Eternal Reverence เทพบุตรฟ้าประทาน - ตอนที่ 172
บทที่ 172
นี่คือสภาวะพลังฉี
“ฟู่เฉิน!”
ภายใต้สภาวะพลังฉีของหลี่ซวนเฟิง หลี่เทียนฮานและเฉินหยูหยานกลายเป็นหายใจลำบาก พวกเขาสองคนมองไปที่หลี่ฟูเฉินอย่างเป็นกังวล หลังจากทั้งหมดแล้ว หลี่ฟู่เฉินก็สกัดกั้นสภาวะพลังฉีของหลี่ซวนเฟิงเป็นส่วนใหญ่
“นี่คือสภาวะพลังของเจ้า? อ่อนแอเกินไป”
หลี่ฟู่เฉินแสดงออกอย่างมั่นใจ แม้จะถูกกดดันจากสภาวะพลังฉีของหลี่ซวนเฟิง มันก็ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อวิญญาณหรือร่างกายของเขาเลย เขาดูแล้วราวกับว่าเขากำลังเพลิดเพลินไปพร้อมสายลมอ่อนๆ อย่างน้อยที่สุดนั่นก็คือสิ่งที่คนส่วนใหญ่คิดว่ามันดูเหมือน
ดวงตาของหลี่ซวนเฟิงเบิกกว้างและกำลังจะกล่าว
“สภาวะพลังฉีสมควรเป็นแบบนี้”
โดยไม่ต้องเปิดใช้งานเทคนิคลับมังกรเร้นลับ หลี่ฟู่เฉินปลดปล่อยสภาวะพลังฉีของเขาโดยการโคจรเทคนิคเพลิงโลกันต์แท้จริง
บูม!
ดูคล้ายกับคลื่นที่กำลังพลุ่งพล่าน คล้าบกับการระเบิดของภูเขาไฟ สภาวะพลังฉีเหนือจริงเกิดการระเบิดขึ้น ในสายตาของทุกคน ห้องโถงรับร้องทั้งหมดดูเหมือนจะบิดเบือน พื้นบิดเบี้ยว เสา ร่างกายรอบๆ พวกเขา หลังคา และอากาศดูเหมือนจะบิดเบือนไป แต่ผลกระทบทางกายภาพให้ความรู้สึกสมจริงยิ่งขึ้น ราวกับว่าพวกเขาตกอยู่ในนรกที่ลุกโหมกระหน่ำ ความร้อนอันท่วมท้นได้แยกสลายจิตใจของพวกเขาไปอย่างช้าๆ
เพียงครู่เดียว ในห้องโถงรับรองแห่งนี้ ยกเว้นเพียงหลี่เทียนฮานและเฉินหยูหยานที่ยืนอยู่ด้านหลังหลี่ฟู่เฉิน ทุกคนพบว่ามันยากแม้แต่กระทั่งการขยับนิ้ว ทุกคนตกลงไปในความหวาดกลัวและจิตใจกลายเป็ฯว่างเปล่า
สภาวะพลังฉีไม่เพียงแต่เป็นแรงกดดันที่ส่งผลต่อร่างกายเท่านั้น แต่ยังรวมถึงเจตจำนงของจิตวิญญาณด้วย
ภายใต้แรงกดดันของหลี่ฟู่เฉิน วิญญาณของทุกคนจะหยุดชะงักและความรู้สึกของพวกเขาทั้งหมดกลายเป็นยุ่งเหยิง
เมื่อย้อนดูจากสภาวะพลังฉีที่หลี่ฟู่เฉินปลดปล่อยออกมาก่อนหน้า แม้แต่กระทั้งอัจฉริยะจากทั้งสามนิกายก็ต้องหลบหนีอย่างเมามัน
ตอนนี้ สิ่งที่ปรากฏอยู่บนใบหน้าของหลี่ซวนเฟิงก็คือความกลัวและความตกใจ
นี่เขายังเป็นมนุษย์อยู่หรือไม่?
เพียงแค่สภาวะพลังฉีก็เพียงพอที่จะปราบปรามเขา
เขาไม่ได้เป็นนักสู้ตามค่าเฉลี่ย การฝึกฝนของเขาอยู่ในที่ระดับ 3 ของขอบเขคปฐพี
แม้แต่กระทั้งเจ้าเมืองหมอกเมฆา เฉินตู่เจียนเห่อก็ไม่สามารถใช้สภาวะพลังฉีเพื่อทำให้เขาหยุดชะงักได้
แต่หลี่ซวนเฟิงไม่ยอมรับชะตากรรมของตัวเอง เขาพยายามอย่างหนักเพื่อต่อต้าน และพยายามแยกตัวออกสภาวะพลังของหลีฟู่เฉิน
หลี่ฟู่เฉินหัวเราะอย่างเย็นชาและเพิ่มแรงกดดันจากสภาวะพลังของเขา ใบหน้าของหลี่ซวนเฟิงเปลี่ยนเป็นสีแดง แม้แต่กระทั้งร่างกายของเขาก็ยังสั่น
“หลี่ซวนเฟิง ย้อนกลับไปเมื่อตอนนั้น เจ้าบังคับให้พ่อสละตำแหน่งผู้นำตระกูลพ่อและลดระดับเขาลงไปตระกูลสาขา ข้าและครอบครัวของข้าหลี่ฟู่เฉินไม่สามารถกล่าวสิ่งใดได้ เพราะเราอ่อนแอ ตอนนี้เจ้าต้องการพูดอะไรหรือไม่?” หลี่ฟู่เฉินตะโกน
หลี่ซวนเฟิงพยายามอย่างเต็มที่เพื่อที่จะอ้าปากพูด แต่ก็ไม่สามารถเปล่งเสียงออกมาได้แม้แต่คำเดียว
อะไรที่เขาสามารถกล่าวได้? ใครจะคาดหวังว่าหลี่ฟู่เฉินจะรุดหน้าไปได้ไกลเช่นนี้ เพียงไม่กี่ปีและเขาได้ก้าวหน้าอย่างรวดเร็วจากขอบเขตต้นกำเนิดสู่ขอบเขคปฐพี
และเขาก็ไม่ใช่แค่นักสู้ขอบเขตปฐพีธรรมดาๆ นักสู้ขอบเขตปฐพีธรรมดจะไม่สามารถปลดปล่อยสภาวะพลังฉีเกิน 10% ได้
หัวใจของเขาเต็มไปด้วยความโกรธและเสียใจ ตอนนี้ความรู้สึกของหลี่ซวนเฟิงเต็มไปด้วยความซับซ้อน
“ฟู่เฉิน เจ้าก้าวเข้าสู่ขอบเขตปญพีแล้ว?” ในที่สุดหลี่เทียนฮานก็ถามคำถาม
หลี่ฟู่เฉินพยักหน้า “พ่อ แม่ ฟู่เฉินไม่ได้ทำให้พวกท่านผิดหวัง ครึ่งเดือนที่ผ่านมา ข้าก้าวขึ้นสู่ระดับที่ 1 ของขอบเขตปฐพีสำเร็จและได้รับการเลื่อนตำแหน่งให้เป็นศิษย์หลักของนิกายวารีคราม”
“ศิษย์หลัก!”
ร่างกายของหลี่เทียนฮานสั่นสะท้านอย่างรุนแรง เขาไม่สามารถทำอย่างไรได้ ได้แต่มองไปที่เฉินหยูหยานภรรยาของเขา
เขาตระหนักได้ว่าใบหน้าของเฉินหยูหยานนั้นเต็มไปด้วยน้ำตา
ศิษย์หลัก รู้ไหมว่าสิ่งนี้หมายความว่าอย่างไร?
ยกเว้นเจ้าเมืองของเมืองหลัก เจ้าเมืองเมืองอื่นๆ ทั้งหมดมีสถานะต่ำกว่าศิษย์หลักทั้งนั้น มันก็หมายความว่าศิษย์หลักเป็นรองเพียงผู้อาวุโสชั้นในเท่านั้น แม้แต่ผู้อาวุโสชั้นนอกก็ไม่สามารถเทียบได้
อย่างน้อยก็หนึ่งศตวรรษแล้ว นับตั้งแต่เมืองหมอกเมฆามีศิษย์หลักอยู่ในนิกายวารีคราม
ที่สำคัญที่สุดคือ หลี่ฟูเฉินอายุเพียง 19 ปีเท่านั้น ยังคงมี 16 ปีก่อนที่เขาจะอายุ 35 ปี
ศิษย์หลักอายุ 30 ปีขึ้นไปที่เพิ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตปฐพีสถานะจะต่ำกว่าหลี่ฟูเฉิน
“สวรรค์ได้ให้พรหลี่เทียนฮานแล้ว ตอนนี้หสกข้าตายไปก็ไม่เสียใจ”
หลี่เทียนฮานมองขึ้นไปบนท้องฟ้าและถอนหายใจอย่างหนัก เขาไม่สามารถควบคุมอารมณ์ที่พลุ่งพล่านไปมาของเขาได้
ตอนนี้ ผู้นำตระกูลหรือตระกูลหลี่ไม่ใช่สิ่งสำคัญอีกต่อไป
ได้ยินหลี่ฟู่เฉินยอมรับว่าเขาเป็นนักสู้ขอบเขตปฐพีระดับที่ 1 หลี่ไท่ซานและกลุ่มเกือบจะล้มลงไป
สิ่งนี้จะเป็นไปได้อย่างไร?
โครงกระดูกปกติก้าวหน้าไปถึงขอบเขตปฐพีได้ก่อนอายุ 19 ปีและกลายเป็นศิษย์หลักของนิกายวารีคราม ไม่มีเหตุผลใดๆ มารับรองเบื้องหลังนี้ได้
การแสดงออกของหลี่หยุนเห่อดูซีดเซียวมาก เขามองไปที่หลี่ฟู่เฉินอย่างงุนงง หัวใจของเขาเศร้าโศกเมื่อเขารู้ว่าเขาจะไม่สามารถตามหลี่ฟูเฉินทันได้ตลอดชีวิตของเขาอีกแล้ว พวกเขามีอายุเท่ากัน แต่ตอนนี้คู่แข่งของเขาอยู่ที่ขอบเขตปฐพี ในขณะที่เขาเป็นเพียงนักสู้ขอบเขตต้นกำเนิด เขาจะแข่งขันต่อไปได้อย่างไร?
“นายน้อยฟู่เฉิน เรารู้ความผิดพลาดของเราแล้ว โปรดยกโทษด้วย”
ผู้อาวุโสที่สนับสนุนหลี่ไท่ซานทุกคนกล่าวด้วยความหวาดกลัว
ถอนสภาวะพลังฉีกลับมา หลี่ฟูเฉินเพิกเฉยต่อการดำรงอยู่ของคนเหล่านี้และประกาศว่า “ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป หลี่ไท่ซานจะถูกปลดออกจากตำแหน่งผู้นำตระกูล พ่อของข้าหลี่เทียนฮานจะทำหน้าที่นี้อีกครั้ง”
“พ่อ ท่านคงต้องจัดการกับเรื่องที่เหลือแล้ว!”
หลี่ฟู่เฉินไม่ได้เป็นผู้นำตระกูลหลี่ เขาได้ก้าวล้ำอำนาจของตัวเองในการยกเลิกตำแหน่งของหลี่ไท่ซาน กิจการของตระกูลจะดีที่สุดหากทิ้งให้หลี่เทียนฮานพ่อของเขาจัดการ
หายใจเข้าลึกๆ หลี่เทียนฮานพยักหน้าและกล่าว “หลี่ไท่ซาน ในขณะที่เป็นอดีตผู้นำตระกูล เจ้าไม่ได้ยึดถือความยุติธรรมสำหรับตระกูลของเจ้าเองและกลับกันเจ้าไปสร้างความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับฆาตกร เจ้าแม้แต่กระทั้งยอมรับเม็ดยาจากฆาตกร ข้าจะลงโทษเจ้าด้วย…”
หลี่เทียนฮานชัดเจนเกี่ยวกับทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในตระกูลหลี่ ตราบใดที่มีข้อผิดพลาดเกิดขึ้น มันจะได้พบกับการลงโทษ
สำหรับหลี่ซวนเฟิง หลังจากทั้งหมดแล้วเขาก็ยังเป็นผู้ก่อตั้งตระกูลหลี่ แม้ว่าจะไม่ได้มีข้อดีใดๆ แต่เขาก็ยังคงมีความพยายาม ยิ่งไปกว่านั้น การลงโทษผู้ก่อตั้งในที่สาธารณะจะทำให้ผู้คนเสียศรัทธาเอาได้
ดังนั้น หลี่เทียนฮานจึงไม่สนใจหลี่ซวนเฟิง
เขาเชื่อว่าหลังจากเรื่องนี้ผ่านไป หลี่ซวนเฟิงจะไม่กล้าใช้อำนาจของผู้ก่อตั้งอีกต่อไป
ขณะที่หลี่เทียนฮานกำลังกำหนดบทลงโทษ เซียงไจ๋หยูกล่าว “ตำแหน่งผู้นำตระกูลของลุงหลี่ไท่ซานไม่ได้ถูกปลดออก หลี่ฟู่เฉิน เจ้าทำเกินขอบเขตของเจ้าแล้ว”
ตระกูลหลี่เป็นเพียงตระกูลเล็กๆ ในสายตาของเธอ แต่ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ตำแหน่งผู้นำตระกูลก็ยังคงสำคัญ เธอ เซียงไจ๋หยูที่จะกลายเป็นภรรยาของตระกูลในอนาคตไม่สามารถมีสามีเป็นคนปกติได้ หากอนาคตได้ชื่อผู้นำตระกูลเล็กๆ มันจะฟังดูดีขึ้นมาก
“เจ้าเป็นคนนอก เจ้ามีสิทธิ์อะไรที่จะเข้ามายุ่งเกี่ยวกับกิจการของตระกูลหลี่เรา” หลี่เทียนฮานขมวดคิ้ว
เขารู้สถานะของเซียงไจ๋หยู ถ้าเป็นคนอื่น เขาจะขอให้ใครบางคนส่งเธอออกไป
“ข้า เซียงไจ๋หยูมักจะพูดในสิ่งที่ข้าต้องการจะพูด ไม่จำเป็นต้องขออนุญาตจากผู้ใด” เซียงไจ๋หยูกล่าวเบาๆ
หลี่ฟู่เฉินหัวเราะเย็นชา “เจ้าเป็นใคร?”
“ตระกูลจากเมืองรวยเงิน เซียงไจ๋หยู หลี่ฟู่เฉิน แม้ว่าเจ้าจะเป็นศิษย์หลัก แต่เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับข้า เซียงไจ๋หยู ฉะนั้นเจ้าสมควรถอยกลับออกไปหนึ่งก้าว” คนอื่นกลัวหลี่ฟูเฉิน แต่เธอไม่ พี่ชายของลูกพี่ลูกน้องเธอกลายเป็นศิษย์หลักเมื่อหลายปีก่อน
หลี่ฟู่เฉินตอบกลับ “ท้องฟ้าสูงและพื้นดินก็หนา ข้าไม่คิดว่าเจ้าจะเข้าใจ แต่ให้ข้าบอกความจริงกับเจ้า แม้แต่ผู้นำตระกูลของเมืองรวยเงิน ท่านเจ้าเมืองรวยเงินมาที่นี้ เขาก็ไม่มีคุณสมบัติที่จะขอให้ข้าถอยกลับ ตอนนี้หายไปจากห้องโถงรับรองก่อนที่ข้าจะจับเจ้าและให้ตระกูลเซียงของเจ้ามาไถ่ตัวเจ้ากลับ”
“หลี่ฟู่เฉิน เจ้ากล้า? เซียงเทียนเชียงพี่ชายของลูกพี่ลูกน้องข้าได้รับการเลื่อนตำแหน่งให้เป็นศิษย์หลักเมื่อหลายปีก่อน เจ้ากล้าแตะต้องข้าอยู่หรือไม่?!” เซียงไจ๋หยูกรีดร้อง
“เซียงเทียนเชียง ข้าเคยได้ยินชื่อนี้ ศิษย์ระดับเงินเพียงคนเดียวและเจ้ายังกล้าที่จะใช้เขามาทำให้ข้ากลัว? ไปให้พ้น” หลี่ฟู่เฉินโบกมือของเขา แรงลมแรงผลักเซียงไจ๋หยูออกจากห้องโถง
การแสดงออกของหลี่หยุนเห่อเปลี่ยนไป หลี่ฟู่เฉินไม่กลัวแม้แต่กระทั้งเจ้าเมืองรวยเงินและกล่าวว่าพี่ชายของลูกพี่ลูกน้องเซียงไจ๋หยูเป็นศิษย์หลักระดับเงิน สถานะของเขาน่ากลัวมากแค่ไหนกัน?
หลี่หยุนเห่อไม่กล้าพูดอะไรเลยและออกไปอย่างรวดเร็วหลังจากเซียงไจ๋หยูถูกส่งออก
ในโถงรับรอง ทุกคนอยู่ในสภาวะหยุดนิ่งอีกครั้ง
จากโทนเสียงของหลี่ฟู่เฉิน พวกเขารู้ได้อย่างคร่าวๆ ว่าสถานะของหลี่ฟู่เฉินนั้นน่ากลัวเกินกว่าที่พวกเขาจะจินตนาการได้