Eternal Reverence เทพบุตรฟ้าประทาน - ตอนที่ 118
บทที่ 118
คำติชมมากมาย
“หลี่ชิตี๋ แม้ข้าจะรู้ว่าเจ้ามีความมั่นใจและความเชื่อมั่นที่สูงมาก แต่ทว่านี่คือเวทีเฟิงหยุน ทุกสิ่งสามารถเกิดขึ้นได้ อย่าได้นิ่งนอนใจไป” เฉินฟางหัวเตือนหลี่ฟู่เฉิน
หลี่ฟู่เฉินพยักหน้า “แม้ตอนที่สิงโตกำลังล่ากระต่ายอยู่ มันก็จะใช้กำลังอย่างเต็มที่ เฉินชิเจี๋ย โปรดอย่ากังวล”
สิงโตล่ากระต่าย!
ไม่รู้ว่าทำไม หลังจากที่เฉินฟางหัวได้ยินคำกล่าวนี้ เธอรู้สึกโล่งใจ
‘เหลาเทียนจุน แน่นอนว่าเจ้าน่าสงสารยิ่ง เจ้าสามารถทำให้ใครคุ่นเคืองก็ได้ แต่กลับเป็นหลี่ชิตี๋ที่เจ้าสร้างความคุ่นเคืองให้’ เฉินฟางหัวคิด
เมื่อหลี่ฟู่เฉินมาถึง บรรยากาศของลานใต้เวทีทั้งหมดก็กลายเป็นหนักหน่วง
ทุกคนมองไปยังหลี่ฟู่เฉิน ขณะที่เพลิดเพลินไปกับความทุกข์ที่เขากำลังเผชิญอยู่
“หืม? ขอบเขตต้นกำเนิดระดับที่หก? หลี่ฟู่เฉินผู้นี้มีความสามารถมากพอที่จะก้าวมายังระดับที่หกของขอบเขตต้นกำเนิดได้จริงๆ…” ศิษย์ชั้นในตรวจจับพลังฉีของหลี่ฟู่เฉินได้ และกล่าวความคิดของเขาออกไปโดยไม่ตั้งใจ
“อะไรนะ? ขอบเขตต้นกำเนิดระดับที่หก?” ได้ยินศิษย์ชั้นในคนนั้นกล่าว พวกเขาทั้งหมดเริ่มส่งพลังฉีออกไปสัมผัส
“นี่เป็นขอบเขตต้นกำเนิดระดับที่หกจริงๆ นี่เป็นไปไม่ได้… เขามีแค่โครงกระดูกปกติเท่านั้น แต่ทว่าการฝึกฝนของเขาเทียบได้กับโครงกระดูกระดับ 4 ดาว”
“เขาต้องกินยาต้องห้ามเข้าไปเพื่อการต่อสู้ครั้งนี้”
“ถูกแล้ว เขาต้องกินยาต้องห้ามเข้าไป ยาเช่นนี้มีผลข้างเคียงรุนแรง ในอีกสามถึงห้าปีข้างหน้า เขาจะไม่สามารถเลื่อนระดับได้อีกต่อไป”
“ฮึ่ม เขาอยู่ระดับที่หกของเขบเขตต้นกำเนิดแล้วไง? เหลาเทียนจุนชิเซียงอยู่ในระดับที่เก้าของขอบเขตต้นกำเนิด สูงกว่าเขาสามระดับ”
ข้อเท็จจริงที่ว่าหลี่ฟู่เฉินมาถึงระดับที่หกของขอบเขตต้นกำเนิดแล้ว ทำให้ทุกคนประหลาดใจ แต่พวกเขาก็ยังไม่เชื่อว่าหลี่ฟูเฉินจะสามารถเอาชนะเหลาเทียนจุนได้ พวกเขาเชื่อว่าหลี่ฟู่เฉินใช้ยาต้องห้ามล้ำค่าบางอย่าง
“ด้วยความสามารถระดับเท่าสุนัข และยังกล้าที่จะท้าทายเหลาเทียนจุน เป็นแน่แท้แล้วว่าเขาเป็นพวกที่ไม่รู้จัดขอบเขตตัวเอง” ภายในฝูงชน ฟางเหล่ยไห่หัวเราะออกมาอย่างเย็นชา
“หลี่ฟู่เฉินใจร้อนเกินไป”
เกาช่างเทียนและหวูชิงเหม่ยก็มาถึงที่เวทีเฟิงหยุนเช่นกัน เกาช่างเทียนไม่สามารถทำอย่างไรได้ได้ ได้แต่ถอนหายใจ
เขาเข้าใจอย่างชัดเจนว่าเวทีหยุนหยุนเป็นอย่างไร เมื่อทั้งสองได้ขึ้นไปบนนั้น มีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่สามารถเดินลงไปได้ ส่วนอีกคนต้องได้รับความช่วยเหลือเพื่อเอาตัวลงไป
“เขาจะตกอยู่ภายใต้กองเพลิงไม่ว่าเขาจะไปที่ไหนก็ตาม ผู้ชายเช่นนี้แน่นอนว่าหาได้ยาก” ในหัวใจของหวูชิงเหม่ย เมล็ดพันธุ์บางอย่างดูเหมือนจะงอกออก
“หยูเหวินชิเซียง ตามการคาดการณ์ของท่าน ชิเซียงคิดว่าหลี่ฟู่เฉินจะรับได้มากสุดกี่กระบวนท่า?”
ทางด้านตะวันออกของเวทีเฟิงหยุนมีกลุ่มคนกลุ่มเล็กๆ อยู่หนึ่งกลุ่ม
ตรงกลางของกลุ่มนี้คือหยูเหวินเทียน
ไม่ว่าโครงกระดูกระดับ 5 ดาวจะอยู่ที่ไหน พวกเขาก็จะโดดเด่นกว่าคนก็อื่นๆ มันราวกับดวงอาทิตย์ที่ขึ้นในตอนเที่ยงวัน
ในความเป็นจริง หากหลี่ฟูเฉินมีโครงกระดูก 5 ดาว เขาอาจไม่ได้เกี่ยวข้องกับปัญหามากมายเช่นนี้ ฟางเหล่ยไห่และเหลาไห่หลงเองก็อาจไม่กล้าที่จะรุกรานหลี่ฟู่เฉินเช่นกัน
มันเป็นความจริงที่รู้กันดีว่าศิษย์โครงกระดูกระดับ 5 ดาวเป็นสมบัติของนิกาย สร้างปัญหาให้กับโครงกระดูกระดับ 5 ดาวคือการก่อวินาศกรรมต่อรากฐานของนิกาย อย่าได้กล่าวถึงขุนนางในเมือง แม้แต่กระทั่งตระกูลเหลาก็ต้องตอบรับบาปของตัวเองกับสมาชิกระดับสูงกว่าที่จะไปหา
หยูเหวินเทียนตรวจสอบหลี่ฟู่เฉินและสังเกตว่าหลี่ฟู่เฉินอยู่ระดับที่หกของขอบเขตต้นกำเนิด จากนั้นก็กล่าวว่า “พ่ายแพ้ในหนึ่งร้อยกระบวนท่า”
แรกเริ่ม เขาคิดว่าหลี่ฟูเฉินคงจะไม่สามารถต้านทานได้แม้แต่กระทั่ง 20 กระบวนท่า และนั่นก็เป็นการประเมินเขามากเกินไปยิ่ง
แต่ตอนนี้เขารู้แล้วว่าหลี่ฟู่เฉินอยู่ในระดับที่หกของขอบเขตต้นกำเนิด ซึ่งมันได้ทำให้เขาประหลาดใจ ในใจเขา กลับกลายเป็นไม่แน่ใจอีกต่อไป
“หนึ่งร้อยกระบวนท่า? หยูเหวินชิเซียงใช่ว่าประเมินเขาสูงเกินไป!?”
“ข้าคิดว่าอย่างมากสุดก็แค่ 10 กระบวนท่า”
“แต่ถ้าหยูเหวินชิเซียงกล่าวเช่นนั้น เขาก็ต้องมีเหตุผลเป็นของตัวเอง เจ้าอย่าได้ทำตัวโง่เง่า”
ขณะเดียวกับที่ผู้คนกำลังสนทนากันอยู่ ร่างหนึ่งก็ขึ้นมาบนเวทีเฟิงหยุนเช่นกัน
“หลี่ฟู่เฉิน ย้ายก้นของเจ้ามาตรงนี้!” เหลาเทียนจุนตะโกน
“เหลาเทียนจุน เจ้ากำลังรีบหาความตายใส่ตัวเองอยู่?” หลี่ฟู่เฉินโต้ตอบ ในพริบตา เขาก็เป็นภาพเบลอและไปโผล่อยู่บนเวทีเฟิงหยุน
“ปากดีนัก ข้าจะทำให้เจ้าร้องไม่ออกในภายหลัง” เหลาเทียนจุนยิ้งแดกดัน
“ข้ากำลังสงสัยว่าใครกันแน่ที่จะร้องไม่ออกในภายหลัง” หลี่ฟู่เฉินถากถาง
มันคงจะดีกว่านี้ถ้าหลี่ฟู่เฉินอยู่อย่างเงียบๆ เมื่อตอนที่เขาตอบโต้กลับ ทุกคนก็แยกแยะได้ว่าเขาเป็นคนที่หยิ่งยะโส ผู้คนที่รู้สึกสงสารเขา ก็เริ่มที่จะเกลียดเขาและไปยืนอยู่ฝั่งของเหลาเทียนจุน พวกเขาหวังว่าเหลาเทียนจุนจะทรมานหลี่ฟู่เฉิน เพื่อที่จะได้สอนบทเรียนให้เขาอย่างเหมาะสม ให้เขารู้ว่าควรปฏิบัติตัวอย่างไร
บนเวทีเฟิงหยุน ผู้ดูแลชั้นในปรากฏตัวขึ้น เขาขมวดคิ้วและมองไปยังบนเวทีเหมือนที่คนอื่นๆ มอง
ถือม้วนกระดาษที่ทำจากหนังสัตว์ปีศาจ เขากล่าว “คู่ต่อสู้ทั้งสองจะลงนามในนี้หรือไม่ เมื่อลงนามแล้ว นอกเสียจากการเอาชีวิตของใครคนหนึ่ง ก็ไม่มีกฎอื่นๆ ใดอีก พวกเจ้าควรตรึกตรองอีกครั้งก่อนลงนาม”
“ไม่จำเป็นต้องตรึกตรอง ข้าจะลงนาม”
เหลาเทียนจุนใส่ชื่อของเขาลงไปทันที
“แล้วเจ้าล่ะ?”
ผู้ดูแลชั้นในมองไปยังหลี่ฟู่เฉินด้วยสายตาที่ดูรังเกียจ
“แน่นอว่าข้าจะลงนาม” ถือแปรง เขาเขียนชื่อของตัวเองลงไปด้วยความสง่างาม
เก็บม้วนหนังสัตว์ปีศาจ ผู้ดูแลชั้นในประกาศ “การต่อสู้เฟิงหยุนจะเริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ ขอให้พวกเจ้าสองทำให้ดีที่สุด “
เสร็จสิ้นคำพูดของเขา เขาหันและกระโดดออกจากเวทีเฟิงหยุน
วูสสส!
ได้ยินสัญญาณเริ่มต้นการต่อสู้ ผู้ชมตื่นตัวขึ้นมาอีกครั้ง
“หมิ๋งเยวี่ย หลี่ฟู่เฉินผู้นี้คือคนที่เจ้ากล่าวถึง? การก้าวหน้าในด้านการบ่มเพาะของเขาไม่เลว แต่ช่างน่าเสียดายที่เขาทะนงตนมากเกินไป มีหลายสิ่งที่เขาต้องทำเพื่อเปลี่ยนความคิดของตัวเอง” บนเนินเขาเล็กๆ ไม่ไกลนักมีผู้มากประสบการณ์ยืนอยู่ และข้างๆ ของเขาคือศิษย์หญิงที่งดงาม
“ท่านปู่ ท่านไม่ควรตัดสินใจตั้งแต่ตอนนี้ ข้าแน่ใจว่าหลี่ฟูเฉินไม่ได้ด้อยไปกว่าโครงกระดูกระดับ 5 ดาวเลย” เห็นได้ชัดว่าหญิงสาวที่งดงามคือจ้าวหมิ๋งเยวี่ย เธอไม่พอใจกับคำตัดสินของผู้มีประสบการณ์คนนี้และออกความคิดเห็น
“ช่างดีเหลือเกิน” ผู้มีประสบการณ์หัวเราะเบาๆ
“ฮึ่ม เพียงแค่รอ และชมดู!” จ้าวหมิ๋งเยวี่ยบุ๋ยปาก
“เป็นไปได้ไหมที่เจ้าชอบเด็กหนุ่มผู้นี้?” ทันใดนั้นก็มาถึงข้อสรุป ผู้มีประการณ์คนนี้ดูกระวนกระวายเล็กน้อย เขาไม่ต้องการให้หลานสาวของเขาไปอยู่ร่วมกับบุคคลที่มีโครงกระดูกปกติ
โครงกระดูกของบุคคลเพียงหนึ่งคนเกี่ยวข้องกับคนมรดกต่อไปของคนนับชั่วอายุคน
หากโครงกระดูกของพ่อและแม่ไม่ดี โครงกระดูกของลูกหลานพวกเขาก็คงจะไม่ไกลไปมากกว่านั้น
หากพ่อแม่มีโครงกระดูกปานกลาง ลูกหลานของพวกเขาก็มักจะมีโครงกระดูกปานกลางเช่นกัน
หลานสาวของเขาที่มีโครงกระดูกระดับ 4 ดาว ในบางปัจจัยไม่ได้ด้อยไปกว่าโครงกระดูกระดับ 5 ดาวเลย
“ปู่! ปู่กำลังพูดถึงอะไร!” จ้าวหมิ๋งเยวี่ยรู้สึกเคืองเล็กน้อย
“หมิ๋งเยวี่ย บอกความจริงกับข้า เจ้าชอบเขาไหม?” ผู้มีประสบการณ์คนนี้ใช้น้ำเสียงจริงจังและดูค่อนข้างเข้มงวด
จ้าวหมิ๋งเยวี่ยลังเลอยู่ชั่วครู่และก็ส่ายหัว
“หากรู้แล้วก็ดี”
ร่องรอยของการปล่อยพลังฉีปรากฏออกจากตัวของผู้มีประสบการณ์ เป็นเช่นนี้อีกครั้งก่อนที่จะถูกดึงกลับไปดังเดิม
บนเวทีเฟิงหยุน หลี่ฟู่เฉินและเหลาเทียนจุนอยู่ห่างกัน 20 เมตร
แสยะยิ้มที่มุมปาก เหลาเทียนจุนปล่อบพลังฉีที่ซ่อนอยู่ภายในร่างกายของเขาออกมาอย่างน่าหวาดกลัว มันราวกับพายุที่พยายามกลืนกินหลี่ฟู่เฉิน
ไม่รอให้หลี่ฟูเฉินโต้ตอบ เหลาเทียนจุนตะโกน “วิชาดาบปฐพีแห้งเหือด!”
วิชาดาบปฐพีแห้งเหือดเป็นวิชาดาบที่เหี้ยมโหด หากผู้ใช้สร้างบาดแผลให้ฝ่ายตรงข้ามได้ พลังฉีที่ชั่วร้ายจากดาบจะเข้าสู่ร่างกายของเหยื่อเพื่อทำลายเส้นชีพจรและหลอดเลือดทั้งหมดของเขา ก่อให้เกิดความทุกข์ทรมานอย่างรุนแรง
ด้วยความคมของดาบ อากาศดูเหมือนจะเป็นเกลี้ยวและบิดเบี้ยว ราวกับระลอกคลื่นที่เกิดขึ้นเนื่องจากปลาขึ้นมาว่ายบนผิวน้ำ
“เป็นดาบปฐพีเหือดแห้งจริงๆ! เหลาเทียนจุนชิเซียงฝึกฝนวิชาดาบปฐพีเหือดแห้งไปถึงขั้นสมบรูณ์แล้ว!”
“ช่างเป็นความอัปยศ หลี่ฟู่เฉินอาจไม่สามารถต้านทานได้แม้แต่ดาบเดียว ความเย่อหยิ่งทั้งหมดก่อนการต่อสู้… ตอนนี้เขาคงต้องคุกเข่าและขอความเมตตา”
ดาบที่น่ากลัวนี้มีจุดประสงค์ไปที่ลำตัวส่วนล่างของหลี่ฟู่เฉินโดยตรง ดวงตาของเหลาเทียนจุนเต็มไปด้วยเจตนาชั่วร้ายและหวังที่จะช่วงชิงบางสิ่งมากจากหลี่ฟู่เฉิน