Eternal Reverence เทพบุตรฟ้าประทาน - ตอนที่ 145
บทที่ 145
ต้นไม้เฟื่องฟูในป่า
(TL หมายเหตุ: ต้นไม้ที่เฟื่องฟูในป่าเป็นคำที่หมายถึง : บุคคลซึ่งโดดเด่นท่ามกลางคนอื่นๆ )
“มีความจำเป็นต้องระวังคนเหล่านี้อย่างแน่นอน แต่เราไม่จำเป็นต้องสวมมงกุฎให้คนเหล่านั้นและฉุดดึงนิกาวารีครามของเราลง พวกเราผู้ฝึกฝนดาบไม่จำเป็นต้องหวาดกลัวใด หากเราพบกับเทพ เราก็จะสังหารเทพ หากเราเจอพระพุทธเจ้า เราก็จะสังหารพระพุทธเจ้า(buddha มันใช้คำนี้อะ) ความคมของดาบคือการฟันฝ่าอุปสรรคทุกอย่าง หากมีความกลัวในใจ เต๋าแห่งดาบจะหายไป และเมื่อเต๋าแห่งดาบหายไปแล้ว เราจะฝ่าอุปสรรคและก้าวไปข้างหน้าได้อย่างไร?”
หลี่ฟู่เฉินอธิบายเหตุผลของเขา
“ความหมายของเจ้าคือฆ่าใครก็ตามที่เราพบเจอ และเผชิญหน้ากับความตายด้วยความสงบ?” หนึ่งในผู้อาวุโสชั้นในกล่าวถาม
หลี่ฟูเฉินตอบอย่างใจเย็น “มันทั้งถูกและไม่ถูกต้อง ดูและคิดว่าสถานการณ์ไหนเป็นสิ่งสำคัญ ความหวาดกลัวนั้นเป็นสิ่งสำคัญ แต่ก็ไม่จำเป็นต้องแยกกับคนเหล่านี้ พวกเขายังคงเป็นมนุษย์ พวกเขายังมีเลือดและเนื้อ หากพวกเขาถูกแทง สิ่งที่ไหลออกมาก็ยังคงเป็นเลือด ทำไมเราต้องหลีกเลี่ยงพวกเขาเมื่อตอนที่เราเห็นพวกเขา? เป็นไปได้ไหมที่นิกายวารีครามของเราจะหนีได้ก็ต่อเมื่อเราเห็นศัตรูที่แข็งแกร่งเท่านั้น?”
คำแนะนำก่อนหน้านี้ของจ้าวหวูจินได้ฝั่งเจตจำนงแห่งความหวาดกลัวลงไปในจิตใจของเหล่าศิษย์ชั้นใน อย่าได้กล่าวถึงการพบกับอัจฉริยะเช่นกระบี่คลั่งต้วนไห่ หากพวกเขาได้พบกับคนที่มีความสามารถในระดับเดียวกันกับพวกเขา พวกเขาก็จะมีความกลัวในจิตใจและจะถูกฆ่าตาย
“กล่าวได้ดี”
จ้าวหวูจินไม่ได้วิจารณ์หลี่ฟู่เฉิน แต่ยินดีเป็นอย่างยิ่ง
เขาเป็นกังวบมากเกินไปและไม่ได้พิจารณาสถานการณ์โดยรวม
เขาเป็นห่วงว่าต้นกล้าที่ยอดเยี่ยมทั้งสิบนี้จะตายภายในเขตแดนร้อยพฤกษาเร้นลับ ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้เขาระมังระวังมากขึ้น
ใครจะไม่ทราบว่านักดาบที่แท้จริงต้องมีจิตใจที่กล้าหาญ
หากหัวใจนั้นมีตำหนิ ดาบเองก็จะมีข้อบกพร่องเช่นกัน เช่นนั้นนักดาบจะยังคงฝึกเต๋าแห่งดาบต่อไปได้อย่างไร?
“สิ่งที่ชายชราคนนี้กล่าวอาจจะฟังดูน่ากลัวเกินไป สำหรับคนที่ข้าได้กล่าวถึงก่อนหน้านี้ หากจำเป็นต้องมีการต่อสู้ เมื่อนั้นพวกเจ้าต้องแสดงความกล้าหาญของนิกายวารีครามพวกเราออกมา! และก็ทำให้พวกเขากลัวเราแทน! นิกายวารีครามของเราไม่ใช่สิ่งที่จะพ่ายแพ้ได้ง่ายๆ ดาบเป็นอาวุธของนักฆ่า เลือดเท่านั้นที่จะทำให้มันแหลมคมขึ้น”
คำพูดจากหลี่ฟู่เฉินและจ้าวหวูจินจุดไฟในประกายสายตาของเหล่าศิษย์ แต่เดิมพวกเขาดูหวาดกลัว ทว่าตอนนี้มันแฝงไปด้วยออร่าที่ดูแหลมคมและมั่นใจ เหล่าศิษย์ไม่ได้มีความหวาดกลัวในจิตใจอีกต่อไป พวกเขารู้สึกว่าเต๋าแห่งดาบของพวกเขายิ่งมายิ่งมั่นคงและแน่วแน่ขึ้น
หลิวหวูหวงมองหลี่ฟู่เฉินอย่างจริงจัง เขาไม่เคยรู้สึกมาก่อน แต่ตอนนี้ ทันใดนั้นเขาก็คิดได้ว่าหลี่ฟูเฉินนั้นน่ากลัวอย่างแท้จริง มันยิ่งกว่ากระบี่คลั่งต้วนไห่ หรือนายน้อยวิญญาณต้วนมู่เหยาเสียอีก
ดึงสายตาของเขาจ้องมองไปที่นิกายปีศาจสวรรค์ จ้าวหวูจินเริ่มแนะนำศิษย์ชั้นในของนิกายปีศาจสวรรค์
“บุคคลแรกที่ถูกกล่าวถึงในนิกายปีศาจสวรรค์คืออสูรโลหิตหลี่หวูเซี่ย เขาเป็นลูกชายของผู้นำนิกายปีศาจสวรรค์ เขาครอบครองโครงกระดูกอสูรโลหิต ระดับ 5 ดาว ไม่เพียงแต่โครงกระดูกประเภทนี้จะเป็นโครงกระดูกแบบพิเศษระดับ 5 ดาวที่ต่างจากอื่นๆ ทั้งหมด มันมียังมีพลังแฝงเพิ่มเติมเข้ามา ยิ่งเขาฆ่าผู้คนมากเท่าไหร่ พลังฉีปีศาจเขาก็ยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้นเท่านั้น ยิ่งฆ่าก็ยิ่งสามารถใช้ศักยภาพที่แท้จริงออกมาได้ ว่ากันว่าเขาได้ได้ฆ่าผู้คนไปแล้วกว่าพันชีวิต และพวกเขาทุกคนต่างก็มีระดับการฝึกฝนเทียบเท่ากับเขา”
“เขาฆ่าคนไปกว่าพันคน?”
แม้ว่าทุกคนจะถูกกระตุ้นก่อนหน้านี้และเจตจำนงของความกลัวลดลงไปบ้างแล้ว เมื่อพวกเขาได้ยินเกี่ยวกับหลี่หวูเซี่ย พวกเขาก็ไม่สามารถทำอย่างไรได้ ได้แต่มีการเปลี่ยนแปลงในการแสดงออก
เปรียบเทียบกับหลี่หวูเซี่ย จำนวนคนที่พวกเขาฆ่าไปอาจไม่เกิน 10 คน
“ไม่ใช่ว่าเขาเป็นปีศาจนักฆ่าหรือไม่?!” ดาบวารีขาว ไบ๋เต๋า ไม่สามารถทำอย่างไรได้ ได้แต่กล่าวออกมา
จ้าวหวูจินกล่าวต่อ “ประมาณสามเมตรทางด้านขวาของหลี่หวูเซี่ยคืออสูรดำเหลียงหวูช๋าง ข้างๆ เหลียงหวูช๋างนั้นเป็นอสูรขาวเก๋าชง พวกเขายังเป็นที่รู้จักในนามคู่อสูรดำและขาว พวกเขาเชี่ยวชาญในการโจมตีพร้อมกัน พวกเขายังสามารถเอาชนะศินักสู้ขอบเขตปฐพีระดับ 1 ได้ด้วยตัวคนเดียว เมื่อประสานพลังกันแล้ว ความสามารถของพวกเขาจะเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า ชื่อเสียงของพวกเขาในนิกายปีศาจสวรรค์นั้นไม่ได้ด้อยกว่าหลี่หวูเซี่ยเลย”
“กรงเล็บวิญญาณ เจิ้งซวน เขาบ่มเพาะทักษะกรงเล็บระดับลึกลับขั้นต่ำ กรงเล็บวิญญาณโลกันต์ ซึ่งมีความยากลำบากต่อการฝึกฝนที่สุดในส่วนนิกายปีศาจสวรรค์ ได้มีการกล่าวกันว่าภายในนิกายปีศาจสวรรค์ทั้งหมด มีศิษย์เพียงสามคนเท่านั้นที่สามารถบรรลุขั้นภวังค์ของทักษะกรงเล็บวิญญาณโลกันต์ได้ พวกเขาสองคนเป็นศิษย์หลักและน่ากลัวมาก กล่าวกันว่าพวกเขาถูกจัดให้อยู่ในพื้นที่ที่เท่าเทียมกับหลี่หวูเซี่ย แต่ขาดเพียงสถานะเท่านั้น”
“และท้ายที่สุด ตระกูลหลักของนิกายปีศาจสวรรค์ อัจฉริยะจากตระกูลหยาน หยานชิงหวู ความสามารถของเธออาจจะไม่แข็งแกร่งเท่ากับหลี่หวูเซี่ย หรือคู่อสูรดำขาว หรือกรงเล็บวิญญาณเจิ้งซวน แต่เธอก็มีศักยภาพสูงสุด เพราะโครงกระดูกของเธอคือระดับ 6 ดาว”
ทุกคนกำลังขมวดคิ้วหลังจากได้ยินข้อมูลของหลี่หวูเซี่ย คู่อสูรดำขาว และกรงเล็บวิญญาณเจิ้งซวน
ตัดสินข้อมูลจากจ้าวหวูจิน ทุกคนรู้ได้อย่างคร่าวๆ ว่าหลี่หวูเซี่ยอยู่ใกล้เคียงกับกระบี่คลั่งต้วนไห่ แม้ว่าคู่อสูรดำขาวอาจจะอ่อนแอกว่า แต่เมื่อพวกเขารวมกลุ่มกันแล้ว พวกเขาอาจจะเก่งกว่าหลี่หวูเซี่ย นอกจากนั้น กรงเล็บวิญญาณเจิ้งซวนอาจไม่ได้ด้อยไปกว่าหลี่หวูเซี่ย
เพียงแค่อิงจากสี่คนนั้น มันก็แสดงให้เห็นแล้วว่าอัจฉริยะจากนิกายปีศาจสวรรค์นั้นยอดเยี่ยมกว่านิกายอื่นๆ อีกสามนิกาย
นี่เป็นความเข้าใจร่วมกันที่ทุกคนเข้าถึง
แต่หลังจากทราบถึงโครงกระดูกระดับ 6 ดาวของหยานชิงหวูทุกคนกลายเป็นตกใจ
ความหมายของโครงกระดูกระดับ 6 ดาวคืออะไร?
ทุกคนรู้มันดี
ถ้าโครงกระดูกระดับ 4 ดาวเป็นอัจฉริยะ โครงกระดูกระดับ 5 ดาวน่าจะถือได้ว่าเป็นอัจฉริยะระดับต้นๆ
โครงกระดูก 6 ดาวถือว่าเป็นอัจฉริยะที่สุดในรุ่น
นับตั้งแต่ก่อตั้งนิกายวารีครามขึ้นมา ไม่มีบุคคลที่มีโครงกระดูกระดับ 6 ดาวโผล่ขึ้นเว้นแต่ผู้นำนิกายรุ่นแรก
โครงกระดูกระดับ 6 ดาวมีโอกาสที่จะเกินขอบเขตหวนคืนกำเนิดและไปยังขอบเขตที่อยู่สูงขึ้นไป
ด้วยขอบเขตเช่นนั้น คนหนึ่งคนก็เทียบเท่ากับหนึ่งนิกาย หากใครไม่ปฏิบัติตาม นั้นหมายความว่ามันผู้นั้นพร้อมที่จะเผชิญกับการสูญพันธุ์
“นิกายปีศาจสวรรค์น่ากลัวอย่างแท้จริง!” ดาบห้วงเขา ลั่วหยี่ซานพึมพัม
“มันเป็นนิกายที่น่าหวาดกลัวอย่างแท้จริง” หลี่ฟูเฉินเห็นด้วย
หลี่ฟู่เฉินเท่านั้นที่จะจินตนาการได้ เมื่อหยานชิงหวูพัฒนาขึ้นในอนาคต ภัยคุกคามแบบไหนที่จะก่อให้เกิดกับอีกสามนิกาย?
ด้วยประกายตาเย็นชา จ้าวหวูจินกล่าว “ข้าหวังว่าพวกเจ้าทุกคนจะพยายามอย่างดีที่สุด เพื่อฆ่าผู้หญิงคนนี้หากเจ้าพบเธอ ทุกคนที่สามารถกำจัดเธอได้จะได้รับคะแนนสะสม 3 ล้านคะแนน ขีดจำกัดของการไถ่ถอนสิ่งต่างๆ จะเพิ่มขึ้นไปยังชั้นของผู้อาวุโสนิกายชั้นใน ตราบใดที่เจ้ามีคะแนนสะสมเพียงพอ โดยทั่วไปแล้วเจ้าสามารถแลกของที่เจ้าต้องการได้”
การคุกคามของโครงกระดูก 6 ดาวนั้นมากเกินไป ไม่กี่สิบปีต่อไป หากนิกายวารีครามถูกกำจัดหมดสิ้นไป มันอาจจะเพราะผู้หญิงคนนี้เอง
“อาวุโสใหญ่ อย่าได้กังวล ข้าจะสังหารผู้หญิงนางนี้เอง”
แม้ว่าหยานชิงหวูเป็นความงามที่สมบูรณ์แบบ ที่แม้แต่หลิวหวูหวงก็ยังรู้สึกประทับใจ แต่ถ้ามีโอกาส เขาจะฆ่าหยานชิงหวูอย่างแน่นอน
ตราบใดที่มีความสามารถเพียงพอ หญิงสาวหาได้ก็จะไม่ขาด คะแนนบริจาค 3 ล้านคะแนนและข้อจำกัดในการแลกรับรางวัลของผู้อาวุโสนิกานชั้นในเป็นข้อเสนอที่น่าสนใจมาก
เช่นเดียวกับนิกายวารีคราม นิกายโหมกระบี่ และนิกายเร้นวิญญาณก็ได้รับคำสั่งสังหารเช่นกัน จะมีรางวัลมากมายรออยู่เมื่อฆ่าหยานชิงหวู
“ต้นไม้ที่เฟื่องฟูในป่าจะถูกผูกไว้ให้โค่นลง หากความสามารถของใครบางคนเหนือล้ำเกินไป มันก็ยากที่จะพัฒนาได้อย่างถูกควร”
หลี่ฟูเฉินรู้สึกกดดันในหัวใจ เขาสงสัยว่าเขาเองจะถูก ‘ตั้งรางวัล’ แบบนี้รึเปล่า
หลังจากทั้งหมดแล้ว ความสามารถทางจิตวิญญาณของเขาก็โดดเด่นเกินไป เขาผู้ซึ่งเป็นโครงกระดูกธรรมดาทั่วไปแต่มีการรับรู้ที่เกินกว่าโครงกระดูกระดับ 5 ดาว เมื่อจิตวิญญาณของเขาเปลี่ยนเป็นสีฟ้าอ่อนอย่างสมบูรณ์ มันจะเติบโตขึ้นอีกเท่าตัวแน่นอน
“เขตแดนร้อยพฤกษาเร้นลับครั้งนี้เป็นโอกาสสำหรับข้าที่จะพัฒนาและก้าวหน้า ข้าต้องใช้ประโยชน์จากมันอย่างเต็มที่”
สิ่งที่หลี่ฟู่เฉินไม่รู้ก็คือ คือว่าเขาได้กลายเป็นสิ่งที่ดูขัดหูขัดตาสำหรับนิกายอื่นๆ ทั้งสามนิกาย
ในการแบ่งปันข้อมูลของแต่ละนิกาย มันบอกว่าหลี่ฟูเฉิน หลิวหวูหวง และเซี่ยวหลี่ไบ๋ล้วนเป็นเป้าหมายที่โดดเด่น พวกเขาถูกจับจ้องเป็นเป้าสังหาร แม้แต่กระทั่งหยูเหวินเทียนเองก็อยู่ในบัญชีดำด้วยเช่นกัน หลังจากทั้งหมดแล้ว เขาก็เป็นโครงกระดูกระดับ 5 ดาว แต่เนื่องจากอายุของเขาเขาจึงไม่โดดเด่นเกินไป หากให้เวลาเขาอีกซัก 2 ปี เขาจะไม่ได้ด้อยไปกว่าหลิวหวูหวง
เขตแดนร้อยพฤกษาเร้นลับเป็นโอกาสที่โชคชะตาประทานมา แต่ก็เป็นบททดสอบเลือดด้วยเช่นกัน บุคคลที่เข้มแข็งจะมีชีวิตรอดและผู้อ่อนแอจะต้องตาย