Eternal Reverence เทพบุตรฟ้าประทาน - ตอนที่ 119
บทที่ 119
เม็ดยาปะทุพลังฉี
เพื่อที่จะบรรลุขั้นสมบรูณ์ของทักษะดาบลึกลับขึ้นต่ำได้ เหลาเทียนจุนต้องผ่านการฝึกฝนที่โหดร้ายมามากมาย เขาที่เป็นศิษย์ชั้นในขั้นสองและมีโครงกระดูกระดับ 3 ดาว ต้องใช้เวลาเกือบสิบปีเพื่อที่จะมาถึงขั้นที่เป็นอยู่ในปัจจุบันได้
แน่นอน ว่ามีศิษย์นิกายชั้นในขั้นสองที่ใช้เวลาไปมากกว่าสิบปี แต่ยังคงไม่สามารถบรรลุถึงขั้นสมบูรณ์ของทักษะดาบลึกลับขั้นต่ำได้ พวกเขาส่วนใหญ่ติดอยู่ในสภาพครึ่งก้าวก่อนถึงขั้นสมบรูณ์
“วิชาดาบปฐพีเหือดแห้ง? อืม”
หลี่ฟูเฉินแปลกใจเล็กน้อย วิชาดาบปฐพีเหือดแห้งได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในทักษะดาบที่ฝึกฝนยากที่สุดในหมู่ทักษะดาบลึกลับขึ้นต่ำด้วยกัน ใครจะคิดว่าเหลาเทียนจุนจะสามารถฝึกฝนมันให้ไปถึงขั้นสมบูรณ์
“ช่างน่าเสียดาย…”
หลี่ฟู่เฉินส่ายหัว หากเขาไม่ได้บุกทะลวงเข้ามาสู่ขอบเขตตต้นกำเนิดระดับที่หก เมื่อนั้นเขาก็คงจะไม่ได้เป็นคู่ต่อสู้ของเหลาเทียนจุนแล้วอย่างแท้จริง
แต่ด้วยสถานะปัจจุบันของเขา แม้แต่กระทั่งสองเหลาเทียนจุนก็ไม่ได้เป็นคู่ต่อสู้ของเขา
“ดาบดาวตก!”
เมื่อตอนที่ดาบเหล็กดำออกจากปอก สายธารแห่งแสงก็ปรากฏ แสงยังคงอยู่ที่นั้นและไม่ได้เคลื่อนไหวไปไหน ทันใดนั้นเองประกายไฟก็บินออกไปราวกับว่าเหลาเทียนจุนโดนสายฟ้าพุ่งใส่ ดาบเหล็กสีดำในมือของเขาเกือบจะถูกกระแทกออกมาจากมือของตัวเอง ร่างกายของเขาเอนไปข้างหลังขณะที่เดินถอยหลังออกมาหลายก้าว
ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมากเกินไป
ในช่วงก่อนที่จะได้กระพริบตา เหลาเทียนจุนก็ยังปล่อยพลังฉีที่น่าหวาดกลัวออกมาเพื่อขมขู่คู่ต่อสู้ของเขาอยู่เลย หลังจากกระพริบตา เขากลับถอยกลับออกไป ผู้ชมไม่ได้เห็นด้วยซ้ำว่าหลี่ฟู่เฉินชักดาบออกมาเมื่อไหร่ แต่มีเพียงแสงกับประกาบไฟเท่านั้นที่เห็นได้ทัน
“การลงดาบที่รวดเร็วและน่ากลัวอะไรเช่นนี้” ผู้ชมรู้สึกงุนงง
นี่มันเหลือเชื่อเกินไป!
เหลาเทียนจุนอยู่ระดับที่เก้าของขอบเขตต้นกำเนิดและเขาไม่สามารถต้านทานได้แม้แต่กระทั่งดาบเดียวจากหลี่ฟู่เฉิน มีบางคนเคยกล่าวไว้ก่อนหน้านี้ว่าหลี่ฟู่เฉินอาจรับไม่ได้แม้แต่กระทั่งดาบเดียว ขณะนี้เองเขาผู้นั้นก็รู้สึกเจ็บปวดบนใบหน้า ราวกับกับว่าเขาถูกตบหน้ามานับร้อยครั้ง
“นี่!” เกาช่างเทียนมองด้วยปากที่อ้าค้าง
ด้านข้าง ดวงตาของหวูชิเหม่ยเบิกกว้างและลืมที่จะหายใจ ในใจของเธอ ดาบนั้นมันเล่นซ้ำไปซ้ำมาอย่างต่อเนื่องและรูปลักษณ์ที่มั่นใจของหลี่ฟู่เฉินเองก็ปรากฏอยู่ในนั้นเช่นกัน
ดังนั้นแล้วหลี่ฟู่เฉินก็ไม่ได้กล่าวคำเกินตัวแต่อย่างมด เมื่อตอนที่เขากล่าวว่าเหลาเทียนจุนแสวงหาความตายที่พยายามมาต่อสู้กับเขา
“นี่เป็นไปได้อย่างไร?” เสียงของโจวเสี่ยวเทียนหายไป
หวังลี่อยู่ข้างๆ เขารู้สึกราวกับว่าเธอเห็นผี
โจวเสี่ยวเทียนเป็นคนที่น่าเกรงขาม แต่เมื่อเปรียบเทียบกับเหลาเทียนจุน เขายังคงอยู่ห่างไกล แต่เหลาเทียนจุนกลับไม่สามารถรับได้แม้แต่กระทั่งดาบเดียวจากหลี่ฟู่เฉินและถอยหลังกลับไป
“เป็นไปไม่ได้ จะเป็นไปได้อย่างไร? เขาต้องใช้เล่ห์กลบางอย่าง!”
นอกเวที เหลาไห่หลงมองอย่างหดหู่และไม่เชื่อสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้าเขา
หนึ่งปีก่อน หลี่ฟู่เฉินเพียงเหนือกว่าเขาเล็กน้อย หนึ่งปีต่อมา แท้แต่กระทั้งลุงเหลาเทียนจุนของเขาก็ไม่สามารถหนึ่งดาบจากหลี่ฟู่เฉินได้
เมื่อเห็นว่าลูกชายของเขาถูกผลักออกไปโดบหลี่ฟู่เฉิน เหลาเทียนหยุนหรี่ตาแคบลงและมีการแสดงออกที่จริงจัง
‘บ้าเอ้ย! ทำไมเหลาเทียนจุนถึงไร้ประโยชน์เช่นนี้?’ ฟางเหล่ยไห่สถบอยู่ในใจของเขา
ในเวลาเดียวกัน ความเกลียดชังของเขาต่อหลี่ฟู่เฉินก็ยิ่งมากขึ้น
เขาผู้ซึ่งเป็นนายน้อยของเมืองซานไห่ ถูกหลี่ฟู่เฉินทำให้อับอายและรู้สึกว่าหากเขาไม่ได้แก้แค้นเขาก็คงจะไม่สามารถทนอยู่ได้ และตามมาเพื่อต้องการเห็นกรรมตามสนองเขาในตอนนี้
‘หลี่ชิตี๋ ทำได้ดี!’
เฉินฟางหัวรู้สึกตื่นเต้นและรู้สึกสับสนในเวลาเดียวกัน ในระยะเวลาอันสั้น หลี่ฟู่เฉินไม่เพียงแต่ก้าวข้ามเหนือเหลาเทียนจุน แม้แต่เธอเองก็ไม่รู้ว่าด้วยซ้ำว่าเธอจะเอาชนะหลี่ฟูเฉินได้ไหม
ความสามารถพิเศษที่น่าประหลาดใจและเด็ดขาดสมบรูณ์เช่นนี้นั้นหาได้แม้ว่าจะนับจากคนในนิกายคังหลุนทั้งหมด
“เป็นอย่างไรบ้างท่านปู่? ข้าบอกท่านแล้วว่าเขาไม่ได้เป็นศิษย์ธรรมดา” จ้าวหมิ๋งเยวี่ยเองก็รู้สึกประหลาดใจกับผลลัพธ์นี้เช่นกัน มันเกินความคาดหมายของเธอมาก ทิ้งความประหลาดใจไว้ เธอไม่สามารถทำอย่างไรได้ ได้แต่กล่าวกับผู้มีประสบการณ์คนนี้อย่างภาคภูมิใจ
ผู้มีประสบการณ์ถอนลมหายใจ “ขอบเขตต้นกำนเนิดระดับดับที่หก ความแข็งแรงทางกายภาพเกิน 20,000 กิโลกรัม เทคนิคเปลวเพลิงลี้ลับระดับที่สิบสี่ แม้แต่กระทั่งวิชาดาบดาวตกก็ยังอยู่ในขั้นดีเลิศ การรับรู้เช่นนี้แน่นอนว่าต้องผิดปกติ แต่ที่สำคัญที่สุดก็คือ เขารู้สึกถึงจังหวะเวลาที่จะโจมตี เขาเหนือกว่าศิษย์ชั้นในคนอื่นๆ มากมาย เขาสามารถตรวจจับข้อบกพร่องของวิชาดาบปฐพีเหือดแห้งได้ในทันที”
“อะไรนะ? เทคนิคเปลวเพลิงระดับที่สิบสี่? เจอกันครั้งก่อนเขายังอยู่ระดับที่สิบสามอยู่เลย”
ริมฝีปากสีแดงสดของจ้าวหมิ๋งเยวี่ยแยกจากกันเล็กน้อย เธอไม่ได้มีสายตาเหมือนนักสู้ขอบเขตสวรรค์ ดังนั้นเธอจึงมองเห็นรายละเอียดได้ไม่มากนัก
“การรับรู้ของชายหนุ่มผู้นี้อยู่ในระดับเดียวกับดาบคลั่ง แต่หากมองในมุมมองที่กว้างขึ้น ดาบคลั่งมีโครงกระดูกระดับ 4 ดาว แต่เขาไม่มีแม้แต่กระทั่งดาวเดียว”
หากผู้อาวุโสท่านนี้รู้ว่าวิชาดาบดาวตกของหลี่ฟู่เฉินไม่ได้อยู่ในขั้นดีเลิศ แต่อยู่ในขั้นภวังค์ เขาจะไม่พูดเช่นนี้ เมื่อตอนที่ดาบคลั่งอยู่ในระดับที่หกของขอบเขตต้นกำเนิด เขาก็ไม่สามารถไปถึงขั้นภวังค์ของทักษะดาบลึกลับขั้นต่ำได้ และก็ไม่ตระหนักรู้ถึงเจตจำนงแห่งดาบได้มากมายเท่าเขา
บนเวทีเฟิงหยุน หลี่ฟู่เฉินไม่ได้ติดตามเพื่อทำการโจมตีต่อ
ความสามารถของคู่ต่อสู้ของเขา ไม่เพียงพอที่จะทำให้เขาต้องใช้เจตจำนงแห่งดาบ เช่นนั้นเลยไม่จำเป็นต้องติดตามไปเพื่อโจมตี
ถูกแล้ว ดาบดาวตกก่อนหน้านี้ไม่ได้ใช้เจตจำนงแห่งดาบลงไป จากสายตาของคนดู ดูเหมือนว่าวิชาดาบดาวตกจะของเขาคงจะอยูในขั้นดีเลิศแต่เพียงเท่านั้น
หลี่ฟูเฉินมีเหตุผลที่ต้องยับยั้งความแข็งแกร่งของตัวเอง
ตอนนี้เขามีศัตรูมากมายและคงจะต้องเข้าไปพบกับแผนการของคนอื่นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว มันคงจะดีกว่าสำหรับการเก็บไพ่ลับเอาไว้
หากไพ่ลับของเขาถูกเผยออกไป มันจะยากที่จะเปลี่ยนสถานการณ์ถ้าเขาพบเข้ากับสถานการณ์ที่ร้ายแรงใดๆ
เขาไม่ต้องการให้เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้น
‘หากข้าใช้เจตจำนงแห่งดาบออกไป ข้าอาจสามารถฆ่าเหลาเทียนจุนสองคนได้ในทันที’ หลี่ฟู่เฉินคิดกับตัวเอง
ความแตกต่างของการไม่ได้ใช้เจตจำนงแห่งดาบนั้นมากเกินไป ด้วยเจตจำนงแห่งดาบที่ใช้ออก ความเร็วของดาบดาวตกจะเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า ซึ่งเพิ่มพลังในการโจมตีโดยรวมได้มากถึงสามเท่า
ในการเผชิญกับความเร็วเบ็ดเสร็จเด็ดขาด มันไร้ประโยชน์หากจะพูดถึงทักษะหรือพลังโจมตีใดๆ ส่วนใหญ่มักตายในดาบเดียว
แต่เขาไม่สามารถมันได้และไม่จำเป็นต้องใช้มัน
“สาวเลร! แกทำอะไรลงไป?”
หลังจากถอยหลังไปหลายสิบก้าวเหลาเทียนจุนก็สามารถหยุดตัวเองลง
เขาเงยหน้าขึ้นขณะที่เต็มไปด้วยความสงสัย
“เจ้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของข้า เจ้ายังมีเวลาถอนตัวออก” เว้นแต่จะจำเป็นจริงๆ หลี่ฟู่เฉินไม่ต้องการเกิดความขัดแย้งกับตระกูลเหลา ซึ่งนั้นเป็นสาเหตุที่ว่าทำไมเขาถึงเปิดโอกาสให้คู่ต่อสู้ถอนตัวออกไปแบบไม่ต้องพบกับความสูญเสียใด
“ในฝันเจ้าเถอะ อย่าได้ใจมากเกินไปนัก ตอนนี้ข้าจะให้เจ้ารู้ว่าการร้องขอความตาย ในขณะที่ถูกทรมานคืออะไร”
เหลาเทียนจุนโกรธ ที่ซ่อนอยู่ในปากของเขาเป็นเม็ดยาที่ถูกบดละเอียด พลังงานรุนแรงที่ผิดปกติพุ่งออกมาจากภายใน พลังฉีในปัจจุบันของเขาเพิ่มขึ้นมาถึง 30%
“เกิดอะไรขึ้น? พลังฉีที่แพร่ออกมาจากตัวของเหลาเทียนจุนเพิ่มขึ้นอย่างฉับพลัน ใช้ว่าเขาสามารถซ่อนความสามารถที่แท้จริงของเขาไว้หรือไม่?”
“ข้ารู้อยู่แล้ว หลี่ฟู่เฉินจะเป็นคู่ต่อสู้ของเหลาเทียนจุนชิเซียงได้อย่างไร เหลาเทียนจุนชิเซียงก่อนหน้านี้ต้องประมาทเป็นแน่”
ผู้ชมตระหนักได้ถึง ‘ความจริง’
“มีบางอย่างไม่ถูกต้อง!”
เฉินฟาวหัวขมวดคิ้วของเธอ
พลังฉีที่แพร่ออกมาจากร่างกายของเหลาเทียนจุนนั้นแข็งแกร่ง แต่ดูเหมือนว่าจะไม่ได้มาจากการฝึกฝนของเขาเอง
“เม็ดยาระดับครึ่งก้าวลึกลับ ยาปะทุพลังฉี กล้าหาญอะไรเช่นนี้”
ยืนอยู่ข้างจ้าวหมิ๋งเยวี่ย อาวุโสกล่าวด้วยหน้านิ่วคิ้วขมวด
“ท่านปู่ เขากำลังละเมิดกฎของเวทีเฟิงหยุน ทำไมท่านถึงไม่ไปหยุดเขา?” จ้าวหมิ๋งเยวี่ยถาม
บนเวทีเฟิงหยุน ห้ามใครพึ่งพาความแข็งแกร่งจากภายนอก หากฝ่าฝืน กฎยุติธรรมพื้นฐานที่มีก็คงไม่อาจใช้งานได้อีกต่อไป
ผู้มีประสบการณ์ส่ายหัว “มาดูกันต่อ ชายหนุ่มผู้นี้ไม่อ่อนเช่นั้นไม่ใช่หรือ?”
เขาเตรียมพร้อมที่จะเคลื่อนไหวในช่วงเวลาที่สำคัญ หากว่าหลี่ฟู่เฉินไม่สามารถต้านทานการโจมตีของเหลาเทียนจุนได้ แต่ถ้าเป็นเช่นนั้น หลี่ฟูเฉินก็จะไม่ถูกการให้ความสนใจอีกต่อไป
“ไรหญ้าตัวน้อย จงล้มลงไปเพื่อข้า!”
เม็ดยาปะทุพลังฉีเป็นเม็ดยาระดับครึ่งก้าวลึกลับและมีราคา 70,000 เหรียญทอง ในตอนแรก เขาคิดว่าพ่อของเขาเอะอะใหญ่โตเกินไป แต่ตอนนี้เมื่อเขาคิดย้อนกลับไป มันเป็นการตัดสินใจที่ชาญฉลาด มันไม่สำคัญว่าชัยชนะที่ได้มาจะเป็นรูปแบบไหน ขอเพียงแค่ชนะเป็นพอ
พลังฉีที่แพร่ออกมาอย่างน่ากลัว เหลาเทียนจุนฟันไปที่หลี่ฟู่เฉินอีกครั้ง ดาบที่พุ่งไปราวกับพายุลูกนึง เตรียมพร้อทที่จะแยกทุกอย่างออกจากกัน