Emperor's Domination จักรพรรดิบรรพกาล - ตอนที่ 2877 ตำหนักนภา
ตอนที่ 2877 ตำหนักนภา
ภายใต้การนำทางของกระบือดำขนาดใหญ่ พวกเขาทั้งสองคนก้าวข้ามท้องฟ้า เบื้องบนท้องฟ้าของสวนดึกดำบรรพ์เป็นที่ที่ปรากฎตัวของสุริยันจันทรา และดวงดาว และมีทางช้างเผือกรายล้อม
ณ ที่ตรงนั้น มีตำหนักที่เก่าแก่โบราณยิ่งอยู่หลังหนึ่ง ตำหนักหลังนี้มีขนาดใหญ่โตมโหฬารยิ่งนัก เสมือนดั่งเป็นดาวเคราะห์ขนาดยักษ์ที่ล่องลอยอยู่ท่ามกลางท้องฟ้าที่ไร้ขอบเขตสิ้นสุด
ณ ที่ตรงนั้น ตำหนักหลังนี้ดูเรียบง่าย และไม่หรูหราเพียงแค่เปลือกนอก ด้านหน้าตำหนักไม่มีตัวอักษรใดๆ และไม่มีป้ายชื่อตำหนัก เหมือนว่ามันเป็นเพียงตำหนักที่ไร้ชื่อหลังหนึ่งเท่านั้น
เมื่อมายืนอยู่ตรงหน้าตำหนักที่มีขนาดใหญ่โตมโหฬารขนาดนี้ ไม่ว่าจะเป็นสิ่งมีชีวิตใดๆ ก็ดูจะมีขนาดเล็กมากเป็นพิเศษ เสมือนเป็นเพียงฝุ่นผงเม็ดหนึ่งเท่านั้น
ขณะยืนอยู่ด้านหน้าตำหนัก มองเห็นประตูตำหนักที่ปิดสนิท ประตูสองบานคล้ายกำแพงศักดิ์สิทธิ์อย่างนั้น ขวางอยู่ด้านหน้าของหลี่ชิเย่ และดูเหมือนว่าไม่ว่าใครก็ตามก็ไม่สามารถเปิดประตูสองบานที่อยู่ตรงหน้าได้
“อยู่ตรงนี้แหละ” กระบือดำขนาดใหญ่ยืนอยู่หน้าประตู และกล่าวขึ้นทันที
หลี่ชิเย่พิจารณาตำหนักหลังนี้ที่อยู่ตรงหน้า เพ่งสายตาไปข้างหน้า และกล่าวเรียบเฉยขึ้นมาว่า “มือเติบมาก ลงทุนไม่น้อยเลยทีเดียว!”
“ปราชญ์ไกลกันดารได้วางสุดยอดอภินิหารเอาไว้ตรงนี้ อีกทั้งยังได้ปิดบังซ่อนเร้นทุกสิ่งทุกอย่างในนี้ ก็เพื่อไม่ต้องการให้คนอื่นพบเห็น” กระบือดำขนาดใหญ่กล่าว
“น่าสนใจอยู่บ้าง” หลี่ชิเย่พินิจพิจารณาตำหนักหลังนี้ที่อยู่ตรงหน้า และกล่าวขึ้นมาช้าๆ ว่า “ดูท่า เป็นความจริงที่ปราชญ์ไกลกันดารมีความคิดเช่นนี้จริงๆ”
“ท่านปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ ขอเชิญท่านผู้อาวุโส” กระบือดำขนาดใหญ่หัวเราะแหะแหะ โค้งคำนับ ท่าทางให้ความเคารรพยิ่ง
หลี่ชิเย่เหลือบมองกระบือดำขนาดใหญ่ทีหนึ่ง กล่าวเรียบเฉยว่า “ทำไม ไม่เข้าไปรึไง?” ท่าทางของกระบือดำขนาดใหญ่ดูอึดอัด ได้แต่พูดว่า “ดวงของข้ากับปราชญ์ไกลกันดารไม่สมพงษ์กัน สถานที่บางแห่งข้าไม่สะดวกที่จะกล้ำกราย หวังว่าท่านปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่จะให้อภัย”
“ก็แค่ถูกสยบเอาไว้มิใช่รึ? ต้องพูดให้มันสูงส่งขนาดนี้” หลี่ชิเย่กล่าวท่าทีเอ้อระเหยขึ้น
กระบือดำขนาดใหญ่ท่าทางผะอืดผะอม หัวเราะแห้งๆ และกล่าวว่า “เหอะ เหอะ เหอะเรื่องบางเรื่องนานมาก นานมากแล้ว นานจนกระทั่งเป็นสิ่งแน่นอนไปแล้ว ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้อีกแล้ว”
หลี่ชิเย่ขี้คร้านจะไปสนใจกระบือดำขนาดใหญ่มากนัก และไม่ฝืนบังคับว่าเขาจะต้องตามเข้าไปให้ได้ เดินเข้าไปยืนอยู่ตรงหน้าประตูทองแดงคนเดียว
“ประตูทองแดงตรงหน้าแข็งแกร่งยากจะทำลายได้ ย่อมไม่ต้องสงสัย ประตูทองแดงลักษณะเช่นนี้ต้องมาจากฝีมือของปราชญ์ไกลกันดาร”
ประตูทองแดงนี้ถูกผนึกปิดทับเอาไว้ ดูจากผนึกที่ตลบอบอวลไปด้วยอานุภาพของปฐมบรรพบุรุษแล้ว ตราผนึกนี้ปลุกเสกขึ้นโดยปราชญ์ไกลกันดารกับมือเอง และตราผนึกนี้มีสองด้าน บ่งบอกว่าผู้ที่อยู่ด้านนอกเข้าไปไม่ได้ ขณะที่ปีศาจชั่วร้ายที่อยู่ภายในตำหนักก็ออกมาไม่ได้เช่นกัน
ตราผนึกเช่นนี้แม้จะฝืนลิขิตสวรรค์ และยอดเยี่ยมอยากจะหาใดเทียมในหล้ายิ่งนัก แต่ว่า ไม่ยากสำหรับหลี่ชิเย่ จะอย่างไรเสียเขาได้ครอบครองหลักกฎเกณฑ์ทั้งหมดของหอจรัสศักดิ์สิทธิ์ กระทั่งกล่าวได้ว่ากฎเกณฑ์ที่หลี่ชิเย่ครอบครองอยู่นั้นเกินกว่าตัวของหอจรัสศักดิ์สิทธิ์เอง กฎเกณฑ์ที่ยึดและชิงมาได้นี้สามารถปลดความลึกซึ้งยอดเยี่ยมทุกอย่างของหอจรัสศักดิ์สิทธิ์ รวมทั้งตราผนึกของตำหนักทองแดงที่อยู่ตรงหน้าหลังนี้
ในเวลานี้ มือใหญ่ของหลี่ชิเย่ได้ประทับลงบนประตูทองแดง ได้ยินเสียงแว้งค์ดังขึ้นเสียงหนึ่ง บนประตูทองแดงปรากฎอักขระยันต์โบราณลอยขึ้นมาตัวแล้วตัวเล่า เมื่ออักขระยันต์โบราณรวมตัวเข้าด้วยกันได้กลายเป็นจานยันต์ขนาดยักษ์ใบหนึ่ง
กฎเกณฑ์ทั้งหมดบนจานยันต์ล้วนแล้วแต่หมุนเคลื่อนที่ไม่หยุดนิ่ง และสับสนไม่เป็นระเบียบ กล่าวสำหรับบุคคลอื่นแล้ว หากคิดจะบรรลุถึงอักขระยันต์บนจานยันต์นี้ใช่จะใช้เวลาเพียงแค่ชั่วยามครึ่งชั่วยาม
สำหรับอักขระยันต์เหล่านี้ที่หมุนเคลื่อนที่แบบสับสนไม่เป็นระเบียบเหล่านี้นั้น หลี่ชิเย่ไม่ได้ไปมองดูอย่างละเอียดด้วยซ้ำ เพียงสะบัดมือแล้วหมุนจานยันต์นั้นทันที ขณะที่จานยันต์อยู่ในมือหลี่ชิเย่ ได้หมุนเคลื่อนไปอย่างรวดเร็ว
ได้ยินเสียงแว้งค์ แวงค์ แว้งค์ดังขึ้น อักขระยันต์ได้กระโดดออกมาทีละตัวๆ และจัดเรียงเป็นระเบียบกลายเป็นบทคัมภีร์ที่สมบูรณ์บทหนึ่ง ท่ามกลางเสียงแว้งค์ที่ดังขึ้น บทคัมภีร์ที่สมบูรณ์บทนี้พลันสลักลงบนจานยันต์ทันที
ปุ…เสียงหนึ่งดังขึ้น ขณะที่จานยันต์ถูกเลี่ยมและจมลงไปในประตูทองแดงอีกครั้งนั้น อักขระยันต์ทั้งหมดได้แตกกระจายไปตามประตูทองแดงทั่วทั้งบาน
ตามติดด้วยเสียงเอี๊ยดดด เอี๊ยดดด เอี๊ยดดดที่หนักอึ้งดังขึ้นช้าๆ ประตูทองแดงที่ถูกปิดผนึกเอาไว้ได้เปิดออกช้าๆ
หลี่ชิเย่ไม่ได้มองดูสภาพภายในประตูทองแดงอย่างละเอียดก็ก้าวเท้าเข้าไปในตำหนักตามอารมณ์ทันที ด้วยความสบายอกสบายใจและไม่สะทกสะท้าน เหมือนว่าไม่ได้ถือเอาอันตรายที่อยู่ภายในตำหนักมาใส่ใจแม้แต่น้อย
“ท่านปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ ขอท่านสำเร็จบรรลุตามเป้าหมาย ได้รับชัยชนะกลับมา” กระบือดำขนาดใหญ่ที่ยืนอยู่ด้านนอกประตูทองแดงได้ตะโกนใส่เงาหลังของหลี่ชิเย่ทันที หลังจากที่ได้เห็นหลี่ชิเย่ก้าวเท้าเข้าไปในประตูทองแดงแล้ว
เมื่อเสียงปังดังขึ้นแล้ว ประตูทองแดงก็ได้ปิดลง กระบือดำขนาดใหญ่ยังคงมองดูประตูทองแดงตาปริบๆ อยากจะมองเห็นสภาพด้านในอย่างชัดเจนให้มันรู้แล้วรู้รอดไป
ในเวลานี้ กระบือดำขนาดใหญ่อดที่จะสามารถเข้าไปอยู่ในเหตุการณ์ตรงนั้นให้รู้แล้วรู้รอดไป แต่น่าเสียดาย เขาได้รับข้อจำกัดต่างๆ นานา ไม่สามารถเข้าไปภายในตำหนักได้
“เฮ่อไม่รู้ว่าปีศาจต้นไม้เฒ่าคิดอย่างไรกันแน่ เขาไม่ยอมลงมือสักที ทำให้ข้าได้รับทรมานขนาดนี้” กระบือดำขนาดใหญ่ถึงกับบ่มพึมพำกับตัวเอง ขณะจ้องมองดูประตูทองแดงตาปริบๆ
หลังจากที่หลี่ชิเย่ก้าวเท้าเข้าไปภายในตำหนักแล้ว ภายในตำหนักมีแต่ความมืดมองอะไรไม่เห็น ท่ามกลางความมืดภายในตำหนักเช่นนี้ เป็นไปไม่ได้ที่คนปรกติทั่วไปจะสามารถมองเห็นได้ชัดเจน
แต่ว่า เมื่อหลี่ชิเย่ลืมตาทั้งสองขึ้นมานั้น ที่ตรงนี้เสมือนดั่งเป็นเวลากลางวันอย่างนั้น แววตาของเขาสามารถส่องสว่างทุกซอกทุกมุมของตำหนักแห่งนี้ ทุกสิ่งล้วนไม่สามารถหลบซ่อนตัวได้ภายใต้แววตาของเขา
ความกว้างขวางของตำหนักอยู่เหนือจินตนาการของผู้คน ตำหนักใหญ่ลักษณะเช่นนี้เหมือนว่าสามารถจุได้ทุกสิ่งทุกอย่าง กระทั่งเหมือนว่าสามารถจับโลกทั้งโลกมาบรรจุเข้าไปในนั้นอย่างนั้น
หลี่ชิเย่ก้าวเดินช้าๆ ดูเหมือนช้า แต่ความจริงแล้วหนึ่งก้าวพันลี้ ก้าวเข้าไปทีละก้าวๆ
ภายในระยะเวลาอันสั้น หลี่ชิเย่ได้ก้าวเดินเข้าไปถึงส่วนลึกภายในตำหนัก ปรากฏภูเขาลูกหนึ่งที่สูงใหญ่ยิ่งนักได้ขวางทางหลี่ชิเย่เอาไว้
เมี่อมองดูอย่างละเอียด สิ่งที่ขวางทางหลี่ชิเย่ไว้นั้นไม่ใช่เป็นภูเขาขนาดยักษ์ลูกหนึ่ง แต่เป็นสิ่งหนึ่งที่มีขนาดใหญ่โตมากยึดครองสถานที่ตรงนั้นเอาไว้ มันขดตัวขึ้นไปเป็นชั้นๆ ร่างกายของมันซ้อนขึ้นไปสูงมาก มองดูคล้ายเป็นภูเขาที่มีขนาดใหญ่โตมโหฬารอย่างนั้น
เสียงปุ…ดังขึ้นมาเสียงหนึ่ง นาทีนี้เอง เจ้าสิ่งที่มีขนาดใหญ่โตมโหฬารซึ่งขดตัวอยู่ตรงนั้นได้ลืมตาขึ้น ส่วนหัวของมันขดตัวอยู่ด้านบนสุด เมื่อมันลืมตาขึ้นมาคล้ายบนท้องฟ้าพลันปรากฎดวงตะวันเพิ่มขึ้นอีกสองดวงอย่างนั้น ประกายแสงสาดส่องลงมาจนสามารถมองเห็นทุกสิ่งทุกอย่างได้อย่างชัดเจน
สิ่งที่มีขนาดใหญ่โตมโหฬารเช่นนี้ยึดครองพื้นที่ตรงนั้นเอาไว้ ศีรษะของมันอยู่สูงขึ้นไปบนท้องฟ้า ทำให้ผู้คนต้องหวาดหวั่นพรั่นพรึง โดยเฉพาะขณะที่มันก้มมองลงมาข้างล่าง ยิ่งทำให้ผู้คนรับรู้ถึงอำนาจสูงสุดที่สยบจิตใจผู้คน
ภายใต้แววตาลักษณะเช่นนี้ อย่าว่าแต่คนที่ใจเสาะเลย ต่อให้เป็นผู้ที่มีกำลังกล้าแข็งมากก็ต้องเข่าอ่อนทั้งสองข้าง พลังปีศาจชั่วร้ายตนนี้นับว่ามีกำลังกล้าแข็งมากเหลือเกิน ขณะที่สายตาของมันครอบคลุมเข้ามานั้น เสมือนดูดเอาวิญญาณของผู้คนไปทันทีอย่างนั่น
แต่ทว่า แววตาลักษณะเช่นนี้ที่สาดส่องลงมาสำหรับหลี่ชิเย่แล้ว ไม่ได้ส่งผลกระทบแม้แต่น้อย เหมือนว่ามันเป็นเรื่องปรกติมากๆ อยู่แล้ว
ช่าาา ช่าาา ช่าาา เสียงเคลื่อนที่ดังขึ้นเป็นระลอก ในเวลานี้เอง สิ่งที่มีขนาดใหญ่โตมโหฬารที่ขดตัวอยู่ตรงนั้นเริ่มมีการเลื้อยลงมาแล้ว
เหมือนว่าเจ้าสิ่งที่มีขนาดใหญ่โตมโหฬารตัวนี้ก็ได้พบแล้วว่า หลี่ชิเย่ไม่ได้มีความเกรงกลัวอะไรเลย กระทั่งไม่ได้เงยหน้ามองดูมันสักแวบหนึ่งด้วยซ้ำ ดังนั้น มันจึงเริ่มคลายตัวกับร่างที่มีการขดไว้นั่น เริ่มเลื้อยเข้ามาหา เมื่อมันคลายตัวที่ขดเป็นชั้นๆ เอาไว้ออกมา เสมือนดั่งเล่นมายากลอย่างนั้น ความยาวของร่างกายมันเกินกว่าที่ผู้คนจินตนาการเอาไว้มากทีเดียว
ขณะที่เจ้าสิ่งที่มีขนาดใหญ่โตมโหฬารเลื้อยเคลื่อนที่ไปนั้น ตัวของมันที่มีขนาดใหญ่และยาวเหมือนจะอัดจนเต็มพื้นที่ของตำหนักอย่างนั้น
ช่าาา…ขณะที่สิ่งที่มีขนาดใหญ่โตมโหฬารตัวนี้ได้คลายตัวออกมาทั้งหมดแล้วนั้น บริเวณที่ที่มันขดตัวอยู่ปรากฎสิ่งของต่างๆ ร่วงหล่นลงมาเป็นจำนวนมาก เมื่อมองดูให้ชัดเจน มันคือภูเขากระดูกลูกหนึ่ง
ภูเขากระดูกลูกนี้ถึงกับก่อขึ้นโดยอาศัยหัวกะโหลกแต่ละหัวที่ซ้อนกันขึ้นไป และเจ้าสิ่งที่มีขนาดใหญ่โตมโหฬารอาศัยการกอดรัดภูเขาหัวกะโหลกลูกนี้และขดตัวอยู่ตรงนั้น
เมื่อมันคลายตัวออกมาเต็มที่ ภูเขากระดูกดังกล่าวจึงล้มลงมา ทำให้หัวกะโหลกจำนวนไม่น้อยกลิ้งอยู่บนพื้น กระทั่งมีหัวกะโหลกที่กลิ้งไปอยู่ตรงด้านหน้าเท้าของหลี่ชิเย่
แม้ว่าจะไม่ทราบว่าเจ้าของหัวกะโหลกเหล่านี้เป็นใครมาจากไหนขณะมีชีวิตอยู่ แต่ว่า ดูจากเบ้าตาที่ยังคงมีจิตเทพที่เต้นวูบวาบอยู่ ก็พอจะมองออกว่าเจ้าของหัวกะโหลกเหล่านี้ขณะมีชีวิตอยู่ หากไม่ใช่สุดยอดราชันแท้จริงในหล้า เกรงว่าก็คือระดับคงความเป็นอมตะตลอดกาลที่แข็งแกร่งยากจะหาผู้ใดเทียม!
ฉีก ฉึก ฉึก…เสียงแลบลิ้นดังขึ้นเป็นระลอก ในที่สุดปีศาจชั่วร้ายที่เลื้อยเคลื่อนไหวอยู่ในตำหนักได้เลื้อยเข้าหาหลี่ชิเย่แล้ว มันยกหัวของมันขึ้นและก้มมองดูหลี่ชิเย่
เจ้าปีศาจชั่วร้ายตัวนี้มีลำตัวที่ใหญ่มาก ตัวของมันแลดูคล้ายงู เกล็ดบนตัวของมันสีดำดั่งโลหะ แต่ว่ามันไม่ใช่งู หัวของมันเหมือนมังกรและคล้ายพยัคฆ์ ดูแปลกประหลาดยิ่ง หางที่ยาวมากของมันมีคลีบหางอยู่สามชิ้น มีความคล่องตัวสูงมาก เหมือนสายน้ำที่ไหลไปอย่างนั้น
ที่แปลกประหลาดมากที่สุดก็คือ บนหัวของปีศาจชั่วร้ายมีหงอนอยู่ มองจากระยะห่างไกลเหมือนเป็นการสวมมงกุฎอยู่บนหัว
แม้ว่าในขณะนี้ เจ้าปีศาจชั่วร้ายตัวนี้ไม่ได้ระเบิดกลิ่นอายของตนออกมาอย่างจงใจ แต่ว่า จากการที่มันเลื้อยเคลื่อนที่ไปนั้น ไอเย็นบนตัวของมันก็ได้แผ่กระจายไปทั่วตำหนักแล้ว เมื่อมันตื่นขึ้น ไอเย็นตลบอบอวลจนสามารถได้ยินเสียงจี๊ด จี๊ด จี๊ดดังขึ้น ไอเย็นที่น่ากลัวต้องการทำให้ตำหนักทั้งหลังถูกปิดผนึกไปด้วยน้ำแข็ง
แต่ทว่า ต่อให้ไอเย็นที่น่ากลัวสามารถปิดผนึกด้วยน้ำแข็งหมื่นลี้ ก็ไม่ทำให้หลี่ชิเย่ต้องหวั่นไหว ยืนอยู่ตรงนั้นด้วยท่าทีตามอารมณ์ และมองดูเจ้าปีศาจชั่วร้ายตรงหน้าแวบหนึ่งตามอารมณ์เท่านั้น
‘หงส์ผีจักรพรรดิราตรี!’ หลี่ชิเย่กล่าวเรียบเฉยขึ้นมาว่า “น่าสนใจดี เพราะอะไรปราชญ์ไกลกันดารถึงต้องเอาพาหนะชั่วร้ายมาซ่อนเอาไว้ที่นี่เล่า?”
มีผู้ที่รู้จักชื่อของหงส์ผีจักรพรรดิราตรีเพียงไม่กี่คนเท่านั้น แต่ว่าผู้ที่รู้จักเจ้าสิ่งนี้พลันที่ได้ยินชื่อนี้เกรงว่าคงถูกทำให้ตกใจจนขวัญหนีดีฝ่อ เนื่องจากหงส์ผีจักรพรรดิราตรีเป็นสิ่งที่ชั่วร้ายสุดๆ มันไม่เพียงมีความแข็งแกร่งยิ่งเท่านั้น ทั้งยังมีความชั่วร้ายอย่างที่สุด พลังความมืดของมันสามารถทำให้ทุกอย่างกลายเป็นมารได้
ตามหลักการแล้ว ปราชญ์ไกลกันดารนั้นคือรัศมีแสงส่องสว่างไปทั่วหล้าอย่างเสมอภาค โปรดเหล่าเวไนยสัตว์ให้พ้นจากห้วงแห่งความทุกข์โดยทั่วกัน ไม่มีเหตุผลที่เขาจะเอาเจ้าสิ่งชั่วร้ายแบบนี้มาเก็บซ่อนอยู่ในที่ที่ลึกลับขนาดนี้
แว้งค์…เสียงหนึ่งดังขึ้น เมื่อหลี่ชิเย่สามารถบอกชื่อของมันได้ในทันที ทำให้ดวงตาทั้งสองของหงส์ผีจักรพรรดิราตรีพลันเพ่งไปข้างหน้า ในพริบตาเดียวนั่นเอง ถ้าหากมีผู้อื่นอยู่ในเหตุการณ์ด้วย จะต้องรู้สึกได้ทันทีว่า วิญญาณของตนพลันหลุดออกจากร่างไป ถูกหงส์ผีจักรพรรดิราตรีดูดเอาไป