Emperor's Domination จักรพรรดิบรรพกาล - ตอนที่ 2883 ท่านโดดเดี่ยวไหม?
ตอนที่ 2883 ท่านโดดเดี่ยวไหม?
ตกลง…กระบือสีดำขนาดใหญ่จนด้วยเกล้าสำหรับหลี่ชิเย่ที่ไม่ยอมตอบคำถาม ได้แต่ทำท่ายักไหล่
ความจริงแล้ว กระบือสีดำขนาดใหญ่ไม่ชอบในตัวของปราชญ์ไกลกันดารตลอดมา เขาคิดเสมอว่าปราชญ์ไกลกันดารคือสุภาพบรุษุจอมปลอม ไม่ได้เชื่อในรัศมีแสงส่องสว่างทั่วหล้าอย่างเสมอภาคของปราชญ์ไกลกันดารอยู่แล้ว
ด้วยเหตุนี้เอง กระบือสีดำขนาดใหญ่จึงอยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับเรื่องที่ว่าปราชญ์ไกลกันดารได้คงทางหนีทีไล่อะไรเอาไว้ภายในตำหนัก เพียงแต่เขาเองก็จนด้วยเกล้าเมื่อหลี่ชิเย่รูดซิปปากไม่ยอมพูดถึง
“แหะดีล่ะ ควรเป็นข้าที่ลงมือแล้ว” ทันใดนั้น กระบือสีดำขนาดใหญ่ได้ตื่นเต้นขึ้นมาอีก มอออส่งเสียงคำรามขึ้นมา
ในเวลานี้เอง มองเห็นกระบือสีดำขนาดใหญ่หมุนตัวแวบหนึ่ง พริบตาเดียวนั่นเองตัวของมันได้ขยายตัวใหญ่ขึ้นและยาวขึ้นอย่างไม่มีขีดจำกัด
ตัวของกระบือสีดำขนาดใหญ่ขยายตัวใหญ่ขึ้นได้รวดเร็วมากเหลือเกิน ภายในระยะเวลาอันสั้น ตัวของกระบือสีดำขนาดใหญ่กลับกลายเป็นมีขนาดที่ใหญ่มากจนสุดที่จะจินตนาการได้ กล่าวอย่างไม่เป็นการอวดอ้างเลยว่า ตัวของกระบือสีดำขนาดใหญ่ในเวลานี้เรียกว่าได้อุดท้องฟ้าจนเต็มแผ่นฟ้าไปแล้ว ขืนยังคงเป็นเช่นนี้ต่อไป เกรงว่าคงจะดันท้องฟ้าจนระเบิดไปอย่างนั้น
เวลานี้นาทีนี้ อย่าว่าแต่ตัวของกระบือสีดำขนาดใหญ่ที่ใหญ่โตมโหฬารเลย แม้แต่ขนแต่ละเส้นของมันที่ห้อยลงมาก็มีขนาดยักษ์จนไม่สามารถจินตนาการได้ ขนกระบือทุกๆ เส้นประดุขดั่งเป็นน้ำตกสวรรค์ที่ทิ้งตัวลงมาจากบนท้องฟ้า
สิ่งนี้ย่อมสามารถจินตนาการได้แล้วว่า ร่างกายของกระบือสีดำขนาดใหญ่มีขนาดใหญ่ยักษ์เช่นใดแล้ว ร่างกายของมันที่อุดจนเต็มท้องฟ้านั้นเรียกได้ว่าถึงขั้นที่ไม่สามารถวัดได้อีกแล้ว
ในเวลานี้ ขณะที่กระบือสีดำขนาดใหญ่ลืมตาทั้งสองขึ้นมา ดวงตาคู่นั้นของเขาประดุจดั่งเป็นดวงตะวันสองดวงที่ห้อยอยู่สูงเหนือท้องฟ้าขึ้นไป สามารถส่องสว่างเก้าชั้นฟ้าสิบแดนดิน
มอออ…เวลานี้กระบือสีดำขนาดใหญ่ส่งเสียงคำรามเสียงยาวเสียงหนึ่ง เสียงคำรามนั้นดังก้องทั่วฟ้าดิน เสียงคำรามเสียงหนึ่งของเขาเสมือนดั่งเป็นเสียงแรกเริ่มของฟ้าดิน คาถาที่ทิ้งตัวลงมาและทำการวิวัฒนาการสรรพสิ่งของโลก ลึกซึ้งยอดเยี่ยมอย่างยิ่ง
เสียงคำรามเสียงหนึ่งของกระบือสีดำขนาดใหญ่ในเวลานี้ ก็สามารถเบิกฟ้าเปิดดิน เสมือนหนึ่งสามารถเปิดและสร้างโลกๆ หนึ่งขึ้นมา ช่างเป็นเรื่องที่สร้างความหวั่นไหวต่อจิตใจขนาดไหน
ตูม ตูม ตูม….ในเวลานี้เอง เสียงดังตูมตามที่หนักอึ้งดังขึ้นมาเป็นระลอกไม่ขาดสาย มองเห็นท้องฟ้าที่กว้างใหญ่ไพศาลปรากฎประกายที่ยิ่งใหญ่ไพศาลขึ้นมา เหมือนมีท้องฟ้ากว้างใหญ่ไพศาลที่คราคร่ำไปด้วยดวงดาวจะถือกำเนิดขึ้นตรงนั้นอย่างนั้น
ขณะที่เสียงตูม ตูม ตูมที่ดังตูมตามไม่ขาดสายนั้น ในขณะเดียวกันนี้ปรากฎมีกฎเกณฑ์แต่ละสายที่พวยพุ่งขึ้นมา ทุกๆ กฎเกณฑ์ล้วนแล้วแต่มีความดึกดำบรรพ์อย่างยิ่ง ล้วนแล้วแต่มีความเก่าแก่โบราณยิ่ง เหมือนว่ามันมาจากยุคสมัยที่ยาวนานมาก เหมือนว่ามันกับแดนสามเซียนจะมีต้นกำเนิดเดียวกัน
สุดท้าย ท่ามกลางเสียงดังตูมตามดังตูม ตูม ตูมนี้เอง ปรากฏเป็นท้องทะเลที่กว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตา มันเป็นทะเลสัจธรรมผืนหนึ่ง กฎเกณฑ์ และอักขระยันต์ที่ไม่มีสิ้นสุดล้วนแล้วแต่ล่องลอยอยู่ตรงนั้น
สุดท้าย ได้ยินเสียงตูมดังสนั่นหวั่นไหว เหมือนดั่งก้อนหินเพียงก้อนเดียวก่อเกิดเป็นคลื่นยักษ์ขึ้นมาอย่างนั้น สัจธรรมจำนวนนับไม่ถ้วนพลันก่อเกิดคลื่นยักษ์ที่โหมสาดซัด ท่ามกลางคลื่นยักษ์ที่โหมสาดซัดมีภูเขาศักดิ์สิทธิ์ลูกหนึ่งโผล่ขึ้นมาช้าๆ โดยที่ภูเขาศักดิ์สิทธิ์ลูกนี้ตั้งตระหง่านอยู่ท่ามกลางคลื่นยักษ์ที่โหมสาดซัดไม่หวั่นไหว เสมือนว่ามันสามารถสยบคลื่นทะเลได้อย่างนั้น
หลังจากที่ภูเขาศักดิ์สิทธิ์ลูกนี้ลอยขึ้นมาอยู่ตรงนั้นแล้ว เหมือนว่ามันได้กลายเป็นผู้บงการของทะเลที่กว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตาแห่งนี้ กลายเป็นศูนย์กลางของท้องทะเลอันกว้างใหญ่นี้ จากการที่มันลอยขึ้นมาอย่างช้าๆ นั้น ทะเลสัจธรรมที่กว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตาได้ค่อยๆ สงบลง และคลื่นที่โหมสาดซัดก็ได้หายไป
หลังจากที่ภูเขาศักดิ์สิทธิ์ลูกนี้ลอยขึ้นมาอย่างแท้จริงแล้ว ผู้คนจึงสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนว่า นี่ไม่ใช่ภูเขาที่ประกอบด้วยดินและหิน แต่เป็นภูเขาที่สร้างขึ้นโดยอักขระยันต์สัจธรรม โดยภูเขาทั้งลูกมองไปแล้วคือได้ซ่อนความลึกซึ้งยอดเยี่ยมที่ไม่มีสิ้นสุดเอาไว้
อย่างไรก็ตาม ด้วยภูเขาลักษณะเช่นนี้ลูกหนึ่งนี่แหละ เหมือนว่ามันสามารถสยบทุกสิ่งทุกอย่างได้ และมันมีน้ำหนักที่ไม่สามารถประเมินได้
มอออ…นาทีนี้เอง กระบือสีดำขนาดใหญ่ได้คำรามเสียงยาวขึ้น และอ้าปากกลืนกินภูเขาลูกนี้เข้าไป เพียงชั่วพริบตาเดียวเท่านั้น ภูเขาลูกนี้ก็ถูกเขากลืนลงท้องไป
หลี่ชิเย่เพียงมองดูภาพนี้เงียบๆ โดยไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆ ไม่ได้ไปขัดขวางการกระทำของกระบือสีดำขนาดใหญ่
สุดท้าย ตัวของกระบือสีดำขนาดใหญ่ก็ค่อยๆ หดตัวลงช้าๆ และเริ่มเปลี่ยนแปลงกลับคืนสู่สภาพดังเดิม ภายในระยะเวลาอันสั้น ร่างที่มีขนาดใหญ่โตได้หายไป และกระบือสีดำขนาดใหญ่ก็คืนสู่สภาพดังเดิม ยังคงเป็นกระบือเทพที่แข็งแรงและทรงพลังอย่างยิ่งตัวหนึ่ง
“ฮ่า ฮ่า ฮ่าจากนี้เป็นต้นไป ภูเขาศักดิ์สิทธิ์ก็เป็นของข้าแล้ว ในที่สุดข้าก็สามารถลากมันไปได้แล้ว” ในเวลานี้กระบือสีดำขนาดใหญ่ถึงกับหัวเราะเสียงดังด้วยความลำพองใจ
“อย่างนั้นรึ? ” หลี่ชิเย่หัวเราะและเหลือบมองกระบือสีดำขนาดใหญ่แวบหนึ่ง และกล่าวว่า “ต่อให้เจ้าได้ตราประทับสลักนี้มาได้แล้วจะทำอะไรได้? หรือว่าเจ้าสามารถเคลื่อนย้ายภูเขาศักดิ์สิทธิ์นี้ไปได้อย่างนั้นรึ? เจ้าคิดว่าปีศาจต้นไม้เฒ่าจะยอมให้เจ้าลากเอาภูเขาศักดิ์สิทธิ์ไปอย่างนั้นรึ? ”
เรื่องนี้…กระบือสีดำขนาดใหญ่ถึงกับตะลึงนิดหนึ่ง เหมือนว่าก่อนหน้านี้เขาไม่เคยนึกถึงปัญหาข้อนี้มาก่อน
“บัดซบ หากปีศาจต้นไม้เฒ่าไม่ยอมให้ข้าลากเอาไป กระบือสุดหล่ออย่างข้าก็จะสู้ตายกับเขา” กระบือสีดำขนาดใหญ่อดที่จะสบถออกมาไม่ได้
หลี่ชิเย่ยิ้มนิดหนึ่ง กล่าวเอ้อระเหยขึ้นว่า “ตามความเห็น่ของข้า เจ้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา เว้นเสียแต่เจ้าจะทำลายพันธนาการของตนเองได้ มิฉะนั้น เจ้าก็คือกระบือสีดำขนาดใหญ่ตัวหนึ่ง มีเพียงเท่านี้แหละ”
คำพูดของหลี่ชิเย่พลันทำให้กระบือสีดำขนาดใหญ่ถึงกับห่อเหี่ยว เขาก้มหัวลงสบถออกมาแบบมีลมหายใจแต่ไร้เรี่ยวแรงว่า “แม่งเอ๊ย ล้วนแล้วแต่เป็นเพราะเจ้าบัดซบปราชญ์ไกลกันดารคนนี้ ถ้าหากเขายังคงมีชีวิตอยู่ กระบือสุดหล่ออย่างข้าจะไม่ปล่อยเขาอย่างเด็ดขาด! ”
“ทำไมเจ้าจะต้องไปยึดติดกับมันเล่า” หลี่ชิเย่มองดูกระบือสีดำขนาดใหญ่ และกล่าวขึ้นช้าๆ ว่า “ฟ้าสูงพื้นดินกว้างไกลสุดแต่เจ้าจะโบยบิน สิ่งที่เจ้ายึดติดมันก็แค่สิ่งที่คับแคบไม่คู่ควรจะกล่าวถึงเท่านั้นเอง ยิ่งเจ้ายึดติดมากเท่าไร มันก็ยิ่งจะกลายเป็นใจมารของเจ้ามากขึ้น”
กระบือสีดำขนาดใหญ่ถึงกับนิ่งเงียบพักหนึ่ง หลังจากผ่านไปชั่วครู่ เขาได้เงยศีรษะขึ้นมา มองดูหลี่ชิเย่และกล่าวท่าทีจริงจังว่า “เช่นนั้นแล้ว ขออภัยที่ข้าล่วงเกิน ที่ท่านปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ยึดติดคืออะไรเล่า? ”
หลี่ชิเย่ยิ้มนิดหนึ่ง และมองไปยังที่ที่ห่างไกล ไม่ได้ตอบคำถามของกระบือสีดำขนาดใหญ่
ยากนักที่กระบือสีดำขนาดใหญ่จะมีความจริงจังกับเขาบ้าง และกล่าวว่า “ท่านปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่พูดไม่ผิด เป็นความจริงที่ข้ากระบือสุดหล่อยึดติดแต่เปลือกนอก ยึดติดอยู่กับสิ่งที่คับแคบไม่คู่ควรจะกล่าวถึง แต่ว่า แม้ฟ้าดินกว้างไกลมากกว่านี้ก็ไม่เท่าสิ่งที่คับแคบไม่คู่ควรจะกล่าวถึงของข้า เมื่อพวกเราแข็งแกร่งจนถึงระดับหนึ่งแล้ว ถ้าหากภายในใจไม่มีสิ่งยึดติดแบบนั้น ภายในใจก็จะไร้สิ่งพึ่งพิง เช่นนั้นแล้วพวกเราจะกลายเป็นอะไร? ”
“เมื่อไม่มีการอาลัยอาวรณ์ของบ้านเกิดเมืองนอนแล้ว โลกนี้ยังจะมีความหมายอีกรึ? ” กระบือสีดำขนาดใหญ่ถึงกับเอ่ยถามหลี่ชิเย่
“บ้านเกิดเมืองนอนนะเนี่ย” หลี่ชิเย่ถึงกับทอดถอนใจออกมา ยิ้มนิดหนึ่งและกล่าวว่า “ที่ที่กลับไปไม่ได้นั่นแหละที่เรียกว่าบ้านเกิดเมืองนอน! ”
“บางทีอาจจะใช่ แต่ อย่างน้อยภายในใจของพวกเราก็ต้องมีสิ่งพึ่งพาอาศัย” กระบือสีดำขนาดใหญ่กล่าวท่าทีจริงจังว่า “ข้ารู้ว่าไม่มีสิ่งใดที่ท่านปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ทำไม่ได้ สามารถก้าวข้ามอดีตปัจจุบัน แต่ ข้าเชื่อว่าในใจของท่านปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ก็คิดถึงเรื่องบ้านเกิดเมืองนอนนั่นเช่นกัน ถ้าหากโลกนี้ไม่มีสิ่งที่ท่านปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่คิดถึง หรือสิ่งที่พึ่งพาอาศัย ข้าเชื่อว่าโลกนี้กล่าวสำหรับท่านปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่แล้ว นับเป็นอะไรได้? ”
“สรรพสิ่งดั่งสิ่งที่ไร้ค่า เป็นเพียงฝุ่นผงเท่านั้นเอง” หลี่ชิเย่หัวเราะ
“นี่แหละคือเหตุผลว่าพวกเราทำไมจะต้องยึดติด” กระบือสีดำขนาดใหญ่จริงจังมาก หนักแน่น และกล่าวว่า “ข้าเชื่อว่าเมื่อท่านปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ไม่มีสิ่งที่ต้องพึ่งพาอาศัยแล้ว หากท่านต้องการทำลายล้างโลกใบนี้มันจะไปยากอะไร? ความเป็นความตายของทุกสิ่งบนโลกนี้ยังจะคู่ควรให้ท่านปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ต้องไปใส่ใจอย่างนั้นรึ? ไม่อย่างนั้น ท่านปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ก็คงไม่ทำลายสิ่งที่ปราชญ์ไกลกันดารได้ทิ้งเอาไว้! ดังนั้น ท่านปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ก็มีสิ่งพึ่งพาอาศัยอยู่ในใจเช่นกัน ภายในใจก็ต้องมีสิ่งที่ยึดติด”
“คำพูดของเจ้าพูดได้ไม่เลวนัก” หลี่ชิเย่พยักหน้าเบาๆ หัวเราะและกล่าวว่า “ไท่ซ่างเหล่าจวินไร้ความเมตตา เซียนยิ่งไร้ความเมตตา สิ่งนี้หาใช่เซียนไร้ความเมตตา เนื่องจากไม่มีสิ่งใดบนโลกให้พวกเขาต้องไปห่วงใยอีกแล้ว เมื่อยืนอยู่ในระดับที่สูงเพียงพอแล้ว ภายในใจไร้สิ่งที่ต้องพึ่งพิง เหล่าเวไนยสัตว์เป็นเพียงฝุ่นผงเท่านั้นเอง”
“ข้ารู้สึกว่ามีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีมาก” กระบือสีดำขนาดใหญ่หัวเราะแหะแหะ และกล่าวว่า “แม้ว่าพื้นที่หนึ่งหมู่สามเฟินจะเล็กไปนิดหนึ่ง แต่ว่า ใยข้าจำต้องการท้องฟ้าที่สูงและกว้างไกลนั่นเล่า ข้าไม่เคยคิดที่จะบินออกนอกท้องฟ้าแห่งนี้ ที่ตรงนี้ก็คือบ้านของข้า บ้านที่ข้าเกิด ดังนั้น ไม่ว่าข้าจะไปถึงไหนท้ายที่สุดแล้วที่ตรงนี้ก็คือบ้านของข้า”
บ้าน…หลี่ชิเย่ถึงกับทอดถอนใจเบาๆ สำหรับคำพูดเช่นนี้ของกระบือสีดำขนาดใหญ่ว่า “เป็นความจริงที่ว่า บ้านนั้นงดงามมาก งดงามมาก ไม่ว่าผู้ใดก็ตามก็ต้องการมีที่ที่ได้พักพิง”
กล่าวพลาง หลี่ชิเย่หัวเราะและตาทั้งสองจ้องมองไปยังที่ที่ห่างไกลมาก และสายตากลับกลายเป็นลึกล้ำยิ่งนัก เหมือนว่าได้ล้ำหน้าอดีตปัจจุบัน ทะลุผ่านกาลเวลาที่ห่างไกล
“ดังนั้น จึงกล่าวได้ว่า “ภูเขาศักดิ์สิทธิ์นี้ก็คือสิ่งยึดติดของข้า และเป็นบ้านของข้า” กระบือสีดำขนาดใหญ่หัวเราะขึ้นมา ดูจะมีความลำพองใจหลายส่วน “แหะแม้ว่าไม่มีคนในครอบครัว แต่ว่า ชั่วดีอย่างไรก็มีเพื่อนบ้านอย่างปีศาจต้นไม้เฒ่า แต่ว่า แหะ แหะต่อไปเรื่องของภูเขาศักดิ์สิทธิ์มีข้ากระบือสุดหล่อพูดแล้วคนอื่นต้องทำตามนั้น แหะปีศาจต้นไม้เฒ่าก็ต้องดูสีหน้าของข้าฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า…”
หลี่ชิเย่เห็นท่าทางของกระบือสีดำขนาดใหญ่แล้วก็อดที่จะยิ้มๆ เมื่อเขามีสิ่งที่มุ่งหวัง มันเป็นเรื่องที่มีความสุขอย่างหนึ่ง
“ท่านปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่เคยคิดที่จะมีที่พัก และหรือต้องเป็นคนแบบไหนถึงจะนับเป็นครอบครัวของท่าน สถานที่แบบไหนถึงจะเป็นบ้านของท่านปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่” หลังจากผ่านไปครู่ใหญ่ กระบือสีดำขนาดใหญ่ได้เก็บงำอุดมการณ์ของตน และยากนักที่จะเอ่ยถามหลี่ชิเย่ด้วยท่าทีจริงจัง
หลี่ชิเย่มองดูกระบือสีดำขนาดใหญ่แวบหนึ่ง ขณะที่กระบือสีดำขนาดใหญ่จ้องมองหลี่ชิเย่อย่างจริงใจ
ในเวลานี้ หลี่ชิเย่ถึงกับมองไปยังที่ที่ห่างไกล หลังจากผ่านไปนานมาก หลี่ชิเย่จึงได้เอ่ยขึ้นช้าๆ ว่า “ที่ที่ใจอยู่ก็คือบ้าน ผู้ที่วาสนากำหนดก็คือคนในครอบครัว”
กระบือสีดำขนาดใหญ่ถึงกับตะลึงเมื่อได้ยินคำพูดนี้ สุดท้ายชมเปาะด้วยความตื่นตะลึงว่า “ระดับสูงเช่นนี้ กระบือสุดหล่ออย่างข้ายังทำไม่ได้ เฮ่อดังนั้นท่านคือท่านปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ ส่วนข้าคือกระบือธรรมดาๆ ตัวหนึ่ง”
หลี่ชิเย่หัวเราะทีหนึ่ง และหันหลังเดินจากไป
กระบือสีดำขนาดใหญ่มองดูเงาหลังของหลี่ชิเย่ มองดูหลี่ชิเย่ที่เดินไปข้างหน้าช้าๆ หลังจากผานไปครู่หนึ่ง เขาถึงกับกล่าวเสียงดังขึ้นมาว่า “ท่านต้องโดดเดี่ยวมากแน่เลย…”
หลี่ชิเย่ได้ยินคำพูดของกระบือสีดำขนาดใหญ่ หยุดเดินโดยไม่ได้พูดอะไร
ในเวลานี้ ดวงตาทั้งสองของหลี่ชิเย่พลันดูน่าเกรงขาม และมองไปยังที่ที่ห่างไกลทันที
ตูม ตูม ตูม…เสียงดังตูมตามดังขึ้นมาเป็นระลอกจากทิศทางที่ห่างไกล เห็นประกายที่พุ่งขึ้นอย่างรุนแรง
เกิดเรื่องแล้ว…นัยน์ตาทั้งสองดูน่าเกรงขาม พลันเหินฟ้าไปในพริบตา
กระบือสีดำขนาดใหญ่ก็มองไปยังที่ที่มีประกายพุ่งขึ้นอย่างรุนแรง ถึงกับส่ายหน้าและกล่าวว่า “พวกไม่มีสมองหาเรื่องตายเองโดยแท้ แหะท่านปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่อารมณ์ไม่ดี เห็นทีคงมีการเข่นฆ่าครั้งใหญ่ เลือดไหลนองเป็นธารแล้ว”
…………………………………………………………………………..