Emperor's Domination จักรพรรดิบรรพกาล - ตอนที่ 2986 ของฟรีไม่มีในโลก
ตอนที่ 2986 ของฟรีไม่มีในโลก
มือขนาดใหญ่ที่สยบลงมานั้น ทำให้ร่างจำแลงของหมิงหวังฝอ และเทพสงครามจินเปี้ยนต้องหายวับไปกับตาในพริบตาตามกันไป เป็นภาพที่สร้างความหวั่นไหวได้มากเหลือเกิน เสมือนดั่งเป็นคลื่นที่โหมสาดซัดพุ่งเข้าปะทะทุกคนอย่างรุนแรง
ในเวลานี้ ทุกคนต่างรู้สึกเสียวสันหลังวาบบ พูดอะไรไม่ออกเป็นเวลานาน
เริ่มที่หลวงจีนต้าเจวี๋ถูกสังหารในหนึ่งกระบวนท่า เรียกว่าสร้างความหวั่นไหวต่อจิตใจมากพออยู่แล้ว ตามติดด้วยหมิงหวังฝอและเทพสงครามจินเปี้ยน ร่างจำแลงของพวกเขาทั้งสองนถึงกับถูกมือขนาดใหญ่ของหลี่ชิเย่บดขยี้สังหาร
การโจมตีที่เกิดขึ้นทั้งก่อนและหลังเช่นนี้ ช่างเป็นเรื่องที่น่ากลัวเพียงใด ทำให้ผู้คนจำนวนไม่น้อยที่อยู่ในงานต่างมีเหงื่อเย็นที่ไหลโทรมกาย โดยเฉพาผู้ที่โจมตีหลี่ชิเย่ด้วยคำพูดเมื่อครู่ยิ่งต้องร่างสั่นเทิ้มทีหนึ่ง ขาทั้งสองข้างถึงกับสั่นเทาด้วยความไม่สู้
ภายใต้สายตาของผู้คนมากมาย หลี่ชิเย่ยังกล้าจัดการทำลายกายจำแลงของหมิงหวังฝอและเทพสงครามจินเปี้ยน การกระทำเช่นนี้เท่ากับเป็นการบ่งบอกว่าประกาศศึกกับเทพสงครามจินเปี้ยนกับหมิงหวังฝอ แต่ทว่าหลี่ชิเย่ยังคงไม่ได้ใส่ใจแม้แต่น้อย
สมควรทราบว่า เบื้องหลังของเทพสงครามจินเปี้ยนนั้นไม่เพียงอิงอยู่กับตำหนักศักดิ์สิทธิ์จินเปี้ยน เท่านั้น ยิ่งไปกว่านั้นยังอิงอยู่กับเผ่าจินเปี้ยนทั้งหมด กล่าวได้ว่าเผ่าจินเปี้ยนทั้งหมดเรียกได้ว่ายินดีติดตามและปฏิบัติตามคำสั่งของเขา
ขณะที่เบื้องหลังของหมิงหวังฝอก็ไม่ได้ง่ายเหมือนมีเพียงแค่วัดลังกาเท่านั้น เบื้องหลังของเขามีแดนพุทธะจำนวนนับไม่ถ้วน ใต้บังคับบัญชาของเขามีหลวงจีนสมณศักดิ์สูงมากมาย เรียกได้ว่าได้รับการสนับสนุนจากผู้คนจำนวนมากมาย กำลังความสามารถเข้มแข็ง กลุ่มคนรุ่นใหม่ยากจะมีผู้เทียบเทียม
เวลานี้หลี่ชิเย่สังหารร่างจำแลงรวดเดียวทั้งเทพสงครามจินเปี้ยนกับหมิงหวังฝอ สิ่งนี้ไม่เพียงเป็นการประกาศศึกต่อพวกเขาสองคน และยังเป็นการประกาศศึกต่อกลุ่มอำนาจขนาดใหญ่ที่อยู่เบื้องหลังของพวกเขาอีกด้วย
เป็นการท้าสู้ต่อกำลังอำนาจขนาดยักษ์ที่ยากจะหาผู้ใดเทียมรวดเดียวถึงสองกลุ่ม อีกทั้งยังคงมีท่าทีที่เอ้อระเหยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ช่างสงบและอิสระเสรี นี่คือผู้ที่ชอบใช้อำนาจบาตรใหญ่ พาลและรุนแรงอะไรอย่างนั้น
ในเวลานี้ ไม่รู้ว่ามีผู้คนจำนวนเท่าไรต่างงุนงงอยู่ตรงนั้น ไม่สามารถเรียกสติกลับมา ขณะที่เวลานี้ผู้คนบางส่วนที่เคยคิดเป็นศัตรูกับหลี่ชิเย่ยิ่งต้องมีใบหน้าที่ขาวซีด ลองนึกภาพดู ถ้าหากพวกเขาลงมือต่อหลี่ชิเย่ล่ะก็ จุดจบของพวกเขาคงไม่ได้ดีไปกว่าสักเท่าไร เกรงว่าพวกเขาก็เหมือนดั่งหลวงจีนต้าเจวี๋อย่างนั้น หายวับไปกับตาในพริบตา ไม่เหลือทิ้งอะไรไว้อีกเลย
ผู้ที่แข็งแกร่งเช่นราชันแท้จริงเซิ่นซวง ราชันแท้จริงหวงจุนก็ได้แต่นิ่งเงียบเมื่อได้เห็นภาพนี้แล้ว ความแกร่งของหลี่ชิเย่นั้นได้อยู่เหนือจินตนาการของพวกเขาไปมากทีเดียว เกินกว่าที่พวกเขาประเมินเอาไว้
นิยมใช้ความรุนแรง…ในเวลานี้ มีผู้ยิ่งใหญ่รุ่นอาวุโสถึงกับพึมพำว่า “นี่แหละที่เรียกว่านิยมใช้ความรุนแรง”
ในเวลานี้ ผู้คนจำนวนมากจึงได้ซาบซึ้งอย่างแท้จริงว่าอะไรที่เรียกว่านิยมใช้ความรุนแรง นี่แหละคือนิยมใช้ความรุนแรง การกระทำทั้งหมดที่ถึงพริกถึงขิงของหลี่ชิเย่เป็นการให้อรรถาธิบายถึงคำว่า ‘นิยมใช้ความรุนแรง’ คำนี้ แค่คำพูดไม่เข้าหูก็บดขยี้ทำลายทุกสิ่ง ไม่ว่าคนนั้นเป็นใคร ไม่ว่าจะแข็งแกร่งเพียงใด ไม่ว่าจะมีประวัติความเป็นมาอย่างไรล้วนบดขยี้สังหารทันที
‘คนโหดอันดับหนึ่ง…’ มียอดฝีมือที่พึมพำขึ้นมา และทำการพิจารณาถึงฉายานี้ของหลี่ชิเย่อย่างละเอียด ไม่ง่ายนักกว่าจะได้สติกลับมา ร่างสั่นเทิ้มทีหนึ่ง ถึงกับหวาดหวั่นพรั่นพรึงและกล่าวว่า “เป็นคนโหดอันดับหนึ่งอย่างแท้จริง ไม่เสียทีกับฉายานี้”
ในขณะนี้ พวกเขาต่างรู้สึกว่าไม่มีฉายาใดๆ เหมาะสมกับหลี่ชิเย่มากไปกว่านี้อีกแล้ว ฉายาคนโหดอันดับหนึ่งชื่อนี้ใช้กับหลี่ชิเย่ เรียกว่าไม่มีอะไรเหมาะสมมากไปกว่านี้อีกแล้ว
ก่อนหน้านี้ทุกคนต่างรู้ว่าหลี่ชิเย่มีชื่อว่า ‘หลี่พันล้าน’ แต่ว่า เวลานี้เมื่อนึกดูให้ละเอียดแล้ว เทียบกับชื่อ ‘หลี่พันล้าน’ แล้ว ชื่อ ‘คนโหดอันดับหนึ่ง’ ฉายาลักษณะเช่นนี้ดูเหมาะสมยิ่งกว่า ยิ่งสามารถสำแดงถึงความนิยมใช้ความรุนแรง ความปราศจากผู้ต่อกรออกมาได้อย่างถึงพริกถึงขิง
“ยังมีใครต้องการแสดงความเห็นอันสูงส่งหรือไม่? ” หลี่ชิเย่ที่หดมือขนาดใหญ่กลับมาแล้ว กล่าวด้วยท่าทีเอ้อระเหยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ดูจากท่าทางของเขาแล้ว เหมือนว่าแค่ตบแมลงวันตายไปตัวสองตัวเท่านั้นเอง เป็นเรื่องที่ไม่คู่ควรจะกล่าวถึงยิ่ง ไม่ได้มีอะไรน่าหวั่นไหวแต่อย่างใดแม้แต่น้อย
คำพูดหลี่ชิเย่ที่เอ้อระเหยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นเช่นนี้ พลันทำให้ทุกคนที่อยู่ในงานต่างมองหน้าซึ่งกันและกัน ทุกคนได้แต่เจ้ามองหน้าข้า และข้ามองหน้าเจ้า
นาทีนี้เวลานี้ยังมีใครที่มีความเห็นสูงส่งสามารถพูดได้อีก แม้ว่ามีผู้ที่ไม่สบอารมณ์ในใจต่อหลี่ชิเย่จริง แม้ว่ามีผู้ที่มีความเห็นสูงส่งภายในใจจริงๆ แต่ว่า ล้วนแล้วแต่ไม่กล้าพูดมากอีกแล้ว
หลวงจีนต้าเจวี๋ หมิงหวังฝอ และเทพสงครามจินเปี้ยนก็คือความล้มเหลวของคนรุ่นก่อนที่เป็นกระจกเงาของคนรุ่นหลัง ถ้าหากพวกเขายังคงไม่รู้จักกาลเทศะเช่นนี้อีก เช่นนั้นแล้วจุดจบของหลวงจีนต้าเจวี๋ก็คือจุดจบของพวกเขา
“แหะทุกคนยังมีความเห็นสูงส่งใดสามารถพูดได้ตามสบาย” เจ้ากระบือดำขนาดใหญ่เกรงว่าใต้หล้าจะไม่วุ่นวาย หัวเราะแหะแหะว่า “ข้าเชื่อว่าท่านปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่เป็นผู้ที่สามารถยอมรับความคิดเห็นที่ดีของผู้อื่นได้อย่างรวดเร็ว ถ้าหากใครมีข้อคิดเห็นที่เฉียบแหลมจริงๆ ล่ะก็ ท่านปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ต้องยินดีรับเอาไว้อย่างแน่นอนอยู่แล้ว”
คนที่อยู่ในงานใช่จะเป็นคนโง่ ย่อมไม่ไปเชื่อคำพูดเช่นนี้ของกระบือดำขนาดใหญ่อยู่แล้ว
“ดีมาก ในเมื่อทุกคนล้วนไม่มีความเห็นอันสูงส่งอะไร งั้นก็ดี งั้นก็ดี” หลี่ชิเย่หัวเราะพลางพยักหน้า
หนึ่งเดียวในงานที่ไม่ได้รับผลกระทบใดๆ ก็คือนางฟ้าแห่งเขาหวู่สิงซาน แม้แต่ในใจของไท่อิ๋นสี่ก็ถึงกับหวั่นไหว พลันที่หลี่ชิเย่ลงมือเขาก็เข้าใจได้ว่า ต่อให้ตนเองทำเต็มที่เกรงว่าก็ยากจะต้านทานได้
ก่อนหน้านี้ ทั้งกระบือดำขนาดใหญ่และนางฟ้าแห่งเขาหวู่สิงซานต่างแนะนำและให้การรับรองหลี่ชิเย่อย่างเต็มที่ และยกย่องหลี่ชิเย่เหลือเกิน ในระดับที่สูงมากไท่อิ๋นสี่ก็เห็นแก่หน้าของพวกเขา แต่ว่าภายในใจที่มีต่อหลี่ชิเย่ว่ามีความแข็งแกร่งเช่นใดกันแน่ มีความยอดเยี่ยมอย่างใดกันแน่นั้น ไม่ได้มีความประทับใจที่ลึกซึ้งเป็นพิเศษ บอกได้แต่เพียงเขาเข้าใจว่าหลี่ชิเย่ต้องแข็งแกร่งมากแน่นอน ต้องมีสิ่งที่ยอดเยี่ยมมากอย่างแน่นอน มิฉะนั้นแล้ว คงไม่ได้รับการยกย่องจากกระบือดำขนาดใหญ่ และนางฟ้าแห่งเขาหวู่สิงซานอยู่แล้ว
แต่ว่า ในเวลานี้พลันที่หลี่ชิเย่ลงมือ เป็นการฝากความประทับใจที่ลึกซึ้งอย่างยิ่งให้กับไท่อิ๋นสี่เช่นใด แม้ว่าตัวเขาที่อยู่ในระดับคงความอมตะตลอดกาลขั้นสูงสุด ก็อดที่จะรู้สึกหวาดหวั่นพรั่นพรึงในใจไม่ได้
ในเวลานี้ ภายในใจของเขาชัดเจนมากว่า หลี่ชิเย่ต้องเป็นผู้ที่สามารถต่อกรกับพระอาจารย์จินกวงแน่นอน กำลังความสามารถของเขารับรองว่าจะไม่ด้อยไปกว่าพระอาจารย์จินกวงเท่าใด กระทั่งเป็นไปได้ว่าจะเหนือกว่าหลายส่วนเสียอีก
ลองจินตนาการดู กลุ่มคนรุ่นใหม่คนหนึ่งที่ก่อนหน้านี้เงียบๆ ไร้ชื่อไร้เสียง เวลานี้พลันปรากฏขึ้นกะทันหัน ด้วยความทระนงองอาจปราศจากผู้ต่อกรเช่นนี้ ทำให้ไท่อิ๋นสี่ถึงกับใจหายใจคว่ำในใจ นาทีนี้เขาตระหนักได้อย่างสิ้นเชิงว่า ชายหนุ่มตรงหน้ามีความน่ากลัวอย่างยิ่ง น่ากลัวจนถึงขั้นผู้คนไม่สามารถพินิจพิเคราะห์ถึงตัวของเขาได้
“เอาล่ะ ใต้เท้านายด่าน พวกเรามาพูดคุยกันถึงก้อนหินก้อนนี้เป็นไร? ” ในเวลานี้หลี่ชิเย่ได้ละสายตากลับมา ยิ้มๆ และกล่าวขึ้น
“ไม่ทราบว่าคุณชายมีความคิดเห็นสูงส่งเช่นใด อิ๋นสี่ยินดีรับฟัง” ไท่อิ๋นสี่รีบโค้งคำนับอย่างลึกซึ้ง คารวะแล้วคารวะอีก
กล่าวได้ว่า ความเคารพของไท่อิ๋นสี่ในเวลานี้ออกมาจากใจ ที่เขาโค้งคารวะต่อหลี่ชิเย่ในครั้งนี้ไม่ได้เป็นเพราะกระบือดำขนาดใหญ่ และไม่ได้เป็นเพราะนางฟ้าแห่งเขาหวู่สิงซาน เป็นเพราะความแข็งแกร่งของหลี่ชิเย่คู่ควรให้เขาแสดงความเคารพอย่างสูงเช่นนี้
“ไม่มีความคิดเห็นที่สูงส่งอะไร” หลี่ชิเย่ยิ้มบางๆ ว่า หินก้อนนี้ข้าไม่ต้องการแล้ว ข้าสามารถช่วยเจ้าเปิดมันออกมา แต่ว่า ของฟรีไม่มีในโลก ข้าขอแค่สิ่งๆ หนึ่งของเจ้า”
ในเวลานี้ ผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ทั้งหมดต่างมองดูไท่อิ๋นสี่และกลั้นลมหายใจเอาไว้ แน่นอน หลี่ชิเย่ไม่ต้องการหินก้อนนี้มันคือเรื่องที่ดีที่สุดสำหรับผู้ที่อยู่ในงานทั้งหมด
“ไม่ทราบวง่าคุณชายต้องการสิ่งใด? ” ไท่อิ๋นสี่รีบกล่าวว่า “ขอเพียงเป็นสิ่งที่ข้าเอาออกมาได้ จะไม่ปฏิเสธแน่นอน”
“ไม่รีบ เมื่อถึงเวลาแล้วค่อยบอกเจ้าก็ยังไม่สาย” หลี่ชิเย่กล่าวเรียบเฉย “ถ้าหากเจ้าเห็นด้วย แค่พยักหน้าก็พอ”
เรื่องนี้…ไท่อิ๋นสี่ถึงกับลังเล เนื่องจากเขาไม่รู้ว่าหลี่ชิเย่ต้องการสิ่งใด เกิดสิ่งที่หลี่ชิเย่ต้องการแล้วเขาไม่สามารถมอบให้ได้ล่ะ? และหรือเป็นต้นว่าหลี่ชิเย่ต้องการชีวิตเขา และหรือเทียนเชี่ยนทั้งหมด ด่านเทียนสงกวาน ของเช่นนี้เกรงว่าเขาจะให้ไม่ได้
ไท่อิ๋นสี่ลังเลนิดหนึ่ง อดที่จะมองไปที่นางฟ้าแห่งเขาหวู่สิงซาน
“ใต้เท้านายด่าน ถ้าหากคุณชายหลี่ต้องการสิ่งๆ หนึ่งจริงๆ ล่ะก็ ข้าเชื่อว่าเขาไม่จำเป็นต้องมาต่อรองอะไรกับท่าน เขาก็สามารถได้มันมา” นางฟ้าแห่งเขาหวู่สิงซาน ฮุ่ยชิงเสียนกล่าวเรียบเฉยว่า “ถึงเวลานั้นจริงๆ เกรงว่าจะไม่สามารถตามใจท่าน ในเมื่อคุณชายหลี่ยินดีปรึกษาหารือกับใต้เท้านายด่าน แสดงว่าคุณชายหลี่ไม่ได้มาร้าย และเป็นการให้ความนับถือต่อใต้เท้านายด่าน”
การที่นางฟ้าแห่งเขาหวู่สิงซานมองได้ทะลุปรุโปร่งขนาดนี้ คำพูดที่เอ่ยขึ้นมาได้เตือนสติไท่อิ๋นสี่ ทำให้ไท่อิ๋นสี่สะดุ้งในใจ ถ้าหากหลี่ชิเย่ตัดสินใจเด็ดขาดว่าต้องการสิ่งของสิ่งหนึ่งสิ่งใดที่อยู่ในมือของเขาจริงๆ หากเขาใช้กำลัง แม้ไท่อิ๋นสี่จะแข็งแกร่ง แต่ว่าในเวลานี้ เขาเองไม่เห็นจะมีความมั่นใจว่าสามารถต้านหลี่ชิเย่เอาไว้ได้
ผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าคนนี้นับว่าลึกล้ำยากจะหยั่งถึงโดยแท้ ทำให้ไม่สามารถคาดเดาได้ว่าเขามีความแข็งแกร่งเช่นใดกันแน่
“พูดได้ดี พูดได้ดี” หลี่ชิเย่ปรบมือและหัวเราะเสียงดังขึ้นมา และกล่าวว่า “ผู้หญิงที่ฉลาดเช่นเจ้านับว่ามีไม่มากจริงๆ ข้ารู้สึกชอบเจ้ามากขึ้นๆ ทุกทีแล้ว”
“ขอบคุณพี่ท่านที่ให้เกียรติและรักใคร่” ฮุ่ยชิงเซียนที่ช่างไม่สะทกสะท้าน ช่างงดงามอะไรอย่างนั้น
มองเห็นท่าทางของหลี่ชิเย่กับฮุ่ยชิงเสียนที่สนิทสนม ความสัมพันธ์ที่คลุมเครือไม่ชัดเจน ไม่รู้ว่าได้ทำให้อัจฉริยะบุคคลกลุ่มคนรุ่นใหม่จำนวนเท่าใดรู้สึกไม่สบอารมณ์ แต่ว่าก็จนด้วยเกล้า บางทีก่อนหน้านี้อาจมีใครที่พูดกระแนะกระแหนหลายคำ แต่ว่า เวลานี้ไม่ว่าใครก็ตามคิดจะเป็นศัตรูกับหลี่ชิเย่ ก็ต้องประเมินตัวเองเสียก่อน
ดังนั้น บรรดาอัจฉริยะบุคคลกลุ่มคนรุ่นใหม่แม้ว่าจะมีความอิจฉาริษยาในใจเป็นอันมาก และไม่สบอารมณ์กับหลี่ชิเย่อย่างยิ่ง กระทั่งมีอารมณ์ขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน แต่ว่า ก็ได้แต่กล้ำกลืนความโกรธในใจลงท้อง
“พิจารณาได้ความอย่างไร? ข้าไม่ได้มีความอดทนขนาดนั้น” หลี่ชิเย่กล่าวพร้อมกับยิ้มเรียบเฉย
ไท่อิ๋นสี่สูดลมหายใจเข้าลึกๆ ทีหนึ่ง คารวะต่อหลี่ชิเย่ และกล่าวว่า “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ก็เชิญคุณชายลงมือเปิดหินนี้ออกมาเพื่อใต้หล้า ขอเพียงคุณชายต้องการ ไม่ว่าจะเป็นสิ่งใดข้ายินดีประเคนให้”
ในเวลานี้ไท่อิ๋นสี่เองก็เข้าใจแล้ว เมื่อหลี่ชิเย่ต้องการสิ่งของสิ่งหนึ่ง ต่อให้เขาไม่ยินยอมก็ไร้ประโยชน์ ถ้าหากเขาปฏิเสธโดยสิ้นเชิงล่ะก็ สุดท้ายแล้วยังคงเป็นตัวเขาเองที่เสียหายมากที่สุด
“เจ้าไม่โง่นี่” หลี่ชิเย่มองดูไท่อิ๋นสี่ทีหนึ่ง ยิ้มบางๆ ทีหนึ่ง
“คุณชายชมเกินไปแล้ว” ไท่อิ๋นสี่เข้าใจถึงความหมายคำนี้ของหลี่ชิเย่ ถึงกับสั่นเทาภายในใจ
เนื่องจากเขาได้ตระหนักแล้วว่า เมื่อครู่หากเขาปฏิเสธล่ะก็ หลี่ชิเย่ต้องลงมือแน่ และหลี่ชิเย่ก็จะชิงเอาของที่ต้องการโดยไม่สนใจว่าเขาจะยินยอมหรือไม่ เมื่อถึงเวลานั้น ถึงเขาคิดจะเจรจาเงื่อนไขกับหลี่ชิเย่ ก็ไม่มีโอกาสอีกแล้ว
……………………………………………………………….