Emperor's Domination จักรพรรดิบรรพกาล - ตอนที่ 2854 สวนสัตว์ศักดิ์สิทธิ์
ตอนที่ 2854 สวนสัตว์ศักดิ์สิทธิ์
เจ้ากระบือยักษ์สีดำโกยอ้าววิ่งหนีไปอย่างรวดเร็ว วิ่งไปพลางและร้องเสียงดังไปพลางว่า “เจ้าหนู ที่ที่มีความสว่างก็จะมีความืด ไม่ใช่สิ ไม่แน่นักความสว่างวิวัฒนาการมาจากความมืด เจ้ารักษาตัวเองก็แล้วกัน แล้วไม่พบกันอีกเลย” เพียงชั่วพริบตาเดียวก็เผ่นหนีไปลอยนวล หายไปบนเส้นขอบฟ้า
การที่เจ้ากระบือยักษ์สีดำเผ่นหนีไปทันทีทำให้พวกจ้าวชิวสือต่างมองหน้าซึ่งกันและกัน พวกเขาไม่เข้าใจว่าเหตุใดเจ้ากระบือยักษ์สีดำจึงวิ่งหนีไปเร็วขนาดนี้
ตู้เหวินรุ่ยถึงกับส่ายหน้าเมื่อได้เห็นภาพนี้แล้ว ความจริงประวัติความเป็นมาของกระบือยักษ์สีดำเป็นปริศนามาโดยตลอด ขณะที่ทุกคนรับรู้มันก็อยู่ในสวนสัตว์ศักดิ์สิทธิ์แล้ว ไม่มีใครรู้ว่ามันมาจากที่ใดกันแน่
“ไปกันเถอะ พวกเราเดินไปดูไป” ตู้เหวินรุ่ยสั่งการกับพวกของจ้าวชิวสือ แล้วเดินนำทางอยู่ด้านหน้า หลังจากที่พวกของจ้าวชิวสือได้สติกลับมาจึงรีบตามกันไป
สวนสัตว์ศักดิ์สิทธิ์มีพื้นที่กว้างขวางใหญ่โตมาก ทั่วทั้งสวนสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ประกอบด้วยเขาหลายลูกที่เชื่อมต่อกันไม่ขาด เทือกเขาขนาดใหญ่แต่ละเทือกเสมือนดั่งมังกรยักษ์ที่ขดตัวยึดครองผืนแผ่นดินเอาไว้ แม่น้ำลำธารแต่ละสายที่ล้อมรอบอยู่ระหว่างเทือกเขาเหล่านั้น
ภายในสวนสัตว์ศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้เรียกได้ว่าเต็มไปด้วยความมีชีวิตที่คึกคักกระฉับกระเฉง ที่ตรงนี้มีสิงสาราสัตว์และนกนานาชนิดอยู่นับไม่ถ้วน มีม้าชั้นเลิศที่วิ่งห้อกันเป็นฝูง และยังมีนกกระเรียนที่ร่ายรำเป็นฝูง ทุกๆ ที่ที่ก้าวเดินไปล้วนแล้วแต่สามารถมองเห็นเงาของสิงสาราสัตว์และนกนานาชนิด อีกทั้งบรรดาสิงสาราสัตว์และนกนานาชนิดเหล่านี้จะแตกต่างกับสิงสาราสัตว์และนกนานาชนิดที่อยู่ด้านนอกอย่างสิ้นเชิง
สิงสาราสัตว์และนกนานาชนิดใดๆ ที่อยู่ตรงนี้ล้วนแล้วแต่สามารถรับรู้ได้ถึงคลื่นพลังจรัสที่กระเพื่อมบนตัวของพวกมัน แม้ว่าพลังจรัสดังกล่าวจะอ่อนแอมากก็ตาม แต่ยังคงทำให้ผู้คนรับรู้ได้ นอกเหนือจากนี้ สิงสาราสัตว์และนกนานาชนิดที่อยู่ตรงนี้จะแลดูค่อนข้างศักดิ์สิทธิ์บริสุทธิ์ และหากยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้น ความรู้สึกที่ศักดิ์สิทธิ์บริสุทธิ์ก็จะชัดเจนมากขึ้น นี่แหละคือประโยชน์ของพลังจรัส
ระหว่างทาง พวกของจ้าวชิวสือได้พบกับสัตว์ป่าที่วิ่งไปมา และนกที่บินร่อนจำนวนมาก ซึ่งทำให้พวกของจ้าวชิวสือรู้สึกแปลกใจ และมีนักศึกษาอดที่จะเอ่ยถามขึ้นมาไม่ได้ว่า “ท่านอธิการบดี มีวิธีการแยกแยะสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ได้อย่างไรเล่า?”
“แยกแยะสัตว์ศักดิ์สิทธิ์?” ตู้เหวินรุ่ยหัวเราะ ส่ายหน้า และกล่าวว่า “ข้อนี้เกรงว่าพวกเจ้าจะมีการเข้าใจผิดแล้ว เข้าใจว่าสัตว์ศักดิ์สิทธิ์จะต้องมีความแข็งแกร่งปราศจากผู้เทียบเทียมอย่างนั้นรึ? ไม่ ความจริงแล้ว สิงสาราสัตว์และนกนานาชนิดที่อยู่ที่นี่ทั้งหมดล้วนแล้วแต่สามารถเรียกว่าเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ ต่อให้เป็นเพียงมดที่อ่อนแอตัวหนึ่ง…”
“…ล้วนสามารถเรียกว่าเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ได้เช่นกันเมื่อมาอยู่ ณ ตรงนี้ สัตว์ศักดิ์สิทธิ์ใรที่นี้ไม่ได้หมายถึงสัตว์พันธุ์หนึ่ง แต่เป็นสิงสาราสัตว์และนกนานาชนิดทั้งหมดที่อาศัยอยู่ในสวนสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ สิงสาราสัตว์และนกนานาชนิดทั้งหมดที่มีพลังจรัสอยู่ในครอบครอง ต่อให้พลังจรัสของพวกมันจะอ่อนด้อยอย่างยิ่ง”
พวกของจ้าวชิวสือถึงกับตะลึงนิดหนึ่งเมื่อได้ยินคำพูดของตู้เหวินรุ่ย ขณะที่ยังไม่ได้มาที่สวนสัตว์ศักดิ์สิทธิ์นั้น พวกเขาต่างเข้าใจว่าสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ล้วนแล้วแต่ดำรงอยู่ในฐานะที่สามารถเหินฟ้าดำดินได้ทั้งสิ้น มีความสามารถที่ไร้ขีดจำกัด ที่แท้พวกเขาคิดมากเกินไปแล้วล่ะ
“แน่นอน ที่ตรงนี้ก็มีสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ที่แข็งแกร่งมาก พวกมันอยู่ในฐานะที่แม้แต่ราชันแท้จริงก็ไม่กล้าหาเรื่อง” เมื่อตู้เหวินรุ่ยมองเห็นพวกของจ้าวชิวสือมีท่าทางที่ผิดหวัง จึงได้ยิ้มกล่าวเรียบเฉยว่า “ไม่แน่เสมอไปว่าพวกเจ้าจะสามารถพบเจอกับสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ที่แข็งแกร่งเช่นนี้ได้ แต่ว่า ขอเพียงก้าวเดินลึกเข้าไปมากเท่าใด สัตว์ศักดิ์สิทธิ์ที่พบก็จะมีความแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น”
“ถ้าเช่นนั้น พวกเราไปกันเถอะ” คำพูดนี้ก็ได้ทำให้นักศึกษาของสถาบันศึกษาล้างบาปมีกำลังฮึกเหิมขึ้นมา
ตู้เหวินรุ่ยยิ้มยิ้ม และเดินนำทางให้กับนักศึกษา เดินไปพลางพูดขึ้นพลางว่า “ความจริงแล้ว มีคนจำแนกสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ในสวนสัตว์ศักดิ์สิทธิ์อย่างละเอียด เช่น ในสายตาของผู้คนจำนวนมากมองว่า สัตว์ศักดิ์สิทธิ์ธรรมดาก็คือสิงสาราสัตว์และนกนานาชนิด และสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ที่มีจิตวิญญาณ และมีการฝึกปรือจึงจัดว่าเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ ดูนั่น เป็นต้นว่าหมูป่าตัวนั้น” กล่าวพลางชี้ไปข้างหน้า
พวกจ้าวชิวสือทยอยกันมองตามไป เวลานี้มองเห็นข้างหน้ามีหมูป่าอยู่ตัวหนึ่ง พลันอ้าปากคายเอาตัวอ่อนกระบี่ออกมาเล่มหนึ่ง ประกายกระบี่แวบวับ ได้ยินเสียงตึง ตึง ตึงดังขึ้น มองเห็นตัวอ่อนกระบี่ยืดออกไปเสมือนดั่งกระบี่ออกจากฝัก พลันฟันหินผาที่อยู่ข้างหน้าจนราบเรียบ
“สัตว์ศักดิ์สิทธิ์…” นักศึกษาของสถาบันศึกษาล้างบาปต่างร้องเสียงดังขึ้นมาด้วยความตื่นเต้นยิ่งนัก เมื่อเห็นหมูป่าตัวนี้ได้คายเอาตัวอ่อนกระบี่ออกมา
เวลานี้ หมูป่าก็ได้ยินเสียงร้องหันหลังกลับไปมองดูพวกของจ้าวชิวสือทีหนึ่ง จากนั้นหันหลังวิ่งหนีไปทันที
“ท่านอธิกาบดี พวกเราสามารถสยบมันได้หรือไม่?” มีนักศึกษามองว่าหมูป่าตัวนี้ไม่ได้แข็งแกร่งมากเป็นพิเศษ ถึงกับอยากทดลองดู
“ก็ลองดู ขึ้นอยู่กับกำลังความสามารถของพวกเจ้าเอง ขึ้นอยู่กับโอกาสจังหวะของพวกเจ้า” ตู้เหวินรุ่ยยิ้มๆ และให้กำลังใจ
เมื่อพวกนักศึกษาอย่างจ้าวชิวสือเหล่านี้ได้ยินคำพูดให้กำลังใจของตู้เหวินรุ่ยแล้ว จึงส่งเสียงร้องด้วยความดีใจ ไล่ตามหมูป่าตัวนั้นไปทันที
เจ้าหมูป่าตัวนี้พลันเห็นมีคนไล่ตามมา จึงเผ่นแนบไปทันที แต่ว่า พวกของจ้าวชิวสือไล่ติดตามไปอย่างไม่ลดละ เหมือนว่าจะต้องจับตัวเจ้าหมูป่าตัวนี้มาให้จงได้
หมูป่าตัวนี้ไม่ได้มีกำลังที่กล้าแข็งนัก แม้ว่ามันจะวิ่งโกยแนบไปอย่างรวดเร็ว แต่ทว่า หลังจากนั้นไม่นานก็ถูกนักศึกษาเหล่านี้ไล่ทัน มีนักศึกษาที่ร้องเสียงดังขึ้นมาพร้อมกับกระโดดเกาะบนหลังของหมูป่าตัวนี้ หวังจะกดทับเจ้าหมูป่าตัวนี้เอาไว้
แต่ว่า ได้ยินเสียงปัง ปัง ปังดังขึ้น หมูป่าตัวนี้กระดกก้นทีหนึ่ง จัดการเด้งบรรดานักศึกษาที่ขึ้นขี่บนหลังจนตกลงมารวดเดียวหลายคน
หมูป่าตัวนี้กระทั่งอ้าปากคายเอาตัวอ่อนกระบี่ออกมา มองเห็นประกายกระบี่ที่สาดส่องไปทั่ว และฟาดฟันเข้าใส่บรรดานักศึกษาเหล่านี้ ทำให้นักศึกษาเหล่านี้ตกใจจนต้องทยอยกันงัดเอาอาวุธของตนออกมาป้องกัน
สุดท้าย ยังคงเป็นจ้าวชิวสือที่มีกำลังความสามารถสูงสุด อาศัยโล่วิเศษต้านการโจมตีของหมูป่าไว้ได้ ได้ยินเสียงปังดังขึ้นเสียงหนึ่ง หมูป่าตัวนี้ถูกกดทับเอาไว้ไม่สามารถหนีไปไหนได้อีก พลันถูกสยบนอนอยู่กับพื้นทันที
“เจ้าเดรัจฉาน ตามข้าไปได้หรือไม่” เวลานี้จ้าวชิวสือกดทับหมูป่าเอาไว้และร้องเสียงดังขึ้นมา
แต่ว่า หมูป่าร้องเสียงดังและดิ้นรนขัดขืน ต้องการลุกขึ้นยืนให้ได้ โดยไม่ได้สนใจจ้าวชิวสือ
“ท่านอธิการบดี ไหนบอกว่าหากสามารถสยบสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ได้ มันก็จะตามเรากลับไปมิใช่รึ?” นักศึกษารู้สึกไม่เข้าใจ เมื่อเห็นหมูป่าไม่สนใจ
“เรื่องนี้ ต้องแล้วแต่เหตุการณ์ แล้วแต่เหตุการณ์” ตู้เหวินรุ่ยหัวเราะเจื่อนๆ ทีหนึ่ง
“ดูที่เหตุการณ์อะไร” หลี่ชิเย่หัวเราะ ส่ายหน้าและกล่าวว่า “พวกมันถูกยั่วยวนโดยความจรัส เจ้าคิดจะให้มันติดตามเจ้า ง่ายมาก ข้อหนึ่ง พลังจรัสของเจ้าจะต้องมีความยั่วยวนที่มากพอสำหรับมัน ข้อสอง ความสัมพันธ์ระหว่างมันกับพลังจรัสของสวนสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ พูดง่ายๆ ก็คือ เจ้าต้องมีความแข็งแกร่งมาก ใช่ว่าเจ้าเอาชนะมันได้ก็สามารถทำให้มันตื่นขึ้นจากการหลงทางท่ามกลางความจรัสของสวนสัตว์ศักดิ์สิทธิ์”
คำพูดที่ตรงๆ เช่นนี้ของหลี่ชิเย่ทำให้ตู้เหวินรุ่ยรู้สึกผะอืดผะอมอยู่บ้าง ได้แต่หัวเราะแห้งๆ ทีหนึ่ง
“แปลว่าไม่มีวิธีที่จะสยบสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ได้แล้วสิ?” มีนักศึกษาเอ่ยขึ้น
“ก็ไม่แน่เสมอไป” ตู้เหวินรุ่ยส่ายหน้าเบาๆ และกล่าวว่า “เห็นกริฟฟอนตัวนั้นของใต้เท้าเซิ่นตู๋หรือไม่? มันมีชาติกำเนิดมาจากสวนสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ มันคือสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ที่แข็งแกร่งมากของสวนสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ สุดท้าย ยังคงติดตามใต้เท้าเซิ่นตู๋ไป”
พวกจ้าวชิวสือต่างมองหน้าซึ่งกันและกันเมื่อได้ยินคำพูดของตู้เหวินรุ่ย พวกเขาย่อมต้องเคยเห็นกริฟฟอนของใต้เท้าเซิ่นตู๋มาแล้ว ความแข็งแกร่งของมันเป็นสิ่งที่พวกเขาเห็นมากับตา
สุดท้าย พวกจ้าวชิวสือก็รู้ตัวว่าตนเองไม่ได้แข็งแกร่งถึงขั้นนั้น จ้าวชิวสือได้ปล่อยหมูป่าตัวนี้ไป เนื่องจากต่อให้ใช้กำลังบังคับหมูป่าตัวนี้ไปจากสวนสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ก็ไร้ประโยชน์ ไม่แน่นักช้าหรือเร็วสักวันมันก็ต้องหนีกลับมา อีกอย่าง หมูป่าตัวนี้อ่อนแอขนาดนี้ถึงพามันกลับไปประโยชน์ที่ได้ก็ไม่มาก
“ไปทดลองสักหน่อยก็ดี ไม่จำเป็นเสมอไปว่าจะต้องสยบสัตว์ศักดิ์สิทธิ์สักตัว ถือเป็นการยกระดับการต่อสู้ที่แท้จริงของพวกเจ้า” ตู้เหวินรุ่ยสั่งการออกไป
นักศึกษาของสถาบันศึกษาล้างบาปรู้สึกว่ามีเหตุผล ต่อให้ไม่สามารถสยบมันได้ แต่ว่า การเอาชนะสัตว์ศักดิ์สิทธิ์สักตัวกล่าวสำหรับพวกเขาแล้วก็นับว่าให้ความรู้สึกถึงความสำเร็จยิ่งนัก ดังนั้น พวกเขาร้องออกมาด้วยความดีใจ จากนั้นก็รีบวิ่งออกไปเพื่อตามหาสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ตัวต่อไป
ขณะที่นักศึกษาของสถาบันศึกษาล้างบาปต่างวิ่งอยู่ข้างหน้านั้น หลี่ชิเย่กับตู้เหวินรุ่ยได้เดินตามหลังด้วยท่าทีเอ้อระเหย
“แฮ่ม…” ตู้เหวินรุ่ยส่งเสียงไอขึ้นมาทีหนึ่ง และกล่าวว่า “นักศึกษาหลี่ ท่านคิดอ่านประการใดกับการมาที่ภูเขาศักดิ์สิทธิ์เล่า?”
“อ้อท่านอธิการบดีต้องการให้ข้ามามิใช่รึ?” หลี่ชิเย่หัวเราะ ท่าทีเหมือนไม่ได้รับความเป็นธรรมอย่างนั้น ลักล่าวว่า “ทุกอย่างล้วนฟังคำสั่งของใต้เท้าอธิการบดีทั้งสิ้น ข้ายังจะคิดอ่านประการใดได้”
ตู้เหวินรุ่ยยิ้มเจื่อนๆ จนด้วยเกล้า ส่ายหน้าและกล่าวว่า “นักศึกษาหลี่คือสุดยอดผู้เยี่ยมยุทธ ไหนเลยที่ชาวบ้านอย่างข้าสามารถสั่งการได้เล่า”
ภายในใจของตู้เหวินรุ่ยรู้ดีว่า ถ้าหากหลี่ชิเย่ไม่สนใจในภูเขาศักดิ์สิทธิ์ เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะมาอยู่แล้ว และอธิการบดีเช่นเขาไม่สามารถใช้เขาได้อยู่แล้ว
แต่ว่า ตู้เหวินรุ่ยมองว่า ในเมื่อหลี่ชิเย่ไม่ได้มาด้วยเรื่องผลไม้ศักดิ์สิทธิ์ และไม่ได้มาด้วยเรื่องสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ ถ้าหากเขามาด้วยเรื่องของของสองสิ่งนี้ เขาก็จะไม่มอบผลศักดิ์สิทธิ์ให้ผู้อื่นตามอารมณ์แล้ว
“เจ้ารู้สึกว่าปฐมบรรพบุรุษของพวกเจ้าเป็นคนแบบไหน?” ในเวลานี้ หลี่ชิเย่มองดูตู้เหวินรุ่ยพลันพูดคำๆ นี้ออกมา
“เรื่องนี้…” ตู้เหวินรุ่ยถูกป้อนคำถามนี้เข้ามาจนตั้งตัวไม่ทัน สุดท้ายเขาได้หัวเราเจื่อนๆ ทีหนึ่งและกล่าวว่า “ปฐมบรรพบุรุษคือผู้ที่ยอดเยี่ยมนิรันดร์กาล รัศมีแสงส่องสว่างทั่วหล้าอย่างเสมอภาค โปรดเหล่าเวไนยสัตว์…”
“กลับไม่ได้โปรดเมืองล้างบาปของพวกเจ้า” หลี่ชิเย่กล่าวเรียบเฉยขึ้น
พลันที่คำๆ นี้ถูกพูดออกมา ทำให้คำพูดของตู้เหวินรุ่ยหยุดลงทันที ไม่สามารถพูดต่อไปได้
“มนุษย์ไม่มีใครที่สมบูรณ์พร้อม ทองคำไม่มีทองแท้บริสุทธิ์” สุดท้ายตู้เหวินรุ่ยได้แต่พูดเช่นนี้
“อย่างนั้นรึ?” หลี่ชิเย่หัวเราะ มองไปยังบริเวณที่ไกลออกไปของภูเขาศักดิ์สิทธิ์ มองไปบริเวณที่ลึกเข้าไปที่มากที่สุด กล่าวเรียบเฉยว่า “ข้าแค่ไปดูสักหน่อย ไปดูบริเวณที่อยู่ด้านในที่สุดของภูเขาศักดิ์สิทธิ์ ที่ตรงนั้นก็คือต้นกำเนิดพลังจรัสของพวกเจ้าน่ะสิ ข้าแค่ไปดูเฉยๆ เท่านั้นเอง”
แม้ว่าหลี่ชิเย่จะบอกว่าแค่ไปดูเฉยๆ เท่านั้น แต่ว่า ไม่ทราบเป็นเพราะอะไรตู้เหวินรุ่ยฟังด้วยความอกสั่นขวัญแขวน
“ข้างในนั้นไม่น่าไป” ตู้เหวินรุ่ยนิ่งเงียบไปพักหนึ่ง สุดท้าย กล่าวเบาๆ ว่า “คนที่เข้าไปล้วนแล้วแต่ไม่ได้กลับออกมา ฟังว่า ไม่อยากจะออกมา ต่อให้มีผู้ที่ออกมา ภายหลังก็ได้ละสังขารด้วยท่านั่งกรรมฐาน ไม่อยากกล่าวมากความ”
“ข้ารู้ พลังจรัสพูดให้น่าฟังหน่อยก็คือ ถวายตัวเป็นสาวกและละสังขารในท่านั่งกรรมฐาน หากพูดไม่น่าฟังนิดก็คือการทำให้งงงวยและล้างสมอง พลังจรัสที่แข็งแกร่งทำให้คนถูกผูกมัดเอาไว้ จิตแห่งการบำเพ็ญเพียรถูกยั่วยวน หากจิตแห่งการบำเพ็ญเพียรไม่เกร่งพอ กำลังความสามารถไม่เพียงพอที่จะต่อต้านปราชญ์ไกลกันดารได้ การเข้าไปมันก็คือทางตายเท่านั้น”
ตู้เหวินรุ่ยถึงกับนิ่งเงียบ เป็นความจริงที่รัศมีแสงส่องสว่างทั่วหล้าอย่างเสมอภาคทำให้ผู้คนบนโลกได้รับประโยชน์ ผู้คนจำนวนเท่าไรที่อาบเอิบภายใต้แสงสว่าง แต่ว่า สิ่งที่อยู่เบื้องหลังของแสงสว่างไม่แน่เสมอไปว่าจะต้องเป็นแสงสว่าง
“ดังนั้น ข้าต้องการเข้าไปดูสักหน่อย” หลี่ชิเย่มองดูตู้เหวินรุ่ยทีหนึ่ง และกล่าวว่า “ข้าไม่ใช่คนดีอะไร แต่ว่า ปฐมบรรพบุรุษพวกเจ้าก็ไม่ใช่คนดีอะไร สมควรทราบว่า *ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิๆ นี้ ธาตุแท้ภายในเป็นพันล้านปี ของบำรุงชั้นเลิศนะเนี่ย!”