Emperor's Domination จักรพรรดิบรรพกาล - ตอนที่ 2919 ทะเลปุ๊ตู้ไห่
ตอนที่ 2919 ทะเลปุ๊ตู้ไห่
การมาด้วยตนเองของพระอาจารย์จินกวง ทำให้อานุภาพปฐมบรรพบุรุษที่ไม่มีใครเกินของเขาได้ปกคลุมไปทั่วทั้งผืนแผ่นดินที่ห่างไกลและกันดารทั้งหมด แม้ว่าผืนแผ่นดินที่ห่างไกลและกันดารจะอยู่ห่างจากทะเลปุ๊ตู้ไห่ถึงหนึ่งหมื่นล้านล้านล้านล้านลี้ แต่ทว่า อานุภาพปฐมบรรพบุรุษสูงสุดไม่มีใครเกิน อาณาประราษฎร์ใดๆ ล้วนแล้วแต่ต้องสั่นเทาภายใต้อานุภาพปฐมบรรพบุรุษ
ในชั่วพริบตาเดียวนี้เอง พระอาจารย์จินกวงก็คือผู้บงการของโลกนี้ บรรดาเหล่าอาณาประชาราษฎร์เป็นได้เพียงมดปลวกเท่านั้นเอง เสมือนหนึ่งเป็นฝุ่นผงที่สามารถถูกเช็ดออกไปเพียงเบาๆ
แม้แต่ราชันแท้จริงที่มองจากระยะห่างไกลก็อดที่จะกลั้นลมหายใจเอาไว้ไม่ได้ มองดูทะเลแสงทองนั้นอย่างเงียบๆ
นาทีนี้เหมือนว่าเวลาได้หยุดลงอย่างนั้น พันปีหมื่นปีเสมือนดั่งชั่วครู่เดียว ชั่วครู่เดียวเหมือนหนึ่งพันปีหมื่นปี ทุกคนต่างรู้สึกว่าโลกทั้งโลกถูกหยุดไว้ที่นาทีนี้
ไม่มีใครรู้ว่าพระอาจารย์จินกวงไปทำอะไรที่ริมทะเลปุ๊ตู้ไห่ สิ่งเดียวที่ทุกคนรับรู้ก็คือพระอาจารย์จินกวงมาที่เแนวชายฝั่งทะเลด้วยตนเอง เพียงเท่านี้จริงๆ
ต่อให้พวกที่มีฐานะสูงส่งปราศจาผู้ใดเทียมที่มีกำลังความสามารถแอบส่องได้ ก็ไม่กล้าแอบส่องตรงๆ จะอย่างไรเสียพระอาจารย์จินกวงได้กั้นขวางกันสายตาของทุกคนเอาไว้ด้านนอกทะเลแสงสีทอง ไม่ต้องการให้ใครมาแอบส่องและมองเห็น
แน่นอนที่สุด ทะเลแสงทองตลบอบอวลทั่วฟ้าดิน ปกคลุมทั่วพื้นที่และเอ่อล้นในพริบตาเดียว หลี่ชิเย่ที่ก้าวเดินบนเทียนเชี่ยนก็มองเห็นแล้ว
หลี่ชิเย่แค่มองดูแวบหนึ่งจากระยะห่างไกลกับประกายสีทองที่ดูเอ่อล้นทั่วทุกพื้นที่ ยิ้มๆ และไม่ได้ให้ความสนใจอะไรมากนัก ทำการสำรวจเทียนเชี่ยนต่อไป
พระอาจารย์จินกวงรั้งอยู่ที่แนวชายฝั่งทะเลปุ๊ตู้ไห่เป็นเวลานานมาก ทุกคนต่างไม่รู้ว่าเขากำลังทำอะไรอยู่ เพียงแต่ขณะอานุภาพปฐมบรรพบุรุษของพระอาจารย์จินกวงสยบเหล่าชั้นฟ้านั้น อาณาประชาราษฎร์ทั้งหมด ยอดฝีมือทั้งหมดล้วนแล้วแต่ตัวสั่นงันงกทั้งสิ้น
หลังจากเวลาผ่านไปนานมาก พระอาจารย์จินกวงก็ได้จากไปในที่สุด ขณะที่เขาจากไปนั้นเป็นการหายตัวไปในพริบตาเดียว และแสงสีทองที่เอ่อล้นเต็มพื้นที่ก็อันตรธานหายไปอย่างไร้ร่องรอยในพริบตาเดียว
สายลมยังคงพัดโชยอยู่ เสียงแมลงและนกยังคงร้องขับขานเหมือนเดิม เหมือนว่าไม่เคยมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นเลยอย่างนั้น ทุกสิ่งทุกอย่างเมื่อครู่เป็นเพียงความฝันเท่านั้น
หลังจากผ่านไปชั่วครู่ใหญ่ เมื่อทุกคนได้สติกลับมาแล้ว ในเวลานี้ผู้คนจำนวนไม่น้อยต่างมองหน้ากันและกัน ทุกคนต่างไม่รู้ว่าพระอาจารย์จินกวงจากไปเช่นใด กระทั่งกล่าวได้ว่าขณะที่ทุกคนยังไม่ทันรู้สึกตัวพระอาจารย์จินกวงก็ได้ไปจากแล้ว
ในเวลานี้ ทุกคนต่างรู้สึกว่ามันช่างเหมือนความฝัน เสมือนดั่งฝันไปอย่างนั้น
แต่ว่า ทุกคนล้วนแล้วแต่รู้ว่าพระอาจารย์จินกวงได้มาแล้วและไปแล้ว เสียดาย ทุกคนล้วนแล้วแต่ไม่เคยได้เห็นหน้าของเขาสักครั้ง ไม่มีโอกาสได้เห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของเขา อย่างดีที่สุดก็แค่ได้เห็นร่างเงาของเขาเท่านั้นเอง
ไม่มีใครรู้ว่าพระอาจารย์จินกวงมาจากไหนแล้วจะไปที่ใด มาไร้เงาไปไร้ร่องรอย อภินิหารของปฐมบรรพบุรุนับว่าสร้างความตระหนกระคนตกใจอย่างยิ่ง
“บางที จะเกิดเรื่องใหญ่แล้ว” หลังจากที่พระอาจารย์จินกวงจากไปแล้ว มีผู้ที่เอ่ยขึ้นเบาๆ และดวงตาแต่ละคู่บนท้องฟ้าที่ค่อยๆ ล่าถอยออกไป
ทุกคนต่างก็รู้ว่าการปรากฏตัวที่แนวชายฝั่งทะเลปุ๊ตู้ไห่ของพระอาจารย์จินกวงไม่ใช่เรื่องบังเอิญอย่างแน่นอน ส่วนจะเป็นเพราะอะไรนั้นไม่มีใครทราบ
แต่ว่า กล่าวสำหรับบรรดาเทพแท้จริงขั้นอมตะชั้นคงความอมตะตลอดกาล และราชันแท้จริงปราศจากผู้ต่อกรแล้ว ภายในใจของพวกเขาตระหนักถึงลางๆ เกรงว่าจะต้องมีเรื่องใหญ่เกิดขึ้น และอาจมีสาเหตุมาจากทะเลปุ๊ตู้ไห่ มิฉะนั้นล่ะก็ เป็นไปไม่ได้ที่พระอาจารย์จินกวงจะไปที่ทะเลปุ๊ตู้ไห่ด้วยตนเองโดยไร้เหตุผล
ยิ่งไปกว่านั้น ก่อนหน้านี้ไม่นานเคยมีสิ่งของขนาดใหญ่บินออกมาจากริมทะเลปุ๊ตู้ไห่
ขณะที่หลังจากที่พระอาจารย์จินกวงมาที่ริมทะเลปุ๊ตู้ไห่ด้วยตนเองได้ไม่นาน ปรากฎข่าวแพร่ออกมาจากด่านเทียนสงกวาน โดยไท่อิ๋นสี่ผู้เฝ้ารักษาด่านเทียนสงกวานได้เชิญผู้กล้าทั่วหล้าเข้าร่วมงานเลี้ยงยิ่งใหญ่ของเขา
การที่ไท่อิ๋นสี่ผู้เฝ้ารักษาด่านเทียนสงกวานเชื้อเชิญผู้กล้าทั่วหล้าโดยไม่ได้แจ้งว่าเป็นเรื่องอะไร เพียงพูดกำกวมว่ามาร่วมงานเลี้ยงยิ่งใหญ่เท่านั้นเอง พลันทำให้ผู้คนจำนวนมากคาดเดากับสิ่งนี้
จะอย่างไรเสียก่อนหน้านี้ไม่นาน มีวัตถุขนาดใหญ่โตมโหฬารบินออกมาจากริมทะเลปุ๊ตู้ไห่และโฉบผ่านด่านเทียนสงกวานไป สร้างความแตกตื่นไปทั่วแดนลัทธิเซียน ทุกคนล้วนแล้วแต่ถูกทำให้หวั่นไหว
อย่างไรก็ตาม ไท่อิ๋นสี่ในฐานะนายด่านของด่านเทียนสงกวานจัดงานเลี้ยงบรรดาผู้กล้าทั่วหล้า ต้องไม่ใช่เป็นเรื่องบังเอิญอย่างเด็ดขาด
ยิ่งไปกว่านั้น ผู้ที่เป็นแขกรับเชิญของไท่อิ๋นสี่นั้นล้วนแล้วแต่เป็นประเภทยากจะหาผู้ใดเทียมในหล้าทั้งสิ้น ล้วนแล้วแต่เป็นราชันแท้จริง และหรือคงความเป็นอมตะตลอดกาลในยุคปัจจุบัน ยอดฝีมือโดยทั่วไปไม่ได้รับการเชื้อเชิญจากไท่อิ๋นสี่ด้วยซ้ำ
ลองจินตนาการดู นี่มันคืองานเลี้ยงที่ยากจะหาใดเทียมในหล้าแน่นอน ผู้ที่มาร่วมงานล้วนแล้วแต่เป็นระดับราชันแท้จริง คงความอมตะตลอดกาล ดังนั้น เมื่อข่าวเช่นนี้ถูกแพร่ออกไปแล้ว จึงสร้างความกระเพื่อมขึ้นไม่เบาทีเดียว
“จะเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นจริง ๆ หรือ? ” มีผู้คนอดที่จะกังวลไม่ได้เมื่อข่าวเช่นนี้ถูกแพร่ออกมา
จะอย่างไรเสีย มีวัตถุขนาดใหญ่โตบินออกมาจากทะเลปุ๊ตู้ไห่ก่อน ตามติดด้วยการมาของพระอาจารย์จินกวง เวลานี้ไท่อิ๋นสี่ก็ได้เชื้อเชิญผู้กล้าจากทั่วหล้า
สมควรทราบว่า ไท่อิ๋นสี่นั้นเป็นผู้ที่มีฐานะและตำแหน่งสูงส่ง กระทั่งกล่าวโดยไม่เป็นการคุยโตโอ้อวดแม้แต่น้อยว่า ฐานะในแดนลัทธิเซียนของเขานั้นไม่ได้ด้อยไปกว่าระดับปฐมบรรพบุรุษเลย และโดยปรกติแล้วเขาก็จะไม่มีการเชื้อเชิญผู้กล้าทั่วหล้าอยู่แล้ว แต่ มาวันนี้เขาส่งเทียบเชิญออกไป ย่อมจะต้องมีเรื่องที่สะเทือนเลื่อนลั่นอย่างแน่นอน
“หวังว่าทุกสิ่งทุกอย่างล้วนสบายดีกระมัง” มีผู้ที่อดจะอธิฐานขึ้นภายในใจ
สำหรับยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนที่มองโลกในแง่บวก พวกเขายิ่งมีความไว้วางใจมากยิ่งขึ้น พวกเขาถึงกับหัวเราะและกล่าวว่า “จะไปกลัวอะไร ยังไม่ต้องพูดถึงบรรดาปราศจากผู้ต่อกรที่อยู่อย่างสันโดษ ตัดขาดจากโลกภายนอก ราชันแท้จริงในยุคปัจจุบันก็มีอยู่ไม่น้อย ยังมีพระอาจารย์จินกวง ปราชญ์อัจฉริยะหลันซูที่เป็นระดับปฐมบรรพบุรุษเช่นนี้ ยิ่งไปกว่านั้นเทียนเชี่ยนก็ยังคงอยู่ มีด่านเทียนสงกวานเฝ้ารักษาอยู่ ยังจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นมาได้เล่า? ”
คำพูดที่พูดออกมาโดยมองโลกในแง่ดีก็ใช่จะไม่มีเหตุผล ถ้าหากว่าแม้แต่ด่านเทียนสงกวานก็รักษาเอาไว้ไม่ได้ เทียนเชี่ยนพังทลายลง เช่นนั้นแล้ว ยังจะมีใครในแดนลัทธิเซียนสามารถต้านเอาไว้ได้ พวกเขากังวลไปก็ไม่สามารถแก้ไขอะไรได้
ในที่สุด หลี่ชิเย่ก็ได้สำรวจเทียนเชี่ยนเสร็จสิ้นลงแล้ว มีความเข้าใจในภาพรวมทั้งหมดของเทียนเชียนเป็นอย่างดี ขณะที่ใต้หล้ากำลังเดือดพล่าน
สุดท้าย หลี่ชิเย่ส่ายหน้าเบาๆ และกล่าวว่า “อย่างไรเสียก็มีความเก่าแก่ผุพังอยู่บ้าง หากเป็นเพียงกองทัพใหญ่ยังคงต้านเอาไว้ได้ แต่ จะต้องซ่อมแซมช่องโหว่ให้เรียบร้อย มิฉะนั้นล่ะก็ ต่อให้เป็นเทียนเชี่ยนก็ไร้ประโยชน์ หากลงมือโดยผู้ยิ่งใหญ่ เกรงว่าเทียนเชี่ยนก็ต้านไม่อยู่เช่นกัน”
ครั้นหลี่ชิเย่พูดมาถึงตรงนี้ได้มองไกลไปที่ทะเลปุ๊ตู้ไห่ด้วยสายตาที่ลึกล้ำยิ่ง สายตาของเขาเสมือนหนึ่งได้ก้าวข้ามทะเลปุ๊ตู้ไห่ไป และเอ่ยขึ้นช้าๆ ว่า “ไม่รู้ว่าพวกตาเฒ่าเหล่านี้สามารถต้านเอาไว้ได้หรือไม่ จะว่าไปก็เป็นเรื่องแปลก เดิมสิ่งเหล่านี้ไม่ควรปรากฏขึ้นที่โลกใบนี้ เพราะอะไรกลับปรากฏขึ้นที่โลกใบนี้ได้ บรรดาตาเฒ่าเหล่านี้ได้ทำอะไรลงไปกันแน่นะ”
หลี่ชิเย่เพียงพูดกับตัวเองเท่านั้นเอง แน่นอน ต่อให้มีบุคคลที่สามอยู่ในเหตุการณ์ ก็ฟังไม่เข้าใจกับคำพูดที่ลึกซึ้งเช่นนี้ของเขาได้
“ภัยพิบัติกำลังจะมาแล้ว” หลังจากผ่านไปนานมาแล้ว หลี่ชิเย่ละสายตากลับมาและกล่าวขึ้นช้าๆ ว่า “ทั้งยังเป็นภัยพิบัติใหญ่อีกด้วย หากไม่ทันระวังก็คือไม่ได้ผุดได้เกิดอีกเลย บรรดาตาเฒ่าหากต้านเอาไว้ไม่อยู่ แดนสามเซียนยากจะหนีเคราะห์กรรมไปได้แน่นอน ดีไม่ดี อาจหายวับไปกับตาในพริบตา”
“แดนสามเซียนได้หนีภัยพิบัติมาได้เป็นหมื่นชาติแล้ว บางที ชาตินี้อาจจะไปก่อนเก้าแดน” หลี่ชิเย่พูดขึ้นมาเบาๆ ว่า “สรรพสิ่งบนโลกล้วนมีการเปลี่ยนแปลงไม่คงอยู่ เรื่องบางเรื่องแม้จะหลีกหนีอย่างไรก็หนีไม่พ้น”
เมื่อเขาเอ่ยมาถึงตรงนี้แล้ว เพ่งสายตาที่เยือกเย็นน่าเกรงขามไปข้างหน้า และกล่าวว่า “ในเมื่อหนีไม่พ้นก็สมควรไปเผชิญหน้ากับมันตรงๆ มิฉะนั้นแล้วก็จะแก้ไขไม่ได้ตลอดกาล”
หลี่ชิเย่ยืนอยู่บนเทียนเชี่ยน หลังจากเวลาผานไปนานมาก ท้ายสุดได้หันหลังกลับไปมองดูผืนแผ่นดินที่ห่างไกลและกันดารด้านหลังเทียนเชี่ยนอีกที และกล่าวว่า “ภัยพิบัติกำเนิดจากทะเลปุ๊ตู้ไห่ กำลังจะมาแล้ว! ใช้เวลาอีกไม่นาน”
สุดท้าย หลี่ชิเย่ได้มองไปยังทะเลปุ๊ตู้ไห่ที่อยู่ห่างไกล เหินฟ้าก้าวไปพลันก้าวข้ามฟ้าดินไปยังทะเลปุ๊ตู้ไห่
หากจะกล่าวว่า หลี่ชิเย่ขณะอยู่บนเทียนเชี่ยนคือการก้าวไปทีละก้าวๆ อย่างไรก็ตาม ในเวลานี้หลี่ชิเย่ก้าวเท้าก้าวเดียวคือก้าวข้ามช่องว่างนับล้านล้านช่อง เพียงพริบตาเดียวตัวเขาก็ยืนอยู่บนริมฝั่งทะเลปุ๊ตู้ไห่แล้ว
ในเวลานี้ หลี่ชิเย่ได้ยืนอยู่บนโขดหินก่อนหนึ่งริมทะเลแล้ว เขาเบิ่งตามองไป ทะเลปุ๊ตู้ไห่อยู่ตรงหน้านี้เอง
นับแต่อดีตกาลเป็นต้นมา ทะเลปุ๊ตู้ไห่ดำรงอยู่ในฐานะเสมือนดั่งความเป็นปริศนาอย่างนั้น ไม่มีผู้ใดรู้ว่ามีสิ่งใดอยู่ภายในทะเลปุ๊ตู้ไห่ ไม่มีผู้ใดรู้ว่าอีกฟากฝั่งของทะเลปุ๊ตู้ไห่มีสิ่งใด และไม่มีผู้ใดรู้ว่าทะเลปุ๊ตู้ไห่มีขนาดใหญ่เช่นใด
ขอเพียงยืนอยู่ชายทะเลของทะเลปุ๊ตู้ไห่ก็สามารถรู้สึกได้ว่า ทะเลปุ๊ตู้ไห่มีขนาดใหญ่มากเหลือเกิน เมื่อหันศีรษะกลับไปมองแดนลัทธิเซียนก็จะรู้สึกว่า แค่มุมเล็กๆ มุมหนึ่งก็สามารถท่วมแดนลัทธิเซียนจนจมมิดได้
ไม่ว่าจะดำรงอยู่ในฐานะที่แข็งแกร่งเพียงใด ต่อให้เป็นถึงระดับปฐมบรรพบุรุษแล้ว เมื่อเปิดเนตรฟ้าขึ้นมาและมองไปยังทะเลปุ๊ตู้ไห่ สายตาของเจ้าก็ไม่สามารถทะลุข้ามทะเลปุ๊ตู้ไห่ไปได้
ไม่ว่าสายตาของเจ้าสามารถมองไกลไปได้เพียงใด สามารถมองทะลุผ่านช่องว่างจำนวนเท่าใด แต่ว่า ทะเลปุ๊ตู้ไห่ที่อยู่ตรงหน้าก็คือสุดลูกหูลูกตา ยิ่งบริเวณที่ลึกลงไปในทะเลปุ๊ตู้ไห่ยังมีคลื่นยักษ์ที่สูงเทียมฟ้า ไม่สามารถเก็บภาพของทะเลปุ๊ตู้ไห่ทั้งหมดเอาไว้ได้อยู่แล้ว แม้แต่มุมๆ หนึ่งของทะเลปุ๊ตู้ไห่ก็ไม่สามารถมองเห็นได้ทั้งหมด
กระทั่งมีผู้กล่าวว่า “ต่อให้เอาพื้นที่ของแดนสามเซียนทั้งหมดมารวมเข้าด้วยกัน ก็ยังมีขนาดใหญ่ไม่เท่ามุมๆ หนึ่งของทะเลปุ๊ตู้ไห่
สำหรับอีกฝากฝั่งของทะเลปุ๊ตู้ไห่คือสถานที่อะไร ฝั่งตรงข้ามมีสิ่งใด ยิ่งไม่มีใครทราบอีกเลย
แน่นอน มีผู้ที่กล่าวว่า ถ้าหากเจ้าสามารถก้าวข้ามทะเลปุ๊ตู้ไห่ไปจนถึงฝั่งตรงข้ามได้ เช่นนั้นแล้ว เจ้าก็สามารถก้าวเข้าสู่แดนเซียนที่อยู่ในตำนาน กลายเป็นมีชีวิตอมตะที่แท้จริง
แต่ทว่า เรื่องนี้เป็นเพียงคำเล่าลือเท่านั้น ไม่มีใครรู้ว่าจริงหรือเท็จ
มีผู้คิดว่า ในทะเลปุ๊ตู้ไห่มีเกาะเซียน บนเกาะเซียนมีสมุนไพรเซียนขึ้นอยู่บนนั้น สามารถช่วยเรื่องอายุวัฒนะได้
แน่นอน ไม่มีใครกลับออกมาจากทะเลปุ๊ตู้ไห่ ดังนั้น ทุกคนจึงไม่ทราบว่าเป็นเรื่องจริงหรือเรื่องเท็จ
สรุปก็คือ นับแต่อดีตกาลเป็นต้นมาทะเลปุ๊ตู้ไห่ก็คือปริศนา เหมือนว่าจะไม่เคยมีผู้ใดสามารถไขปริศนานี้ได้
อย่างไรก็ตาม ผู้ที่เข้าไปยังทะเลปุ๊ตู้ไห่แล้วก็ไม่ได้กลับออกมาอีกเลย ไม่ว่าจะเป็นระดับปฐมบรรพบุรุษที่ปราศจากผู้ต่อกรตลอดกาล หรือจะเป็นราชันแท้จริงที่ปราดเปรื่องน่าทึ่ง และหรือระดับคงความเป็นอมตะตลอดกาลที่ปราศจากผู้เทียบเทียมในหล้า หลังจากที่พวกเขาเข้าไปในทะเลปุ๊ตู้ไห่แล้ว ล้วนแล้วแต่หายสาบสูญไปในทะเลปุ๊ตู้ไห่
แม้จะเป็นเช่นนี้ก็ตาม ปฐมบรรพบุรุษในยุคหลัง ราชันแท้จริงยากจะมีผู้ใดเทียม ยังคงเข้าไปในทะเลปุ๊ตู้ไห่อย่างต่อเนื่องในรอบพันล้านปีที่ผ่านมา
ทุกคนต่างไม่สามารถอธิบายได้ชัดเจนว่า เป็นเพราะอะไรที่ปฐมบรรพบุรุษ ราชันแท้จริงล้วนแล้วแต่เข้าไปในทะเลปุ๊ตู้ไห่ในที่สุด
มีผู้กล่าวว่า เมื่อมีความแข็งแกร่งจนถึงระดับหนึ่งแล้ว ฝั่งตรงข้ามของทะเลปุ๊ตู้ไห่จะมีพลังลึกลับเรียกหาพวกเขา และยังมีผู้กล่าวว่า เมื่อราชันแท้จริง ปฐมบรรพบุรุษแข็งแกร่งจนถึงระดับหนึ่งแล้ว พวกเขาต่างเข้าใจว่าไม่มีสิ่งใดควรค่าให้พวกเขายังคงรั้งอยู่ในแดนสามเซียนอีกต่อไปแล้ว
พวกเขาบังเกิดความคิดต้องบรรลุระดับที่แข็งแกร่งมากไปกว่านี้ ทางเลือกเพียงหนึ่งเดียวก็คือข้ามฟากทะเลปุ๊ตู้ไห่ ท่ามกลางทะเลปุ๊ตู้ไห่ ในฝั่งตรงข้ามของทะเลปุ๊ตู้ไห่สามารถให้คำตอบพวกเขาได้
สรุปก็คือ จำนวนคนที่เข้าไปในทะเลปุ๊ตู้ไห่มีจำนวนนับไม่ถ้วนในรอบพันล้านปีที่ผ่านมา แต่ว่า กลับไม่เคยได้ยินว่ามีใครที่เคยกลับออกมา ส่งผลให้ทะเลปุ๊ตู้ไห่กลายเป็นปริศนาตลอดกาล เป็นปริศนาที่ไม่สามารถไขออกมาได้
…………………………………………………………….