Emperor's Domination จักรพรรดิบรรพกาล - ตอนที่ 2839 กินผลไม้ศักดิ์สิทธิ์
ตอนที่ 2839 กินผลไม้ศักดิ์สิทธิ์
แว้งค์…เสียงหนึ่งดังขึ้น มองเห็นเพียงแสงสว่างจำนวนนับไม่ถ้วนมุดออกมาจากภายในร่างกายของหลี่ชิเย่ ประกายแสงดูพร่างพราวทุกสาย เสมือนดั่งต้องการฉีกร่างของหลี่ชิเย่ออก เหมือนทุกๆ ตารางนิ้วของเนื้อหนังล้วนแล้วแต่จะถูกฉีกออก
“ฤทธิ์ยารุนแรงมาก” ทุกคนต่างร้องเสียงหลงขึ้นมา เมื่อมองเห็นประกายแสงที่พร่างพราวเหมือนต้องการแทงทะลุร่างกายของหลี่ชิเย่อย่างนั้น
หลี่ชิเย่กัดกินผลบัวปฐพีทีละคำๆ เหมือนว่ากินลำบากมาก การเคี้ยวแต่ละคำก็ต้องอาศัยพลังมากมายเพื่อกลืนมันลงไป เสมือนหนึ่งผลบัวปฐพีทุกๆ คำที่เขากลืนลงไปนั้น นาทีต่อไปก็ต้องถูกพลังจรัสที่ทรงพลังยิ่งดันจนแตกอย่างนั้น
เสียงแว้งค์…แว้งค์…แว้งค์…ดังขึ้นมาไม่ขาดสาย มองเห็นประกายแสงที่มากขึ้นๆ เรื่อยๆ บานเบ่งอยู่ภายใจร่างกายของหลี่ชิเย่ กระทั่งในเวลานี้ ได้ยินเสียงคร๊ากกกที่ดังขึ้นมา เหมือนว่ากล้ามเนื้อ เอ็น และกระดูกภายในร่างกายของหลี่ชิเย่ถูกพลังจรัสที่ทรงพลังยิ่งดันจนแตกร้าวอย่างนั้น
“ขืนกินต่อไปเกรงว่าคงจะดันจนร่างกายฉีกขาดกระมัง” มีผู้ที่รู้สึกตระหนกขึ้นมาและอกสั่นขวัญแขวน เหมือนได้ยินเอ็นและกระดูที่ถูกดันจนแตกร้าวไป
มีนักศึกษาที่หัวเราะเยาะ รู้สึกดีใจที่เห็นผู้อื่นได้รับความเดือดร้อน และกล่าวว่า “ต่อให้ดันจนร่างกายแตกละเอียดก็เป็นตัวเขาเองที่หาเรื่องตายเอง ใครใช้ให้เขาไม่เจียมตัวเช่นนี้ ถึงกับกล้าท้าสู้กับราชาพยัคฆ์ เรียกว่าเบื่อที่จะมีชีวิตบนโลกแล้ว”
ท่ามกลางเสียงแว้งค์ แว้งค์ แว้งค์ที่ดังขึ้นนั้น เห็นเพียงหลี่ชิเย่ที่ค่อยๆ เคี้ยวผลบัวปฐพีอย่างละเอียดและค่อยๆ กลืนลงคอไป ร่างกายของเขาเหมือนพองขึ้นไม่น้อย ร่างทั้งร่างถูกพลังจากผลบัวปฐพีดันขึ้นมาอย่างนั้น
ในที่สุด หลี่ชิเย่ก็ได้กินผลบัวปฐพีลูกนี้เข้าไปได้แล้ว ท่าทางหลี่ชิเย่รู้สึกพอใจและเรอขึ้นมาทีหนึ่ง ท่าทางเหมือนลำบากอยู่นิดหนึ่ง มองดูหน้าท้องที่ป่องขึ้นมาเหมือนว่าไม่สามารถจุเข้าไปได้อีกแล้ว
“เอาล่ะ ในที่สุดก็กินไปหมดแล้ว” หลี่ชิเย่ตบท้องของตนทีหนึ่ง เหมือนมีความลำบากอยู่บ้าง
“ฮึผลบัวปฐพีลูกหนึ่งยังกินได้ลำบากขนาดนี้ เกรงว่าเวลากินลูกที่สองเจ้าลำบากแน่” ราชาพยัคฆ์หัวเราะเยาะทีหนึ่ง เมื่อเห็นท่าทางของหลี่ชิเย่แล้ว
“นั่นสิ” นักศึกษาที่อยู่ข้างๆ คล้อยตาม และกล่าวว่า “มิสู้ยอมแพ้ต่อราชาพยัคฆ์เสียแต่ตอนนี้ยังรักษาชีวิตเอาไว้ได้ หากกินผลบัวปฐพีต่ออีกสักลูกเกรงว่าจะดันร่างกายเจ้าจนระเบิด ถึงตอนนั้น แม้แต่ชีวิตยังเอาไปทั้ง ต่อให้มีของล้ำค่ากระบือก็ไร้ประโยชน์”
“วางใจเถอะ ข้าไม่เป็นไร สามารถกินผลบัวปฐพีหมดทั้งสามลูกได้อยู่แล้ว” ท่าทางของหลี่ชิเย่ดูจริงจังยึดติด และกล่าวว่า “กลัวว่าเจ้าจะกินได้ไม่หมดสามลูก”
“ไม่รู้จักชั่วดี” นักศึกษาผู้นี้ส่งเสียงฮึเย็นชาออกมา
ขณะที่ราชาพยัคฆ์มองดูหลี่ชิเย่ด้วยสายตาเย็นชา ยิ้มเยาะ และกล่าวว่า “แค่ผลไป๋ลู่ตันกั่วสามลูกจะไปยากเย็นอะไร รออีกสักครู่ เจ้ายังคงมอบของล้ำค่ากระบือมาให้แต่โดยดีจะดีกว่า” กล่าวพลาง หยิบผลไป๋ลู่ตันกั่วขึ้นมาลูกหนึ่ง
ขณะที่ราชาพยัคฆ์ได้กัดเข้าไปในผลไป๋ลู่ตันกั่วนั้น ทุกคนล้วนได้กลิ่นหอมาของผลไม้สายหนึ่ง กลิ่นหอมของผลไม้นั้นซึมซาบเข้าไปภายในจิตใจ โดยเฉพาะนักศึกษาที่ถือกำเนิดและเติบโตในหอจรัสศักดิ์สิทธิ์ด้วยแล้ว พลันที่ได้กลิ่นหอมผลไม้นี้แล้ว ก็จะมีความรู้สึกที่มัวเมาอย่างหนึ่ง ดุจดั่งกลิ่นหอมผลไม้ที่ทำให้เคลิบเคลิ้มหลงใหลนี้ไหลผ่านลิ้นของตนอย่างนั้น
พลันที่กัดกินลงบนผลไป๋ลู่ตันกั่ว กลิ่นหอมก็ทำให้ผู้คนต้องเคลิบเคลิ้มหลงใหล ย่อมไม่ต้องสงสัยว่า ผลไป๋ลู่ตันกั่วของราชาพยัคฆ์นั้นไม่รู้ว่าดีกว่ากันเท่าไรเมื่อเทียบกับผลบัวปฐพีของหลี่ชิเย่ แม้ว่าต่างก็เป็นผลไม้ศักดิ์สิทธิ์ ขั้นที่เก้าเหมือนกัน แต่ว่า ผลบัวปฐพีของหลี่ชิเย่นั้นแค่เพิ่งเข้าเกณฑ์ผลไม้ศักดิ์สิทธิ์ขั้นเก้า และดูจะฝืนอยู่นิดหนึ่ง ขณะที่ผลไป๋ลู่ตันกั่วของราชาพยัคฆ์นั้น จัดว่าเป็นชั้นเลิศของผลไม้ศักดิ์สิทธิ์ขั้นเก้า ทั้งสองชนิดมีช่วงห่างที่ห่างชั้นกันมากเหลือเกิน
เสียงแว้งค์…แว้งค์…แว้งค์…ดังขึ้น ในเวลานี้ ทุกๆ ครั้งที่ราชาพยัคฆ์กัดกินผลไป๋ลู่ตันกั่วไปคำหนึ่ง บนตัวของเขาก็จะปลดปล่อยประกายแต่ละสายออกมา ประกายทุกๆ สายล้วนแล้วแต่ดูพร่างพราวทั้งสิ้น พลังจรัสมีความบริสุทธิ์อย่างยิ่ง มีพลังยิ่งใหญ่มหาศาลและดุดัน เหมือนมีมังกรแท้จริงตัวหนึ่งจะพุ่งออกมาจากภายในร่างกายของราชาพยัคฆ์อย่างนั้น
จากการที่ราชาพยัคฆ์กัดกินผลไป๋ลู่ตันกั่วเข้าไปคำแล้วคำเล่า พลังจรัสก็ยิ่งทรงพลังมากยิ่งขึ้น และยิ่งใหญ่มหาศาลมากยิ่งขึ้น กระทั่งทำให้ผู้คนได้ยินเสียงตึง ตึง ตึงที่ดังขึ้น เป็นพลังจรัสที่ทรงพลังยิ่งกำลังพุ่งเข้าปะทะกับเส้นชีพจรของราชาพยัคฆ์
ราชาพยัคฆ์เองก็รู้สึกตกใจยิ่งนักภายใต้พลังจรัสที่ทรงพลังยิ่งนี้ ในขณะนี้เขารับรู้ได้ว่าเหมือนมีสายธาราใหญ่นับพันนับหมื่นสายกำลังวิ่งห้อคำรามอยู่ภายในชีพจรของตน เหมือนต้องการพุ่งชนกระแทกให้ชีพจรของตนจนแหลกละเอียดอย่างนั้น
ราชาพยัคฆ์ประเมินผลไป๋ลู่ตันกั่วต่ำไปเสียแล้ว ก่อนหน้านั้นตัวเขาเองก็ไม่เคยได้กินผลไป๋ลู่ตันกั่วมาก่อน แต่ว่า เขาเข้าใจไปเองว่าตนเองนั้นสามารถกินผลไป๋ลู่ตันกั่วได้รวดเดียวสองถึงสามลูกไม่น่ามีปัญหาแต่อย่างใด เวลานี้ดูไปแล้วไม่ง่ายอย่างที่คิด
ความจริงแล้ว อย่าว่าแต่กำลังความสามารถเช่นราชาพยัคฆ์นี้เลย แม้แต่กับระดับเทพแท้จริงขั้นอมตะแล้ว ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะกินผลไป๋ลู่ตันกั่วรวดเดียวสองถึงสามลูก เนื่องจากการทำเช่นนี้เป็นการสิ้นเปลืองมากเกินไป
เฉกเช่นผลไม้ศักดิ์สิทธิ์ขั้นเก้าประเภทนี้ ทั้งยังเป็นชั้นเลิศอีกด้วย ทุกๆ ครั้งที่กินเข้าไปลูกหนึ่งก็ต้องอาศัยระยะเวลาที่ยาวนานมากในการย่อยสลาย ซึ่งทำให้สามารถดูดซึมเอาพลังจากผลไม้ศักดิ์สิทธิ์ขั้นเก้าได้อย่างแท้จริง การที่นำเอาผลไป๋ลู่ตันกั่วกินเข้าไปรวดเดียวสามลูกนั้น ต่อให้ร่างกายสามารถรับได้ก็เป็นการสิ้นเปลืองที่มากมายเหลือเกิน
เสียงแว้งค์ แว้งค์ แว้งค์ดังขึ้นมาไม่ขาดสาย ประกายแสงที่ถูกปลดปล่อยออกมาจากภายในร่างกายของราชาพยัคฆ์ดูจะมีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น และร้อนแรงมากขึ้น เวลานี้พลังจรัสเหมือนต้องการฉีกเอาร่างกายของราชาพยัคฆ์ออกมาอย่างนั้น
เวลานี้ ราชาพยัคฆ์ร้องเสียงทุ้มต่ำขึ้นมา “ลดลง!” ขาดคำ ได้สำแดงสุดยอดเคล็ดวิชา นาทีนี้เห็นเพียงลายพาดกลอนเสือปรากฎขึ้นทั่วร่างของราชาพยัคฆ์ และลายเสือเหล่านี้ได้ถักทอเข้าด้วยกันจนกลายเป็นยันต์สัตว์แต่ละตัวขึ้นมา ได้ยินเสียงปัง ปัง ปังดังขึ้น เห็นยันต์สัตว์แต่ละตัวได้สยบลงบนตัวของเขาเอง
เพียงชั่วพริบตาเดียวเท่านั้น ร่างกายของราชาพยัคฆ์ได้ถูกยันต์สัตว์ป้องกันเอาไว้ ทำให้ตัวเขาเหมือนสวมใส่ชุดเกราะยันต์สัตว์ที่เก่าแก่โบราณ เวลานี้ได้ทำการสยบพลังจรัสเอาไว้ ทำให้พลังจรัสที่อยู่ภายในกายของเขาดูอ่อนโยนขึ้นมา ดูจากประกายแสงที่ปลดปล่อยออกมาจากภายในร่างกายในขณะนี้กลับกลายเป็นอ่อนแอลงมากทีเดียว
ย่อมไม่ต้องสงสัย นาทีนี้ราชาพยัคฆ์ได้ควบคุมฤทธิ์ยาของผลไป๋ลู่ตันกั่วเอาไว้ได้แล้ว เขาอาศัยเคล็ดวิชาที่แข็งแกร่งสยบอาการไม่สงบของพลังจรัสเอาไว้
แน่นอนที่สุด ให้ราชาพยัคฆ์อาศัยเพียงพลังจากกายเนื้อไปสยบควบคุมพลังจรัสที่ดุดันบ้าคลั่งเช่นนี้ก็ใช่เป็นเรื่องง่ายดาย
สุดท้าย ราชาพยัคฆ์ได้กินผลไป๋ลู่ตันกั่วเข้าไปทั้งลูก นาทีสุดท้ายได้ยินเสียงตึงดังขึ้นมาเสียงหนึ่ง มองเห็นยันต์สัตว์บนตัวของเขาได้ทำการพันธนาการ และควบคุมพลังจรัสที่วิ่งพล่านภายในร่างกายของเขาเอาไว้อย่างแน่นหนา
ในเวลานี้ ดูไปแล้วราชาพยัคฆ์ที่ได้กินผลไป๋ลู่ตันกั่วเข้าไปลูกหนึ่งนั้น ก็แค่มีการเปล่งเป็นประกายศักดิ์สิทธิ์จางๆ ออกมาเท่านั้น ดูไปแล้วเขาสามารถควบคุมพลังของผลไป๋ลู่ตันกั่วได้อย่างสิ้นเชิง
“ยันต์ร้อยราชันสัตว์ของพี่พยัคฆ์ยอดเยี่ยมมาก ได้ฝึกปรือจนถึงขั้นระดับสุดยอดแล้ว” มีนักศึกษาถึงกับกล่าวชื่นชมขึ้นมา
“นั่นสิ ยันต์ร้อยราชันสัตว์ของพี่พยัคฆ์สามารถควบคุมสรรพสิ่ง การที่จะกินผลไป๋ลู่ตันกั่วสักสามลูก เกรงว่าคงไม่ใช่ปัญหาแต่อย่างไร” นักศึกษาคนอื่นๆ ก็ทยอยกันกล่าวชื่นชม
มองดูประกายศักดิ์สิทธิ์จางๆ ที่แผ่ออกมาจากตัวของราชาพยัคฆ์ แล้วหันไปมองหลี่ชิเย่ที่มีประกายจรัสวูบวาบทั้งตัว ภายใต้ประกายจรัสที่ร้อนแรงและสว่างไสว เหมือนสาดส่องจนร่างกายของหลี่ชิเย่กลายเป็นโปร่งแสงอย่างนั้น ดังนั้น เมื่อเปรียบเทียบกันแล้วใครแกร่งกว่าด้อยกว่าสามารถเห็นได้อย่างชัดเจน
“ถึงตาเจ้าแล้ว” หลังจากที่ราชาพยัคฆ์ได้กินผลไป๋ลู่ตันกั่วจนหมดลูก หัวเราะเยาะทีหนึ่ง มองดูหลี่ชิเย่ และกล่าวน้ำเสียงเย็นชาว่า “ข้ารอร่างกายเจ้าระเบิด!” เมื่อเอ่ยถึงตรงนี้แล้ว ดวงตาทั้งสองของเขาเผยให้เห็นถึงแววตาที่ยิ้มเยาะ
“ไม่ยุติธรรม” จ้าวชิวสือถึงกับส่งเสียงคัดค้านที่อ่อนแอขึ้นเมื่อได้เห็นภาพนี้แล้ว และกล่าวว่า “นี่เป็นการอาศัยวิธีการสยบพลังจรัส ไม่ได้อาศัยร่างกายไปรองรับอย่างแท้จริง”
“เขาก็สามารถใช้วิธีการหรือเคล็ดวิชาไปสยบได้นี่” ยังไม่ทันที่ราชาพยัคฆ์จะพูดอะไรก็มีนักศึกษากล่าวเยาะเย้ยว่า “เกรงว่าเขาจะไม่มีกำลังความสามารถเช่นนี้กระมัง”
จ้าวชิวสือถึงกับพูดอะไรไม่ออกในเวลานี้ ความจริงเป็นเช่นนั้น ต่อให้สามารถอาศัยเคล็ดวิชาไปสยบฤทธิ์ยาของผลไม้ศักดิ์สิทธิ์ได้ เกรงว่าหลี่ชิเย่ก็คงทำไม่ได้
“ถึงเจ้าแล้ว ยังจะลังเลอะไรอีก” ในเวลานี้ มีนักศึกษาที่มองเห็นหลี่ชิเย่ยังคงไม่ลงมือกินผลบัวปฐพีลูกที่สอง จึงออกปากเร่งรัดไปทันที
“คงไม่ใช่คิดจะถ่วงเวลากระมัง?” นักศึกษาอีกผู้หนึ่งพิจารณาถึงท้องที่ถูกดันจนเกือบแตกของหลี่ชิเย่แล้วจึงกล่าวว่า “แต่ว่า มันไม่มีประโยชน์หรอกนะ ฤทธิ์ยาของผลไม้ศักดิ์สิทธิ์ใช่ว่าจะย่อยสลายได้ภายในเวลาสั้นๆ ผลไม้ศักดิ์สิทธิ์ขั้นเก้าสักลูก เกรงว่าหากไม่ใช้เวลาหนึ่งถึงสองปีหรือกระทั่งยาวกว่านั้น เจ้าอย่าหวังจะย่อยสลายมันไปได้”
“รีบๆ หน่อย อย่าให้ทุกคนต้องรอ ถ้าหากไม่ไหวก็รีบๆ ยอมแพ้เสีย” มีนักศึกษาอื่นๆ ที่เร่งรัดเข้ามา ในขณะนี้ไม่มีนักศึกษาคนใดยืนอยู่ข้างหลี่ชิเย่ นอกเหนือจากพวกของจ้าวชิวสือแล้ว นักศึกษาคนอื่นๆ ย่อมต้องเลือกที่จะยืนอยู่ข้างของราชาพยัคฆ์แล้ว
ระหว่างราชาพยัคฆ์กับหลี่ชิเย่ คนหนึ่งคือหลานศิษย์ของปฐมบรรพบุรุษ อีกคนคือนักศึกษาจากสถาบันศึกษาล้างบาปที่มีชาติกำเนิดต่ำต้อย ต่อให้เป็นคนที่โง่เขลามากกว่านี้ก็รู้ว่าควรคบใครเป็นสหาย
ในเวลานี้ ท้องของหลี่ชิเย่ถูกดันจนพองกลมโต ท่าทางเหมือนจนด้วยเกล้า และกล่าวว่า “ก็ได้ ถ้าเช่นนั้นข้ากินก็แล้วกัน”
“ศิษย์น้อง กินไม่ลงก็อย่าได้ฝืน ยอมแพ้ก็ไม่เป็นไรหรอกนะ” มีนักศึกษาสถาบันล้างบาปร้องกล่าวเสียงแผ่วเบาขึ้นมา เขาเป็นกังวลในตัวหลี่ชิเย่จริงๆ ว่าท้องของหลี่ชิเย่จะระเบิดขึ้นทันทีหากกินผลบัวปฐพีลูกนี้เข้าไป
“แหะคิดจะยอมแพ้รึ? เกรงว่าคงสายเกินไปเสียแล้ว” เวลานี้ราชาพยัคฆ์หัวเราะเยาะทีหนึ่ง และกล่าวว่า “เว้นเสียแต่ร่างกายจะระเบิด มิฉะนั้นแล้วก็อย่าได้หยุด เวลานี้ต่อให้เจ้ายอมแพ้ก็ไม่ได้ ต้องกินต่อไป”
“เกินไปแล้ว” นักศึกษาของสถานศึกษาล้างบาปต่างจ้องมองราชาพยัคฆ์ด้วยความโกรธ มีนักศึกษาผู้หนึ่งกล่าวว่า “เจ้าต้องการเล่นถึงตาย”
“ใช่แล้วทำไม?” ราชาพยัคฆ์หัวเราะเยาะ ท่าทางหยิ่งทระนง และกล่าวว่า “เป็นศัตรูกับข้าก็ควรมีสำนึกเช่นนี้!”
พวกจ้าวชิวสือต่างรู้สึกไม่ได้รับความเป็นธรรม แต่ก็จนด้วยเกล้า
“เอาล่ะ ข้ากิน” ท่าทางของหลี่ชิเย่เหมือนยอมรับชะตากรรมอย่างนั้น หยิบเอาผลบัวปฐพีลูกที่สองขึ้นมาเริ่มกัดกิน
แว้งค์…แว้งค์…แว้งค์…เสียงสั่นไหวดังขึ้นเป็นระรอก จากการที่หลี่ชิเย่กัดกินผลบัวปฐพีเข้าไปทีละคำๆ ประกายแสงที่พวยพุ่งออกมาจากร่างกายของเขาดูจะเจิดจ้ามากยิ่งขึ้นเรื่อยๆ ในขณะนี้ร่างกายของหลี่ชิเย่เหมือนพองลมอย่างนั้น ร่างกายพองจนแทบจะลอยขึ้นไปได้อยู่แล้ว
“จะระเบิดแล้ว จะระเบิดแล้ว จะระเบิดแล้ว” ภายใต้พลังจรัสที่มากมายมหาศาล ร่างกายของหลี่ชิเย่ถูกดันจนมีขนาดใหญ่ขึ้นๆ นักศึกษาจำนวนไม่น้อยร้องเสียงดังขึ้นมา และมีนักศึกษาจำนวนไม่น้อยที่ท่าทางเหมือนรู้สึกดีใจที่เห็นคนอื่นได้รับความเดือดร้อน ต่างรอเวลาที่ร่างกายของหลี่ชิเย่ระเบิดขึ้นเหมือนลูกบอลอย่างนั้น
ขณะที่นักศึกษาสถาบันศึกษาล้างบาปอย่างพวกจ้าวชิวสือถึงกับนัยน์ตาทั้งสองข้างเบิกกว้าง ต่างเหงื่อตกไปกับหลี่ชิเย่
……………………………………………….