Emperor's Domination จักรพรรดิบรรพกาล - ตอนที่ 2836 บุคคลที่ข้าเคยได้ยิน
ตอนที่ 2836 บุคคลที่ข้าเคยได้ยิน
ในเวลานี้ นักศึกษาที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างอดที่จะมองดูหลี่ชิเย่จนอ้าปากตาค้าง ไม่เคยได้ยินชื่อของราชันแท้จริงจินผู่ คำพูดนี้ออกจะประมาทเกินไปแล้ว
แม้แต่พวกของจ้าวชิวสือก็รีบส่งสายตาเป็นสัญญาณให้หลี่ชิเย่อย่าพูดจาให้มันน่าเกลียดนัก จะอย่างไรเสียการล่วงเกินต่อราชันแท้จริงแปดลัคนาคนหนึ่ง จากนี้สถาบันศึกษาล้างบาปพวกเขาคงไม่สามารถอยู่ต่อไปได้อีกแล้ว
คำพูดที่เอ้อระเหยประโยคหนึ่งของหลี่ชิเย่พลันทำให้ราชาพยัคฆ์สะอึก อาจารย์ของเขาราชันแท้จริงจินผู่มีชาติกำเนิดมาจากระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิจิ้งเฉ่า ใต้หล้าใครบ้างที่ไม่รู้จัก หลี่ชิเย่ถึงกับบอกว่าไม่รู้จัก เช่นนี้เสมือนหนึ่งเป็นหนึ่งฝ่ามือที่ฟาดเข้าให้ที่ใบหน้าของเขาอย่างแรง
ราชาพยัคฆ์ส่งเสียงไอขึ้นทีหนึ่ง และกล่าวว่า “ราชันแท้จริงจินผู่ อาจารย์ของข้ามีชาติกำเนิดมาจากระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิจิ้งเฉ่า มีอาจารย์คือปราชญ์อัจฉริยะหลันซู ซึ่งก็คือปรมาจารย์ของข้า…”
ทุกคนล้วนแล้วแต่เงียบสงัดขึ้นมา เมื่อเอ่ยถึงชื่อของปราชญ์อัจฉริยะหลันซู ทุกคนต่างกลั้นลมหายใจเอาไว้ และเกิดความรู้สึกนับถือขึ้นมา ไม่กล้าไม่ให้ความเคารพแม้แต่น้อย!
ปราชญ์อัจฉริยะหลันซูมีชื่อเสียงที่โด่งดังมาก ไม่ว่าใครก็ตาม เกรงว่าจะต้องเคยได้ยินชื่อของคนทั้งสองซึ่งก็คือปรมาจารย์จินกวง และปราชญ์อัจฉริยะหลันซู!
พวกเขาล้วนแล้วแต่เป็นสองปฐมบรรพบุรุษในยุคปัจจุบัน อีกทั้งยังบรรลุธรรมกลายเป็นปฐมบรรพบุรุษตั้งแต่อายุยังน้อง ช่างเป็นการฝืนลิขิตสวรรค์เพียงใด และสุดยอดในหล้าปราศจากผู้ต่อกร
ปราชญ์อัจฉริยะหลันซูมีชาติกำเนิดมาจากระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ้งเฉ่า สิ่งนี้หาใช่ตัวเขาเป็นผู้ก่อตั้งระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ้งเฉ่า แต่เขามีชาติกำเนิดจากที่นี่ ภายหลังบรรลุมรรคผลกลายเป็นปฐมบรรพบุรุษ และออกจากระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิ แต่ยังคงไม่ได้ก่อตั้งระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิที่เป็นของตน ยังคงอาศัยครองความเป็นศิษย์ของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ้งเฉ่า
แม้ว่าราชาพยัคฆ์เป็นเพียงระดับเทพแท้จริงขั้นขึ้นสู่สวรรค์ชั้นแปดคนหนึ่งเท่านั้น กำลังความสามารถระดับเช่นนี้ไม่นับเป็นอะไรที่ปราดเปรื่องน่าทึ่งนักเมื่ออยู่ในหอจรัสศักดิ์สิทธิ์ บอกได้แต่เพียงมีกความยอดเยี่ยมเท่านั้นเอง จะอย่างไรเสียในหอจรัสศักดิ์แม้แต่ราชันแท้จริงก็มีตั้งหลายคน
เฉกเช่นอาจารย์ของราชาพยัคฆ์อย่างราชันแท้จริงจินผู่นั้น สามารถเรียกได้ว่าเป็นสุดยอดอัจฉริยะบุคคลแห่งยุค มีพรสวรรค์ที่ยอดเยี่ยมยากจะหาใดเทียม แน่นอน ราชันแท้จริงจินผู่ที่เป็นราชันแท้จริงแปดลัคนาเมื่อเทียบกับราชันแท้จริงเซิ่นซวง ราชันหญิงจื่อหลง หมิงหวางฝอ เทพสงครามจินเปี้ยนที่เป็นสุดยอดอัจฉริยะบุคคลที่ปราดเปรื่องน่าทึ่งแล้ว ยังคงมีช่วงห่างอยู่ไม่น้อยทีเดียว
แต่ว่า ชาติกำเนิดของราชันแท้จริงจินผู่นั้นหลายคนไม่สามารถเทียบเคียงได้ แม้แต่ราชันแท้จริงเซิ่นซวงก็สู้ไม่ได้ นั่นก็คือมีอาจารย์เป็นปราชญ์อัจฉริยะหลันซู!
เป็นความจริงที่การมีระดับปรมาจารย์ที่เป็นถึงปฐมบรรพบุรุษ สามารถหมางเมินเก้าชั้นฟ้าสิบแดนดินด้วยชาติกำเนิดเช่นนี้ได้อย่างแท้จริง ซึ่งก็เป็นสิ่งที่ราชาพยัคฆ์ทะนงตนอย่างยิ่ง
แต่ ต้องยอมรับว่าการมีปฐมบรรพบุรุษเป็นปรมาจารย์ ย่อมสามารถมีอำนาจสยบใต้หล้าได้อย่างแท้จริง
เมื่อราชาพยัคฆ์ประกาศฉายา ‘ปราชญ์อัจฉริยะหลันซู’ ออกมานั้น ทำให้นักศึกษาทั้งหมดที่อยู่ในเหตุการณ์ต้องกลั้นลมหายใจเอาไว้ ไม่ว่าจะเป็นนักศึกษาที่มีความปราดเปรื่องน่าทึ่งเพียงใด ไม่ว่านักศึกษาผู้นั้นจะมีความยอดเยี่ยมอย่างไร เมื่อได้ยินฉายา ‘ปราชญ์อัจฉริยะหลันซู’ แล้ว ก็เกิดความรู้สึกนับถือขึ้นมาทันที ล้วนแล้วแต่กลั้นลมหายใจเอาไว้ ความรู้สึกนับถือบังเกิดขึ้นในใจไม่กล้าไม่ให้ความเคารพ
“ไม่เคยได้ยิน” ในขณะที่ทุกคนเกิดความรู้สึกนับถือต่อปราชญ์อัจฉริยะหลันซูขึ้นมา หลี่ชิเย่พูดประโยคนี้ออกมาเรียบเฉย ช่างพูดได้เอ้อระเหยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“ไม่เคยได้ยิน” ขณะที่คำสามคำนี้เข้าไปอยู่ในรูหูทุกคนนั้น เสมือนดั่งเสียงฟ้าร้องที่ระเบิดขึ้นในหูของทุกๆ คน ในเวลานี้ทุกคนต้องจ้องมองหลี่ชิเย่จนตาค้างพูดอะไรไม่ออก ทุกคนพอจะเข้าใจได้บ้างไม่มากก็น้อย เมื่อบอกว่าไม่เคยได้ยินชื่อของราชันแท้จริงจินผู่
จะอย่างไรเสียในยุคปัจจุบัน บางทีอาจยังคงมีราชันแท้จริงรุ่นอาวุโสที่ยังคงเหลืออยู่ส่วนหนึ่ง ไม่มีสิบคนก็ต้องมีแปดคน ดังนั้น ราชันแท้จริงจึงนับว่ามีจำนวนมากไปนิดหนึ่ง และในหอจรัสศักดิ์สิทธิ์ก็ได้รวมตัวกันอยู่หลายคน แต่ หากจะกล่าวว่าไม่เคยได้ยินฉายาปราชญ์อัจฉริยะหลันซูล่ะก็ ออกจะเกินไปแล้ว
ปราชญ์อัจฉริยะหลันซูในฐานะที่เป็นปฐมบรรพบุรุษ และมีเพียงแค่สองคนในยุคปัจจุบันเท่านั้น อย่าว่าแต่นักศึกษาของหอจรัสศักดิ์สิทธิ์เลย ขอเพียงเป็นผู้ที่เคยฝึกปรือด้วยการสมัครเข้าเป็นศิษย์ธรรมดาของสำนักผู้บำเพ็ญตนใดๆ ก็ตาม ก็ต้องเคยได้ยินชื่อของปราชญ์อัจฉริยะหลันซู
เวลานี้หลี่ชิเย่ถึงกับกล่าวด้วยท่าทีเอ้อระเหยว่าไม่เคยได้ยิน คำพูดนี้ดูจะไม่ใช่เป็นการประมาทแล้ว แต่เป็นท่าทางของการอวดดี และไม่มีใครอยู่ในสายตาอย่างสิ้นเชิง
พลันที่หลี่ชิเย่พูดคำๆ นี้ออกมา ทำเอาพวกจ้าวชิวสือซึ่งเป็นนักศึกษาของสถาบันศึกษาล้างบาปตกใจจนใบหน้าขาวซีด พวกเขาถึงกับกระทืบเท้าและพยายามส่งสายตาให้กับหลี่ชิเย่อย่างเต็มที่ บอกให้รุ้ว่าอย่าได้พูดจาส่งเดช
ล่วงเกินต่อราชันแท้จริงคนหนึ่งก็มากพอสำหรับสถาบันศึกษาล้างบาปของพวกเขาแล้ว เวลานี้แม้กระทั่งระดับปฐมบรรพบุรุษอย่างปราชญ์อัจฉริยะหลันซูก็ล่วงเกินไปด้วย มิเท่ากับเป็นการลากให้สถาบันศึกษาล้างบาปของพวกเขาตกสู่เหวลึกที่ไม่มีวันได้ผุดได้เกิดอีก ไม่แน่นักหากปราชญ์อัจฉริยะหลันซูพลันโกรธขึ้นมา แค่นิ้วมือนิ้วเดียวก็สามารถทำลายล้างสถาบันศึกษาล้างบาปของพวกเขาได้
ตรงกันข้ามกับตู้เหวินรุ่ยในฐานะที่เป็นอธิการบดีกลับไม่รู้สึกร้อนรน และไม่ได้กังวลแม้แต่น้อย เพียงยิ้มๆ เท่านั้น เหมือนว่าต่อให้ฟ้าถล่มลงมาก็ไม่เกี่ยวอะไรกับเขา และไม่เกี่ยวอัไรกับสถาบันศึกษาล้างบาป
การที่ราชาพยัคฆ์ประกาศสำนักของตนจุดประสงค์นั้นชัดเจนมาก เป็นการบอกหลี่ชิเย่ว่าผู้สนับสนุนที่อยู่เบื้องหลังของเขานั้นแข็งมาก และเป็นการข่มขู่หลี่ชิเย่ไปในตัว ต้องการใช้ทั้งไม้นวมและไม้แข็ง ให้หลี่ชิเย่ยอมมอบของล้ำค่ากระบือออกมาแต่โดยดี
ไม่นึกไม่ฝันเลยว่า คำพูดที่เอ้อระเหยของหลี่ชิเย่ประโยคเดียวกับจัดการขับไล่เขาไป คำพูดลักษณะเช่นนี้กล่าวสำหรับตัวเขา อาจารย์ของเขา ปรมาจารย์ของเขา และสำนักของเขา มันคือการจงใจทำให้ต้องอับอายอย่างหนึ่ง
“เจ้าหนู เจ้าอวดดีเกินไปแล้ว เวลานี้ราชาพยัคฆ์ไม่สามารถอดกลั้นต่อไปได้อีกแล้ว” อดที่จะร้องตวาดเสียงดังขึ้นมาไม่ได้
ไม่เพียงแต่ราชาพยัคฆ์ที่เห็นเป็นเช่นนี้ ในขณะนี้นักศึกษาทั้งหมดล้วนจ้องมองไปที่หลี่ชิเย่ พวกเขาต่างรู้สึกว่าหลี่ชิเย่อวดดีมากเกินไป ในแดนลัทธิเซียนยุคปัจจุบันแม้แต่เด็กสามขวบก็เคยได้ยินชื่อปราชญ์อัจฉริยะหลันซูกระมัง
“อวดี อวดดีอะไร?” ท่าทางของหลี่ชิเย่ทำท่าเหมือนไม่เข้าใจอย่างนั้น
“ปรมาจารย์ของข้า วิถีทางกว้างไกล ไม่จำต้องแย่งชิงกับผู้ใด ก้าวข้ามอดีตปัจจุบัน มีความรู้ความสามารถรอบรู้สรรพสิ่ง ในโลกนี้ไม่มีผู้ใดไม่ทราบ ไม่มีผู้ใดไม่รู้จัก” และกล่าวว่า “มาวันนี้ เจ้าถึงกับกล้ากล่าววาจาไร้ยางอาย โง่เขลาและอวดดี…”
“อะไรที่เรียกว่าวาจาไร้ยางอาย” หลี่ชิเย่โบกมือเบาๆ ตัดบทราชาพยัคฆ์ และกล่าวว่า “ไม่เคยได้ยินก็คือไม่เคยได้ยิน ข้าไม่เคยได้ยินมาก่อนย่อมไม่สามารถแกล้งทำเป็นว่าเคยได้ยิน แบบนี้เขาเรียกว่าไม่รู้แต่แสร้งทำเป็นรู้ ข้าเป็นเด็กที่ซื่อสัตย์มาก ไม่เคยไม่รู้แล้วแสร้งทำเป็นว่ารู้มาก่อน”
ท่าทางเหมือนไม่ได้รับความเป็นธรรม ทำให้ผู้คนจำนวนไม่น้อยต้องมองหน้าซึ่งกันและกัน แต่ว่า ผู้คนจำนวนมากต่างก็เชื่อว่าหากหลี่ชิเย่ไม่เคยได้ยินชื่อปราชญ์อัจฉริยะหลันซู เขาจงใจที่จะหาเรื่องกับราชาพยัคฆ์
“เจ้า…” ราชาพยัคฆ์ถูกยั่วโมโหจนใบหน้าแดงก่ำ เขาสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ทีหนึ่งอย่างไม่ง่ายนัก ส่งเสียงฮึเย็นชา หัวเราะเยาะ และกล่าวน้ำเสียงเย็นชาว่า “เช่นนั้นแล้วทั่วหล้ามีผู้ใดสามารถเข้าตาเจ้าล่ะ เจ้าเคยได้ยินชื่อของใครมาเล่า?” ย่อมไม่ต้องสงสัย คำพูดของเขาเต็มไปด้วยการเยาะเย้ยและเหน็บแนม
เนื่องจากทุกคนต่างก็รู้ว่า ในยุคนี้ยังจะมีใครเทียบได้กับพระอาจารย์จินกวง กับปราชญ์อัจฉริยะหลันซูเล่า?
“เรื่องนี้น่ะหรือ” หลี่ชิเย่เกาศีรษะ ท่าทางเหมือนใช้ความคิดไปนึกอย่างจริงจัง หลังจากผ่านไปครู่ใหญ่ เขาจึงพูดขึ้นมาว่า “คนที่ข้าเคยได้ยินมีอยู่หลายคน เช่น จักรพรรดิซุ่ย จักรพรรดิซี จักรพรรดิหนง พวกเขาสามคนข้าน่ะรู้จัก และข้าเคยได้ยินชื่อของพวกเขา ดีมากทีเดียว”
หลี่ชิเย่พูดชื่อทั้งสามคนนี้ออกมารวดเดียว ทำเอาทุกคนรู้สึกงุนงง
“จักรพรรดิซุ่ย จักรพรรดิซี จักรพรรดิหนง” นักศึกษาทั้งหมดต่างมองหน้าซึ่งกันและกัน กระทั่งมีผู้ที่ซุบซิบด้วยความกัง่ขาว่า “สามคนนี้นับด้วยหรือ? ทุกคนต่างพูดเป็นเสียงเดียวว่า นี่มันไม่มีตัวตนอยู่แล้วนี่”
ทุกคนต่างก็รู้ว่า จักรพรรดิซุ่ย จักรพรรดิซี จักรพรรดิหนงเป็นเพียงบุคคลในตำนาน บันทึกที่เกี่ยวกับพวกเขานั้นไม่ได้มีการยืนยันที่แน่นอน กระทั่งมีตำนานที่ไร้เหตุผลว่าพวกเขาทั้งสามกลายเป็นเซียนนานแล้ว
ด้วยเหตุนั้ ผู้คนจำนวนมากต่างมองว่า จักรพรรดิซุ่ย จักรพรรดิซี จักรพรรดิหนงพวกเขาทั้งสามไม่ได้ดำรงอยู่จริง เป็นเพียงการสมมุติขึ้นเท่านั้นเอง
เวลานี้ หลี่ชิเย่พูดออกมาเช่นนี้ นักศึกษาจำนวนไม่น้อยยิ้มนิดหนึ่ง ต่างทยอยไม่คิดว่าเป็นเช่นนั้น ทั้งสามคนนี้ล่องลอยไร้ตัวตน กระทั่งมีความเป็นไปได้ว่าไม่ได้ดำรงอยู่ๆ แล้ว ไม่เหมือนเช่นพระอาจารย์จินกวง ปราชญ์อัจฉริยะหลันซูพวกเขาที่มีความสมจริง และน่าหวั่นไหว
ตรงกันข้าม ขณะที่นักศึกษาจำนวนมากไม่คิดว่าเป็นเช่นนั้น ตู้เหวินรุ่ยที่ดูชมตามอารมณ์มาโดยตลอดกับมีทีท่าสะดุ้งนิดหนึ่ง พลันมีท่าทีเข้มงวดขึ้นมาทันที
“ฮึเป็นเพียงตำนานที่ล่องลอยไร้ตัวตนเท่านั้นเอง” ราชาพยัคฆ์ส่งเสียงฮึเย็นชา และกล่าวว่า “ไม่เพียงพอที่จะเชื่อถือได้ นอกเหนือจากพวกเขาสามคนล่ะ?”
“นอกจากพวกเขาสามคนน่ะหรือ” หลี่ชิเย่ถึงกับเกาศีรษะอีกครั้ง และกล่าวว่า “ดูเหมือนจะยากนิดหนึ่ง อ้อข้าจำได้อีกคนหนึ่ง
“ใครล่ะ” หลี่ชิเย่พูดยังไม่ทันจบ ก็มีนักศึกษาอดที่จะชิงถามขึ้นมาก่อน
‘เจียวเหิง’ หลี่ชิเย่ตบมือและหัวเราะกล่าวว่า “ใช่เขาแล้ว ข้าเคยได้ยินชื่อของเขามาก่อน เป็นคนที่น่าสนใจมากคนหนึ่ง”
เจียวเหิง…นักศึกษาจำนวนไม่น้อยต่างมองหน้ากันและกันเมื่อได้ยินชื่อนี้ กระทั่งมีนักศึกษาถามว่า “เจียวเหิงเป็นใครนะนี่?”
“ข้ารู้ เขาก็คือบรรพบุรุษของห้างเจียวเหิงคนนั้น หรือก็คือผู้ก่อตั้งห้างเจียวเหิงนั่นเอง พ่อค้าคดโกงที่ขึ้นชื่อในประวัติศาสตร์ ฟังว่าผู้ยิ่งใหญ่ในประวัติศาสตร์จำนวนไม่น้อยล้วนแล้วแต่ถูกเขาหลอกลวงมาก่อน ดังนั้น ในยุคนั้นมีผู้คนจำนวนมากรู้สึกเจ็บปวดและโกรธเคืองในตัวเขามาก ชื่อเสียงฉาวโฉ่มาก!”
“เมื่อเจ้าพูดเช่นนี้ข้าจำได้แล้ว ศิษย์คนหนึ่งของสวี่ซีเคยพูดกับข้าเกี่ยวกับคำเล่าลือที่ไม่มีใครรู้ตอนหนึ่ง” นักศึกษาผู้หนึ่งตบมือและกล่าวว่า “เล่าลือกันว่าในยุคสมัยนั้น ปฐมบรรพบุรุษของสวี่ซีเคยถูกเจียวเหิงผู้นี้หลอกลวง เจียวเหิงได้ขายเขาให้กับมาร้าย ภายหลังปฐมบรรพบุรุษของสวี่ซีได้ตีฝ่าและหนีออกจากพื้นที่อิทธิพลของมารร้ายได้ จึงได้ตามล่าสังหารพ่อค้าคดโกงผู้นี้ไปชั่วชีวิต ตามฆ่าเขาไปสุดหล้าฟ้าเขียว!”
“มีคำเล่าลือตอนนี้ด้วย?” นักศึกษาจำนวนไม่น้อยทยอยกันถามถึง เมื่อได้ฟังคำเช่นนี้แล้ว
“มีเรื่องเช่นนี้จริง” นักศึกษาที่มีความรู้กว้างขวางพยักหน้า และกล่าวว่า “ฟังว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นหลังจากที่ปฐมบรรพบุรุษของสวี่ซีสำเร็จมรรคผลแล้ว หาใช่เกิดขึ้นในสมัยที่เขายังอยู่ในวัยหนุ่ม”
“เรื่องนี้เป็นไปไม่ได้กระมัง สวี่ไป๋ฮุยปฐมบรรพบุรุษของสวี่ซีคือหนึ่งในปฐมบรรพบุรุษที่ปราดเปรื่องน่าทึ่งที่สุด เขากลายเป็นปฐมบรรพบุรุษก็ปราศจากผู้ต่อกรในหล้าเลย จะถูกคนอื่นหลอกขายให้กับมารร้ายได้อย่างไรกัน? มันเกินไปแล้วกระมัง” นักศึกษาจำนวนมากไม่เชื่อเรื่องนี้
สวี่ซีเคยเป็นระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิ ที่แข็งแกร่งที่สุดของแดนลัทธิเซียน แม้ว่าวันนี้ไม่เหมือนครั้งนั้น แต่ว่า ยังคงมีชื่อเสียงโด่งดัง กำลังความสามารถองอาจห้าวหาญอย่างยิ่ง
โดยเฉพาะอย่างยิ่งสวี่ไป๋ฮุยปฐมบรรพบุรุษของสวี่ซี คือปฐมบรรพบุรุษที่ยอดเยี่ยมมากคนหนึ่ง
ในแดนลัทธิเซียน มีเพียงชื่อของคนสองคนที่เป็นปฐมบรรพบุรุษ นั่นคือ หนึ่งนั้นคือเกาหยาง อีกหนึ่งคือสวี่ไป๋ฮุย!
สวี่ไป๋ฮุยเคยถูกมองว่าเป็นหนึ่งในปฐมบรรพบุรุษที่ปราดเปรื่องน่าทึ่งที่สุด บรรลุมรรคผลก็ปราศจากผู้ต่อกรเลย
แต่ทว่า ปฐมบรรพบุรุษที่มีความปราดเปรื่องน่าทึ่งคนหนึ่ง บอกว่าถูกพ่อค้าคดโกงนำไปขายให้กับมารร้าย คำพูดนี้เมื่อพูดออกมาไม่มีใครอยากเชื่อ เรื่องเช่นนี้มันเหลือเชื่อจริงๆ
…………………………………………….