Emperor's Domination จักรพรรดิบรรพกาล - ตอนที่ 2990 ฮุ่ยชิงเสียนที่ไร้ผู้เทียบเทียม
ตอนที่ 2990 ฮุ่ยชิงเสียนที่ไร้ผู้เทียบเทียม
หลี่ชิเย่เพียงกล่าวเรียบๆ กับการแสดงคารวะขั้นสูงของไท่อิ๋นสี่ และกล่าวว่า “เจ้าคิดมากไปแล้ว ข้าไม่ใช่คนที่ปกป้องแดนลัทธิเซียน ยิ่งไม่ใช่ทำเพื่อความสุขของแดนลัทธิเซียน ข้าเป็นเพียงคนที่เดินทางผ่านมาเท่านั้นเอง แค่ชอบในโครงสร้างของเทียนเชี่ยนเท่านั้นเอง และทำการศึกษาแล้วมองเห็นช่องโหว่บางอย่างเท่านั้นเอง”
ภายในใจของไท่อิ๋นสี่หวั่นไหวอย่างรุนแรง เขาอยู่ในฐานะผู้เฝ้าด่านเทียนสงกวาน เฝ้ารักษามานานมากแล้ว กล่าวได้ว่าเข้าใจในเทียนเชี่ยนอย่างละเอียด แต่ว่า ตัวเขาที่แข็งแกร่งถึงเพียงนี้แล้ว ยังไม่ชัดเจนในช่องโหว่แต่ละแห่งเหล่านี้
อย่างไรก็ตาม หลี่ชิเย่เป็นเพียงคนที่เดินทางผ่านมาเท่านั้น เดินบนเทียนเชี่ยนรอบหนึ่งก็รู้ถึงช่องโหว่ของเทียนเชี่ยนแล้ว ช่างเป็นเรื่องที่น่ากลัวอะไรขนาดนั้น
ไท่อิ๋นสี่อาศัยอยู่ในเทียนเชี่ยนเป็นเวลานาน ในใจของเขาเข้าใจถึงความแข็งแกร่งของเทียนเชี่ยนยิ่งนัก เมื่อใดที่มีการเปิดเทียนเชี่ยนขึ้นมา อย่าว่าแต่ยอดฝีมือทั่วๆ ไปเลย แม้แต่ปฐมบรรพบุรุษที่แข็งแกร่งก็ไม่เห็นจะสามารถตีเทียนเชี่ยนให้แตกได้
แม้จะไม่ทราบว่าเทียนเชี่ยนนั้นกำเนิดขึ้นโดยฝีมือของใคร แต่ว่า ความลึกซึ้งยอดเยี่ยมของมันนั้นหาใช่ยอดฝีมือโดยทั่วไปสามารถทำความบรรลุได้ แม้แต่ปฐมบรรพบุรุษที่ปราดเปรื่องน่าทึ่งก็ไม่เห็นจะสามารถแอบส่องโฉมหน้าของเทียนเชี่ยนได้ทั้งหมด
ด้วยเหตุนี้เอง ไท่อิ๋นสี่รู้ลึกถึงความน่ากลัวของเทียนเชี่ยน และเขาก็รู้ว่าอาศัยกำลังความสามารถเช่นนี้ของเขา เกรงว่าชาตินี้คงไร้ความสามารถที่จะแอบส่องเห็นโฉมหน้าทั้งหมดของเทียนเชี่ยนได้แล้ว
แต่ว่า เวลานี้หลี่ชิเย่กลับสามารถยกเอาช่องโหว่ออกมาให้เห็นอย่างละเอียด และเสนอแนะวิธีการแก้ไขในแต่ละจุด ด้วยกำลังความสามารถเช่นนี้ อย่าว่าแต่เป็นตัวเขา และหรือพระอาจารย์จินกวง เกรงว่าไม่เห็นจะมีใครในแดนลัทธิเซียนยุคนี้ที่สามารถทำได้
แต่หลี่ชิเย่กลับทำได้แล้ว มันช่างเป็นกำลังความสามารถที่น่ากลัว น่าสยองขวัญอะไรอย่างนั้น
เมื่อไท่อิ๋นสี่นึกถึงข้อนี้แล้ว ถึงกับมีเหงื่อเย็นไหลโทรมกาย เฉกเช่นที่ฮุ่ยชิงเสียนได้พูดเอาไว้เมื่อครู่ ถ้าหากหลี่ชิเย่มีแผนการจริงล่ะก็ เกรงว่าแค่กองทัพเทียนเชี่ยน เกรงว่าเทียนเชี่ยนที่พวกเขาพึ่งพาไม่สามารถต้านหลี่ชิเย่เอาไว้ได้อยู่แล้ว
หากว่าหลี่ชิเย่มีแผนการจริง เขาก็สามารถทำลายเทียนเชี่ยนได้เช่นกัน
มิน่าเล่าฮุ่ยชิงเสียนจึงได้พูดว่า การที่หลี่ชิเย่ขอยืมตราอาญาสิทธิ์ทางทหารรูปพยัคฆ์กับเขานั้น นั่นคือการมาด้วยความประสงค์ดีแล้ว ถ้าหากเขาต้องการอะไรจริงๆ แค่ทำลายเทียนเชี่ยนโดยตรง ก็สามารถได้ในสิ่งที่ต้องการเหมือนกันมิใช่รึ?
เวลานี้หลี่ชิเย่ถึงกับต้องลำบากยากเย็นเดินทางมาเพื่อขอยืมตราอาญาสิทธิ์ทางทหารรูปพยัคฆ์กับเขา นั่นคือความจริงใจอย่างแท้จริง และเป็นประสงค์ดี เขาไม่ต้องการทำลายเทียนเชี่ยนทิ้งเท่านั้นเอง
คุณชายคือมนุษย์เทพ…ไท่อิ๋นสี่ได้แสดงคารวะขั้นสูงต่อหลี่ชิเย่อีกครั้ง กล่าวด้วยความเคารพว่า “อิ๋นสี่โง่เขลา มาวันนี้ได้รับการเตือนสติจากคุณชาย คือความโชคดีอย่างยิ่งของอิ๋นสี่…”
หลี่ชิเย่รับการคารวะขั้นสูงจากไท่อิ๋นสี่ และกล่าวเรียบเฉยว่า “เจ้ายังคงเร่งรัดเวลาในการซ่อมแซมช่องโหว่เหล่านั้นจะดีกว่า เวลาไม่คอยท่า ที่ควรมาจะอย่างไรเสียก็ต้องมาอยู่แล้ว”
“เป็นความจริงที่ภัยพิบัติจะมารึ? ” ไท่อิ๋นสี่รู้สึกตื่นเต้นในใจยิ่งนักเมื่อได้ยินคำพูดเช่นนี้ รีบเอ่ยถามขึ้นมา
ความจริงแล้วภายในใจของไท่อิ๋นสี่ได้มีการเตรียมการ และคิดมาแล้วเกี่ยวกับภัยพิบัติที่จะมาถึง เพียงแต่ภายในใจของเขายังคงมีความหวังว่าจะโชคช่วยอย่างไม่คาดคิดน้อยๆ เขาคาดหวังให้สิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้าทุกอย่างเป็นเพียงเรื่องบังเอิญเท่านั้นเอง
“ถูกต้อง ที่ควรจะต้องมา อย่างไรเสียก็ต้องมา ใครก็หนีไม่พ้น” หลี่ชิเย่กล่าวเรียบเฉยขึ้นมา
“ภัยธรรมชาติจะมาจริงๆ แล้ว” ไท่อิ๋นสี่ถึงกับพึมพำขึ้นมา ในเวลานี้ภายในใจของเขารู้สึกหนักใจขึ้นมา เนื่องจากหากภัยธรรมชาติมาถึง เกรงว่าด่านเทียนสงกวานของพวกเขาจะต้องเป็นหนังหน้าไฟ
“ภัยธรรมชาติ? ” หลี่ชิเย่ถึงกับหัวเราะขึ้นมา ส่ายหน้า และกล่าวว่า “ไม่มีภัยธรรมชาติอะไรทั้งนั้น ในแดนสามเซียนถือเป็นหนึ่งในสถานที่ที่ปลอดภัยมากที่สุดแล้ว สวรรค์โจรคิดจะให้เกิดภัยธรรมชาติก็ใช่เป็นเรื่องง่ายดาย ภัยพิบัติหาใช่ภัยธรรมชาติอะไร แต่เป็นภัยจากมนุษย์! ”
ภัยมนุษย์…ไท่อิ๋นสี่ถึงกับเสียวสันหลังวาบบ สีหน้าพลันเปลี่ยนไป ด้วยจิตใต้สำนึกเขาอดมองไปที่ทะเลปุ๊ตู้ไห่ไม่ได้ รู้สึกหวั่นไหวในใจ และกล่าวว่า “ความหมายของคุณชายคือ มีสหายเก่าจะกลับมา…”
กำลังความสามารถของไท่อิ๋นสี่นับว่ามีความเข้มแข็งมากแล้ว ในฐานะที่เขาเป็นถึงระดับคงความอมตะตลอดกาลขั้นสูงสุด เขาสามารถเทียบเคียงได้กับปฐมบรรพบุรุษแล้ว เช่นปฐมบรรพบุรุษชั้นแดนลัทธิพรรษะ กระทั่งปฐมบรรพบุรุษชั้นแดนลัทธิราชัน
ตัวเขาที่แข็งแกร่งถึงระดับนี้แล้วมองได้ไกลยิ่งกว่า สิ่งที่รับรู้ก็มีมากกว่า ดังนั้น เมื่อหลี่ชิเย่เอ่ยถึง ‘ภัยมนุษย์’ เขาจึงรู้สึกหวาดหวั่นพรั่นพรึงในใจ
ในเวลานี้ ไท่อิ๋นสี่ก็มีความคิดหลายอย่างผุดขึ้นมาอย่างไม่ขาดสาย นึกถึงตำนานบางอย่าง
สหายเก่ากลับมา…หลี่ชิเย่ยิ้มบางๆ และกล่าวว่า “ดั่งสหายเก่าใช่สหายเก่า ถึงเวลานั้น ยังจะมีใครกล้าพูดว่าเป็นสหายเก่า! ”
“ดั่งสหายเก่าใช่สหายเก่า” ไท่อิ๋นสี่อดที่จะพึมพำขึ้นมาไม่ได้
“ที่คุณชายหลี่พูดมาล้วนเป็นเหตุผล” เวลานี้ฮุ่ยชิงเสียนก็เอ่ยขึ้นช้าๆ กับไท่อิ๋นสี่ว่า “เมื่อใดที่เกิดเรื่องขึ้นมา ด่านเทียนสงกวานต้องประสบภัยพิบัติเป็นคนแรกแน่นอน เรื่องนี้ในใจของใต้เท่าอิ๋นชัดเจนยิ่ง ดังนั้น ใต้เท้าอิ๋นควรจะเร่งรัดซ่อมแซมช่องโหว่ให้ดี เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับข้าศึกที่มาประชิด”
ไท่อิ๋นสี่ถึงกับก้มมองดูกระดาษแผ่นนั้นของหลี่ชิเย่อีกครั้ง เมื่อได้รับการกล่าวเตือนเช่นนี้จากฮุ่ยชิงเสียนแล้ว ยิ้มเจื่อนๆ และกล่าวว่า “นางฟ้า เกรงว่าเรื่องนี้จะไม่ง่าย เทียนเชี่ยนนั้นใหญ่โตจนปราศจากสิ่งใดเทียบเทียม แม้ว่าช่องโหว่ที่เห็นจะดูเล็กน้อย มันก็แค่กล่าวสำหรับเทียนเชี่ยนเท่านั้น คิดจะซ่อมแซมทุกๆ ช่องโหว่ให้ดี ต้องอาศัยทรัพยากรและแรงคนจำนวนมหาศาล จำเป็นต้องมีโลหะศักดิ์สิทธิ์ หินเซียน ต้องมียอดฝีมือจำนวนมากร่วมมือกันหลอมกลั่น หากอาศัยเพียงกองทัพเทียนเชี่ยน เกรงว่าต้องอาศัยเวลาที่ยาวนานมากๆ จึงสามารถซ่อมแซมช่องโหว่ให้เสร็จ…”
เทียนเชี่ยนนั้นคือระบบป้องกันที่ใหญ่ที่สุดยาวที่สุดของแดนลัทธิเซียน มันมีความยาวถึงล้านล้านลี้ แค่หนึ่งช่องโหว่ก็น่าตกใจยิ่ง จำเป็นต้องสูญเสียกำลังคนและกำลังทรัพย์จำนวนมหาศาลจึงสามารถซ่อมแซมมันให้ดีได้
“มีแขกมาเยือนจากทะเลปุ๊ตู้ไห่ เทียนเชี่ยนก็ต้องประสบภัยเป็นด่านแรก” ฮุ่ยชิงเสียนเอ่ยขึ้นช้าๆ ว่า “หากว่าเทียนเชี่ยนถูกตีแตก แดนลัทธิเซียนก็จะเผยตัวอยู่ต่อหน้ากองกำลังทหารที่แข็งแกร่งมาก หากเทียนเชี่ยนไม่ได้ดำรงอยู่ ใต้หล้าจะเป็นสุขได้อย่างไร? เทียนเชี่ยนไม่ใช่ของใครคนหนึ่งคนใด จำเป็นต้อง มีส่วนด้วยกันทั่วหล้า สมควรได้เวลาที่ใต้หล้าร่วมบริจาคด้วยกัน ระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิแต่ละแห่ง ยอดฝีมือแต่ละคนล้วนสมควรแบกรับหน้าที่นี้”
“คำพูดนี้ของนางฟ้ามีเหตุผล เกรงว่าคงไม่ง่ายนัก” ไท่อิ๋นสี่ถึงกับยิ้มเจื่อนๆ ไหนเลยไท่อิ๋นสี่จะไม่เข้าใจเหตุผลเช่นนี้
ความจริงแล้วผู้คนใต้หล้าต่างก็เข้าใจ หากเทียนเชี่ยนแตก เช่นนั้นแล้วระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิจำนวนเท่าไร อาณาประชาราษฎร์จำนวนเท่าไรต้องเผยตัวอยู่ด้านหน้าของภัยพิบัติเล่า แต่ว่า การที่จะให้ระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิแต่ละแห่ง ยอดฝีมือแต่ละคนบริจาคโลหะศักดิ์สิทธิ์ หินเซียนของตนใช่เป็นเรื่องง่ายดาย จะอย่างไรเสียไม่ว่าใครก็ย่อมเห็นแก่ตัวทั้งสิ้น
“เขาหวู่สิงซานจะรับผิดชอบหนึ่งในสาม ที่เหลือให้ใต้หล้าร่วมปันส่วนจะได้หรือไม่? ” ฮุ่ยชิงเสียนเกล่าวขึ้นมาช้าๆ
พลันที่ฮุ่ยชิงเสียนพูดคำๆ นี้ขึ้นมา ภายในใจของไท่อิ๋นสี่ถึงกับหวั่นไหว หนึ่งในสามของโลหะศักดิ์สิทธิ์และหินเซียนที่ต้องการใช้ นั่นมันเพียงพอที่จะสร้างระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิได้แห่งหนึ่ง กระทั่งมากกว่านั้น ช่างเป็นการมือเติบเช่นใด
แต่ว่า ฮุ่ยชิงเสียนกลับรับปากในทันทีโดยไม่มีการลังเลแม้แต่น้อยนิด ไม่มีเยิ่นเย้อแม้แต่น้อย มือเติบเช่นนี้ลำพังอาศัยคำว่าใจกว้างไม่สามารถเปรียบเปรยได้แล้ว มากด้วยกำลังความสามารถเหลือเกิน”
“ใต้หล้ากว้างใหญ่ไพศาลเพียงใด ระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิมีมากมายเช่นใด แต่ว่าเขาหวู่สิงซานได้บริจาคแต่ผู้เดียวไปแล้วถึงหนึ่งในสาม บรรดาผู้บำเพ็ญตนใต้หล้า บรรดาระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิใต้หล้ายังจะต้องการอะไรอีก?
อิ๋นสี่ขอบคุณเขาหวู่สิงซาน ขอบคุณนางฟ้าแทนใต้หล้า…ไท่อิ๋นสี่กราบลงกับพื้น เมื่อมีฮุ่ยชิงเสียนออกปากก็กลับกลายเป็นง่ายขึ้นมากทีเดียว
สมควรทราบว่า เขาหวู่สิงซานเองได้รับผิดชอบผู้เดียวถึงหนึ่งในสามไปแล้ว ใต้หล้าปันส่วนกันสองในสามแล้วยังจะเอาอะไรอีก? ต่อให้ระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิอื่นๆ ไม่ยินยอมก็ไม่มีข้ออ้างเสียแล้ว ล้วนแล้วแต่ต้องรับผิดชอบต่อการปันส่วนเช่นนี้
ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อฮุ่ยชิงเสียนออกปากแล้วว่า เขาหวู่สิงซานยินดีรับผิดชอบต่อการยอดสิ้นเปลืองในครั้งนี้แล้วถึงหนึ่งในสาม เท่ากับว่าเขาหวู่สิงซานเป็นผู้นำรับผิดชอบโครงการในครั้งนี้
เมื่อมีเขาหวู่สิงซานชูมือปลุกระดมมวลชน ใต้หล้ายังจะมีระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิใดที่ไม่ยินยอมปันส่วนด้วย กล่าวได้ว่า ในขั้นนี้คำพูดของเขาหวู่สิงซานใช้การได้ดีกว่าไท่อิ๋นสี่มากทีเดียว
เมื่อมีเขาหวู่สิงซานรับผิดชอบหนึ่งในสาม มีการแสดงท่าทีของฮุ่ยชิงเสียน โครงการที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้ดูจะง่ายขึ้นมากทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นด้านกำลังคน และทรัพยากรล้วนสามารถเข้าประจำตำแหน่งได้ตามต้องการ การซ่อมแซมช่องโหว่ของเทียนเชี่ยนเหลือเพียงเงื่อนเวลาเท่านั้นเอง
“รีบๆ ซ่อมเข้าก็แล้วกัน ซ่อมเสร็จเร็วขึ้นวันหนึ่งก็จะวางใจได้เร็วขึ้นนิดหนึ่ง” ฮุ่ยชิงเสียนกล่าวขึ้นช้าๆ ว่า “เวลาไม่คอยท่า ภัยพิบัติก็ไม่คอยท่าเช่นกัน ที่ควรมาย่อมต้องมาแน่นอน ถึงตอนนั้นหากยังเตรียมการไม่พร้อม ทุกอย่างก็จะเหนื่อยเปล่า ทุกอย่างก็จะหายวับไปกับตาในพริบตา”
“อิ๋นสี่เข้าใจ” ไท่อิ๋นสี่รีบกล่าวต่อว่า “อิ๋นสี่จะต้องแบกรับภารกิจสำคัญนี้ และซ่อมแซมมันให้เรียบร้อยด้วยเวลาที่เร็วที่สุด! ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม อิ๋นสี่ก็จะร่วมเป็นร่วมตายกับเทียนเชี่ยน! ”
คำพูดนี้ของไท่อิ๋นสี่หนักแน่นเปี่ยมด้วยพลัง ตัวเขาที่มีชาติกำเนิดมาจากเขาหวู่สิงซานกล้ารับปากต่อหน้านางฟ้าแห่งเขาหวู่สิงซาน ย่อมไม่เป็นการพูดไปอย่างนั้นเอง การที่เขาพูดออกมาเช่นนี้ย่อมต้องปฏิบัติตามหน้าที่ความรับผิดชอบของตน
“ข้าเชื่อในความสามารถของใต้เท้าอิ๋น” นางฟ้าแห่งเขาหวู่สิงซาน ฮุ่ยชิงเสียนมั่นใจใจกำลังความสามารถของไท่อิ๋นสี่มากทีเดียว
“เอาล่ะ ไม่มีเรื่องของข้าแล้ว” หลี่ชิเย่ลุกขึ้นยืน บิดขี้เกียจทีหนึ่ง หัวเราะและกล่าวว่า “ได้เวลาที่ข้าควรจะไปได้แล้ว”
“หวังว่ายังสามารถพบพี่หลี่อีก” ขณะที่หลี่ชิเย่ไปจาก ฮุ่ยชิงเสียนได้กล่าวคำอำลากับเขา
“เชื่อว่าจะได้พบกันในเร็ววัน” หลี่ชิเย่ยิ้มนิดหนึ่ง ก้าวออกจากจวนนายด่าน
ขณะที่พวกของหลี่ชิเย่ไปจากนั้น ไท่อิ๋นสี่ได้ส่งด้วยตนเอง กระทั่งถึงด้านนอกของจวนจึงได้หยุด
พี่ท่าน…หลังจากที่หลี่ชิเย่ออกจากจวนนายด่านแล้ว มีผู้เดินเข้ามาหาทันที คนผู้นี้รอหลี่ชิเย่อยู่นอกจวนเป็นเวลานานมากแล้ว
คนผู้นี้ก็คือราชันแท้จริงเซิ่นซวงแห่งหอจรัสศักดิ์สิทธิ์นั่นเอง
ราชันแท้จริงเซิ่นซวงคือราชันแท้จริงสิบสองลัคนาที่ปราศจากผู้ต่อกร มีฐานะสูงส่งยิ่งนัก แต่ว่า นางยังคงยินดีรอคอยหลี่ชิเย่ ต่อให้ต้องรอนานมากกว่านี้นางก็มีความอดทนพอ
หลังจากที่ราชันแท้จริงเซิ่นซวงเห็นหลี่ชิเย่แล้ว ได้แสดงคารวะด้วยการโค้งคำนับอย่างลึกซึ้ง
“พี่ท่าน บรรดาบรรพบุรุษของหอจรัสศักดิ์สิทธิ์ต้องการเข้าพบพี่ท่าน” ราชันแท้จริงเซิ่นซวงก็ไม่อ้อมค้อม รวดเร็วตรงไปตรงมา ตรงประเด็น
“แหะในที่สุดพวกแก่ตายยากฝูงหนึ่งของหอจรัสศักดิ์สิทธิ์มีปฏิกิริยาตอบสนองขึ้นมาแล้วสิ คิดจะดึงคนแล้วสิ” เจ้ากระบือดำขนาดใหญ่หัวเราะแหะแหะ กล่าวเหยียดหยามว่า “เห็นคุณค่าแล้วสิ ในที่สุดก็รีบรุดมาเหมือนไฟรนก้นอย่างนั้น”
ราชันแท้จริงเซิ่นซวงถึงกับเคอะเขินอยู่บ้าง และยิ้มแห้งๆ เมื่อถูกกระบือดำขนาดใหญ่พูดเยาะเย้ย แน่นอน เป็นความจริงว่า การที่เหล่าบรรพบุรุษของหอจรัสศักดิ์สิทธิ์รุดมาที่นี่ต้องการดึงตัวหลี่ชิเย่จริงๆ
จะอย่างไรเสีย ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม หลี่ชิเย่ก็คือนักศึกษาของหอจรัสศักดิ์สิทธิ์ของพวกเขา มีนักศึกษาที่ดีเช่นนี้ ทางหอจรัสศักดิ์สิทธิ์จะพลาดโอกาสนี้ไปได้อย่างใดกันเล่า?
…………………………………………………………