Eternal Reverence เทพบุตรฟ้าประทาน - ตอนที่ 144
บทที่ 144
อัจฉริยะจากนิกายอื่น
สัตว์จิตวิญญาณระดับ 4 ขั้นกลาง อสูรสี่ปีกสวรรค์
สัตว์จิตวิญญาณตัวนี้ได้รับการเลี้ยงดูเป็นอย่างดีจากสำนักปีศาจสวรรค์ รูปแบบดั่งเดิมของมันคือสัตว์ปีศาจสี่ปีกปฐพี
อสูรสี่ปีกสวรรค์นั้นก้าวร้าวผิดธรรมดา แม้ว่าตอนนี้จะอยู่ระดับ 4 ขั้นกลาง แต่เมื่อมันเกิดการบาดเจ็บ ความแข็งแกร่งในด้านพลังต่อสู้จะเพิ่มขึ้นอย่างมาก จากระดับ 4 ชั้นกลางพุ่งขึ้นไปถึงระดับ 4 ชั้นสูง ถือได้ว่าสัตว์จิตวิญญาณตนนี้เป็นตัวแทนของนิกายปีศาจสวรรค์
ด้วยแรงลมที่คล้ายกับใบดาบ อสูรสี่ปีกสวรรค์ค่อยๆ ร่อนลงมาจากสูงหลายเมตร
“ลงไป!”
ชายผู้มีอายุคนนึงลงมาก่อน ตามด้วยสมาชิกอีกกว่า 20 คน
ผู้อาวุโสชั้นใน 13 คน และเหล่าศิษย์ชั้นในอีก 13 คนขึ้นฝั่ง
เห็นได้ชัดว่าที่ว่างของนิกายสวรรค์ปีศาจนั้นมากกว่า 3 ที่
“มันเป็นนาง?”
หลี่ฟูเฉินกวาดสายตาของเขาไปรอบๆ และเห็นสิ่งที่งดงามสมบูรณ์แบบที่อยู่ภายใต้ผ้าคลุมสีดำ
พลังบ่มเพาะของคนงามในผ้าคลุมดำนั้นอยู่ในระดับที่ 9 ของขอบเขตต้นกำเนิด ร่างกายของเธอส่งออร่าที่น่าหวาดกลัวออกมา แม้แต่กระทั่งการถูกมองจากเธอเพียงครั้งเดียวก็ทำให้รู้สึกเหมือนถูกเชือดด้วยคมดาบ
‘สมควรเป็นโครงกระดูกระดับ 6 ดาว เพิ่มพลังบ่มเพาะขึ้นได้ในเวลาเพียงไม่กี่เดือน และดูเหมือนว่าเธอเองก็เข้าใจเจตจำนงกระบี่แล้วด้วยเช่นกัน’ หลี่ฟู่เฉินคิดกับตัวเอง
ในขณะเดียวกับที่หลี่ฟู่เฉินสำรวจหยานชิงหวู หยานชิงหวูเองก็กำลังค้นหาหลี่ฟู่เฉินด้วยเช่นกัน
มันเป็นสัญชาตญาณของผู้หญิงที่เธอได้ตัดสินว่าหลี่ฟู่เฉินเองก็มีคุณสมบัติเพียงพอที่จะเข้าสู่เขตแดนร้อยพฤกษาเร้นลับด้วยเช่นกัน
เพียงไม่นาน หยานชิงหวูก็พบหลี่ฟู่เฉิน
ทั้งคู่พบกัน หนึ่งประดุจคมดาบ อีกนึงดูนิ่งเงียบและสงบสุข
“เจ้าคิดว่าเจ้าสามารถเสแสร้งไม่มีใดเกิดขึ้น?” หยานชิงหวูหัวเราะเย็นชา
“ชิงหวูชิเหม่ย เจ้ารู้จักใครบางคนจากนิกายวารีครามหรือไม่?” ที่ด้านข้างของหยานชิงหวู เป็นบุคคลวัยเยาว์ที่มีผิวขาวซีดราวกับหิมะ ซึ่งดูแล้วเหมือนจะอายุ 20 ปีกล่าวถาม
ขมวดคิ้วของเธอ หยานชิงหวูกล่าว “ไม่มี”
เรื่องของเธอจะต้องตัดสินด้วยตัวเอง เปรียบเทียบกับหลี่ฟู่เฉิน เธอไม่ชอบหลี่หวูเซี่ยผู้นี้มากกว่า
“ชิงหวูชิเหม่ยล้อข้าเล่นแล้ว ดูเหมือนว่าศิษย์คนหนึ่งจากนิกายวารีครามจะทำให้เจ้าขุ่นเคืองใจ ไม่เป็นไร ข้าจะฆ่าพวกมันทั้งหมดและนำหัวของพวกมันมาให้เจ้าเอง”
หลี่หวูเซี่ยเลียริมฝีปากของเขา และปล่อยปลดเจตนาชั่วร้ายออกจากดวงตา
“เจ้าไม่จำเป็นต้องเข้ามายุ่งกับเรื่องของข้า” หยานชิงหวูเปล่งเสียงทางจมูก
หลี่หวูเซี่ยไม่สนใจความเห็นของเธอ “เรื่องของชิงหวูชิเหม่ยนับว่าเป็นเรื่องของข้าเช่นกัน หลังจากทั้งหมดแล้ว เจ้าเองก็ต้องกลายเป็นภรรยาของข้าในอนาคตอยู่ดี”
“หลี่หวูเซี่ย ข้าจะกล่าวอีกครั้ง ข้าจะไม่แต่งงานกับเจ้า ไม่ใช่ตอนนี้ มันจะอยู่ในอนาคตอันไกล”
“กล่าวปัดแบบเด็กๆ แต่ข้าก็ไม่ได้รังเกียจมันเช่นกัน” หลี่หวูเซี่ยกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ผ่อนคลาย
หยานชิงหวูโกรธ แต่ไม่ต้องการที่จะตอบ
“เหว่ยหยี่ปิง เป็นเรื่องยากเสียจริงๆ ที่นิกายปีศาจสวรรค์ของเจ้าจะมาถึงไว”
เหว่ยหยี่ปิงเป็นชายผู้มีอายุที่สวมเสื้อคลุมดำยาว เขาเพิกเฉยต่อผู้อาวุโสนิกายเร้นวิญญาณและกวาดสายตาของเขาไปทั้งสามนิกาย “ดูเหมือนว่าพวกเจ้าจะนำขยะมาด้วย เหล่าศิษย์นิกายปีศาจสวรรค์ เมื่อเจ้าเห็นพวกเขา อย่าปล่อยให้ใครมีชีวิตรอด”
“ขอรับผู้อาวุโสใหญ่”
ได้ยินคำสั่ง ศิษย์จากนิกายปีศาจสวรรค์ทุกคนมีแววตาที่แฝงไปด้วยเจตนาสังหาร พวกเขาเต็มไปด้วยรัศมีฆ่าฟันที่หนาแน่นคล้ายจะก่อต่อในรูปแบบคลื่น มันราวกับว่าพวกเขาเป็นสัตว์ที่ชั่วร้าย
‘ไม่ใช่ว่านี่คือนิกายปีศาจหรือไม่?!’ หลี่ฟู่เฉินคิด
“ฮึ่ม คนอื่นอาจเกรงกลัวนิกายปีศาจสวรรค์ของเจ้า แต่นิกายโหมกระบี่ของเจ้าไม่เกรงกลัว ศิษย์นิกายโหมกระบี่ หากเจ้าเห็นศิษย์จากนิกายปีศาจสวรรค์ ฆ่าพวกมันทั้งหมดอย่างรวดเร็ว” เหอเหลียนหู่กล่าวเยาะเย้ย
หญิงชราจากนิกายเร้นวิญญาณรู้สึกไม่มีความสุขเมื่อถูกเพิกเฉยจากเหว่ยหยี่ปิง แต่นิกายเร้นวิญญาณไม่ชมชอบกับการทะเลาะวิวาทมากนัก พวกเขาต้องการที่จะลอบสังหารและวางแผนในที่มืด ดวงตาของหญิงชรามีเจตนาสังหาร ซึ่งตามด้วยการไปกระซิบกับเหล่าศิษย์ของเธอ
“พวกเจ้าเห็นนี้ไหม? นี่คือความสัมพันธ์ระหว่างนิกาย” จ้าวหวูจินส่งข้อแยกออกไปถึงหลี่ฟู่เฉินและเหล่าศิษย์มากมาย
ได้ยินสิ่งนี้ อารมณ์ของเหล่าศิษย์ก็ปะทุออกมา บางคนตื่นเต้น บางคนกลัว และบางคนก็สงสัยในความสามารถของพวกเขา
มีเพียงหลี่ฟูเฉินเท่านั้นที่ยังสงบและไม่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์
“เนื่องจากตอนนี้ยังคงมีเวลาอยู่ ข้าสมควรที่จะแนะนำศิษย์ระดับจากเหล่านิกาย”
“ศิษย์ที่ถือกระบี่หัวผีเป็นศิษย์ลำดับที่ 1 จากนิกายโหมกระบี่ กระบี่คลั่ง ค้วนไห่ เขาเป็นที่รู้จักกันดีในด้ายทักษะกระบี่ที่บ้าคลั่งของเขา ถ้าเจ้าพบเขา อย่าได้เข้าไปยุ่งเป็นอันขาด หากเจ้าสามารถหลบหนีได้ เจ้าควรจะหนีไปดีที่สุด เขาจะกลายเป็นบ้าเมื่อเวลาได้เห็นเลือด เขาเคยถูกจำคุกเป็นเวลาหนึ่งปีเพราะฆ่าศิษร่วมย์นิกาย หลังจากที่เขาได้รับการปล่อยตัว เขาก็ทำให้ศิษย์คนอื่นพิการ จากนั้นก็ถูกจำคุกอีกหนึ่งปี ความสามารถของเขานั้นเพียงพอที่จะฆ่านักสู้ขอบเขตปฐพีระดับ 1 ได้ พยายามหลีกเลี่ยงเขาถ้าเป็นไปได้”
ทุกคนมองตามสายตาของจ้าวหวูจิน ภายในค่ายของนิกายโหมกระบี่มีชายที่มีอายุมากกว่า 20 ปีอยู่หนึ่งคน ผมดูยุ่งเหยิงและดวงตาปูดโปด นิ้วของเขาขยับไม่หยุด มันเหมือนกับว่าเขากำลังนับบางสิ่ง เมื่อเขารู้ตัวว่ามีคนกำลังมองเขาอยู่ เขาเงยหัวขึ้นทันที
ดวงตาของเขามัน…
นั่นคือดวงตาที่ไร้อารมณ์และกำลังคิดเกี่ยวกับความคลั่งที่มีต่อเลือด มันน่ากลัวยิ่งกว่าศิษย์ของนิกายปีศาจสวรรค์
“นั้นเป็นดวงตาที่น่ากลัวจริงๆ”
หลังจากทั้งหมดแล้วเฉินฟางหัวก็ยังคงเป็นผู้หญิง และไม่สามารถทำอย่างไรได้ ได้แต่ตัวสั่น
“เฉินชิเจี๋ย อย่ามองเขา” หลี่ฟู่เฉินกล่าวเบาๆ
หากความกล้าของบุคคลถูกบดขยี้ ความสามารถของพวกเขาจะลดลงไปในทันที เห็นได้ชัดว่ากระบี่คลั่งต้วนไห่ผู้นี้สามารถแสดงความมุ่งมั่นของความบ้าคลั่งออกมาได้ ซึ่งทำให้คู่ต่อสู้ของเขาแพ้พ่ายก่อนที่จะต่อสู้เสียอีก เขาไม่ใช่คนที่นักสู้ธรรมดาๆ จะสามารถรับมือได้
เฉินฟางหัวพยักหน้าและรีบก้มหัวลง
จ้าวหวูจินพยักหน้าเห็นชอบ ในบรรดาพวกเขาสิบคน มีเพียงคนเดียวที่สงบ มันคือหลี่ฟู่เฉิน
เพื่อที่จะมองไปยังกระบี่คลั่ง ต้วนไห่ได้และไม่รู้สึกถูกครอบงำ มันขึ้นอยู่กับความมุ่งมั่นและความกล้าหาญของเขา นี้ยิ่งไม่ต้องพูดถึงความสามารถของเขาเลย
บุคคลประเภทนี้จะสามารถสงบสติอารมณ์ได้ไม่ว่าในสถานการณ์ใดๆ
บางครั้ง ความสามารถในการสงบสติอารมณ์ยังเป็นข้อได้เปรียบในระหว่างการต่อสู้เช่นกัน
สำหรับหลิวหวูหวง เซี่ยหลี่ไบ๋ หยูเหวินเทียน และคนอื่นๆ ส่วนใหญ่ได้รับผลกระทบทางอารมณ์ แม้ว่าบางคนในพวกเขาจะไม่กลัว แต่พวกเขาก็ด้อยกว่าหลี่ฟู่เฉินที่รักษาความสงบไว้ได้เป็นอย่างดี
“อกเหนือจากกระบี่คลั่ง ต้วนไห่ ศิษย์ชั้นในนิกายโหมกระบี่ลำดับที่ 2 กระบี่โลหิต หลิงหวง บุคคลผู้นี้ก็ยอดเยี่ยมมากเช่นกัน เขาเป็นศิษย์ชั้นในเพียงคนเดียวที่แลกเปลี่ยนกระบวนท่ากับกระบี่คลั่งต้วนไห่ได้และปราศจากอาการบาดเจ็บ จำเป็นต้องให้ความสนใจเขาด้วยเช่นกัน”
หลังจากแนะนำศิษย์นิกายโหมกระบี่ครบสี่คนแล้ว จ้าวหวูจินเริ่มแนะนำศิษย์จากนิกายเร้นวิญาญ
“ศิษย์จากนิกายเร้นวิญญาณนั้นเชี่ยวชาญในเรื่องการซุ่มโจมตีและการลอบสังหาร พวกเขามีทักษะและการวางแผนสังหารที่แปลกประหลาด ศิษย์ชั้นในอันดับที่ 1 ของพวกเขาเรียกกันว่า นายน้อยวิญญาณ ต้วนมู่เหยา เขาได้ลอบสังหารผู้เชี่ยวชาญขอบเขตปฐพีระดับที่ 3 ไประวังอย่าเข้าใกล้เขาหากเจ้าเห็นเขา อย่าเพิกเฉยต่อการดำรงอยู่ของเขา ถ้าไม่ เจ้าอาจจะตอบสนองได้ไม่ทันเวลาและอาจจะถูกฆ่าตายได้”
“ที่ด้านข้างของเขามีศิษย์หญิงคนหนึ่งชื่อวิญญาณสาว เย่ฮัว อย่าได้มองเข้าไปในดวงตาของเธอ อย่ามองไปที่ส่วนใดๆ ของร่างกายเธอด้วย ในบางมุม เธอยิ่งน่ากลัวกว่ากระบี่คลั่งต้วนไห่และนายน้อยวิญญาณต้วนมู่เหยาเสียอีก เป็นการดีที่สุดที่จะหลีกเลี่ยงเธอ”
“ศิษย์ตัวเล็กๆ ที่อยู่ด้านหลังคือวิญญาณเด็ก เสี่ยวเหมา เขามีคุณสมบัติพิเศษบางอย่างเกี่ยวกับร่างกายของเขา เขาไม่สามารถถือได้ว่าเป็นมนุษย์หรือวิญญาณ ความสามารถของเขาไม่สามารถตัดสินใดๆ ได้ แม้แต่นายน้อยวิญญาณต้วนมู่เหยาและวิญญาณสาวเย่ฮัวก็ไม่กล้าที่จะยั่วยุเขา เป็นการดีกว่าที่จะไม่จัดการกับบุคคลที่ลึกลับและไม่รู้จัก”
ก่อนที่จ้าวหวูจินจะได้แนะนำศิษย์จากนิกายปีศาจสวรรค์ หลี่ฟูเฉินขัดจังหวะ “ผู้อาวุโสใหญ่ ข้ามีความเห็นต่าง”
“โหห.. เจ้าเห็นต่างอย่างไร?”
จ้าวหวูจินและผู้อาวุโสชั้นในที่เหลือมองหลี่ฟู่เฉินด้วยความประหลาดใจไม่ก็ขมวดคิ้ว