Eternal Reverence เทพบุตรฟ้าประทาน - ตอนที่ 143
บทที่ 143
ไปยังเขตแดนเร้นลับ
ห้องโถงชั้นใน…
จ้าวหวูจินยืนอยู่ตรงกลาง และด้านข้างของเขามีผู้อาวุโสนิชั้นในเก้าคน ซึ่งพลังฉีที่ปรากฏออกมาก็ไม่ได้ด้อยกว่าเขามากนัก
หลังจากนั้นไม่นาน หลี่ฟู่เฉินและคนอื่นๆ ก็มาถึงห้องโถงใหญ่
จ้าหวูจินเริ่มกล่าว “วันนี้เราจะมุ่งหน้าเข้าสู่เขตแดนร้อยพฤกษาเร้นลับ แต่ก่อนหน้านั้น มารับดาบและทรัพย์สมบัติของพวกเจ้าไป”
ขณะที่เขากล่าวจบ ผู้ดูแลชั้นในทั้งสิบคนก็นำดาบ และกระเป๋าหนังสัตว์เข้ามา
หลังจากได้รับดาบ หลี่ฟู่เฉินวาดดาบเบาๆ ฟึบ พลังดาบเยือกเย็นจากดาบไหลออกมาอย่างมากมาย มันสามารถแยกแขนของใครคนนึงออกได้อย่างง่ายดาย
‘เป็นดาบลึกลับขั้นกลาง ดาบทองดำ!’ หลี่ฟู่เฉินตกใจ
ดาบทองดำเป็นอุปกรณ์ดาบสำหรับศิษย์หลัก ใบดาบมันแหลมคมซึ่งสามารถตัดเหล็กได้เหมือนตัดเส้นผม ทุกสิ่งคล้ายกับโคลนเมื่ออยู่ภายใต้มัน
“ดาบทองดำหนึ่งเล่มมีค่าอย่างน้อยก็ 100,000 เหรียญทอง ในโลกภายนอก ดาบที่หายากเช่นนี้ไม่สามารถซื้อด้วยเงินได้” หลี่ฟู่เฉินอ้าปากค้างอยู่เมื่อได้เห็นความเอื้ออาทรของนิกาย
สายตาของเขาเปลี่ยนจากดาบทองดำเป็นกระเป๋าหนังสัตว์ปีศาจ
“นี่ควรเป็นถุงเก็บของที่ทำจากหนังปีศาจมิติ ราคาของกระเป๋าใบนี้มากกว่ามูลค่าของดาบทองดำเสียอีก!”
ปีศาจมิตินั้นเป็นสัตว์ร้ายระดับ 4 มันมีคุณสมบัติเป็นความว่างเปล่าและสามารถกลืนกินอะไรก็ได้ การใช้หนังมันเพื่อมาทำกระเป๋าเก็บของจะช่วยให้สามารถจัดเก็บสิ่งของจำนวนมากได้ กระเป๋าใบเล็กๆ นี้เองอาจจะเก็บของขนาดมหึมาลงไปได้
“ถ่ายพลังฉีของเจ้าเข้าไปในถุงเก็บแล้วมันจะเปิดออก ลองมันดู” ผู้อาวุโสข้างจ้าวหวูจินกล่าว
ได้ยินสิ่งที่ผู้อาวุโสกล่าว ทุกคนถ่ายพลังฉีของตนเองลงในถุงเก็บของ
ในเดี๋ยวนั้นเอง ถุงเก็บก็ถูกเปิดขึ้นโดยอัตโนมัติ หลี่ฟู่เฉินมองเข้าไปข้างในและเห็นว่าถุงถูกเปิดออกขนาดเท่าฝ่ามือและมีที่เก็บของกว้างประมาณหนึ่งเมตร
“ราวกับเวทมนตร์!”
ศิษย์นิกายชั้นในสิบคนตกตะลึง หลังจากได้เห็นความสามารถของถุงเก็บของเป็นครั้งแรก
‘โลกเป็นสถานที่ที่กว้างใหญ่และมีสิ่งลึกลับมากมาย สิ่งที่ดีที่สุดคือทำใจเปิดรับต่อโลกกว้างนี้’ หลี่ฟู่เฉินสงบอารมณ์ของตัวเองลง
จ้าวหวูจินกล่าว “เวลาเปิดออกของเขตแดนร้อยพฤกษาเร้นลับคือหนึ่งสัปดาห์ ภายในสัปดาห์นี้ เจ้าควรทำให้ดีที่สุดเพื่อเก็บเกี่ยวสมุนไพรและแร่ที่มีประโยชน์ เว้นแต่จำเป็น อย่าได้ฆ่าใคร แน่นอน หากฝ่ายตรงข้ามไม่มีความสุภาพ เจ้าเองก็ไม่จำเป็นต้องมี นิกายวารีครามของเราไม่แสวงหาปัญหา แต่ก็ไม่กลัวปัญหาเช่นกัน หากเป็นไปได้ ลองรวมกลุ่มกันดู เพื่อให้ศิษย์นิกายอื่นไม่ได้มีโอกาสที่จะลอบสังหารพวกเจ้า”
“ขอรับผู้อาวุโสใหญ่” พวกเขาสิบคนพยักหน้า
จ้าวหวูจินกล่าวต่อ “นอกเหนือจากการระแวดระวังศิษย์จากนิกายอื่น เจ้าเองก็ต้องระวังสัตว์ปีศาจภายในเขตแดนร้อยพฤกษาเร้นลับด้วยเช่นกัน บางประเภทระดับสูง และบางประเภทระดับต่ำ หลายปีก่อน สัตว์ปีศาจระดับ 3 ขั้นสูงได้เข้ามาและก่อให้เกิดการบาดเจ็บล้มตายครั้งใหญ่ในทุกๆ นิกาย แต่นั่นก็เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้ยากมากและสามารถไม่ใส่ใจมัน เมื่อเป็นเช่นนั้น พวกเจ้าก็ไม่จำเป็นต้องกังวลกับความกังวลที่ไม่จำเป็น”
จบคำกล่าวของเขา จ้าวหวูจินโบกมือของเขา “มากับข้า” จากนั้นเขาก็เดินออกจากห้องโถงชั้นใน
นอกห้องโถงใหญ่ จ้าหวูจินกล่าวกับผู้อาวุโสชั้นในที่อยู่ข้างเขา “อาวุโสเหลียง กล่าวให้ลูกรักทั้งสองของเจ้ามา”
ผมของอาวุสเหลียงดูไม่เรียบร้อยนักเขาคล้ายกับเพิ่งหลุดออกมาจากป่า เขาส่งเสียง ‘ฮี่ฮี่’ ก็ที่จะเป่านกหวีดเสียงแหลมสูง
ก๊าก!
กั๊ว!
สัตว์ปีศาจชนิดบินได้สองตัวบินออกมาจากยอดเขาที่อยู่ห่างไกล
“ใหญ่มาก!” หลี่ฟูเฉินและกลุ่มต่างก็เบิกตากว้าง
หนึ่งในนั้นคือสัตว์ปีศาจประเภทนก มันถูกห่อหุ้มด้วยขนสีทอง ขนแต่ละอันมีความยาวหลายเมตร ปีกของมันยาวอย่างน้อยๆ 20 เมตร ซึ่งดูแล้วมันสามารถครอบคลุมดวงอาทิตย์ได้อย่างง่ายดาย
อีกตัวคือสัตว์ปีศาจที่ร่างกายเป็นเสือและมีปีก แต่ที่ปลายอีกด้านหนึ่งกลับเป็นหัวของนกจริงๆ ปีกของมันยาวประมาณ 20+ เมตร
ระดับ 4 ชั้นต่ำ นกทอง
ระดับ 4 ชั้นต่ำ พยัคฆ์ล่องลอย
อันที่จริงแล้ว พวกมันไม่ใช่สัตว์ปีศาจ แต่เป็นสัตว์จิตวิญญาณ
สัตว์จิตวิญญาณก็คือสัตว์ปีศาจที่เชื่องแล้ว พลังฉีปีศาจภายในร่างกายของพวกมันถูกกำจัดไปนานแล้วและถูกหลงเหลือไว้เพียงแต่พลังฉีวิญญาณแต่เพียงเท่านั้น
“อาวุโสเหลียงผู้นี้จะต้องเป็นผู้เชี่ยวชาญที่สามารถทำให้สัตว์ปีศาจระดับ 4 ขั้นต่ำทั้งสองตัวนี้เชื่องได้” รู้สึกถึงแรงกดดันวิญญาณจากสัตว์จิตวิญญาณระดับ 4 ขั้นต่ำ หลี่ฟู่เฉินและคนอื่นๆ รู้สึกหายใจลำบาก
สัตว์จิตวิญญาณระดับ 4 ขั้นต่ำเปรียบเทียบได้กับนักสู้ขอบเขตสวรรค์ระดับต่ำ แต่พลังฉีจิตวิญญาณมันไร้ขอบเขต หากไม่ใช่เพราะขาดทักษะต่อสู้ แม้แต่กระทั่งนักสู้ขอบเขตสวรรค์ระดับกลางก็ไม่อาจเป็นคู่มือสัตว์จิตวิญญาณระดับ 4 ขั้นต่ำเพียงตัวเดียวได้
ในขณะที่นกทองและพยัคฆ์ล่องลอยเข้ามา จ้าวหวูจินก็กล่าว “ทุกคนขึ้นไป!”
หลังของนกทองและพยัคฆ์ล่องลอยนั้นใหญ่พอที่จะบรรทุกคนจำนวนมาก
หลี่ฟู่เฉินยืนอยู่บนหลังของพยัคฆ์ล่องลอยด้วยกันกับจ้าวหวูจิน เฉินฟางหัว ศิษย์ชั้นในอีกสามคน และผู้อาวุโสชั้นในอีกสี่คน
ผู้คนที่เหลือนั่งอยู่ด้านหลังของนกทอง
“ขึ้น!” อาวุโสเหลียงตะโกนสั่ง
นกทองและพยัคฆ์ล่องลอยกระพือปีกเพื่อพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า ในพริบตา พวกเขาก็ผ่านชั้นเมฆและหายไป
***
แคว้นเขาจันทราโลหิตตั้งขวางแคว้นวารีครามไว้อยู่ต่อจากนั้นก็ แคว้นปีศาจสวรรค์ แคว้นโหมกระบี่ และแคว้นเร้นวิญญาณ
ในตอนกลางของแคว้นเขาจันทราโลหิตเป็นทะเลสาบขนาดมหึมา
บนพื้นผิวของทะเลสาบร้อยพฤกษาเป็นสองนิกายที่มาถึงนานแล้ว แต่ละนิกายนำสมาชิกมายี่สิบคน สิบเป็นศิษย์ชั้นในและอีกสิบเป็นผู้อาวุโสชั้นใน
ทั้งสองนิกายนี้คือนิกายโหมกระบี่และนิกายเร้นวิญญาณ
สมาชิกของนิกายโหมกระบี่ทุกคน ไม่ว่าจะเป็นผู้อาวุโสหรือเหล่าศิษย์ ต่างก็ถือกระบี่ขนาดใหญ่ไว้ที่ด้านหลัง ด้านหลังของกระบี่มีวงแหวนทั้งหมดเก้าวงและด้ามของมันถูกสลักออกมาคล้ายกับหัวเสือ ลักษณะธรรมชาติโดยรวมของมันก็ดุดัน รุนแรง และโหมฉกรรช์
สมาชิกนิกายเร้นวิญญาณทั้งหมดสวมเสื้อคลุมที่ถูกปักเป็นลายเมฆสีหมองมน พวกเขาทั้งหมดมีสภาวะพลังฉีที่ดูลึกลับและมันราวกับว่าพวกเขาสามารถหายตัวไปได้ตลอดเวลา การปรากฏตัวของพวกเขาขัดขวางวิสัยทัศน์ของผู้ชมมองอย่างมาก
เมื่อศิษย์จากทั้งสองฝ่ายตรวจสอบซึ่งกันและกัน ดวงตาของพวกเขาก็เต็มไปด้วยความเกลียดชังและความมุ่งมั่นที่แฝงมาด้วยเจตนาสังหาร หากใครพูดอะไรบางอย่างที่ไม่เหมาะสม การต่อสู้ขั้นแตกหักจะเกิดขึ้นทันที
ก๊ากก!
กั๊วว!
จากฟากฟ้า เสียงสะท้อนของสัตว์ปีศาจดังกึกก้องเข้ามาในหู
“นิกายวารีครามมาถึงแล้ว”
ผู้อาวุโสใหญ่ชั้นในของนิกายโหมกระบี่เป็นชายมีอายุที่มีร่างกายใหญ่โต ด้านหลังของเขาเป็นดาบทองคำขาวที่ดูสง่างามและไร้ฝัก กระบี่ยักษ์นี้อย่างน้อยต้องอยู่จุดสูงสุดของความสามารถที่มนุษย์มี มันมีความกว้างหนึ่งฟุต ชายผู้นั้นกระพริบตา และสายตาแหลมคมที่สกดข่มผู้คนได้ถูกปล่อยออกมา ทำให้ไม่มีใครกล้ามองเข้าไปในตาเขา
ในช่วงเวลาสั้นๆ นกทองและพยัคฆ์ล่องลอยก็มาถึงท้องฟ้าเหนือทะเลสาบร้อยพฤกษา
“ทุกคนลงไป” จ้าวหวูจินลงจากนกทอง
คนอื่นติดตามมาในไม่ช้า
ซึ่ม! ซึ่ม!
ระลอกคลื่นถูกสร้างขึ้นบนผิวน้ำของทะเลสาบ ในขณะที่สมาชิกของนิกายวารีครามกว่า 20 คนลงมาบนพื้นผิวของทะเลสาบ
อาวุโสเหลียงโบกมือเพื่อส่งสัญญาณให้สัตว์จิตวิญญาณของเขาออกไป และตามล่าหาอาหารของพวกมันเอง
“จ้าวหวูจิน เป็นเวลานานแล้วที่ไม่ได้พบกัน”
ผู้อาวุโสใหญ่ชั้นในของนิกายโหมกระบี่หัวเราะสุดเสียง ส่งสภาวะพลังฉีที่น่ากลัวจากดาบไปยังจ้าวหวูจิน
“เหอเลียนหู่ เจ้าก็ยังเป็นเฒ่าหยาบคายเช่นเดิม”
จ้าวหวูจินปลดปล่อยสภาวะพลังฉีเพื่อต่อต้านเหอเลียนหู่
บูม บูม ตึ้ม!
เสาน้ำพุ่งขึ้นมาจากผิวน้ำทะเลสาบร้อยพฤกษา นั่นเป็นผลของการปะทะกันของพลังฉีทั้งสอง
“คนจากนิกายสวรรค์ปีศาจก็อยู่ที่นี่เช่นกัน”
ผู้อาวุโสใหญ่ชั้นในของนิกายเร้นวิญญาณเป็นหญิงชราที่ดูแปลกประหลาดและก็ยังเป็นหญิงชราที่มากฝีมือ เธอเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า
ในบั่นปลายของฟากฟ้า สัตว์จิตวิญญาณสีดำสี่ปีกกำลังบินข้ามผ่านมา
สัตว์จิตวิญญาณสีดำตัวนั้นมีขนาดใหญ่กว่าทั้งนกทองและพยัคฆ์ล่องลอย ปีกมันกว้างอย่างน้อย 30+ เมตร เมื่อตอนที่มันบินข้ามผ่านท้องฟ้า มันดูเหมือนเมฆดำขนาดยักษ์ที่กำลังเคลื่อนที่ ครอบคลุมโลกด้วยแรงกดดันที่น่าหวาดกลัวและนำพายุรุนแรงเข้ามา