Emperor's Domination จักรพรรดิบรรพกาล - ตอนที่ 2944 ตำนานที่ลึกลับ
ตอนที่ 2944 ตำนานที่ลึกลับ
ปฐมบรรพบุรุษอัคคีเป็นปฐมบรรพบุรุษที่มีบันทึกไม่ชัดเจนอย่างยิ่ง กระทั่งปฐมบรรพบุรุษอัคคีกำเนิดในยุคสมัยใดก็ไม่ชัดเจน ในบรรดาประวัติศาสตร์แดนสามเซียนจำนวนมากนั้น ปฐมบรรพบุรุษอัคคีนับเป็นปฐมบรรพบุรุษที่ลึกลับคนหนึ่ง
แต่ว่า พูดไปแล้วก็ให้รู้สึกแปลก ปฐมบรรพบุรุษที่มีบันทึกไม่ละเอียดกลับถูกจัดเข้าไปอยู่หนึ่งในสิบยอดปฐมบรรพบุรุษ กระทั่งมีผู้กล่าวว่า เฉกเช่นปฐมบรรพบุรุษอัคคีนี้สามารถเทียบเคียงกับเกาหยางได้
ทว่า ทุกคนต่างไม่มีความชัดเจนว่าปฐมบรรพบุรุษอัคคีเป็นปฐมบรรพบุรุษเช่นใดกันแน่ ส่วนที่ว่าเพราะเหตุใดเขาถึงถูกจัดให้เข้าไปอยู่หนึ่งในสิบยอดปฐมบรรพบุรุษ ก็ทำให้ผู้คนจำนวนมากไม่สามารถอธิบายได้ชัดเจน
มีคำพูดอย่างหนึ่งกล่าวว่า การที่ปฐมบรรพบุรุษอัคคีถูกจัดให้เข้าไปเป็นหนึ่งในสิบยอดปฐมบรรพบุรุษนั้นเป็นเพราะว่า เขาคือศิษย์ของจักรพรรดิซุ่ย หนึ่งในสามเซียนที่อยู่ในตำนาน
แต่ว่า ผู้คนจำนวนมากในยุคหลังต่างไม่ยอมรับกับคำกล่าวเช่นนี้ เนื่องจากผู้คนจำนวนมากในยุคหลังล้วนแล้วแต่เห็นว่า สามเซียนนั้นดำรงอยู่ในฐานะล่องลอย มีสามเซียนปรากฎในแดนสามเซียนจริงหรือไม่นั้นยังไม่ทราบ การดำรงอยู่ของพวกเขาสมควรได้รับการยืนยัน
“ต่อให้ถอยไปหนึ่งหมื่นก้าว สามเซียนในตำนานดำรงอยู่จริง เช่นนั้นแล้ว ในเมื่อพวกเขาดำรงอยู่ในยุคสมัยที่ดึกดำบรรพ์ขนาดนี้ แต่ว่า จากบันทึกต่างๆ เมื่อคำนวณแล้ว เป็นไปไม่ได้ที่ปฐมบรรพบุรุษอัคคีจะถือกำเนิดในยุคที่ดึกดำบรรพ์มากขนาดนั้น ในเมื่อเป็นเช่นนี้ จะเป็นไปได้อย่างไรที่ปฐมบรรพบุรุษอัคคีจะเป็นศิษย์ของสามเซียนได้เล่า?”
ภายหลัง ยังมีการกล่าวอีกแบบ ปฐมบรรพบุรุษอัคคีไม่ได้รับการถ่ายทอดวิชาจากจักรพรรดิซุ่ย แต่เป็นเพราะขณะยังอยู่ในวัยรุ่นไปได้ตำราวิเศษเล่มหนึ่งของจักรพรรดิซุ่ย ซึ่งในตำรานั้นได้บันทึกเคล็ดวิชาชั่วชีวิตของจักรพรรดิซุ่ยเอาไว้ ดังนั้น ปฐมบรรพบุรุษอัคคีจึงได้สืบทอดวิชาที่แท้จริงของจักรพรรดิซุ่ย และสืบทอดระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิของจักรพรรดิซุ่ย เมื่อเป็นเช่นนี้ เขาก็กลายเป็นศิษย์ของจักรพรรดิซุ่ย
แต่ว่า คำกล่าวที่ว่าปฐมบรรพบุรุษอัคคีคือศิษย์ของจักรพรรดิซุ่ยนั้น ผู้คนจำนวนมากในยุคหลังต่างไม่เห็นด้วย และไม่ให้การยอมรับ
แต่ว่า เรื่องที่เกี่ยวกับว่าเหตุใดปฐมบรรพบุรุษอัคคีถูกจัดให้เข้าไปอยู่หนึ่งในสิบยอดปฐมบรรพบุรุษนั้น ชนรุ่นหลังได้ยกเอาคำกล่าวที่เกี่ยวกับห้างเจียวเหิง นั่นก็คือห้างเจียวเหิงเคยสร้างเรือรบที่ยอดเยี่ยมยากจะหาใดเทียมในหล้าให้กับปฐมบรรพบุรุษอัคคี เพื่อพิชิตทะเลปุ๊ตู้ไห่
ตามตำนานเล่าว่า หลังจากที่ปฐมบรรพบุรุษอัคคีสำเร็จมรรคผลแล้วก็ได้ตั้งปณิธานเอาไว้ว่า ต้องการทำศึกกับทะเลปุ๊ตู้ไห่ หากไม่สู้กันจนถึงอีกฟากฝั่งจะไม่ย้อนกลับเด็ดขาด
พูดไปก็เป็นเรื่องแปลก ในขณะที่ปฐมบรรพบุรุษอัคคีที่มีบันทึกไม่ชัดเจนกำลังจะเดินทางไกลเพื่อปราบปรามทะเลปุ๊ตู้ไห่นั้น มีบรรดาผู้ปราศจากผู้ต่อกรจำนวนมากติดตามไปด้วย จากบันทึกของห้างเจียวเหิงที่บันทึกว่า ในครั้งนั้นมีราชันแท้จริงหลายสิบคนร่วมเดินทาง ในบรรดาราชันแท้จิรงหลายสิบคนนี้มีราชันแท้จริงที่อยู่ในยุคเดียวกันกับปฐมบรรพบุรุษอัคคี และมีราชันแท้จริงที่ปลีกตัวจากโลกภายนอก สำหรับระดับคงความอมตะตลอดกาลนั้นมีมากเป็นร้อยคน…
นอกเหนือจากนี้ ยังมีสัตว์ศักดิ์สิทธิ์วิหคสวรรค์ร่วมทางไปด้วย และยังมีบรรดาเทพแท้จริงที่แข็งแกร่งยิ่งร่วมเดินทาง สุดแล้วแต่บัญชาและทำงานรับใช้ปฐมบรรพบุรุษอัคคี
ตามตำนานเล่าว่า ความยิ่งใหญ่เช่นนี้พบเห็นได้ยากนับแต่อดีตถึงปัจจุบัน แม้ว่าปฐมบรรพบุรุษแต่ละรุ่นล้วนแล้วแต่เข้าไปในทะเลปุ๊ตู้ไห่ แต่ว่า ไม่มีปฐมบรรพบุรุษคนใดมีขบวนที่ยิ่งใหญ่เฉกเช่นปฐมบรรพบุรุษอัคคี และนับว่าเป็นสิ่งมหัศจรรย์อย่างหนึ่งที่ราชันแท้จริง คงความอมตะตลอดกาลจำนวนมากยินดีติดตามปฐมบรรพบุรุษอัคคีเพื่อปราบปรามเช่นนี้
เล่าลือกันว่า เนื่องเพราะปฐมบรรพบุรุษอัคคีมีขบวนที่ยิ่งใหญ่ปราศจากผู้เทียบเทียมในหล้า ทำให้ห้างเจียวเหิงถึงกับทุ่มเงินทอง และทรัพยากรจำนวนนับไม่ถ้วน สร้างเรือยักษ์ที่ปราศจากผู้เทียบเทียมในหล้าขึ้นมา สำหรับขบวนทัพที่จะเดินทางไกลเพื่อปราบปรามทัพนี้
ขณะที่ตัวของเรือลำใหญ่เองก็คือป้อมปราการเคลื่อนที่ขนาดใหญ่ เล่าลือกันว่าต่อให้เป็นระดับบรรพบุรุษชั้นแดนลัทธิเซียนลงมือก็ทำลายระบบป้องกันของเรือใหญ่ลำนี้ไม่ได้ เรือลำใหญ่ลำนี้มีความฝืนลิขิตสวรรค์ปราศจากผู้ต่อกร มันสามารถเดินทางไปยังสถานที่ทุกแห่งของแดนลัทธิเซียน
กระทั่งอาศัยคำพูดของห้างเจียวเหิง มันคือเรืออันดับหนึ่งของแดนลัทธิเซียน มันคือเรือศักดิ์สิทธิ์ที่มีความเร็วมากที่สุด มีความแข็งแรงมากที่สุด และมีความแข็งแกร่งมากที่สุด!
กล่าวได้ว่า เรือขนาดใหญ่ลำนี้เป็นผลงานชิ้นโบว์แดงที่เป็นความภาคภูมิใจของห้างเจียวเหิง กระทั่งเล่าลือกันว่า ในครั้งนั้นห้างเจียวเหิงได้สร้างเรือใหญ่ลำนี้เพื่อปฐมบรรพบุรุษอัคคีโดยไม่คิดมูลค่า
อีกทั้งทั่วแดนสามเซียนก็มีเพียงห้างเจียวเหิงเท่านั้นที่มีกำลังทรัพย์สร้างเรือที่มีขนาดใหญ่เช่นนี้ขึ้นมาได้ ห้างอื่นๆ กระทั่งระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิต่างๆ ล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องที่ไม่มีกำลังจะทำได้
เนื่องเพราะวีรกรรมเช่นนี้นี่เอง จึงมีผู้เข้าใจว่านี่แหละคือสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ปฐมบรรพบุรุษอัคคีถูกจัดให้อยู่หนึ่งในสิบยอดปฐมบรรพบุรุษ
เรื่องนี้พูดไปแล้วก็ให้รู้สึกแปลก ในยุคหลังแม้จะปรากฏระดับปฐมบรรพบุรุษที่ปราดเปรื่องน่าทึ่งปราศจากผู้ต่อกรอยู่บ้าง แต่ว่า ไม่เคยมีปฐมบรรพบุรุษคนใดไปสงสัยถึงฐานะทางประวัติศาสตร์ของปฐมบรรพบุรุษอัคคีเลย
ประวัติความเป็นมาของปฐมบรรพบุรุษอัคคีนั้นลึกลับมาก กระทั่งไม่มีความชัดเจนในเรื่องของช่วงเวลาที่ปรากฎตัว ด้วยเหตุนี้เอง จากคำพูดของกระบือดำขนาดใหญ่ทำให้ไป่จินหนิงสับสนงงงวยไปหมด นางไม่สามารถเข้าใจถึงความสัมพันธ์ของเรื่องราวในนั้นได้
“เรื่องของเส้นแบ่งเวลาบางอย่างไม่ได้เป็นอย่างที่เจ้าจินตนาการอย่างนั้น” หลี่ชิเย่หัวเราะและกล่าวว่า “แม้ว่าสามเซียนจะอยู่ในยุคสมัยที่ดึกดำบรรพ์ยิ่ง แต่ หากเจ้าเปลี่ยมมุมมองคิดดู พวกเขาไม่จำเป็นจะต้องรับศิษย์สักคนในยุคสมัยที่ดึกดำบรรพ์นั้นเสมอไป พวกเขาสามารถรับศิษย์สักคนในช่วงมิติของเวลาใดเวลาหนึ่ง กระทั่งทิ้งช่วงห่างระยะเวลาที่ยาวนานมากๆ และรับศิษย์หลายๆ คนในหลายๆ ช่วงมิติเวลา”
“เรื่อง เรื่องนี้เหมือนจะถูก”ไป่จินหนิงรู้สึกงุนงง นางครุ่นคิดอย่างละเอียด และรู้สึกเหมือนว่าตนเองได้เข้าไปยังทางตัน เหมือนเช่นที่หลี่ชิเย่ได้พูดเอาไว้ เหตุใดสามเซียนจะต้องรับศิษย์ในช่วงของยุคสมัยดึกดำบรรพ์เล่า?
“มีสามเซียนจริงๆ พวกเขาเป็นเซียนล่ะก็ งั้น งั้น งั้นมีอายุวัฒนะไม่มีวันตายจริงๆ น่ะสิ” ไป่จินหนิงเหม่อลอยนิดหนึ่ง จากนั้นได้กล่าวว่า “พูดแบบนี้ ปฐมบรรพบุรุษอัคคีก็มีความเป็นไปได้ที่จะเป็นศิษย์ของจักรพรรดิซุ่ยจริงๆ น่ะสิ”
ไป่จินหนิงถึงกับรู้สึกปลอดโปร่งโล่ง หลังจากได้รับคำอธิบายจากหลี่ชิเย่
“จะใช่อายุวัฒนะหรือไม่นั้น กลับพูดกันยาก” หลี่ชิเย่หัวเราะและกล่าวว่า “แต่ว่า เป็นความจริงที่พวกเขามีชีวิตอยู่ได้นานมากๆ ทีเดียว”
“แหะข้ากลับได้ฟังมาบ้าง” กระบือดำขนาดใหญ่ยังคงอวดความเป็นผู้มีความรู้กว้างขวาง กล่าวว่า “การที่จักรพรรดิซุ่ยรับปฐมบรรพบุรุษอัคคีเป็นศิษย์นั้น มีเหตุผลนัยที่ลึกซึ้งอยู่”
“เหตุผลนัยลึกซึ้งอะไร?” ไป่จินหนิงถูกคำพูดนี้ดึงดูดเอาไว้ จึงเอ่ยถามขึ้นด้วยความอยากรู้อยากเห็น
“พุทธองค์ตรัสว่า บอกไม่ได้ บอกไม่ได้” กระบือดำขนาดใหญ่กล่าวหัวเราะแหะแหะ เผยให้เห็นถึงท่าทางที่ลึกลับยิ่งนัก
“ไม่รู้ก็คือไม่รู้” หลี่ชิเย่เห็นท่าทีของกระบือดำขนาดใหญ่ที่ทำอวดรู้ ส่ายหน้า และยิ้มกล่าวว่า “การที่จักรพรรดิซุ่ยรับปฐมบรรพบุรุษอัคคีเป็นศิษย์นั้นมีสาเหตุนานัปการ ที่ตรงที่สุดก็คือการที่จะมีภัยพิบัติมาถึง”
“มีภัยพิบัติมาถึง ภัยพิบัติอะไร มีรึ?” ไป่จินหนิงตะลึงนิดหนึ่ง แม้ไม่อาจกล่าวได้ว่านางมีความเชี่ยวชาญด้านประวัติศาสตร์ แต่ทว่า เรื่องใหญ่ๆ หลายเรื่องนางก็รู้มาบ้าง
“ภัยพิบัติบางอย่างใช่ว่าเจ้าสามารถมองเห็นได้ และไม่แน่เสมอไปว่ามีการบันทึกเอาไว้ ยิ่งมีความเป็นไปได้ว่าไม่ได้อยู่ในโลกที่เจ้าอาศัยอยู่” หลี่ชิเย่มองดูไป่จินหนิงแวบหนึ่ง จากนั้นได้มองจากที่สูงไกลไปถึงทะเลปุ๊ตู้ไห่
“หรือว่าตำนานจะเป็นความจริง…” ความรู้ของกระบือดำขนาดใหญ่เหนือกว่าไป่จินหนิงมาก เขาถึงกับร้องออกมาด้วยความหวาดผวาเมื่อหลี่ชิเย่ชี้จุดเช่นนี้ ขณะเดียวกันก็มองไปที่ทะเลปุ๊ตู้ไห่ทีหนึ่ง
“ตำนานอะไร” ไป่จินหนิง รู้สึกแปลกใจอย่างยิ่ง
กระบือดำขนาดใหญ่ไม่สนใจต่อไป่จินหนิง ท่าทางดูจะเปลี่ยนไปบ้าง และกล่าวว่า “ในอดีตเคยได้ยินเจ้าผีแก่ไกลกันดารบ่นพึมพำว่า อะไรภัยพิบัติจะเกิดขึ้นบนโลก คนที่พยายามจะเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ให้ดีขึ้นอย่างเต็มที่อะไรนั่น ข้ายังเข้าใจว่าเขากำลังโอ้อวดตนเองอยู่ เข้าใจว่าเขากำลังอวดอ้างตนว่าเป็นพระเจ้าที่ช่วยโลกน่ะ ที่แท้เขาไม่ได้อวดอ้างตน ที่เขาพูดถึงน่าจะเป็นปฐมบรรพบุรุษอัคคี!”
ในเวลานี้ กระบือดำขนาดใหญ่จึงได้เข้าใจถึงเรื่องราวบางเรื่องในอดีต
“ดังนั้น ปฐมบรรพบุรุษอัคคีจึงได้เดินทางไกลเพื่อปราบปรามยังทะเลปุ๊ตู้ไห่” หลี่ชิเย่มองไปยังทิศทางที่ตั้งของทะเลปุ๊ตู้ไห่ และกล่าวว่า “โดยเฉพาะอย่างยิ่ง มีระดับปราศจากผู้ต่อกรที่ร่วมเดินทางไปด้วย นี่คือภัยพิบัติใหญ่ครั้งหนึ่ง เพียงแต่ มันเป็นภัยพิบัติใหญ่ที่ไม่มีใครรับรู้ถึงความยิ่งใหญ่ อยู่ในมุมๆ หนึ่งของโลกที่ไม่มีใครรับรู้ อยู่ในที่ที่มนุษย์ปุถุชนธรรมดาไม่สามารถกล้ำกรายถึง…”
“…การศึกที่ดุเดือดสะเทือนเลื่อนลั่น เกรงว่าถึงขั้นฟ้าถล่มดินทลาย ทุกอย่างหายวับไปกับตาในพริบตา! พวกเขาได้จัดการสกัดภัยพิบัติครั้งยิ่งใหญ่เช่นนี้เอาไว้ภายในทะเลปุ๊ตู้ไห่ ทำให้โลกสงบลง แดนสามเซียนในยุคต่อมามีแต่ความเงียบสงบ”
เบื้องหลังของเรื่องนี้เป็นเรื่องที่หลี่ชิเย่สามารถเข้าใจได้มากกว่ากระบือดำขนาดใหญ่มากทีเดียว ยิ่งไป่จินหนิงแล้วไม่สามารถเทียบเคียงได้เลย
“โอ้แม่จ๋า กระบือสุดหล่อเช่นข้าเข้าใจแล้ว ที่แท้เรื่องเป็นเช่นนี้นี่เอง ที่แท้ตำนานในอดีตล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องจริง” เมื่อกระบือดำขนาดใหญ่ไตร่ตรองและเข้าใจทั้งหมดแล้วถึงกับร่างสั่นเทาทีหนึ่ง พลันสรู้สึกเสียวสันหลังวาบขึ้นมา
“แม่งข้าเข้าใจแล้วเพราะอะไรเจ้าผีแก่ไกลกันดารจึงต้องหนีไป ที่แท้เข้าก็รู้เรื่องนี้ ดังนั้นจึงเล่นทางลัดด้วยการหนีไป” กระบือดำขนาดใหญ่พึมพำขึ้นมา
“จุดนี้ เจ้ามีความเข้าใจคลาดเคลื่อนอยู่บ้าง” หลี่ชิเย่หัวเราะ ส่ายหน้า และกล่าวว่า “แต่เดิมการมาที่แดนสามเซียนของเขาก็ไม่ได้มาเพราะเรื่องนี้ ในทัศนะของเขามองว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องของแดนสามเซียนเท่านั้น การมาแดนสามเซียนของเขาเพียงเพราะต้องการค้นหาคำตอบที่อยู่ภายในใจของเขาเท่านั้น ดังนั้น เขาจึงไม่มีความจำเป็นต้องไปแปดเปื้อนน้ำโคลนในครั้งนี้”
“ฮึข้ารู้แต่แรกว่าเขาไม่ใช่คนดีอะไร” เจ้ากระบือดำขนาดใหญ่มีอคติต่อปราชญ์ไกลกันดาล จึงส่งเสียงฮึเย็นชาทีหนึ่ง
หลี่ชิเย่ยิ้มๆ ไม่ได้พูดอะไรมากความ จะอย่างไรเสียเป็นความจริงที่ว่า การกระทำต่างๆ ของปราชญ์ไกลกันดารมีความโดดเด่นน่ายกย่องชมเชย
“มิน่าเล่าห้างเจียวเหิงจึงยินดีสร้างเรือรบลำดังกล่าวลำหนึ่งให้กับปฐมบรรพบุรุษอัคคีโดยไม่คิดมูลค่า” เมื่อกระบือดำขนาดใหญ่ได้สติกลับมาแล้ว อดที่จะมองดูห้างขายประมูลที่ดั่งเรือยักษ์ และกล่าวว่า “ห้างเจียวเหิง ห้างเหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็นพวกผีดูดเลือดทั้งนั้น ใจปล้ำถึงขนาดสร้างเรือรบลักษณะเช่นนี้ให้กับปฐมบรรพบุรุษอัคคี เวลานี้ดูไปแล้วมันก็สมเหตุสมผลอย่างแท้จริง”
“ห้างเจียวเหิงไหนเลยสร้างเรือรบเพียงแค่ลำเดียว” หลี่ชิเย่กล่าวเรียบเฉยว่า “พวกเขาได้สร้างเรือรบที่เหมือนกันถึงสองลำ”
“สร้างเรือรบไว้สองลำ?” ไป่จินหนิงถึงกับตะลึงงันนิดหนึ่ง และกล่าวว่า “ไหนบอกว่าสร้างเอาไว้เพียงลำเดียวมิใช่รึ?”
เนื่องจากไป่จินหนิงเฝ้ารักษาอยู่ด่านเทียนสงกวาน เรื่องราวยิ่งใหญ่เกี่ยวกับห้างเจียวเหิงมามากมาย และมีความเข้าใจอยู่ไม่น้อย
“สองลำ” หลี่ชิเย่พยักหน้า และมองดูสถานที่ประมูลของห้างเจียวเหิง
“โอ้แม่จ๋า นี่คือเรือรบอีกลำหนึ่งไม่ใช่เรือจำลอง” ปฏิกิริยาตอบสนองของกระบือดำขนาดใหญ่เร็วกว่าไป่จินหนิง นัยน์ตากระบือคู่นั้นเบิกกว้างมากๆ หวังจะมองเห็นความนัย
“อะไรนะ ห้างเจียวเหิงก็คือเรือรบลำหนึ่ง” ไป่จินหนิงก็ถูกคำพูดนี้ทำให้ตกใจอย่างยิ่ง อดที่จะมองไปที่บริเวณจัดงานประมูล แต่ว่า ไม่ว่านางจะมองอย่างละเอียดอย่างไรก็ตาม ก็รู้สึกว่าบริเวณจัดงานประมูลของห้างเจียวเหิงก็เป็นเพียงเรือจำลองเท่านั้น
“ไม่ต้องดูแล้ว” หลี่ชิเย่กล่าวเรียบเฉยว่า “มันได้ถูกปิดบังซ่อนเร้นด้วยสุดยอดอภินิหารเอาไว้ ถ้าหากปฐมบรรพบุรุษอัคคีคือศิษย์ของจักรพรรดิซุ่ยล่ะก็ เมื่อเป็นเช่นนั้น หากไม่มีอะไรเหนือความคาดคิดล่ะก็แบบแปลนการสร้างเรือรบนี้ก็ต้องเป็นของจักรพรรดิซุ่ยทิ้งเอาไว้ให้ ความอภินิหารในนั้น ไหนเลยให้พวกเจ้าสามารถแอบส่องได้” เมื่อหลี่ชิเย่พูดออกมาเช่นนี้ จึงทำให้กระบือดำขนาดใหญ่ละสายตากลับมา จุดนี้เขายังคงต้องให้การยอมรับอยู่แล้ว
………………………………………………………