Eternal Reverence เทพบุตรฟ้าประทาน - ตอนที่ 129
บทที่ 129
ความน่ากลัวของเทคนิคลับ
“อันตราย!”
สัมผัสที่หกของหลี่ฟู่เฉินบอกเขาว่า หากเขาไม่สามารถป้องกันกระบี่นี้ได้ คงน่าจะได้รับบาดเจ็บสาหัญแน่นอน
ด้วยเทคนิคเปลวเพลิงลี้ลับที่หมุนโคจรไปจนถึงขีดสุด กระแสพลังฉีเปลวเพลิงหลั่งไหลเข้าสู่ดาบเหล็กดำ ดาบสว่างจ้าขึ้นพร้อมกับแรงกดดันที่ปล่อยออกมา จากนั้นมันก็พุ่งไปที่แสงสีดำ
ฟึบ ฟึบ!
เมื่อตอนที่ดาบปะทะกับกระบี่ สัญลักษณ์เส้นแสงสองเส้นปรากฏขึ้นและลุกลามลงไปยังพื้นดิน มันผ่านออกไปทางด้านหลังของหลี่ฟู่เฉิน
หลี่ฟู่เฉินถูกผลักย้อนกลับไปด้านหลัง เขาหยุดลงหลังจากที่ถอยออกไปหลายก้าวและฝากรอยเท้าไว้ตามพื้นดิน
“กระบี่ที่ทรงพลัง” หลี่ฟู่เฉินไออกมา
พลังกระบี่ของศัตรูเหนือกว่าเขามาก หลังจากที่แยกมันออกเป็นสองส่วนด้วยเจตจำนงแห่งดาบแล้วนั้น เส้นสายทั้งสองก็ยังทิ้งรอยไว้ตามพื้นดินได้อยู่ดี เขาไม่สามารถจินตนาการถึงผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้นได้หาปฏิกิริยาของเขาไม่ดีพอ
“เจตจำนงแห่งดาบช่างน่าหวาดกลัว!” ดวงตาของหยานชิงหวูสว่างจ้าขึ้น
สิ่งที่เธอใช้ก่อนหน้านี้คือเทคนิคลับระดับ 2 ดาว ฝ่ามือรวบอาทิตย์ เทคนิคลับนี้ทำให้ผู้ใช้รวบรวมพลังฉีได้มากกว่าเดิมที่บนฝ่ามือและโอนไปยังกระบี่โค้งได้
นี้เป็นครั้งแรกที่เธอใช้ฝ่ามือรวบอาทิตย์ ดังนั้นเธอจึงไม่สามารถควบคุมมันได้อย่างเต็มที่ หากไม่เป็นเช่นนั้น กระบี่ก่อนหน้านี้จะมีพลังโจมตีที่มากกว่านี้
“รักษาชีวิตไว้ให้ดี ครั้งต่อไปข้าจะมาเอาชีวิตของเจ้า” เก็บกระบี่ลงฝัก หยานชิงหวูเปิดใช้งานเทคนิคตัวเบาของเธอและหายตัวไปภายในอุโมงค์เส้นนึง
อ๊อก!
กระอักเลือดออกมาหนึ่งคำเต็ม หลี่ฟูเฉินรู้สึกว่าการบาดเจ็บภายในร่างกายของเขาทวีความรุนแรงมากขึ้น
“ข้าสงสัยว่าเทคนิคลับมังกเร้นลับนี้จะเป็นแบบใด?”
หลี่ฟู่เฉินอยากรู้เกี่ยวกับเทคนิคลับมังกรเร้นลับที่บรรจุอยู่ในพระพุทธรูปหยก
เทคนิคลับที่หญิงสาวนางนั้นแสดงก่อนหน้านี้ ช่วยเพิ่มพลังการโจมตีของเธอได้สองเท่า หากไม่ใช่เพราะเขามีความตั้งมั่นมากพอ เขาคงจะตกตายลงไปภายใต้กระบี่นั้น
ถ้าเขาสามารถเชี่ยวชาญเทคนิคลับได้ กำลังการต่อสู้ของเขาจะเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยยะและเขาจะมีไพ่ตายอีกหนึ่งใบ
ศึกษาพระพุทธรูปหยกตอนนี้ยังไม่สมควรทำ สิ่งที่เขาทำเป็นอันดับแรกคือการพักฟื้นจากอาการบาดเจ็บเสียก่อน
บริโภคเม็ดยาฟื้นคืนกำลัง หลี่ฟู่เฉินนั่งไขว่ห้างและเริ่มโคจรเทคนิคเปลวเพลิงลี้ลับ
ด้วยพลังฉีที่แพร่กระจายตัวออกไป อาการบาดเจ็บภายในของหลี่ฟู่เฉินจึงค่อยๆ ดีขึ้นเรื่อยๆ
***
สองชั่วโมงต่อมา…
อาการบาดเจ็บของเขาหายไปแล้วกว่า 80%
หายใจเข้าลึกๆ หลี่ฟูเฉินนำพระพุทธรูปหยกออกมา
จากรูปลักษณ์ภายนอก พระพุทธรูปหยกดูเหมือนจะไม่มีลักษณะพิเศษใดๆ เมื่อเมื่อตอนที่นำพลังฉีเข้าไปยังมัน หลี่ฟู่เฉินจึงสามารถมองเห็นรูปลักษณ์ที่แท้จริงของมันได้ ภายในพระพุทธรูปหยกมีจุดเล็กๆ ที่ซับซ้อนซ้อนอยู่
“นี่ใช้เป็นตำแหน่งของเส้นชีพจร?” หลี่ฟู่เฉินเลิกคิ้ว
ภายในจุดเล็กๆ เหล่านี้ หลายจุดสว่างขึ้น พร้อมกับเส้นบางๆ ที่เชื่อมต่อพวกมันทั้งหมดไว้ด้วยกัน
“นี่สมควรเป็นวิธีการฝึกฝนเทคนิคลับมังกรเร้นลับขั้นแรก”
หลี่ฟู่เฉินทำตามมัน และเริ่มโคจรพลังฉีไปตามเส้นชีพจรแต่ละอันด้วยพลังฉีของเขา เมื่อเส้นชีพจรเส้นสุดท้ายถูกไหลผ่าน เส้นชีพจรสามัญหนึ่งเส้นกลับปรากฏขึ้นบนร่างกายของเขา
ไหลไปตามเส้นชีพจรนั้น หลี่ฟู่เฉินค้นพบเส้นชีพจรที่ดูสามัญธรรมดานี้เกิดจากผลกระทบของการบีบอัดพลังฉี
บูมม!
ด้วยการระเบิดสภาวะพลังฉี หลี่ฟูเฉินฟันลงไปยังพื้นดินที่อยู่ไม่ไกลจากตำแหน่งของเขา
แคร๊ก!
เศษหินบินว่อนอยู่รอบๆ ทั้งอากาศและพื้นดิน มันปรากฏรอบลากยาวกว่าสิบฟุตและกว้างไม่กี่นิ้ว
“ตอนนี้การปะทุของพลังฉีข้าแข็งแกร่งขึ้นอย่างน้อย 20% นี้ช่างน่ากลัวจริงๆ”
เพียงแค่ขั้นแรก มันก็เพิ่มความสามารถในการปะทุพลังฉีของเขาไปกว่า 20% หากฝึกถึงขั้นที่สาม ไม่ใช่ว่ามันจะเพิ่มความสามารถในการปะทุพลังฉีกว่า 50% เลยหรือ
(ปะทุพลังฉี = กับการนำพลังฉีออกมาใช้ สภาวะพลังฉี = คล้ายกับปะทุพลังฉี แต่คนที่อ่อนแอ่จะได้รับแรงกดดัน)
สิ่งสำคัญที่สุดก็คือ เทคนิคลับของหญิงสาวนางนั้นทำได้แค่รวบรวมพลังฉีมาไว้ที่ฝ่ามือเท่านั้น แต่เทคนิคลับมังกรเร้นลับเพิ่มพลังฉีและปะทุพลังได้ทั้งร่างกาย
“ผู้อาวุโสของตระกูลเจิ้งกล่าวว่าตลอดทั้งตระกูลเจิ้ง มีเพียงเขาเท่านั้นที่สามารถฝึกฝนเทคนิคลับมังกรเร้นลับได้จนถึงขั้นแรก แต่ทำไมมันถึงเป็นเรื่องง่ายสำหรับข้า?”
หลังจากฝึกฝนขั้นแรกของเทคนิคลับมังกรเร้นลับได้สำเร็จ หลี่ฟู่เฉินคล้ายแคลงใจบางอย่าง
หลี่ฟู่เฉินจะรู้ได้อย่างไรว่าเทคนิคลับนั้นง่ายกว่าการฝึกฝนทักษะต่อสู้อื่นๆ ในระดับเดียวกัน เทคนิคลับมังกรเร้นลับมีความต้องการในการควบคุมพลังฉีที่สูงมาก หากใครคนนั้นไม่ได้มีการควบคุมพลังฉีที่ดีมากพอ งั้นแล้วมันคงเป็นไปไม่ได้สำหรับเขาที่จะก้าวขึ้นมาสู่ขั้นแรก
มันเป็นเพราะจิตวิญญาณที่แข็งแกร่งของหลี่ฟู่เฉิน การควบคุมพลังฉีของเขานั้นเหนือกว่านักสู้คนอื่นๆ ทั่วไป
ซึ่งนี้ก็เป็นสาเหตุที่ว่าทำไมเขาถึงเข้าสู่ขั้นแรกได้ด้วยความพยายามเพียงครั้งเดียว
ถ้าเป็นคนอื่น พวกเขาจะต้องฝึกการควบคุมพลังฉีอย่างช้าๆ
สำเร็จขั้นแรก หลี่ฟู่เฉินเริ่มเข้าฝึกฝนขั้นสองต่อ
ขั้นสองมีความยากลำบากมากกว่าขั้นแรก มันเชื่อมโยมกับเส้นชีพจรกว่าร้อยจุด หากมองแบบภาพรวมแล้ว เส้นทางไหลของชีพจรเหล่านั้นจะเป็นรูปร่างคล้ายมังกร
จากจุดนี้ไป มันคงไม่เพียงพอหากจะพึ่งการควบคุมพลังฉีเพียงอย่างเดียว ผู้ฝึกฝนเองจำเป็นต้องความรับรู้ที่มากเพียงพอต่อมันเช่นกัน ด้วยเส้นชีพจรมากมายที่มาเกี่ยวข้อง ตราบใดที่ส่วนใดส่วนหนึ่งไม่ราบรื่น มันจะส่งผลกระทบต่อการบีบอัดพลังฉีทั้งหมด
แม้ว่าจะเป็นหลี่ฟู่เฉิน เขาก็ต้องวิเคราะห์ทบทวนมันซ้ำแล้วซ้ำเล่า
หนึ่งสัปดาห์ผ่านไป…
ในที่สุดหลี่ฟู่เฉินก็เข้าใจสาระสำคัญทั้งหมดได้
“ลำดับความสำคัญของเทคนิคลับมังกรเร้นลับคือการทำให้พลังทั้งหมดไหลเวียนสำเร็จได้ในครั้งเดียว มันจะต้องไม่มีสิ่งกีดขวางใดๆ ระหว่างนั้น ซึ่งนี่คือเหตุผลที่ว่าทำไมที่เส้นชีพจรถึงได้ไหลอย่างรวดเร็วและราบรื่นเมื่อก่อนหน้านี้ มันไม่ได้เกี่ยวกับการพยายามบีบอัดพลังฉีเส้นหนึ่งให้ถึงขีดจำกัด นั้นจะทำให้เส้นทางทั้งหมดกลายเป็นยุ่งเหยิง”
ด้วยจุดสำคัญที่เข้าใจนี้ ความก้าวหน้าในด้านการฝึกฝนของเขากลายเป็นเร็วขึ้นทันที
สองสัปดาห์ต่อมา ในที่สุดหลี่ฟูเฉินก็บรรลุขั้นที่สองของเทคนิคลับมังกรเร้นลับ
เมื่อเทียบกับขั้นแรก ขั้นสองของเทคนิคลับมังกรเร้นลับทำให้ปะทุพลังฉีออกมาได้กว่า 50%
หลี่ฟู่เฉินคาดการณ์ว่า แม้เขาจะก้าวหน้าจากระดับที่หกของขอบเขตต้นกำเนิดไปสู่ระดับที่เจ็ดของขอบเขตต้นกำเนิด เขาก็จะปะทุพลังฉีได้แบบเดียวกัน
กล่าวอีกนัยนึง เมื่อเขาเปิดใช้งานเทคนิคลับมังกรเร้นลับขั้นที่สอง ความแข็งแกร่งในด้านพลังต่อสู้ของหลี่ฟู่เฉินนั้นจะใกล้เคียงกับนักสู้ขอบเขตต้นกำเนิดระดับที่เจ็ด แทนที่จะเป็นนักสู้ขอบเขตต้นกำเนิดระดับที่หก
“เทคนิคลับน่ากลัวเกินไป ความแตกต่างระหว่างผู้ที่ฝึกฝนและผู้ที่ไม่ได้ฝึกฝนนั้นมากมายเกินไป!”
หลี่ฟู่เฉินเต็มไปด้วยอารมณ์
เพื่อพัฒนาความสามารถในปัจจุบันของเขา เขาจำเป็นต้องฝึกฝนเทคนิคบ่มเพาะที่แข็งแกร่งขึ้น ทักษะดาบ หรือก้าวหน้าในด้านด่านพลังของเขา ใครจะคิดว่าเทคนิคลับมังกรเร้นลับนี้จะช่วยให้ความสามารถโดยรวมของเขาเพิ่มขึ้น 50%
“ที่ข้าได้ทำภารกิจนี้ก็คล้ายกับได้รับพร ถ้าไม่เป็นเช่นนั้น มันคงเป็นไปไม่ได้ที่ข้าจะได้รับเทคนิคลับเช่นนี้”
หลี่ฟู่เฉินดีใจที่พบพานกับโอกาส
ในนิกายวารีคราม ศิษย์ชั้นในของพวกเขาสามารถแลกเทคนิคลับได้ภายใต้สถานการณ์พิเศษ และมันก็เป็นเทคนิคลับระดับ 1 ดาวที่ดีที่สุด
(หมายเหตุ TL: จากนี้นิกายคังหลุนจะเปลี่ยนเป็นนิกายวารีคราม) (ทางอิ้งเขาเปลี่ยนเป็นวารีคราม ย้ำอีกครั้ง)
นิกายจะช่วยให้ท่านแลกเทคนิคลับระดับ 2 ดาวได้ หากพวกเขาต้องการความช่วยเหลือจากตัวเรา
***
“นางน่าจะออกไปแล้วใช่มั้ย?”
หลี่ฟู่เฉินไม่ได้มีแผนที่จะออกจากภูเขาหิมะร่องลอย เขายังคงตั้งใจที่จะแช่ตัวในสระนมศิลาพันปีอยู่
(หมายเหตุ TL: ภูเขาเฟ่ยเซี่ย = หิมะร่อยลอย)
กลับมาที่สระอีกครั้ง หลี่ฟูเฉินไม่กระโดดทันทีเหมือนครั้งที่แล้ว ตอนอื่นเขาโยนก้อนหินลงไปก่อน
หลังจากสองสามนาทีที่เห็นว่ายังไม่มีปฏิกิริยา หลี่ฟู่เฉินจึงถอดเสื้อผ้าของเขาและเข้าไปในสระ
ในแต่ละวันที่ผ่านไป หลี่ฟู่เฉินตระหนักได้ว่าความคืบหน้าของเขาไม่เร็วเท่ากับการลงสระครั้งแรก
31,000 กิโลกรัม… 32,000 กิโลกรัม…
33,000 กิโลกรัม… 35,000 กิโลกรัม…
หลายวันต่อมา ความแข็งแกร่งทางกายภาพของหลี่ฟู่เฉินก็มาถึง 35,000 กิโลกรัม
“ข้าเกือบจะถึงขีดจำกัดแล้ว พลังฉีและเลือดในร่างกายของข้าต่างก็เริ่มเปลี่ยนไป ข้าจำเป็นต้องทำให้มันบริสุทธิ์ก่อนที่จะลงแช่อีกครั้ง”
หลี่ฟูเฉินรู้สึกว่าพลังงานในร่างกายของเขากระจัดกระจายมากเกินไป ผลกระทบของนมศิลาจำนวนมากถูกซ่อนอยู่ภายในเนื้อและกระดูก ซึ่งมันยังไม่ได้แปลงเป็นพลังของเขาเอง
“ข้าควรกลับไปก่อน และมาที่นี้อีกครั้งเมื่อมีโอกาส”
ความรู้สึกล้นเหลือทำให้เขาไม่สบายใจ จากความแข็งแกร่งทางกายภาพ 35,000 กิโลกรัม 3,000 กิโลกรัมของมันไม่ใช่ความแข็งแกร่งที่แท้จริง แต่เป็นพลังงานจากน้ำนมศิลา มันก็เหมือนการที่คนธรรมดากินอาหารเสริมบางอย่างเข้าไปและเริ่มรู้สึกหมดแรง มันเป็นความแข็งแกร่งที่ไม่ได้เป็นของตัวเอง และจะกระจายไปตามกาลเวลา
ออกจากถ้ำใต้ดินและภูเขาหิมะร่องลอย หลี่ฟูเฉินมุ่งหน้าไปยังเมืองผนึกปีศาจ
สิ่งที่เปลี่ยน
(หมายเหตุ TL: เมืองผนึกปีศาจ = เมืองหลินช๋าง นอกจากนี้ยังอาจหมายถึงเมืองที่อยู่ใกล้กับปีศาจสวรรค์)
(หมายเหตุ TL: ปีศาจสวรรค์ = นิกายเทียนช๋า)
(นิกายคังหลุน = นิกายวารีคราม)