Eternal Reverence เทพบุตรฟ้าประทาน - ตอนที่ 161
บทที่ 161
การปรากฏขึ้นของสภาวะพลังฉีที่น่ากลัว
กลุ่มนี้เป็นศิษย์จากทั้งสามนิกาย นำโดยหลี่หวูเซี่ย ต้วนไห่และต้วนมู่หยุน
คราวนี้ หยางชิงหวูเองก็เข้าร่วมด้วยเช่นกัน
นึกได้ว่าทั้งหมดมีเก้า หกของพวกเขาได้ก้าวไปสู่ระดับที่สองของขอบเขตปฐพี หลี่เซี่ยวไบ๋กลายเป็นไม่สบายใจ เขาคิดว่าอย่างน้อยที่สุดจะมีคนหรือสองคนที่เข้าสู่ระดับที่ 2 ของขอบเขตปฐพี แต่เขาไม่คิดว่าจริงๆ แล้วจะมีถึงหก
นอกเหนือจากนี้ อีกสี่คนที่อยู่ในระดับที่ 1 ของขอบเขตปฐพีและไม่สามารถจัดการได้อย่างง่ายดาย
หยานชิงหวู อสรูขาว เย่ฮัว และเฉินเฟ่ยไห่ คนใดคนหนึ่งเหล่านี้ไม่ได้อ่อนแอไปกว่าเซี่ยวหลี่ไบ๋และแข็งแกร่งกว่าหยูเหวินเทียนและเฉินฟางหัวอย่างเห็นได้ชัด
“คนกลุ่มนี้แน่แท้แล้วว่าเป็นพยัคฆ์ที่มาขวางเส้นทาง”
เซี่ยวหลี่ไบ๋หัวเราะอย่างขมขื่น เขาคิดว่าโชคของพวกเขาค่อนข้างดี แต่ใครจะรู้ว่าโชคของศัตรูของพวกเขาดีกว่าเสียอีก
หลี่หวูเซี่ยและกลุ่มมองดูด้วยอารมณ์ที่จริงจัง เขาสำรวจหลิวหวูหวงและข้ามผ่านไป เขาแปลกใจเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้สนใจใดๆ พวกเขาอยู่ในระดับที่ 2 ของขอบเขตปฐพีเช่นกันและเฉพาะหลิวหวูหวงเท่านั้นที่ดูมีความสามารถ คนที่ชื่อเซี่ยวหลี่ไบ๋อ่อนแออย่างไม่ต้องสงสัย เมื่อพวกเขาจ้องมองที่หลี่ฟู่เฉิน ใบหน้าทั้งหมดของพวกเขามืดมนลง
หลี่ฟูเฉินตอนนี้อยู่ในระดับที่ 1 ของขอบเขตปฐพี
ย้อนกลับไปเมื่อตอนที่เขายังอยู่ในระดับที่ 9 ของขอบเขตต้นกำเนิด แค่นั้นก็เพียงพอที่เขาคนเดียวจะสู้กับคนทั้งหมด ตอนนี้เขาอยู่ในระดับที่ 1 ของขอบเขตปฐพี เขาจะไม่เป็นบางอย่างที่ท้าทายสวรรค์?
‘เวรเอ้ย!’ หลี่หวูเซี่ยคำรามอยู่ในใจ
หลี่ฟู่เฉินกวาดสายตาอันเย็นชาไปที่พวกเขาทั้งสิบ และประกาศออกอย่างไม่แยแส “ไปซะก่อนที่ข้าจะเปลี่ยนใจ!”
ในหมู่ทุกคนที่นี่ เฉพาะหลี่ฟู่เฉินเท่านั้นที่มีความสามารถในการท้าทายศิษย์ทั้งสามนิกายได้โดยลำพัง
ซึบ!
ร่างกายของต้วนไห่ปลดปล่อยเจตนาสังหาร ในขณะที่เขาดึงกระบี่ร้อยเทพยุทธ์ออกมาอย่างรวดเร็ว
“เขาก้าวขึ้นสู่อขบเขตปฐพีระดับที่ 1 แล้วอย่างไร? พวกเรามีหกขอบเขตปฐพีระดับที่ 2 และสี่ขอบเขตปฐพีระดับที่ 1 อยู่ที่นี่!” กระบี่โลหิตหลิงหวงตะโกน
ได้ยินคำกล่าว กลุ่มกลายเป็นหึกเหิม
พวกเขามีนักสู้ขอบเขตปฐพีระดับที่ 2 อยู่หกคนจริงๆ หากพวกเขาถอยกลับโดยไม่ต่อสู้ พวกเขาจะถูกทำให้อับอายขายหน้า แม้ว่าพวกเขาจะฆ่าหลี่ฟู่เฉินในอนาคต มันจะยังคงมีบาดแผลอยู่ในใจ
“มอบถุงเก็บของทั้งหมดของเจ้ามา แล้วข้าจะช่วยไว้ชีวิตเจ้า” อสูรดำเยาะเย้ย
“และหญิงนางนั้น ข้าต้องการนาง” เจียงเสี่ยวเหมาเลียริมฝีปาก ขณะที่จ้องมองไปยังเฉินฟางหัว
ได้ยินคำกล่าวเหล่านั้น ยกเว้นหลี่ฟู่เฉิน เซี่ยวหลี่ไบ๋และกลุ่มดึงดาบทองดำออกมา
“ดูเหมือนว่าพวกเจ้าจะไม่ฟังคำของเรา”
หลี่หวูเซี่ยเป็นคนแรกที่ระเบิดสภาวะพลังฉีออกมา ส่วนที่เหลือของศิษย์ทั้งสามนิกายทำตามและปลดปล่อยสภาวะพลังฉี มีเพียงหยานชิงหวูเท่านั้นที่ตั้งใจแยกตัวเองและยืนห่างออกไป
เธอไม่ชอบการใช้ประโยชน์จากจำนวน หากเธอต้องพ่ายแพ้ให้แก่หลี่ฟูเฉิน เธอจะทำมันอย่างยุติธรรม
ด้วยสภาวะพลังฉีที่ถูกระเบิดออกมาเกือบสิบคน ลานแห่งนี้ก็คล้ายกับถูกพรำด้วยพายุสายฝน อากาศดูเหมือนจะผิดเพี้ยนไป
แน่นอนว่าอากาศไม่สามารถผิดเพี้ยนไปได้
สิ่งที่ผิดเพี้ยนไปคือจิตวิญญาณของแต่ละบุคคล
หลังจากทั้งหมดแล้ว สภาวะพลังฉีก็มาจากจิตวิญวาญของจิตใจ
เมื่อจิตวิญญาณทั้งหมดเข้าปะทะกัน มันสร้างวิสัยทัศน์ของฉากที่บิดเบี้ยว
ภายใต้แรงกดดันจากสภาวะพลังฉีทั้งเก้า เซี่ยวหลี่ไบ๋ หลิวหวูหวง หยูเหวินเทียน และเฉินฟางหัวรู้สึกหายใจลำบาก หากพวกเขาเริ่มการต่อสู้ที่แท้จริง พวกเขาจะดึงความสามารถที่แท้จริงออกมาได้เพียง 70% หรือ 80%
ยืนอยู่ท่ามกลางสภาวะพลังฉีทั้งสองกองกำลัง หลี่ฟู่เฉินไม่รู้สึกอะไรเลย ราวกับว่าสภาวะพลังฉีเหล่านี้เป็นเมฆที่ลอยอยู่ ซึ่งไม่สามารถส่งผลกระทบจิตวิญญาณของเขาได้
“พวกเจ้าแน่แท้แล้วว่าไม่สามารถแยกความแตกต่างระหว่างชีวิตและความตายได้ ตั้งแต่ที่เป็นเช่นนี้แล้ว ข้าจึงไม่จำเป็นต้องกังวลอีกต่อไป หากเจ้าอยากตาย ข้าจะให้ความปรารถนานั้นแก่เจ้า”
เปิดใช้งานเทคนิคลับมังกรเร้นลับและใช้รูปแบบเทคนิค สภาวะพลังฉีอันทรงพลังก็ระเบิดทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า
สภาวะพลังฉีนี้มันอะไรกัน?
ภายใต้สภาวะพลังฉีของหลี่ฟู่เฉิน สภาวะพลังฉีอื่นๆ ทั้ง 13 อันนั้นดูคร่ำครึและอ่อนแอกว่าหากเปรียบเทียบกัน พวกมันทั้งหมดถูกป่นปี้ราวกับเด็กตัวน้อย
ในช่วงพริบตาเดียว ลานทั้งหมดคล้ายกับเป็นนรก ทุกคนสามารถรู้สึกได้ว่าร่างกายของพวกเขากำลังถูกต้ม เซี่ยวหลี่ไบ๋และกลุ่มไม่เป็นไร ก็ในเมื่อสภาวะพลังฉีของหลี่ฟู่เฉินไม่ได้กำหนดเป้าหมายไปที่พวกเขา
แต่กลุ่มทั้งเก้าของหลี่หวูเซี่ย ทุกคนรู้สึกกระหายน้ำขณะที่ลิ้นและปากกลายเป็นแห้ง ผิวของพวกเขาเริ่มไหม้
โดยเฉพาะอสูรขาวและเฉินเฟ่ยไห่ พวกเขาเป็นคนที่มีระดับการบ่มเพาะอ่อนแอที่สุด ผิวหนังของพวกเขามีแผลพุพอง นี่เป็นผลข้างเคียงที่ร่างกายไม่สามารถควบคุมได้ เนื่องจากจิตวิญญาณถูกบิดเบือน
กล่าวอีกนัยนึง นี้มันถือเป็นทักษะภาพลวงตาได้เช่นกัน แต่เป็นทักษะภาพลวงตาที่หยาบและดุร้ายเป็นที่สุด ไม่มีทักษะใดๆ อื่นแอบแฝง มันเป็นเพียงความมุ่งมั่นจากจิตวิญาณที่บริสุทธิ์ และออกมาเป็นสภาวะพลังฉีเพื่อยับยั้งศัตรูของมัน
“สภาวะพลังฉีที่น่ากลัวอะไรเช่นนี้”
แม้ว่าพลังบ่มเพาะของเย่ฮัวจะเป็นเพียงแค่ระดับที่ 1 ของขอบเขตปฐพี แต่เธอก็เชี่ยวชาญทักษะภาพลวงตา ซึ่งเป็นสาเหตุที่เธอไม่ได้รับผลกระทบ มองไปที่คนอื่นๆ ส่งผลให้เธอไม่สามารถทำอย่างไรได้ ได้แต่ตัวสั่น
“ตาย!”
ไม่จำเป็นต้องใช้ดาบ หลี่ฟู่เฉินส่งฝ่ามือออกไป
ฝ่ามือพุ่งผ่านไปพร้อมๆ กับคลื่นพลังฉี
ทักษะฝ่ามือลึกลับขั้นต่ำ ฝ่ามือหลอมเหล็ก
ปั๊ง ปั๊ง!
ท่ามกลางกลุ่มของพวกเขา อสูรขาวและเฉินเฟ่ยไห่ผู้ซึ่งเป็นจุดอ่อน ร่างกายของพวกเขาถูกเผาไหม้และถูกส่งบินกลับไป
“ไป!”
หลี่หวูเซี่ยและที่เหลือตัวสั่นด้วยความกลัว ขณะที่พวกเขาหนีออกจากลานอย่างกุลีกุจอ
ปั๊ง!
ด้วยการส่งฝ่ามือไปอีกครั้ง หลี่ฟู่เฉินก็ส่งเจียงเสี่ยวเหมาล้มลง
“ทำไมเจ้าถึงไม่หนีไป?” หลี่ฟู่เฉินไม่ได้ไล่ตามเพื่อฆ่า แต่กลับกันมองไปยังลานที่หยานชิงหวูอยู่อยู่
หยานชิงหวูตอบกลับ “ฆ่าเพียงแค่สาม เจ้าทำสิ่งที่สมควรแล้ว”
หลี่ฟูเฉินไม่กล่าวสิ่งใด
เมื่อนั้นเองที่หยานชิงหวูกล่าวต่อ “หากเจ้ากำจัดศิษย์จากสามนิกายทั้งหมด แม้แต่กระทั้งนิกายวารีครามก็จะไม่สามารถช่วยเจ้าได้ โดยเฉพาะหลี่หวูเซี่ย เขาผู้ซึ่งเป็นนายน้อยของนิกายปีศาจสวรรค์เรา หากเจ้าฆ่าเขา ผู้นำนิกายจะเกิดโทสะจนกระทั้งมาที่นิกายวารีครามของเจ้าและพาเจ้าไปสู่ความตาย”
“เจ้าไม่กลัวว่าข้าจะฆ่าเจ้า?” หลี่ฟู่เฉินกล่าว
“ถึงแม้ว่าข้าจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเจ้าก็ตามที แต่หากข้าอยากไป แม้แต่กระทั่งเจ้าก็ไม่สามารถหยุดข้าได้”
ขณะนั้นเองร่างของหยานชิงหวูก็กลายเป็นแกว่งไปมา หยานชิงหวูหลายร่างปรากฏขึ้นพร้อมกันและแต่ละร่างจากไปในหลายทิศทาง
หลี่ฟู่เฉินหัวเราะ แต่ก็ไม่ได้เคลื่อนไหวใดๆ
แม้ว่าเขาจะเคลื่อนไหว เขาก็มีความมั่นใจเพียง 50% เท่านั้นที่จะทำให้เธออยู่ต่อได้
แต่เขาไม่ต้องการเช่นนั้น
สำหรับสิ่งที่หยานชิงหวูกล่าว เขาเองก็มีความกังวลเช่นกัน แน่นอนว่ามันเป็นเรื่องที่น่าพอใจในการไล่ตามสังหาร แต่จากการกระทำเช่นนั้นก็จะมีผลย้อนกลับเช่นกัน
หากเขากำจัดศิษย์จากทั้งสามนิกายทั้งหมด นิกายวารีครามจะต้องเผชิญหน้ากับความโกรธเกรี้ยวจากทั้งสามนิกาย ภายใต้ความตั้งใจเดียวกันจากทั้งสามนิกาย ความน่าจะเป็นที่นิกายวารีครามจะมอบเขาให้มีโอกาสอย่างน้อย 90%
นี่คือความเป็นไปของโลก ใครก็ตามที่มีหมัดหนักกว่า คำกล่าวหรือการกระทำก็จะมีเหตุผลมากกว่า
หากไม่เป็นเช่นนั้น ไม่ว่าคำกล่าวหรือเหตุผลของท่านจะหนักแน่ซักแค่ไหน มันจะไร้สาระทั้งหมด
ขณะนี้เขายังไม่พร้อมที่จะขัดแย้งกับทั้งสามนิกายโดยตรง
แต่วันหนึ่ง เมื่อเขาอยู่เหนือนิกายทั้งหมดเหล่านี้ นั่นจะเป็นวันที่เขาสามารถทำได้ตามที่เขาพอใจ คนที่สมควรถูกสังหารจะไม่มีทางถูกปล่อยออกไป หากใครขัดขวางเขา เขาจะสังหารคนคนนั้น แม้ว่ามันผู้นั้นจะเป็นเทพก็ตามที
‘เครื่องรางทองคำ เจ้าให้ชีวิตที่แตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับข้า ข้าจะไม่ทำให้เจ้าผิดหวัง’ หลี่ฟูเฉินคิดกับตัวเอง
ภายในจิตวิญญาณของเขา เครื่องรางทองคำบิดตัวไปมาเล็กน้อย ราวกับว่ามันมีสติเป็นของตัวเอง
หลังจากฆ่าทั้งสาม หลี่ฟูเฉินก็ได้สิทธิ์ของกระเป๋าเก็บโดยธรรมชาติ ซึ่งรวมพวกนี้แล้วเป็นเจ็ด
ขณะนี้เอง หลี่ฟู่เฉินครอบครองกระเป๋าเก็บ 14 ใบ
“หลี่ชิตี๋ เจ้าทำถูกต้องแล้ว โชคดีที่ไม่ได้บานปลายไปกว่านี้” เซี่ยวหลี่ไบ๋เห็นชอบการกระทำของหลี่ฟู่เฉิน
แม้ว่าเขตแดนร้อยพฤกษาเร้นลับจะเป็นสถานที่ที่อนุญาตให้มีการฆ่า และความตายนั้นตำหนิได้ด้วยเพียงแค่ความสามารถเดียวอย่างเดียว แต่นั้นก็ไม่ได้หมายความว่าเจ้าจะสามารถฆ่าทุกคนได้
กล่าวตามตรง กลุ่มของปีนี้พิเศษเกินไป ด้วยการปรากฏตัวของหลี่ฟู่เฉินเพียงคนเดียวก็นับว่าผิดปกติแล้ว
ในยุคของดาบคลั่ง มีศัตรูเพียงแค่หนึ่งหรือสองคนที่สามารถต่อกรกับเขาได้ แม้ว่าความสามารถของดาบคลั่งนั้นจัดเป็นของเหล่าหัวกะทิ แต่เขาก็ยังคงไม่สามารถฆ่าได้ตามที่เขาต้องการ แต่ความสามารถของหลี่ฟู่เฉินนั้นโดดเด่นเกินไป เขาสามารถกำจัดทุกคนที่นี่ได้อย่างง่ายดาย และทำลายความสมดุลภายในเขตแดนร้อยพฤกษาเร้นลับ
หากมันเป็นดาบคลั่งเมื่อก่อน เขาจะต้องนั่งที่อยู่ที่สองรองลงมาจากหลี่ฟูเฉิน
ยังมีอีกสามวันก่อนที่จะเขตแดนร้อยพฤกษาเร้นลับจะปิดตัวลง พวกเขาทั้งห้าต้องรีบไปสำรวจโครงสร้างหินที่เหลือ