Emperor's Domination จักรพรรดิบรรพกาล - ตอนที่ 2852 ข้าแพงมาก
ตอนที่ 2852 ข้าแพงมาก
ในเวลานี้เอง พวกของจ้าวชิวสือก็ตระหนักได้ว่าหลี่ชิเย่กับพวกเขาไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกัน ไม่เหมือนเช่นพวกเขาที่เป็นเพียงนักศึกษาคนหนึ่ง เพียงแต่เขาเป็นนักศึกษาชั่วคราวที่มาขลุกอยู่กับพวกเขาเท่านั้นเอง
ลองนึกภาพดู ผลสูงศักดิ์มีค่าเพียงใด หลี่ชิเย่มอบให้กับพวกเขาคนละลูกๆ ตามอารมณ์ อย่าว่าแต่หลี่ชิเย่ที่ไม่ได้เป็นญาติเป็นสหายเก่าเลย ต่อให้เป็นผู้ที่สนิทมากที่สุดก็ไม่แน่ว่าจะใจปล้ำขนาดนี้
การที่หลี่ชิเย่มอบผลสูงศักดิ์มากมายให้กับพวกเขาตามอารมณ์เช่นนี้ เป็นการกระทำที่มือเติบขนาดไหน เป็นความใจกว้างเพียงใด มีเพียงผู้ที่อยู่ในตำนานเท่านั้นที่สามารถทำได้
ดังนั้น ในเวลานี้พวกจ้าวชิวสือจึงเข้าใจแล้วว่า ระดับของหลี่ชิเย่นั้นห่างไกลสุดที่พวกเขาจะเอื้อมถึงได้ กระทั่งกล่าวได้ว่า เป็นสิ่งที่พวกเขาไม่สามารถเอื้อมถึงได้ชั่วชีวิต กล่าวได้ว่า ผู้ที่ดำรงอยู่ในสถานะเช่นหลี่ชิเย่นั้น คือผู้ที่ตัดขาดจากโลกภายนอกและอยู่อย่างสันโดษ
หลี่ชิเย่เพียงยิ้มๆ เท่านั้น และรับการคารวะเต็มรูปแบบจากพวกจ้าวชิวสืออย่างไม่สะทกสะท้าน
“เอาล่ะ ข้าจะเก็บรักษาผลสูงศักดิ์แทนพวกเจ้าเป็นการชั่วคราว” ตู้เหวินรุ่ยมองดูพวกของจ้าวชิวสือ และกล่าวท่าทีหนักแน่นจริงจังว่า “รอให้พวกเจ้ามีกำลังกล้าแข็งเพียงพอแล้ว ก็สามารถรับประทานผลสูงศักดิ์ได้ ดังนั้น พวกเจ้าจงพยายามเข้าไว้อย่าได้ทำให้คุณชายหลี่ต้องผิดหวัง ขอเพียงพวกเจ้าก้าวไปข้างหน้าอย่างทระนง ต้องมีสักวันที่พวกเจ้าสามารถสร้างอาณาจักรที่เป็นของตนเองขึ้นมาได้!”
คำพูดลักษณะเช่นนี้ของตู้เหวินรุ่ยพลันทำให้ภายในใจของพวกจ้าวชิวสือสะเทือนหวั่นไหวอย่างหนัก เหมือนเป็นแสงอรุโณทัยที่ส่องเข้าไปในชีวิตของพวกเขาอย่างนั้น ในเวลานี้พวกเขาไม่สับสนอีกต่อไป เหมือนว่าแสงอรุโณทัยสายนี้ได้ส่องสว่างนำทางให้พวกเขาก้าวเดินไปข้างหน้าอย่างนั้น
เวลานี้ พวกนักศึกษาอย่างจ้าวชิวสือต่างกำหมัดแน่น ไม่ว่าอนาคตจะมีความยากลำบากเพียงใด พวกเขาก็จะก้าวไปข้างหน้าอย่างทระนง สร้างอาณาจักรขึ้นมาไม่เป็นที่หัวเราะเยาะของผู้คนอีกต่อไป ไม่ถูกผู้คนดูถูกเหยียดหยามอีกต่อไป ในอนาคต พวกเขาจะต้องภูมิใจในตนเองที่มีชาติกำเนิดมาจากเมืองล้างบาป และภูมิใจที่ตนเองเป็นนักศึกษาของสถาบันศึกษาล้างบาป
ในเวลานี้ พวกของจ้าวชิวสือต่างมีเลือดในกายที่เดือดพล่าน ถึงกับเปี่ยมไปด้วยความรู้สึกที่ฮึกเหิมกล้าได้กล้าเสีย
“ไปกันเถอะ พวกเราไปดูที่สวนสัตว์ศักดิ์สิทธิ์” หลี่ชิเย่ยิ้มเรียบเฉย และก้าวเดินไปข้างหน้าต่อไป
เมื่อพวกของจ้าวชิวสือได้สติกลับมาต่างทยอยกันเดินตามไป
แต่ว่า ขณะที่หลี่ชิเย่พวกเขาเพิ่งก้าวเดินลงมาจากบนเขา ยังไม่ทันได้ก้าวเท้าเข้าไปในสวนสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ก็ถูกคนผู้หนึ่งขวางทางเอาไว้
ผู้ที่ขวางทางพวกของหลี่ชิเย่เอาไว้นั้นคือชายหนุ่มคนหนึ่ง ชายหนุ่มผู้นี้ปรากฎประกายวิเศษวูบวาบทั้งตัว เหมือนว่าภายในร่างกายของเขามีสุดยอดขุมทรัพย์อยู่ในนั้น ซึ่งส่งผลให้ประกายวิเศษที่วูบวาบบนตัวของเขานั้นแลดูเปี่ยมด้วยความสูงส่ง เสมือนดั่งแผ่กระจายออกมาจากอัญมณีอย่างนั้น
เวลาเดียวกันนั้น รอบกายของเขายังมีกลิ่นอายของวิเศษที่ลอยขึ้นมา สิ่งนี้ทำให้พลันที่มองเห็นก็ทราบทันทีว่าบนตัวของคนผู้นี้พกพาของล้ำค่าติดตัวมาด้วย มีเพียงคนที่พกพาของล้ำค่ามาด้วยเท่านั้นจึงสามารถแผ่กลิ่นอายของล้ำค่าออกมา
ชายหนุ่มผู้นี้ไม่เพียงแต่มีกลิ่นอายของล้ำค่าที่แผ่กระจายออกมาทั้งตัว และเสื้อวิเศษที่เขาใส่คลุมมาด้วยนั้นไม่ทราบว่าถักทอมาจากวัสดุใด เต็มไปด้วยกลิ่นอายล้ำค่า ดูไปแล้วเสื้อวิเศษตัวนี้เหมือนเขียนตัวอักษรสามตัวเอาไว้ว่า ‘ข้าแพงมาก’ โดยเฉพาะศิลาศักดิ์สิทธิ์ที่เลี่ยมอยู่บนเสื้อวิเศษซึ่งส่งประกายแวบวับ มันต้องการจะส่งประกายแวบวับให้คนต้องตาบอดชัดๆ
ในขณะเดียวกัน ใต้เท้าของชายหนุ่มผู้นี้เหยียบอยู่บนเมฆเจ็ดสี โดยปรกติแล้ว การที่คนผู้หนึ่งเท้าเหยียบเมฆเจ็ดสีจะนำมาซึ่งความรู้สึกที่สุภาพและสง่างามยิ่ง
ทว่าขณะที่ชายหนุ่มผู้นี้เหยียบอยู่บนเมฆเจ็ดสีอยู่นั้น ทำให้ผู้คนรู้สึกได้ว่า เมฆเจ็ดสีเหล่านี้เหมือนหลอมสร้างขึ้นโดยของวิเศษที่ล้ำค่ามากที่สุด ท่ามกลางเมฆสีเหมือนสามารถมองเห็นตัวอักษรสามตัว ‘ข้าแพงมาก’ อยู่ลางๆ
“ใครคือหลี่ชิเย่…” ชายหนุ่มผู้นี้ท่าทางเย็นชา กล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาหลังจากได้ขวางทางพวกของหลี่ชิเย่แล้ว
“ข้าเอง” หลี่ชิเย่มองดูชายหนุ่มผู้นี้ทีหนึ่ง ยิ้มเรียบเฉย
“เจ้า…” ชายหนุ่มผู้นี้พิเคราะห์พิจารณาหลี่ชิเย่ทีหนึ่ง รู้สึกเหนือความคาดคิดอยู่บ้าง จากนั้น สายตาของเขาไปหยุดอยู่ที่กระบี่ล้างบาปบนหลังของหลี่ชิเย่ กล่าวเสียงเย็นชาว่า “ถ้าเช่นนั้นก็ไม่ผิด เป็นเจ้า”
เมื่อชายหนุ่มเอ่ยถึงตรงนี้แล้วได้ส่งเสียงฮึเย็นชา และกล่าวน่าเกรงขามว่า “ข้าเทพแท้จริงเป่าหยวน มาหาเจ้าวันนี้…”
“เจ้าคือเทพแท้จริงเป่าหยวน?” หลี่ชิเย่กล่าวตัดบทของเขา และมองดูชายหนุ่มผู้นี้หัวจรดเท้าทีหนึ่ง
ชายหนุ่มผู้นี้ไม่พอใจ กล่าวน้ำเสียงเย็นชาว่า “ทำไม ตกใจกับชื่อของข้าอย่างนั้น…”
“ไม่ เจ้าคิดมากไปแล้ว” หลี่ชิเย่ท่าทางยิ้มแต้และกล่าวว่า “ข้านึกว่าชื่อของเจ้าคือ ‘ข้าแพงมาก’ !”
“เจ้า…” เทพแท้จริงเป่าหยวนถูกยั่วโมโหจนใบหน้าแดงก่ำ ถึงกับจ้องมองหลี่ชิเย่ด้วยความโกรธ
“เรื่องนี้โทษข้าไม่ได้” หลี่ชิเย่ทำท่าเหมือนไม่ได้รับความเป็นธรรมอย่างนั้น ทำยักไหล่นิดหนึ่ง และกล่าวว่า “ข้าเห็นเสื้อผ้าบนตัวของเจ้า เมฆเจ็ดสีที่อยู่ใต้เท้าของเจ้า ล้วนแล้วแต่เหมือนเขียนเอาไว้ว่า ‘ข้าแพงมาก’ ดังนั้น ข้าจึงเข้าใจว่าชื่อของเจ้ามีชื่อว่า ‘ข้าแพงมาก’ เห็นทีนี่เป็นความเข้าใจผิดของข้า เข้าใจผิด เข้าใจผิด”
เทพแท้จริงเป่าหยวนถูกยั่วโมโหจนร่างสั่นเทา เกือบจะถูกยั่วโมโหจนกระอักเลือดออกมา เสื้อวิเศษบนตัว เมฆสีใต้เท้าของเขาเป็นการแสดงถึงฐานะของเขา หาใช่บอกว่า ‘ข้าแพงมาก’ ! การพูดแบบนี้ฟังแล้วมันรสนิยมต่ำจนสุดจะทนรับได้
“เอาล่ะข้าแพงมาก เจ้ามาหาข้ามีเรื่องอะไรล่ะ?” เวลานี้หลี่ชิเย่แสดงคารวะแบบจีน ยิ้มแต้เอ่ยขึ้น
สภาพการณ์เช่นนี้ ทำให้พวกจ้าวชิวสืออยากจะหัวเราะแต่ไม่กล้า ได้แต่อดกลั้นเอาไว้
“เจ้า…” เทพแท้จริงเป่าหยวนถูกยั่วโมโหจนแทบคลั่ง มีอารมณ์พลุ่งพล่านอยากจะฆ่าคน ไม่ง่ายนัก เขาได้สูดลมหายใจเข้าลึกๆ ทีหนึ่ง รวบรวมสมาธิและกล่าวด้วยท่าทางน่าเกรงขามว่า “ข้า หวางเหว่ยหยวน ที่มาวันนี้ก็เพื่อบอกเจ้าว่า ชีวิตของเจ้าข้าจองไว้แล้ว!”
“อ๋อข้าแพงมาก พวกเรามีความแค้นกันรึ?” หลี่ชิเย่รู้สึกเหนือความคาดคิด จ้องมองเทพแท้จริงเป่าหยวนทีหนึ่ง
“เพราะว่าเจ้าสังหารอาจารย์เติ้ง ดังนั้น ฆ่าคนต้องชดใช้ด้วยชีวิต!” เทพแท้จริงเป่าหยวนกล่าวน่าเกรงขามขึ้นมา โดยแสร้งทำเป็นไม่ได้ยินฉายาที่หลี่ชิเย่ตั้งให้
“อาจารย์เติ้ง อาจารย์เติ้งคนไหนรึ?” หลี่ชิเย่หัวเราะและกล่าวว่า “ข้าฆ่าคนมามากเกินไป จำไม่ได้ว่าเป็นอาจารย์เติ้งคนไหนแล้ว”
สีหน้าของหวางเหว่ยหยวน เทพแท้จริงเป่าหยวนดูไม่จืดถึงที่สุด
“คือเติ้งเหรินเซิน” ในเวลานี้เอง ตู้เหวินรุ่ยได้กล่าวเตือนหลี่ชิเย่ขึ้นมา
“อ๋อเจ้าหมายถึงเติ้งเหรินเซิน” หลี่ชิเย่พยักหน้า และกล่าวว่า “ถูกต้อง เป็นข้าที่สังหารเขาเอง แน่นอน เรื่องนี้โทษข้าไม่ได้ ตอนนั้นข้าคิดจะช่วยเขา…”
“ไม่จำเป็นต้องมีเหตุผลใดๆ” เทพแท้จริงเป่าหยวนกล่าวน่าเกรงขามว่า “ฆ่าคนต้องชดใช้ชีวิต! เจ้าสังหารผู้อาวุโสเติ้ง เจ้าก็ต้องชดใช้ด้วยชีวิต ดังนั้น เวลานี้ข้ามาเพื่อจะบอกเจ้าว่า ชีวิตของเจ้าข้าจองไว้แล้ว ไม่ว่าจะเป็นเวลาใด สถานที่ใด ข้าก็จะหาโอกาสเอาชีวิตของเจ้า!”
“อ๋อที่แท้เป็นเช่นนี้เอง” หลี่ชิเย่เข้าใจในทันที จากนั้นกล่าวยิ้มแต้ว่า “แต่ทว่า เจ้าสมควรรู้ว่าเขาตายภายใต้กระบี่ล้างบาป เจ้าไม่กลัวว่าจะต้องตายภายใต้กระบี่ล้างบาปเหมือนกันรึ?” กล่าวพลางตบสัมผัสไปที่กระบี่ล้างบาป
เทพแท้จริงเป่าหยวนถึงกับมีแววตาที่หดลงขณะมองดูกระบี่ล้างบาปของหลี่ชิเย่ เขารับรู้ถึงอานุภาพของกระบี่ล้างบาป เนื่องจากเขาเคยได้เห็นสภาพของราชันแท้จริงเซิ่นซวงหยิบยกเอากระบี่ล้างบาปขึ้นมาในครั้งนั้น เขาจึงมีภาพความทรงจำในอานุภาพของกระบี่ล้างบาปที่ลึกซึ้งมาก
ถ้าหากไม่เป็นเพราะกระบี่ล้างบาปเขาก็จะไม่พูดเช่นนี้ เวลานี้คงลงมือเอาชีวิตหลี่ชิเย่แล้ว เพราะเขาหวั่นเกรงในกระบี่ล้างบาป จึงได้มาออกปากเตือนหลี่ชิเย่
ซึ่งก็เป็นการบ่งบอกว่า ต่อจากนี้ไปเทพแท้จริงเป่าหยวนจะสังหารหลี่ชิเย่โดยไม่สนเรื่องวิธีการ
“ฮึอาวุธเป็นของตาย คนคือตัวเป็นๆ มันไม่สามารถคุ้มครองเจ้าไปชั่วชีวิต” เทพแท้จริงเป่าหยวนกล่าวเสียงเย็นชา
“เอาเถอะ ข้าจำคำพูดของเจ้าเอาไว้แล้วล่ะ” หลี่ชิเย่หัวเราะทีหนึ่ง พยักหน้า และกล่าวว่า “ในเมื่อเจ้ามาแจ้งเตือนข้าล่วงหน้า นับว่าบริสุทธิ์เปิดเผยและยึดมั่นในความเป็นธรรม ถือว่าเจ้าโชคดี เวลานี้ข้าก็จะไม่เอาชีวิตเจ้า”
สีหน้าของเทพแท้จริงเป่าหยวนดูไม่จืดถึงขีดสุด ชั่วดีอย่างไรเขาก็คือเทพแท้จริงขั้นอมตะ ชั้นแสนชาติคนหนึ่ง เวลานี้ในสายตาของหลี่ชิเย่เหมือนกลายเป็นคนตายแล้วอย่างนั้น
“สถาบันศึกษาเป่ยเยี่ยนอุดรไม่มีบุญคุณความแค้นกับเจ้า นับจากวันนี้เป็นต้นไปได้ผูกแค้นไว้แล้ว” สุดท้าย เทพแท้จริงเป่าหยวนกล่าวน่าเกรงขามขึ้นมา
เติ้งเหรินเซินคืออาจารย์ของสถาบันศึกษาเป่ยเยี่ยนอุดร และเทพแท้จริงเป่าหยวนคือนักศึกษาของสถาบันศึกษาเป่ยเยี่ยนอุดร
“ถ้าหากเจ้าสามารถเป็นตัวแทนของเป่ยเยี่ยนล่ะก็ ข้ายินดีต้อนรับ” หลี่ชิเย่หัวเราะและกล่าวว่า “ถ้าหากเป่ยเยี่ยนพวกเจ้าไม่รู้จักคำว่าตายมาหาเรื่องข้าล่ะก็ ข้าไม่รังเกียจที่จะสังหารพวกเจ้าจนสิ้นอยู่แล้ว”
เทพแท้จริงเป่าหยวนส่งเสียงฮึเย็นชา หันหลังจากไปทันทีด้วยการขับเคลื่อนเมฆเจ็ดสีล่องลอยจากไป
“ข้าแพงมาก ถ้าหากข้าสังหารเจ้าแล้วสามารถถอดเอาเสื้อบนตัวของเจ้า ชิงเมฆสีของเจ้าไป ข้าว่าพวกมันล้วนแล้วแต่แพงมาก น่าจะสามารถจำนำได้เงินมาใช้บ้าง” หลี่ชิเย่ตะโกนไล่หลังเทพแท้จริงเป่าหยวนที่ไปไกลแล้ว
เทพแท้จริงเป่าหยวนที่ควบคุมเมฆสีไปไกลถูกยั่วโมโหจนร่างสั่นเทา และตัวสั่นโคลงเคลงไปทั้งตัว เกือบจะร่วงหล่นลงมาจากเมฆสี
ไม่ว่าจะพูดอย่างไรก็ตาม ขณะที่เทพแท้จริงเป่าหยวนจากไปนั้น หลี่ชิเย่ไม่ได้ลงมือ แม้ว่าเทพแท้จริงเป่าหยวนได้ล่วงเกินต่อเขา แต่เขาก็ไม่ได้ลงมือสังหารเทพแท้จริงเป่าหยวนในทันที
เหมือนดั่งที่หลี่ชิเย่ได้พูดเอาไว้อย่างนั้น ไม่ว่าหลังจากนี้เทพแท้จริงเป่าหยวนจะใช้วิธีการทุกวิถีทางอย่างไรก็ตาม เวลานี้เขามากล่าวเตือนไว้ก่อน ก็นับว่าบริสุทธิ์เปิดเผยและยึดมั่นในความเป็นธรรมแล้ว
“เจ้าเทพแท้จริงเป่าหยวนคนนี้ดูแปลกนิดหนึ่ง” ตู้เหวินรุ่ยหัวเราะขณะมองดูเทพแท้จริงเป่าหยวนที่จากไปไกล และกล่าวว่า “ครั้งนั้นเขาสมัครเข้าเป็นศิษย์ของสถาบันศึกษาเป่ยเยี่ยนอุดร พรสวรรค์ไม่นับว่าโดดเด่นอะไร ภายหลังได้กลายเป็นนักศึกษาของเติ้งเหรินเซิน ได้รับการดูแลจากเติ้งเหรินเซินไม่น้อย ดังนั้น กล่าวสำหรับเขาแล้วเติ้งเหรินเซินมีบุญคุณต่อเขา มาวันนี้ตัวเขาถือว่าเป็นผู้ที่มีความโดดเด่นในบรรดานักศึกษาจำนวนมากของสถาบันศึกษาเป่ยเยี่ยนอุดร เล่าลือกันว่าเขาเคยได้รับปาฏิหาริย์ ทำให้ทักษะของเขาก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว”
“กินต้นกำเนิดของล้ำค่าเข้าไปชิ้นหนึ่ง” หลี่ชิเย่หัวเราะและกล่าวว่า “ทำให้ในใจของเขามีกลิ่นอายของของล้ำค่า ดังนั้น ของใช้ของเขาดูไปแล้วจึงคล้ายเปี่ยมด้วยความสูงส่ง”
แน่นอน เรื่องเช่นนี้ไหนเลยจะหลอกสายตาคู่นั้นของหลี่ชิเย่ไปได้
ตู้เหวินรุ่ยเพียงยิ้มๆ เท่านั้นเอง ไม่ได้เป็นกังวลในความปลอดภัยของหลี่ชิเย่ แม้ว่าเป็นความจริงที่เทพแท้จริงเป่าหยวนดูจะดูแปลกบ้าง แต่ว่า เมื่อเทียบกับหลี่ชิเย่แล้วไม่คู่ควรจะกล่าวถึงอยู่แล้ว
ในสายตาของตู้เหวินรุ่ยมองว่า การที่เทพแท้จริงเป่าหยวนคิดจะแก้แค้นให้กับเติ้งเหรินเซินก็เพื่อตอบแทนบุญคุณ นับว่ามีความกล้าหาญน่าชมเชย เสียดายที่เขาเลือกคนผิดเสียแล้ว เขาเป็นศัตรูกับหลี่ชิเย่ เท่ากับถูกลิขิตแล้วว่าเป็นการรนหาที่ตายเอง
“เอาล่ะ ไปกันเถอะ” หลี่ชิเย่หัวเราะและกล่าวว่า “ดูว่า ‘ข้าแพงมาก’ จะอาศัยวิธีการอะไรมาฆ่าข้า ไม่แน่นักข้างหน้าอาจจะคึกครื้นยิ่งกว่าอีก” กล่าวพลางเดินไปข้างหน้า โดยไม่ได้เก็บเอามาใส่ใจ
เวลานี้พวกของจ้าวชิวสือจึงกล้าส่งเสียงหัวเราะขึ้นมา เมื่อนึกถึงหลี่ชิเย่ตั้งชื่อฉายาให้กับเทพแท้จริงเป่าหยวนว่า ‘ข้าแพงมาก’ แล้วก็อดหัวเราะไม่ได้
………………………………………………………