Eternal Reverence เทพบุตรฟ้าประทาน - ตอนที่ 139
บทที่ 139
เทคนิคลับสู้กับเทคนิคลับ
ระเบิดเจตจำนงแห่งดาบออกมา ก็ไม่มีใครกล้าท้าทายเซี่ยวหลี่ไบ๋อีกต่อไป
ท้าทายเซี่ยวหลี่ไบ๋ผู้ที่เข้าใจเจตจำนงแห่งดาบก็เหมือนกับการแส่หาเรื่องตลกให้กับตัวเอง
ในโลกนี้ เฉพาะหลังจากที่เข้าใจเจตจำนงแห่งดาบแล้วเท่านั้น ถึงจะสามารถเรียกว่าเป็นนักดาบที่แท้จริงได้ หากไม่เป็นเช่นนั้น ท่านก็ไม่คู่ควรกับตำแหน่งนักดาบ และสามารถเรียกได้ว่าเป็นผู้ใช้ดาบแต่เพียงเท่านั้น
“เซี่ยวหลี่ไบ๋ ให้ข้าได้ลองทักษะของเจ้า”
ร่างของหลิวหวูหวงร่อนลงที่เวที 1
เซี่ยวหลี่ไบ๋มองไปยังหลิวหวูหวงและรู้สึกแปลกๆ “หลิวหวูหวง ไม่มีความหมายที่เราสองคนจะสู้กัน”
ตราบใดที่เจ้าติดอันดับหนึ่งในสิบอันดับแรก เจ้าก็สามารถเข้าสู่เขตแดนร้อยพฤกษาเร้นลับได้ ไม่จำเป็นต้องต่อสู้หรือถามหาความตาย
หลิวหวูหวงตอบกลับ “ข้าคิดว่ามันมีความหมาย และอย่างที่ข้าได้กล่าวไป ศิลปะมันไม่มีผลงานอันดับ 1 แต่ทว่ามันมักมีหมายเลย 1 อยู่ในหมู่นักสู้เสมอ ข้าปรารถนาที่จะต่อสู้กับเจ้า เพื่อดูว่าใครเป็นอันดับ 1 ในนิกายชั้นในที่แท้จริง”
“ข้าเข้าใจแล้ว มาต่อสู้กัน!”
เซี่ยวหลี่ไบ๋ไม่ได้กลัวการต่อสู้ เขาแค่ไม่ชอบการต่อสู้ที่ไร้ความหมาย
“เซี่ยวหลี่ไบ๋ชิเซียงและจักรพรรดิดาบชิเซียงกำลังจะสู้กัน”
“ข้าสงสัยว่าใครที่จะเก่งกว่ากัน?”
“ชวววู หยุดกล่าวได้แล้ว สังเกตการต่อสู้ครั้งนี้อย่างจริงจัง”
ความสนใจของทุกคนถูกดึงดูดไปยังเวทีที่ 1 ทันที จดจ่อโดยการไม่กะพริบตาแม้แต่ครั้งเดียว
“หลิวหวูหวงผูนี้โหยหาคำว่า ‘เหนือกว่า’ โดยฝังลงไปในกระดูกของตนเอง”
หลี่ฟูเฉินชื่นชมหลิวหวูหวง เขาแตกต่างจากคนอื่นๆ ทัศนคติที่ดูเหนือกว่าของหลิวหวูหวงไม่ใช่เพื่อการแสดงเท่านั้น มันเป็นธรรมชาติของเขา ไม่ว่าเขาจะเผชิญหน้ากับใคร เขาจะดูถูกพวกเขา แม้ว่าจะไม่มีใครสามารถทนมันได้ นี่ก็คือเต๋าแห่งดาบของเขา
แต่เต๋าแห่งดาบประเภทนี้ควบคุมได้ยาก เหมือนกับสิ่งที่เขาพูด ‘ศิลปะมันไม่มีผลงานอันดับ 1 แต่ทว่ามันมีหมายเลย 1 อยู่ในหมู่นักสู้เสมอ’ เจ้าอาจมีเต๋าแห่งดาบของเจ้าเอง แต่คนอื่นก็เช่นกัน เมื่อเต๋าแห่งดาบของเจ้าทำให้เต๋าแห่งดาบของผู้อื่นคุ่นเคือง มันก็ย่อมมีการต่อต้ายอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
เต๋าดาบแห่งการปกครองเป็นหนึ่งในสิ่งที่ไม่สามารถแพ้ได้และจะต้องประสบความสำเร็จอยู่เสมอ
เคร้ง!
บนเวที 1 ดาบของเซี่ยวหลี่ไบ๋และหลิวหวูหวงปะทะกัน
รูปแบบดาบของเซี่ยวหลี่ไบ๋ คลุมเครือและรุนแรง มันคล้ายกับลมรุนแรงพัดมาจากฟ้าสวรรค์ทั้งเก้า อิสระและงดงาม
วิชาดาบของหลิวหวูหวง ปกครองเบ็ดเสร็จ ดุจดั่งทะเลอันกว้างใหญ่ที่ถูกกดขี่เมฆที่อยู่เบื้องบน เอาชนะทุกอย่างในทางของมัน
การต่อสู้ระหว่างสองคนนั้นเป็นเหมือนการต่อสู้ระหว่างสองนักดาบ และนอกจากนี้ก็เป็นการต่อสู้ระหว่างเจตจำนงแห่งดาบ
ผลลัพธ์จะถูกเปิดเผยในไม่ช้าและพิจารณาว่าใครคือผู้ที่มีเจตจำนงแห่งดาบที่ดีที่สุด
“หลี่ฟู่เฉิน เจ้าคิดว่าใครจะเป็นผู้ชนะ?” จ้าวหมิ๋งเยวี่ยถาม
หลี่ฟู่เฉินตอบกลับ “ข้าเกรงว่าน่าจะเป็นหลิวหวูหวง”
“นั่นอาจไม่เป็นเช่นนั้น! เจตจำนงแห่งดาบของเซี่ยวหลี่ไบ๋เองก็ค่อนข้างน่ากลัวเช่นกัน” เฉินฟางหัวแย้ง
หลี่ฟู่เฉินอธิบาย “การทำความเข้าใจต่อเจตจำนงแห่งดาบนั้นเกี่ยวข้องกับพลังของจิตใจ แต่หลังจากเข้าใจเจตจำนงแห่งดาบได้แล้ว มันก็จะค่อยๆ กลมกลืนไปกับความมุ่งมั่นในจิตใจของแต่ละคน หลิวหวูหวงมีความมุ่งมั่นที่เหนือกว่า ซึ่งมีคุณสมบัติเช่นเดียวกับเจตจำนงแห่งดาบทะยานเมฆาของเขา ด้วยทั้งมนุษย์และดาบที่คล้ายกัน มันจะช่วยดึงศักยภาพออกมาอย่างเต็มที่”
เช่นเดียวกับที่หลี่ฟู่เฉินทำนายไว้ เซี่ยวหลี่ไบ๋ตกอยู่ในความเสียเปรียบหลังจากผ่านไปหนึ่งร้อยกระบวนท่า
“เซี่ยวหลี่ไบ๋ รับดาบทะยานเมฆาของข้าไป!”
ดาบเหล็กดำในมือของหลิวหวูวหวงกลายเป็นสายฟ้าที่สามารถทำลายหมู่เมฆที่ขวางกั้นได้ มันมีอำนาจแห่งการปกครองที่ไม่สามารถอธิบายได้ ขณะที่มันมุ่งตรงไปยังเซี่ยวหลี่ไบ๋
“ดาบทรงพลังอะไรเช่นนี้” เซี่ยวหลี่ไบ๋พยายามอย่างดีที่สุดเพื่อต่อต้านทานมัน
เช้ง!
เซี่ยวหลี่ไบ๋ถูกโจมตีและเกือบจะล้มลงตกออกจากเวที
ไม่โต้กลับอีก เซี่ยวหลี่ไบ๋กล่าว “หลิวชิตี๋ เจ้าชนะแล้ว ข้ายอม”
ท้ายที่สุดแล้วเจตจำนงแห่งดาบทะยานนภาของเขาก็ด้อยกว่าเจตจำนงแห่งดาบทะยานเมฆาของหลิวหวู่หวงในท้ายสุด
หลิวหวูหวงไม่ได้ตอบกลับ และหันไปมองฝูงชน มองไปที่หลี่ฟู่เฉิน
หลี่ฟู่เฉินกล่าว “เจ้าเพิ่งเสร็จสิ้นการต่อสู้ หากข้าท้าทายเจ้าในตอนนี้ มันคงจะไม่ถูกต้องเท่าใด”
“เลือดของข้ายังคงอุ่นอยู่ มาสู้กับข้า! หากเจ้าไม่กลัวละก็นะ”
“ถ้าเจ้าต้องการจะสู้ งั้นแล้วก็ตามนั้น!”
ใช้ท่าร่างของตนเอง หลี่ฟู่เฉินกระโดดขึ้นไปบนเวที 1
“100 กระบวนท่า” หลิวหวูหวงยกนิ้วขึ้นมาหนึ่งนิ้ว
“1,000 กระบวนท่าเจ้าก็ไม่สามารถทำได้” หลี่ฟู่เฉินส่ายหัว
เขารู้ว่าหลิวหวูวหวงหมายถึงอะไร
คู่ต่อสู้ของเขาต้องการเอาชนะเขาภายใน 100 กระบวนท่า
“เจ้าประเมินตนเองสูงเกินไป ภายใน 100 กระบวนท่า ข้าจะทำให้เจ้าออกจากเวที”
หลิวหวูหวงดึงดาบของเขาออกมาและระเบิดสัมผัสอำนาจที่สกดข่มปกครองที่ไม่เหมือนใครออกมา มันเหมือนเป็นสิ่งที่ไม่อาจก้าวข้ามผ่านไปได้และก็ดูรวดเร็วมากเช่นกัน สิ่งนั้นมันไม่ได้ให้ความรู้เชื่องช้าและทื่อด้านอย่างที่คาดคิดไว้
“เนื่องจากเซี่ยวชิเซียงไม่สามารถต่อต้านเจตจำนงแห่งดาบทะยานเมฆาของเจ้าได้ งั้นข้าจะให้เกียรติเจ้า!”
ด้วยดาบเหล็กดำที่หลุดออกมาจากฝัก หลี่ฟู่เฉินก็พุ่งขึ้นไปกลางอากาศ แสงดาบเรืองรองประดุจดาวตกที่กำลังส่องประกาย
เคร้ง เคร้ง เคร้ง เคร้ง…
ดาบของพวกเขาทั้งสองมีความรวดเร็วเป็นอย่างมาก ในเวลาสั้นๆ พวกเขาก็แลกเปลี่ยนกระบวท่าไปมากมายและทำให้ผู้คนที่มองดูกลายเป็นโง่งม
“ดาบที่รวดเร็วอะไรเช่นนี้ มันคงทำให้ข้าล้มลงได้ด้วยเวลาเพียงเสี้ยววินาที”
“จักรพรรดิดาบ หลิวหวูวหง ดาบปีศาจ หลี่ฟู่เฉิน นี่คือการต่อสู้ที่แท้จริงระหว่างสองสุดยอด หัวใจของข้าเต้นแรงมากเนื่องจากความตื่นเต้น”
ทุกคนกลั้นหายใจ ไม่อยากพลาดรายละเอียดใดๆ
ชื่อดาบปีศาจของหลี่ฟู่เฉินถูกสร้างขึ้นโดยเหล่าศิษย์นิกายชั้นใน
การเข้าใจเจตจำนงแห่งดาบได้ตั้งแต่ระดับที่เจ็ดของขอบเขตต้นกำเนิดนั้นเทียบเท่ากับดาบคลั่ง หากต้องการใช้ปีศาจเป็นคำอธิบายก็ไม่ได้กล่าวเกินจริงแต่อย่างใด เนื่องจากชื่อดาบปีศาจนั้นถูกกล่าวต่อกันมา หลายคนจึงพยักหน้าเห็นด้วย
แน่นอนว่ามีคนที่ไม่เห็นด้วยเช่นกัน
การได้รับสมยานาม มันไม่ได้เกิดขึ้นจากใครคนใดคนหนึ่ง
หากหลี่ฟู่เฉินต้องการได้รับสมยานามดาบปีศาจ เขาต้องแสดงให้เห็นว่าเขามีความสามารถราวกับปีศาจจริงๆ หากเขาไม่สามารถเอาชนะหลิวหวูหวง จักรพรรดิดาบได้ อย่างน้อยเขาก็ต้องทนแลกเปลี่ยนกระบวนท่าเกินหลายร้อยครั้ง
“มีภูเขาที่สูงกว่าอยู่เสมอและมีศัตรูที่แข็งแกร่งกว่าอยู่เสมอ เปรียบเทียบกับพวกเขา ข้า เฉินฟางหัวเป็นแค่ใครสักคนที่ดูธรรมดาๆ” เฉินฟางหัวหัวเราะอย่างขมขื่น
เธอเห็นหลี่ฟู่เฉินที่เติบโตจากระยะหนึ่งไปเป็นอีกระยะหนึ่ง
เมื่อตอนที่ต้านทานคลื่นสัตว์ปีศาจที่เมืองโลหิตปีศาจ ความสามารถของหลี่ฟู่เฉินยังไม่สามารถต่อสู้กับสัตว์ปีศาจระดับ 2 ขั้นสูง กอริลลาหลังเหล็กได้ หลังจากช่วงเวลานึง หลี่ฟู่เฉินก็เหนือกว่าเธอไปแล้วอย่างสมบรูณ์แบบ
(TL หมายเหตุ: เมืองชวูเซี่ย = เมืองโลหิตปีศาจ)
ความจริงนี้ทำให้เธอรู้สึกเหมือนฝัน
จ้าวหมิ๋งเยวี่ยกล่าว “เฉินชิเจี๋ย ปู่ของข้าเคยกล่าวไว้ว่า โลกนี้มีอัจฉริยะนับไม่ถ้วน มีอัจฉริยะบางคนที่เจ้าไม่สามารถเปรียบเทียบได้ และจะทำได้แต่หวังว่าจะมีความสามารถอย่างพวกเขา และเมื่อตอนที่พวกอัจฉริยะเหล่านั้นยังเยาว์วัย เขาก็มีประสบการณ์ทั้งหมดนี้ด้วยเช่นกัน แต่เขาจะค่อยๆ ได้รับมันเมื่อเริ่มเติบโตขึ้น ดังนั้นท่านจึงไม่ควรท้อแท้ไป”
เฉินฟาวหัวหัวเราะ “ทำไมข้าถึงต้องหมดกำลังใจกัน จ้าวชิเหม๋ย เจ้าคิดมากเกินไป ข้าถอนหายใจเพราะการมีชีวิตอยู่ในนาทีของข้า นิกายวารีครามของเรามีอัจฉริยะมากมาย แต่เมื่อเทียบกับโลก ศิษย์สำนักวารีครามของเราเป็นเพียงแค่ค่าเฉลี่ย หากใครอยากจะไปสู่จุดสูงสุดของโลกการต่อสู้ เขาจะต้องแข่งขันกับอัจฉริยะนับไม่ถ้วน ฉันไม่สามารถรับความกดดันเช่นนี้ได้ ดังนั้นข้าจึงให้หลี่ชิตี๋รับความกดดันแทนที่จะเป็นข้า!”
ขณะที่ทั้งสองอยู่ในการสนทนา การต่อสู้ที่เวที 1 ได้เข้าสู่ช่วงที่รุนแรงที่สุด
ความสามารถของหลิวหวูหวงนั้นน่ากลัวอย่างแน่นอน
หากหลี่ฟู่เฉินไม่ได้ใช้เทคนิคลับมังกรเร้นลับ มันคงจะไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะเอาชนะคู่ต่อสู้ของเขา
หลังจากทั้งหมดแล้ว หลิวหวูหวงก็ระดับมากกว่าเขาถึงสองระดับ
“หลี่ฟู่เฉินหากเจ้ามีความแข็งแกร่งเพียงเล็กน้อยเท่านี้ เช่นนั้นเจ้าจะต้องพ่ายแพ้! ดับเทพยุทธ์!”
ร่างกายของหลิวหวูหวงพร่ามัวไปครู่หนึ่ง พลังฉีของเขาสั่นสะเทือนขณะที่สภาวะพลังฉีของเขาทยานขึ้นไปบนท้องฟ้า จากนั้นหลิวหวูหวงก็โจมตีหลี่ฟู่เฉินด้วยพลังที่น่าตกใจ แสงดาบเจิดจ้า มันราวกับว่าสิบดาบถูกรวมเป็นหนึ่งเดียว
“นี่เป็นเทคนิคลับระดับ 2 ดาว ดับเทพยุทธ์”
“ในนิกายชั้นใน เฉพาะโครงกระดูกระดับ 5 ดาวเท่านั้นที่สามารถแลกเทคนิคลับล่วงหน้าได้ หลี่ฟูเฉินตกอยู่ในอันตราย”
ในหมู่ศิษย์ชั้นใน หลายคนรู้จักดับเทพยุทธ์ พวกเขารู้ว่าเทคนิคลับนี้น่ากลัวขนาดไหน มันอาจทำให้พลังฉีสั่นไหวด้วยความเร็วสูงและเพิ่มพลังอำนาจอย่างมาก
“หลี่ชิตี๋กำลังจะพ่ายแพ้” เซี่ยวหลี่ไบ๋ส่ายหัว
“หลิวหวูหวง เจ้าคิดว่ามีเพียงเจ้าเท่านั้นที่รู้เทคนิคลับ? ข้าก็รู้เช่นกัน”
ด้วยเทคนิคลับมังกรเร้นลับ สภาวะพลังฉีของหลี่ฟู่เฉินก็ทยานขึ้นฟ้าด้วยเช่นกัน การปรากฏตัวของสภาวะพลังฉีที่น่าเกรงขามสกดขมสภาวะพลังฉีของหลิวหวูหวงทันที