Emperor's Domination จักรพรรดิบรรพกาล - ตอนที่ 2999 หลิวซันเฉียงอีกแล้ว
ตอนที่ 2999 หลิวซันเฉียงอีกแล้ว
ทุกคนมองตามไป ผู้ที่ตะโกนคือพ่อค้าคนหนึ่ง และพ่อค้าคนนี้ก็คือหลิวซันเฉียงนั่นเอง
“ทำไมเจ้าจึงรู้ละเอียดได้ถึงเพียงนี้?” มีผู้ย้อนถามทันที เมื่อเห็นว่าหลิวซันเฉียงเป็นเพียงพ่อค้าคนหนึ่งเท่านั้นเอง
“แหะข้าหลิวซันเฉียงเก่งเรื่องกินข้าว เก่งเรื่องบริการ เก่งเรื่องความน่าเชื่อถือ มีข่าวลือมากมาย” หลิวซันเฉียงยิ้มแต้และกล่าวว่า “นายท่าน ต้องการซื้อบัตรออกจากงานหรือไม่เล่า รีบเข้ามาซื้อเร็ว โอกาสหายาก โอกาสหาได้ยาก”
“เคยได้ยินแต่ตั๋วเข้างาน บัตรออกจากงานเพิ่งได้ยินเป็นครั้งแรก อะไรคือบัตรออกจากงาน” แม้แต่บรรดาบรรพบุรุษก็ถูกดึงดูดใจด้วยคำพูดของหลิวซันเฉียง
“บัตรออกจากงาน ชื่อนั้นเป็นไปตามความหมายแฝง ออกงานหมายถึงไปจาก อิ อิ อิพูดให้ง่ายสักนิดก็คือตั๋วหลบหนี” หลิวซันเฉียงหัวเราะอิอิและกล่าวว่า “เป็นต้นว่านายท่านคิดจะหนีไปจากเรือลำนี้ พวกเรานัดเวลา นัดสถานที่ และหรือไม่นัดหมายก็ได้ ขอเพียงนายท่านแต่ละท่านคิดจะหนีไป ข้าน้อยก็จะรับพวกท่านทันที แน่นอน ราคาคุยตกลงกันได้ ตกลงกันได้ ราคาความเสี่ยงที่แตกต่าง”
บัตรออกจากงาน…ผู้คนจำนวนไม่น้อยรู้สึกว่าวิธีเรียกแบบนี้ดูแปลกใหม่ พูดให้ชัดเจนก็คือบัตรหลบหนี
แน่นอน ก็มีผู้คนจำนวนมากที่มองเห็นท่าทางของหลิวซันเฉียงแล้ว รู้สึกว่าเขาไม่น่าเชื่อถือแม้แต่น้อย กระทั่งมีคนจำนวนไม่น้อยที่คิดว่าเขาหลอกลวง
ดังนั้น แม้ว่าทุกคนล้วนแล้วแต่ ได้ยินเสียงตะโกนของหลิวซันเฉียง แต่ว่าคนที่จะซื้อบัตรจากเขาจริงๆ นั้นไม่มีเลยสักคน
“บัตรออกจากงาน วันนี้จะขายเพียงแค่ใบเดียว นายท่านท่านใดต้องการซื้อรีบๆ มาซื้อกันเร็ว พลาดไปแล้วก็จะไม่มีโอกาสอีกแล้ว” แม้จะไม่มีคนสนใจหลิวซันเฉียงยังคงตะโกนเสียงดังว่า “บัตรออกจากงานมีเพียงใบเดียวเท่านั้น ผ่านไปผ่านมาอย่างให้พลาดเด็ดขาด พลาดไปแล้วก็ต้องไปนรกอเวจี…”
หลิวซันเฉียงแหกปากร้องตะโกนเสียงดังอยู่ตรงนั้น
“ดูนั่น คนโหดอันดับหนึ่งอยู่ตรงนั้น” ในเวลานี้มีผู้พบเห็นพวกของหลี่ชิเย่แล้ว พวกของหลี่ชิเย่ไม่ได้ไปไหนไกล มองเห็นหลี่ชิเย่กำลังนำพาพวกของราชันแท้จริงเซิ่นซวงก้าวเดินไปช้าๆ ท่าทางของหลี่ชิเย่เหมือนกำลังเดินเล่นในสวนหลังบ้านของตนอย่างนั้น ท่าทางไม่เหมือนเป็นการไปสำรวจเรือปราบปรามไกล
“ไอ้หนู มา มา มา มานี่” ในเวลานี้เอง กระบือดำขนาดใหญ่ก็ได้ยินเสียงร้องตะโกนของหลิวซันเฉียงแล้ว ยกกีบเท้าขึ้นกวักมือเรียกหหลิวซันเฉียง
หลิวซันเฉียงพลันทำหน้าเจื่อนๆ ทันทีเมื่อเห็นเป็นพวกของหลี่ชิเย่ แม้ว่าเขาจะไม่ยินยอมอย่างยิ่ง แต่ก็ได้แต่กัดฟันเดินเข้าไปหา
“นายท่านทั้งหลายมีเรื่องอันใดเล่า” หลังจากที่หลิวซันเฉียงได้เดินเข้ามาถึงแล้ว ทำปั้นหน้ายิ้มแย้มขึ้นมา แน่นอน รอยยิ้มของเขานั้นดูน่าเกลียดยิ่งกว่าร้องไห้เสียอีก
มีเพียงกระบือดำขนาดใหญ่ที่กลั่นแกล้งหลิวซันเฉียง แต่หลี่ชิเย่ไม่ได้ทำให้เขาต้องลำบากใจ เพียงก้าวเดินไปข้างหน้าช้าๆ เท่านั้น รับรู้ถึงสถานการณ์ของเรือปราบปรามไกลทั้งลำ
เฉกเช่นที่หลิวซันเฉียงพูดเอาไว้อย่างนั้น เรือปราบปรามไกลมีห้างเจียวเหิงสร้างและวางรากฐานของโลกเล็กๆ เอาไว้ ขณะที่พวกปฐมบรรพบุรุษอัคคีพวกเขาหยิบสุริยันจันทราคว้าดวงดาวมาทำการหลอมกลั่นให้เรือปราบปรามไกลทั้งลำกลายเป็นโลกใบเล็กขึ้นมา
ดังนั้น หากกล่าวว่าพวกของปฐมบรรพบุรุษอัคคีขับเคลื่อนเรือปราบปรามไกลเข้าไปยังทะเลปุ๊ตู้ไห่ กล่าวให้ถูกต้องมากกว่าคือ พวกเขาขับเคลื่อนโลกใบเล็กๆ ใบหนึ่งเข้าสู่ทะเลปุ๊ตู้ไห่
“ไอ้หนู เจ้าจะขายบัตรออกจากงานมิใช่รึ? ขายยังไง? ” กระบือดำขนาดใหญ่กล่าวหัวเราะแหะแหะ
“นายท่านแต่ละท่าน บัตรออกจากงานของข้าน้อยมีเพียงใบเดียวเท่านั้น ไม่เหมาะสำหรับนายท่านทั้งหลาย ไม่เหมาะสม” หลิวซันเฉียงที่มีรอยยิ้มเต็มใบหน้า แต่ว่ารอยยิ้มของเขานั้นดูน่าเกลียดยิ่งกว่าร้องไห้เสียอีก
เนื่องจากคราวก่อนหลี่ชิเย่ได้อาศัยกำลังแย่งชิงบัตรเข้างานของเขาไปโดยไม่จ่ายให้เขาแม้แต่อีแปะเดียว ทำให้เขาซื้อขายฟรีไป
“ทำไม ดูถูกพวกเราอย่างนั้นรึ? กลัวพวกเราไม่มีเงินซื้อบัตรออกจากงานของเจ้ารึ? ” นัยน์ตาที่เบิกกว้างโตอย่างกับกระดิ่งทองแดงของกระบือดำขนาดใหญ่จ้องตาเขม็ง
“ไม่ ไม่ ไม่ ไม่กล้า ไม่กล้า ท่านทั้งหลายล้วนเป็นนายทุนใหญ่ ใจถึงมากด้วยทรัพย์ พลันลงมือก็เป็นพันล้าน เงินเล็กน้อยแค่นี้สำหรับนายท่านทั้งหลายไม่นับเป็นอะไรได้ ขนหน้าแข้งไม่ร่วง ข้าน้อยไหนเลยกล้าบอกว่านายท่านทั้งหลายไม่มีเงินซื้อเล่า ไม่กล้าอย่างเด็ดขาด” หลิวซันเฉียงร้องโอดครวญขึ้นทันที และรีบพูดประจบสอพรอ
พูดจบ เขาก็อดที่จะพึมพำเบาๆ ว่า “บัตรเข้างานครั้งก่อนยังไม่ได้จ่ายเลย”
เจ้าพูดอะไร…กระบือดำขนาดใหญ่ไม่พอใจทันที จ้องตาเขม็ง ท่าทางเปี่ยมไปด้วยกลิ่นอายสังหาร เหมือนต้องการจับหลิวซันเฉียงเชือดเสียอย่างนั้น
ไม่ ไม่ ไม่ได้พูดอะไร ไม่ได้พูดอะไร” หลิวซันเฉียงรีบเอ่ยขึ้น
“เอาล่ะ เจ้าก็อย่าไปทรมานเขาเลย” หลี่ชิเย่ยิ้มและส่ายหน้า จากนั้น มองหน้าหลิวซันเฉียงแวบหนึ่ง ยิ้มบางๆ และกล่าวว่า “เจ้าตักตวงผลประโยชน์จากตัวข้ามากเพียงพอแล้วล่ะ อย่าทำเป็นไม่พอใจ และมัวแต่นึกถึงเงินค่าบัตรไม่กี่ใบนั่นอีกเลย
“นายท่านพูดถูก เป็นข้าน้อยที่ผิด เป็นข้าน้อยที่ผิดเอง” เปรียบกับกระบือดำขนาดใหญ่แล้ว ท่าทีของหลิวซันเฉียงที่มีต่อหลี่ชิเย่ดูจะให้ความเคารพยิ่งกว่า
“ทำไม ไอ้หนู เป็นเพราะท่านปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่มีเงิน ท่าทีของเจ้าก็ดูดีขึ้นทันที ดูถูกกระบือสุดหล่ออย่างข้า” เจ้ากระบือดำขนาดใหญ่แสดงความไม่พอใจทันที จ้องตาเขม็ง
“มิกล้า มิกล้า นายท่านกระบือ ข้าน้อยเลื่อมใสท่านดั่งน้ำในแม่น้ำที่ไหลไปไม่ขาดสาย” หลิวซันเฉียงกล่าวประจบสอพรอเป็นการใหญ่ทันที “นายท่านกระบือ ท่านคือกษัตริย์สูงสุดแห่งภูเขาศักดิ์สิทธิ์ ผู้มีฐานะสูงสุดเป็นนิรันดร์ ใครเล่าสามารถกับท่าน…”
ภายใต้การพูดประจบสอพรอของหลิวซันเฉียง ค่อยทำให้กระบือดำขนาดใหญ่พึงพอใจยิ่งนัก แกล้งแสดงท่าทีหาเรื่องนิดหนึ่ง แล้วจึงพยักหน้า
“แต่ทว่า บัตรออกจากงานใบนี้ของเจ้า กระบือสุดหล่ออย่างข้าซื้อเอาไว้แล้ว” กระบือดำขนาดใหญ่มองหน้าหลิวซันเฉียงท่าทีเอ้อระเหย กล่าวหัวเราะเรียบเฉย
“นายท่านกระบือ นายผู้เฒ่าคือผู้ที่ปราศจากผู้ต่อกรในหล้า ปราศจากผู้ต่อกรเป็นนิรันดร์ ท่านไหนเลยต้องการบัตรออกจากงาน นายผู้เฒ่าท่านแค่กระโดดเบาๆ ก็ก้าวข้ามอดีตปัจจุบัน มีที่ไหนสามารถรั้งตัวนายผู้เฒ่าท่านได้” หลิวซันเฉียงทำหน้าเจื่อนๆ แลฃะพูดขอให้ละเว้นตนทันที
“ไม่ กระบือสุดหล่ออย่างข้าไม่ได้ซื้อเพื่อตัวเอง ข้าซื้อให้ศิษย์คนนี้ของข้า” กล่าวพลาง กระบือดำขนาดใหญ่ได้ชี้ไปที่หลิ่วเยี่ยนไป๋ที่นั่งอยู่บนหลังของตน
เรื่องนี้…เวลานี้ หลิวซันเฉียงมองดูหลิ่วเยี่ยนไป๋ ถึงกับลังเลขึ้นนิดหนึ่ง
หลิวซันเฉียงหัวเราะแห้งๆ และกล่าวว่า “นายท่านกระบือ ดูท่านสิ ท่านก็อยู่ที่ตรงนี้มิใช่รึ มีนายผู้เฒ่าท่านคอยคุ้มครอง คุณหนูท่านนี้ปลอดภัยแน่ ไม่ต้องอาศัยบัตรออกจากงานกระมัง”
“แหะเจ้าเป็นคนบอกว่าใช้ได้ทุกที่ทุกเวลามิใช่รึ? ”กระบือดำขนาดใหญ่หัวเราะแหะแหะและกล่าวว่า “ข้าซื้อบัตรออกจากงานชนิดสามล้านปีใบหนึ่ง เอาประเภทใช้ได้ทุกเมื่อแบบนั้น”
เรื่องนี้…หลิวซันเฉียงตะลึงงันนิดหนึ่ง เมื่อได้สติกลับมาจึงหัวเราะแห้งๆ และกล่าวว่า “นายท่านกระบือ เกรงว่าข้าน้อยจะมีชีวิตอยู่ไม่นานขนาดสามล้านปีนั่นกระมัง ถึงตอนนั้น กระดูกของข้าน้อยคงกลับกลายเป็นดินไปแล้วล่ะ”
“ไม่เป็นปัญหา เจ้าตายแล้ว ตระกูลหลิวของเจ้ายังอยู่ แค่นี้ก็พอแล้ว” กระบือดำขนาดใหญ่กล่าวเอ้อระเหยว่า “ไง เสนอราคามาเลย เรื่องเงิน กระบือสุดหล่ออย่างข้ามีปัญญาจ่าย”
ในเวลานี้ เจ้ากระบือดำขนาดใหญ่วางมาดเป็นผู้มีอิทธิพลคนหนึ่ง สุดแล้วแต่หลิวซันเฉียงเสนอราคามา เหมือนว่าสุดแล้วแต่หลิวซันเฉียงจะเชือดอย่างนั้น ต่อให้หลิวซันเฉียงเสนอราคาที่สูงลิ่ว เขาก็ยอมรับได้อย่างนั้น
จะไปดูถูกกระบือดำขนาดใหญ่ก็ไม่ถูก ธาตุแท้ภายในของเขาลึกล้ำมาก กระทั่งมีความเป็นไปได้ว่า ธาตุแท้ภายในของระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิสักแห่ง ก็ไม่เห็นจะเทียบได้กับตัวเขาคนเดียว
เรื่องนี้ เรื่องนี้ เรื่องนี้…แม้ว่ากระบือดำขนาดใหญ่จะวางมาดเหมือนสุดแล้วแต่หลิวซันเฉียงจะเชือดก็ตาม ทำให้หลิวซันเฉียงถึงกับลังเล เขาไม่กล้าเสนอราคาขึ้นมา
ให้ฟรีเถอะ” จังหวะที่หลิวซันเฉียงกำลังลังเลอยู่นั้น หลี่ชิเย่ได้พูดเรียบๆ ขึ้นมา
ให้ ให้ ให้ฟรี…หลิวซันเฉียงตกใจยิ่งนัก แม้แต่คำพูดก็ไม่ลื่นไหล ติดๆ ขัดๆ กระโดดตัวลอย จากนั้นเมื่อได้สติกลับมา จึงร้องโอดครวญว่า “นายท่าน ท่าน ท่าน ท่านล้อเล่นแล้ว ล้อเล่นแล้ว”
“ข้าไม่ได้พูดเล่น ให้ฟรีก็แล้วกัน” หลี่ชิเย่กล่าวเอ้อระเหยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
หลิวซันเฉียงพลันทำหน้าเจื่อนๆ และกล่าวว่า “นายท่าน ข้าน้อยบนมีผู้เฒ่าผู้แก่ ล่างมีเด็กน้อย อาศัยค้าขายเล็กๆ น้อยๆ เลี้ยงครอบครัว ถ้าหากยังคงให้ฟรีอีกต่อไป คนในครอบครัวก็ต้องอดตายแล้ว”
“อดตายก็ดี” หลี่ชิเย่กล่าวเรียบเฉยว่า “แม้ว่าการค้าขายมีทั้งลาภที่ไร้คุณธรรม มีการค้าที่แฝงด้วยเลือด แต่ว่า เรื่องบางเรื่องก็สมควรมีการซื้อขายที่เป็นคุณธรรม เผ่าเจ๋าสือนั้นมีคุณูปการต่อแดนสามเซียนเป็นอันมาก ยิ่งเป้าผู่ด้วยแล้ว ถือเป็นผู้นำของแดนสามเซียน ตัวเขาคือปรัชญาเมธีที่ขับไล่เมฆหมอกออกไป…”
“…สำหรับแดนสามเซียนทั้งหมดแล้ว มีคุณูปการที่ไม่สามารถลบเลือนไปได้ เจ้าลองว่ามา การค้าของเจ้ากับนังหนูคนนี้สมควรทำหรือไม่ และนอกจากไม่ควรทำแล้ว พวกเจ้าก็ต้องมีการดำเนินการ จะได้ไม่เสียทีที่มีความน่าเชื่อถือเป็นที่ยอมรับของผู้คน”
คำพูดของหลี่ชิเย่พูดได้เรียบเฉยมาก แต่มีความหมายลึกซึ้งอย่างยิ่ง
ในเวลานี้ หลิวซันเฉียงถึงกับตะลึงอยู่ตรงนั้น เมื่อได้ยินคำบอกเล่าของหลี่ชิเย่ พูดอะไรไม่ออกอยู่นาน
“เจ้าหนู คำพูดท่านปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ เจ้าฟังแล้วเข้าใจหรือไม่” เวลานี้ เจ้ากระบือดำขนาดใหญ่ก็ไม่ได้ร้องเอ็ดตะโรอีก ไม่ได้กลั่นแกล้งหลิวซันเฉียงอีก เพียงทำตาขวางหลิวซันเฉียงด้วยท่าทีเย็นชา
หลังจากผ่านไปชั่วครู่ เมื่อหลิวซันเฉียงได้สติกลับมา สูดลมหายใจเข้าลึกๆ ทีหนึ่ง คารวะต่อหลี่ชิเย่อย่างลึกซึ้ง และกล่าวว่า “ขอบคุณนายท่านที่สอนสั่ง ซันเฉียงจะจำใส่ใจ เป็นความจริงที่พวกเราไม่ควรลืมคุณธรรม นอกเหนือจากการซื้อขายแล้วยังมีคุณธรรม ยังมีประเพณีนิยม เป็นข้าน้อยที่โง่เขลา และเป็นข้าน้อยที่ความรู้อ่อนด้อย” พูดจบ แสดงคารวะต่อ
เวลานี้ หลิวซันเฉียงได้ล้วงหยิบเอาป้ายอาญาสิทธิ์ที่เก่าแก่โบราณอันหนึ่ง ถือด้วยมือสองข้างและยื่นให้กับหลิ่วเยี่ยนไป๋ และกล่าวว่า “ป้ายอาญาสิทธิ์อันนี้นับเป็นน้ำใจเล็กน้อย และสามารถใช้เป็นบัตรออกจากงาน หากต้องการสามารถใช้ได้ทุกเมื่อ”
ท่าทางของหลิวซันเฉียงหนักแน่นจริงจังมาก สามารถมองออกได้ว่า ป้ายอาญาสิทธิ์นี้มีค่ามากน้อยเพียงใด
หลิ่วเยี่ยนไป๋ไม่กล้ารับ นางมองไปที่หลี่ชิเย่ จากนั้นก็มองดูอาจารย์ของตน
“รับเอาไว้เถอะ” หลี่ชิเย่พยักหน้าและสั่งการต่อหลิ่วเยี่ยนไป๋
“อืมมม มีไว้ได้” กระบือดำขนาดใหญ่ก็เห็นด้วย และกล่าวว่า ” สิ่งนี้นับว่าเจ้าหนูอย่างเจ้ามีมโนธรรมอยู่บ้าง อย่างน้อยที่สุดก็ไม่ได้ลืมตน รู้ถึงจุดต่ำสุดที่จะยอมรับได้ของอาชีพนี้”
เมื่อหลิ่วเยี่ยนไป๋ได้ยินคำพูดเช่นนี้ จึงได้รับเอาป้ายอาญาสิทธิ์อันนั้น
“ไปเถอะ” หลี่ชิเย่โบกมือเบาๆ และไม่หาเรื่อง หลิวซันเฉียงอีก
“นายท่านทุกท่าน มีงานซื้อขายดีๆ อย่าลืมหาข้าเก่งเรื่องบริการ เก่งเรื่องความน่าเชื่อถือ เก่งเรื่องกินข้า” ในเวลานี้ หลิวซันเฉียงเรียกได้ว่าเข้าใจเหตุผลจากการได้รับการชี้แนะ ทำยิ้มแต้ จากนั้นวิ่งจู๊ดไปเลย
“แหะเจ้าหนูคนนี้ นับว่ามีมีความตระหนักรู้อย่างแท้จริง” กระบือดำขนาดใหญ่ส่ายหัวขณะมองดูหลิวซันเฉียงที่วิ่งออกไป
“บัตรออกจากงาน เพียงหนึ่งใบเท่านั้น เดินผ่านมาผ่านไปอย่าได้พลาดอย่างเด็ดขาด” หลิวซันเฉียงวิ่งไปอีกด้านหนึ่ง ทำการขายบัตรออกจากงานของตนให้กับยอดฝีมือ
………………………………………………………………………………………….