจของพวกเจ้ามี จิตที่มีความเป็นธรรมยิ่งใหญ่หรือไม่ ภายในใจไม่มีความคิดที่ชั่วร้าย ถือว่าพวกเจ้าชนะ แน่นอน ในใจพวกเจ้ามีความคิดชั่วร้ายก็ไม่มีปัญหา ถ้าหากพวกเจ้าสามารถต้านหนึ่งกระบี่นี้ได้ ก็ถือว่าพวกเจ้าชนะเช่นกัน”
“ถ้าหากพวกข้าชนะล่ะ?” จางติงยวี่ร้องเสียงดังขึ้นมาเหมือนรอต่อไปไม่ไหวแล้ว
“ง่ายมาก ถ้าหากพวกเจ้าชนะ กระบี่เล่มนี้ก็เป็นของพวกเจ้า” หลี่ชิเย่ยิ้มแต้และกล่าวว่า “ถ้าหากพวกเจ้าแพ้มันก็ไม่เกี่ยวอะไรกับข้า จะอย่างไรเสียเมื่อในใจของพวกเจ้ามีความคิดชั่วร้าย เป็นกระบี่ล้างบาปสังหารพวกเจ้า ทำให้ความคิดชั่วร้ายที่อยู่ในใจพวกเจ้าให้บริสุทธิ์ สิ่งนี้บอกได้แต่เพียงว่าพวกเจ้าตายภายใต้การตัดสินของปฐมบรรพบุรุษ”
“พูดจริงรึ?” ดวงตาทั้งสองของอู๋เคอถึงกับลุกวาว การที่เขามาหาเรื่องหลี่ชิเย่นั้นเป็นเพราะอะไร? แน่นอนย่อมทำเพื่อกระบี่ล้างบาป หาใช่เป็นการทวงถามความยุติธรรมให้กับจางติงยวี่อย่างแท้จริง
“จริงยิ่งกว่าจริงอีก” หลี่ชิเย่หัวเราะและกล่าวว่า “พนันหรือไม่? หากพวกเจ้าชนะ กระบี่ล้างบาปก็จะเป็นของพวกเจ้า นี่คืออาวุธปฐมบรรพบุรุษชิ้นหนึ่งนะ เชื่อว่าสำนักพวกเจ้าก็ไม่ได้มีอาวุธปฐบรรพบุรุษสักชิ้นกระมัง”
คำพูดเช่นนี้ของหลี่ชิเย่พลันทำให้พวกอู๋เคอถึงกับอึดอัดจนหายใจไม่ออก เป็นความจริงที่สำนักของพวกเขาไม่ได้มีอาวุธปฐมบรรพบุรุษสักชิ้น ถ้าหากพวกเขาสามารถชนะและได้อาวุธปฐมบรรพบุรุษเล่มนี้ไปให้กับทางสำนักมันจะเป็นเช่นใดนะ? เมื่อนึกถึงตรงนี้แล้ว พวกเขาต่างไม่กล้าไปจินตนาการให้มาก พวกเขาจะต้องได้รับตำแหน่งสำคัญในสำนัก กระทั่งกลายเป็นเจ้าสำนัก หรือหัวหน้าเผ่า
ในเวลานี้ อู๋เคอ และสมาชิกคนอื่นๆ ของกองทัพสัตว์เทพเทียนหรงมองตากันและกันทีหนึ่ง สุดท้ายได้พยักหน้าอย่างหนักแน่นจริงจัง เขาร้องเสียงดังขึ้นมาว่า “พนันสิ ทำไมไม่พนัน!”
“ดี เช่นนั้นแล้วพวกเราเริ่มกันเลย” หลี่ชิเย่เผยให้เห็นรอยยิ้มที่ลึกซึ้ง
“ช้าก่อน ถ้าหากว่าพวกเราสามารถต้านเอาไว้ได้แม้เพียงหนึ่งกระบี่ ก็ถือว่าพวกเราชนะใช่หรือไม่” อู๋เคอยืนยันเพื่อความมั่นใจอีกครั้ง และกล่าวว่า “แม้ว่าพวกเราร่วมมือกันทุกคน และต้านไว้ได้หนึ่งกระบี่ก็ได้ใช่หรือไม่”
“ถูกต้อง เป็นเช่นนี้จริง ต่อให้พวกเจ้ามีความคิดชั่วร้ายในใจ แต่ว่า ขอเพียงสามารถต้านรับกระบี่ล้างบาปได้หนึ่งกระบวนท่า ก็ถือว่าพวกเจ้าชนะ” รอยยิ้มของหลี่ชิเย่ลึกซึ้งมาก
“ตกลงตามนี้” พวกของอู๋เคอจ้องมองตากันและกันทีหนึ่ง กล่าวหนักแน่นจริงจังว่า “ไม่สามารถต้านหนึ่งกระบี่นี้ได้ ถือว่าพวกเราฝีมืออ่อนหัดก็แล้วกัน”
แม้ว่ากระบี่ล้างบาปคืออาวุธปฐมบรรพบุรุษเล่มหนึ่ง แต่ว่า พวกเขาไม่เชื่อว่าอาศัยหลี่ชิเย่ที่เป็นเพียงนักศึกษาของสถาบันศึกษาล้างบาปคนหนึ่ง ทักษะอ่อนด้อยขนาดนี้จะสามารถสำแดงอานุภาพได้สักกี่ส่วนเชียว? เกรงว่าแม้เพียงหนึ่งส่วนก็สำแดงไม่ได้
ดังนั้น ทำให้พวกของอู๋เคอมีความมั่นใจที่สูงมาก ขอเพียงพวกเขาร่วมมือกัน ยังคงมีความมั่นใจที่จะต้านหนึ่งกระบี่นี้ได้อยู่แล้ว
“คำพูดสุภาพบุรุษที่พูดออกมายากจะเอากลับคืน” หลี่ชิเย่กล่าวเอ้อระเหยขึ้นมา
“ตกลง พวกเราตั้งค่ายกล” พวกอู๋เคอมองตากันและกัน ร้องเสียงดังขึ้นมา จากนั้นพวกเขาทยอยกันกระโดดขึ้นไปบนสัตว์ประหลาดที่เป็นพาหนะของตน
ภายในพริบตาเดียว พวกของอู๋เคอได้จัดตั้งเป็นค่ายกลขึ้น เป็นการปฏิบัติการที่รวดเร็วมาก เด็ดขาดสะอาดหมดจดไม่มีการโอ้เอ้แม้แต่น้อย และทันทีที่พวกเขาตั้งค่ายกลสำเร็จ พลันปรกฎกลิ่นอายสังหารที่ตลบอบอวล สร้างความหวาดหวั่นพรั่นพรึงให้กับผู้คน
ทำให้ผู้พบเห็นรู้ได้ทันทีว่าพวกเขาเป็นผู้ที่มีประสบการณ์ในสนามรบอย่างโชกโชน หาใช่เป็นผู้ที่อยู่บนหอคอยงาช้าง ยิ่งไม่ใช่เป็นนักศึกษาที่ไม่เคยเข้าสู่สนามรบมาก่อน
จะอย่างไรเสีย พวกอู๋เคอก่อนที่จะสมัครเข้าอยู่ในหอจรัสศักดิ์สิทธิ์ต่างก็มาจากสำนักเจ้าลัทธิต่างๆ ล้วนแล้วแต่เคยผ่านการฝึกและเจียระไนมาก่อน กระทั่งกล่าวได้ว่า ก่อนที่พวกเขาจะมาเป็นนักศึกษาของหอจรัสศักดิ์สิทธิ์ พวกเขาคือศิษย์ที่โดดเด่นและแข็งแกร่งที่สุดในสำนักของพวกเขาเอง
ตึง ตึง ตึงในเวลานี้ พวกของอู๋เคอทั้งหมด รวมทั้งสัตว์ประหลาดที่อยู่ภายใต้การขี่ของพวกเขา ได้ทยอยกันคลุมร่างด้วยชุดเกราะ โดยเกล็ดโลหะแต่ละชิ้นได้ประกบเข้าด้วยกัน เพียงพริบตาเดียวเท่านั้น ชุดเกราะที่แข็งแกร่งก็ได้ถูกสวมใส่อยู่บนตัวของพวกเขา
โฮ่ววว…ในพริบตาเดียวนั่นเอง พวกเขาส่งเสียงคำรามเสียงดังขึ้นมา สัตว์ประหลาดที่อยู่ภายใต้การขับขี่ของพวกเขาก็ส่งเสียงคำรามขึ้นมาพร้อมกัน มองเห็นประกายค่ายกลวูบวาบ ในพริบตาเดียวนั่นเอง พวกเขาต่างประจำตำแหน่งของตนกลายเป็นค่ายกลขนาดใหญ่
โฮ่ววว…เสียงคำรามดังขึ้นมาเสียงหนึ่ง ในเวลานี้พวกของอู๋เคอล้วนหายไป ที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าของหลี่ชิเย่คือเสือดาวเหล็กขนาดยักษ์ตัวหนึ่ง
เสือดาวเหล็กตัวนี้มีขนาดใหญ่โตมโหฬารอย่างแท้จริง ขณะยืนอยู่ด้านหน้าของหลี่ชิเย่คล้ายเป็นภูเขาลูกหนึ่งอย่างนั้น และร่างทั้งร่างของพวกมันเสมือนดั่งทำมาจากโลหะชั้นเลิศ และหางที่ยาวมากคล้ายเป็นแส้เหล็กอย่างนั้น
เขี้ยว และเล็บที่แหลมคมคล้ายเป็นกระบี่วิเศษแต่ละเล่มที่แหลมคมยิ่ง สามารถฉีกร่างสิ่งมีชีวิตทุกสิ่งทุกอย่างตรงหน้าจนแหลกละเอียดได้ในพริบตาเดียว สามารถฉีกพสุธาจนขาดในทันที
ที่ทำให้ผู้คนต้องตัวสั่นดั่งลูกนกก็คือ เสือดาวเหล็กขนาดยักษ์ตัวนี้ไม่เพียงแผ่ปณิธานการฆ่าที่เข้มและน่าเกรงขามเท่านั้น ยิ่งไปกว่านั้นยังมีกลิ่นอายสัตว์ที่ดุร้ายและมีความทารุณโหดร้าย ทำให้ผู้คนที่รู้สึกได้ถึงกลิ่นอายดังกล่าวนั้น ถึงกับร่างสั่นเทิ้มทีหนึ่ง
โดยเฉพาะขนาดที่ถูกจ้องด้วยสายตาคู่นั้นของเสือดาวเหล็กนั้น ประกายความทารุณโหดร้ายแบบนั้นทำให้ผู้คนต้องตัวสั่นดั่งลูกนก
………………………………………………..