Eternal Reverence เทพบุตรฟ้าประทาน - ตอนที่ 125
หลังจากได้รับข้อมูลจากผู้นำตระกูลเจิ้ง หลี่ฟู่เฉินก็ได้รู้ว่าพี่น้องหวังทั้งสามซ่อนตัวอยู่ในภูเขาเฟ่ยเซี่ย หลังจากที่ขโมยพระพุทธรูปหยกไปได้
บนภูเขาเฟ่ยเซี่ยหิมะจะตกโปรยปรายลงมาทุกวัน ผู้คนไม่ค่อยไปที่นั่น เพราะมันตั้งอยู่ก่ำกึ่งระหว่างชายแดนของแคว้นคงหลุนและเทียนช๋า
นอกจากนี้ก็เป็นเพราะหิมะตกอยู่ตลอดทุกวันเช่นกัน อย่าได้พูดถึงเกี่ยวกับการค้นหาบุคคลสามคน แม้ว่ากองทัพเข้าไปด้วยตัวพวกเขาเอง พวกเขาก็จะหายไป
“ผู้นำตระกูลเจิ้ง ข้าขอทราบว่าได้หรือไม่ ว่าพระพุทธรูปหยกนี้พิเศษอย่างไร?”
สัญชาตญาณของเขารู้สึกได้ว่าพระพุทธรูปหยกของตระกูลเจิ้งนี้ไม่ได้ง่ายดายนัก
ผู้นำตระกูลเจิ้งลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ไม่รู้ว่าควรบอกหลี่ฟู่เฉินหรือไม่
ผู้อาวุโอขัดจังหวะ “ไม่เป็นอันตรายใดๆ ที่จะบอกวีรบุรุษหนุ่มหลี่ ก็ในเมื่อเราไม่รู้ว่าพระพุทธรูปหยกจะได้กลับมาหรือไม่”
ล้างคอของเขา อาวุโสกล่าว “พระพุทธหยกนี้เป็นมรดกสืบทอดของตระกูลเจิ้งเรา ภายในนั้นมีวิชาลับที่เรียกว่า เทคนิคลับมังกรเร้นลับ เทคนิคลับนี้อ้างอิงว่าต้องใช้พระพุทธรูปหยกเพื่อให้การฝึกฝนของเทคนิคสมบูรณ์ พี่น้องหวังต้องได้ยินความลับนี้จากที่ไหนสักแห่ง และมาขโมยพระพุทธรูปหยกไป”
“เทคนิคลับมังกรเร้นลับ?” หลี่ฟู่เฉินขมวดคิ้ว
เทคนิคลับเป็นทักษะต่อสู้ชนิดพิเศษและหายากมาก
นิกายคังหลุนมีทักษะต่อสู้อยู่มากมายนับไม่ถ้วน แต่เทคนิคลับเพียงไม่อยู่ไม่กี่สิบอันเท่านั้น เฉพาะผู้ที่เป็นศิษย์หลักเท่านั้นถึงจะมีคุณสมบัติในการแลกเปลี่ยนพวกมัน แต่ดูเหมือนว่าหยูเหวินเทียนจะฝึกเทคนิคลับ และมีคนกล่าวว่าพวกเขาได้เห็นเขาใช้มัน
เทคนิคลับที่แข็งแกร่งที่สุดของนิกายคังหลุนเรียกว่าดาบกำเนิดนิกาย เมื่อใช้มันออกไป ดาบพลังฉีจะปรากฏขึ้นมาจากสวรรค์และโลก มันไม่อนุญาตให้ศัตรูหลบหนีจากมัน
แม้แต่กระทั่งเขาเองก็จะไม่แน่ใจว่าเทคนิคลับมังกรเร้นลับอยู่ระดับใด
เทคนิคลับการจัดอันดับเองก็จะแตกต่างจากทักษะต่อสู้ทั่วไป เทคนิคลับมีทั้งหมด 9 ดาว 1 ดาวต่ำที่สุดและ 9 ดาวสูงที่สุด แม้แต่กระทั้งดาบกำเนิดนิกายก็มีแค่ 5 ดาวเท่านั้น เทคนิคลับที่อยู่เหนือระดับ 5 ดาวเหล่านั้นมักถูกกล่าวถึงในเพียงแค่ตำนาน
หลี่ฟู่เฉินประเมินว่าเทคนิคลับมังกรเร้นลับนี้มากสุดก็แค่ระดับ 1 หรือ 2 ดาว
ผู้อาวุโสยังกล่าวต่อไป “ตราบใดที่วีรบุรุษหนุ่มหลี่สามารถนำพระพุทธรูปหยกตระกูลเจิ้งของเรากลับมาได้ เทคนิคลับมังกรเร้นลับบนพระพุทธรูปหยกก็สามารถให้วีรบุรุษหนุ่มหลี่ฝึกฝนได้เช่นกัน ชายชราคนนี้ลืมกล่าวไป เทคนิคลับมังกรเร้นลับนี้ไม่ใช่เทคนิคลับระดับ 1 ดาวหรือ 2 ดาว แต่เป็นเทคนิคลับระดับ 3 ดาว”
“อะไรนะ? เทคนิคลับ 3 ดาว!” หลี่ฟู่เฉินตกใจมาก
เทคนิคลับระดับ 3 ดาวมีค่ามาก หากวัดจากดาบกำเนิดนิกายที่นิกายคังหลุนเป็นผู้จัดเก็บ เทคนิคลับระดับ 4 ดาวแน่นอนว่าเป็นเทคนิคที่ดูไร้ขอบเขต และเทคนิคลับระดับ 3 ดาวก็จะได้รับการพิจารณาว่าเป็นเทคนิคชั้นยอด
“ถูกแล้ว เทคนิคลับระดับ 3 ดาวของจริง”
สิ่งที่ผู้อาวุโสตระกูลเจิ้งต้องการในขณะนี้คือการนำพระพุทธรูปหยกกลับคืนมา เพื่อที่จะให้หลี่ฟู่เฉินได้ใช้กำลังออกอย่างเต็มที่ได้ เขาจึงไม่คิดที่จะปกปิดระดับของเทคนิคลับมังกรเร้นลับ
หลี่ฟู่เฉินพยักหน้า ทันใดนั้นเขาก็นึกถึงบางสิ่ง “ข้าไม่แน่ใจว่าทุกคนที่นี่ก็ฝึกฝนเทคนิคลับเช่นกัน?”
พลังของเทคนิคลับระดับ 3 ดาวนั้นต้องน่าหวั่นเกรงอย่างไม่ต้องสงสัย แม้จะรับรู้จากมันได้น้อยมาก แต่มันก็คงจะช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับนักสู้ขอบเขตต้นกำเนิดได้มากทีเดียว และเมื่อเป็นเช่นนั้น นักสู้ขอบเขตต้นกำเนิดระดับสูงของตระกูลเจิ้งก็คงไม่จำเป็นต้องหวาดกลัวพี่น้องหวังอีกต่อไป และสามารถนำพระพุทธรูปหยกกลับมาได้ด้วยตนเองอย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด
ยิ่งไปกว่านั้น ตระกูลเจิ้งเองก็มีนักสู้ขอบเขตต้นกำเนิดระดับสูงอยู่หลายคน
อาวุโสตระกูลเจิ้งกล่าวอย่างเชื่องช้า “เทคนิคลับมังกรเร้นลับมีทั้งหมดสามระดับ มีเพียงชายชราคนนี้ที่เข้าถึงระดับแรกได้ ไม่มีใครสามารถฝึกฝนมันได้เลย”
“ข้าเข้าใจแล้ว…”
หลี่ฟูเฉินไตร่ตรองและคิดว่าวนไปมา ‘หากเทคนิคลับระดับ 3 ดาวนั้นง่ายต่อการฝึกฝน เช่นนั้นมันก็คงจะเป็นเทคนิคลับระดับ 3 ดาวไม่ได้อีกต่อไป’
นอกจากนั้น เทคนิคลับมีความสัมพันธ์อย่างใกล้ชิดกับโครงกระดูกของบุคคลๆ นึง
เทคนิคลับระดับ 3 ดาวเหมาะสำหรับโครงกระดูกระดับ 3 ดาว ซึ่งหมายความว่า นักสู้โครงกระดูกระดับ 3 3 ดาวน่าจะฝึกฝนเทคนิคลับระดับ 3 ดาวได้ง่ายกว่าโครงกระดูกระดับ 2 หรือ 1 ดาว
สำหรับเทคนิคลับของนิกายคังหลุน ดาบกำเนิดนิกาย มีเพียงโครงกระดูกระดับ 5 ดาวเท่านั้นที่สามารถเข้าถึงขั้นสมบูรณ์ได้ ผู้ที่อยู่ต่ำกว่าโครงกระดูกระดับ 5 ดาวสามารถบรรลุขั้นสมบรูณ์ย่อยก็นับว่าประสบความสำเร็จแล้ว
“ทุกคนอย่าได้กังวล ตั้งแต่ที่ข้าได้รับภารกิจนี้มาแล้ว ฉันจะทำให้ดีที่สุดเพื่อให้มันสำเร็จ” หลี่ฟู่เฉินประกาศกร้าว
“เช่นนั้นก็โปรดรับคำขอบคุณจากเรา” ผู้อาวุโสตระกูลเจิ้งและผู้นำตระกูลเจิ้งแสดงความขอบคุณและโค้งคำนับพร้อมกับผู้อาวุโสที่เหลือ
แม้ว่าเทคนิคลับมังกรเร้นลับบนพระพุทธรูปหยกนั้นยากต่อการฝึกฝนเพราะมันเป็นเทคนิคลับระดับ 3 ดาว แต่หากวันนึงในอนาคต ตระกูลเจิ้งมีคนที่มีโครงกระดูกระดับ 3 ดาวโผล่ออกมา มันจะช่วยให้สถานะของตระกูลของพวกเขาดีขึ้น และจะทำให้พวกเขาหลุดพ้นจากการเป็นตระกูลเล็กๆ
“ไม่จำเป็นต้องนำข้าไป”
ก้าวออกจากบ้านของตระกูลเจิ้ง หลี่ฟู่เฉินไม่ได้ขี่ม้าเลือดปีศาจ ร่างกายของเขากระพริบคล้ายเงาจางๆ เขาหายไปสถานที่นี้ทันที
“เทคนิคตัวเบาอันน่าทึ่ง หากตระกูลเจิ้งของเรามีความสามารถเช่นวีรบุรุษหนุ่มหลี่ ตระกูลของเราคงจะไม่ได้อยู่ในสถานะเชกเช่นทุกวันนี้” ผู้นำตระกูลเจิ้งถูกทับถมไปด้วยอารมณ์
***
ภูเขาเฟ่ยเซี่ยตั้งห่างอยู่สองถึงสามร้อยไมล์จากเมืองหลินช๋าง ก่อนที่จะถึงภูเขาเฟ่ยเซี่ย หลี่ฟู่เฉินรู้สึกถึงบรรยากาศที่หนาวเหน็บของภูเขา
“ภูเขาเฟ่ยเซี่ยไม่นับว่าใหญ่โต แต่มันก็ไม่เล็กเหมือนกัน การตามหาพี่น้องหวังนั้นไม่ต่างไปจากการค้นหาเข็มในกองหญ้า ข้าทำได้เพียงแต่พึ่งโชคแต่เพียงเท่านั้น”
เมื่อมาถึงที่เชิงเขาเฟ่ยเซี่ย หลี่ฟู่เฉินปล่อยลมหายใจอุ่นๆ และกระโดดขึ้นไปบนเขา
ด้านในภูเขา มีพายุหิมะปกคลุมท้องฟ้าและโลกแต่งแต้มไปด้วยแผ่นหิมะสีขาว
หากมีนักสู้ระดับสามัญเข้ามาที่นี้ พวกเขาจะแข็งตายแน่นอน หลังจากผ่านไปช่วงระยะเวลาหนึ่ง
หลี่ฟู่เฉินตระหนักได้ว่าสภาพอากาศที่หนาวเย็นเช่นนี้แท้จริงแล้วส่งเสริมพลังฉีมหาศาล แม้ว่าเขาจะไม่ได้ฝึกฝน พลังฉีของเขาเติบโตขึ้นอย่างแข็งขัน
ขึ้นไปสู่จุดสูงสุดของภูเขาหิมะ หลี่ฟู่เฉินเหลือบดูรอบๆ ตัวเขา
หลี่ฟูเฉินมีสายตาที่ดี หากมันไม่ใช่ว่าสภาพอากาศเต็มไปด้วยหิมะ เขาคงจะมองทอดออกไปไกลได้เป็นสิบๆ ไมล์ เครื่องรางทองคำเปลี่ยนจิตวิญญาณของเขาและจิตวิญญาณเปลี่ยนทักษะการสังเกตของเขา
หลายวันต่อมา หลี่ฟูเฉินมักจะปีนขึ้นยอดเขาหิมะและมองไปรอบๆ เมื่อเขากระหายน้ำ เขาจะละลายหิมะเพื่อดื่ม ถ้าเขาหิว เขาจะล่าสัตว์ปีศาจบางตัวเพื่อนำมาเป็นอาหาร วันเหล่านี้ไม่ได้ยุ่งยากลำบากสำหรับเขา
***
ภูเขาเฟ่ยเซี่ยเป็นส่วนหนึ่งของแคว้นเทียนช๋า
ในวันนี้ บุปผางามที่สวมชุดคลุมดำมาที่ภูเขา
หญิงสาวสวมผ้าคลุมดำดูเหมือนจะคุ้นเคยกับภูเขาเฟ่ยเซี่ย เธอใช้เทคนิคตัวเบาของเธอและไม่ทิ้งรอยเท้าไว้ข้างหลังแม้แต่น้อย ภายในครึ่งวัน เธอก็มาถึงจุดที่จุดสูงสุดที่แทงขึ้นสู่ท้องฟ้า
ลอกหิมะที่สะสมอยู่ทางเข้าออก ถ้ำขนาดทางเข้าของมนุษย์ก็ปรากฏ
หญิงสาวที่สวมคลุมดำก็เข้าไปอย่างรวดเร็ว
อุโมงค์ในถ้ำนั้นเหยียดลึกและเอียงลงสู่ใต้ดิน หญิงสาวไม่ได้ออกนอกทางใดๆ และหลังจากนั้นไม่นาน เธอก็มาถึงถ้ำหินปูนขนาดใหญ่
ถ้ำใต้ดินนี้มีความสูงอย่างน้อยสิบฟุต ด้านบนของถ้ำมีหินงอกหินย้อยขนาดมหึมาซึ่งทำให้ทุกคนที่ยืนอยู่ข้างๆ มันดูคล้ายกับมด
ใต้หินย้อยเป็นสระเล็กๆ รัศมีไม่กี่เมตร
ติ๋ง! ติ๋ง!
หยดของเหลวสีขาวหยดลงจากหินย้อยและลงสู่สระน้ำ
หญิงสาวชุดคลุมดำถอดเสื้อผ้าของเธอออก เผยให้เห็นผิวที่ขาวราวกับหิมะและขาเรียวยาว เธอมีทรวดทรงและก้นที่ดูลามก มันมาพร้อมๆ กับเอวคอดที่ดูน่าพึ่งพอใจ
เธอเก็บเสื้อผ้าและรองเท้าของเธอไว้ในกระเป๋ากันน้ำและมัดมันไว้ที่แขน
ซุ๊ด!
หญิงสาวเป็นเหมือนนางเงือก ดำน้ำในสระราวกับว่าตัวเธอเองไม่ได้ดำมันอยู่ ไม่นานก็ผ่านไปเกือบครึ่งวัน
อุโมงค์ถ้ำเหล่านี้ทอดยาวไปไกล แต่หญิงสาวไม่ทราบว่าอุโมงค์แห่งนี้เชื่อมโยงกับถ้ำภายในยอดเขาอีกแห่งหนึ่ง
มีถ้ำใต้ดินอีกแห่งหนึ่งที่นี่ แต่ไม่มีหินย้อยขนาดใหญ่อยู่ ชายวัยกลางคนสามคนนั่งไขว่ห้าง พระพุทธรูปหยกขนาดเท่าฝ่ามือถูกวางไว้อยู่ด้านหน้า
“น้องสาม มันถึงคราวที่เจ้าต้องไปล่าแล้ว”
คนโตสุดในหมู่พวกเขากล่าวอย่างไม่ใส่ใจ
“จะเป็นข้าไปได้อย่างไร? นี่ไม่ใช่คราวของพี่สองหรือ?”
“ไร้สาระ! เมื่อวานข้าไปล่ามาแล้ว!”
พี่สองกลายเป็นโกรธ
“ดี ดี ข้าจะไป พวกเจ้ารอไปก่อน”
น้องคนสุดท้องยืนขึ้นและออกจากถ้ำใต้ดิน