Eternal Reverence เทพบุตรฟ้าประทาน - ตอนที่ 176
บทที่ 176
ตระกูลเซียงแสวงหาการอภัย
ขณะที่ตระกูลหลี่กำลังเพลิดเพลินกับช่วงเวลาที่ดี ตระกูลกั่ว หยาง และเฉินตู่ก็ไม่ได้มีวันวานที่ดีอีกต่อไป
ตอนนี้หัวหน้าตระกูลน้อยของพวกเขาเป็นถึงศิษย์หลักขอนิกายวารีคราม ในอานาคตใครจะกล้ายั่วยุตระกูลหลี่? ใครจะกล้ารุกรานพวกเขา?
ในช่วงสิบปีที่ผ่านมา ตระกูลหลี่เป็นหนึ่งในสี่ตระกูลหลักแต่ก็ไม่ได้เป็นอะไรมากกว่านั้น
เมืองหมอกเมฆาเป็นเพียงเมืองเล็กๆ ที่มีประชากร 200,000 แสนคน ทั่วทั้งภูมิภาคมีจำนวนประมาณ 1 ล้านคน
สามตระกูลหลักได้เงินล้านในทุกๆ ปี
ตระกูลหยางส่วนแบ่งครึ่งหนึ่ง ก็มีทองคำประมาณ 500,000 เหรียญต่อปี
ตระกูลกั่วอยู่ในอันดับที่สองก็ได้ 400,000 เหรียญทอง
ตระกูลหลี่ได้น้อยกว่า 200,000 เหรียญทอง
เหตุผลที่มันแตกต่างกันมากถึงขนาดนี้ เป็นเพราะการกดขี่รวมกันของตระกูลหยางและตระกูลกั่ว และนอกจากนี้ก็ยังมีการกดขี่อย่างลับๆ จากตระกูลเฉินตู่อยู่เช่นกัน
สิบปีที่แล้ว ตระกูลหลี่มีร้านค้าเกือบ 80 ร้านในเมืองหมอกเมฆา แต่ตอนนี้ มันมีร้านค้าเพียง 30 ร้านเท่านั้น
ในฐานะที่ตระกูลเฉินตู่เป็นตระกูลเจ้าเมืองจึงเป็นไปตามกฎของนิกาย ตระกูลเจ้าเมืองจะไม่สามารถมีส่วนร่วมในธุรกิจใดๆ ได้ แต่ผู้ที่เริ่มต้นธุรกิจของตัวเองจะต้องจ่ายภาษี นอกจากนี้ ทุกตระกูลเองก็ต้องจ่ายภาษีด้วยเช่นเดียวกัน อย่างไรก็ตาม แต่ละตระกูลจะพยายามติดสินบนในที่มืด ดังนั้นรายได้ของตระกูลเฉินตู่จึงต้องสูงที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย และสำหรับว่าจำนวนเท่าไหร่นั้น มีเพียงเจ้าเมือง เฉินตู่เจียนเห่อผู้เดียวเท่านั้นที่จะรู้
ตอนนี้ตระกูลหลี่มีหลี่ฟู่เฉินแล้ว ไม่เพียงแต่พวกเขาจะสามารถกลับไปสู่สภาวะที่ดีเยี่ยมได้ พวกอาจทำได้ดีกว่ามีเคยเป็น
***
เมืองรวยเงิน ที่พำนักผู้นำตระกูล…
“ลุง หลี่ฟู่เฉินนั้นหยิ่งเกินไป ท่านต้องช่วยแก้แค้นให้ข้า” เซียงไจ๋หยูอ้อนวอนเจ้าเมืองรวยเงิน เซียงเทียนเฉียน
ตาของเซียงเทียนเฉียนสั่นไหว เมื่อนั้นเขาก็กล่าวอย่างช้าๆ “ข้าจะพาเจ้าไปรับโทษในวันพรุ่งนี้”
“ได้ค่ะ… อะไรนะ?”
เซียงไจ๋หยูพยักหน้าอย่างไม่รู้ตัว แต่ก็ตอบสนองอย่างรวดเร็ว
‘ลุงจะไม่แก้แค้นให้นาง แต่จะพานางไปรับโทษ?’
เมื่อได้ยินเช่นนั้น หลี่หยุนเห่อก็ตกตะลึง
เขาเป็นห่วงว่าเซียงไจ๋หยูอาจพจะบปัญหาระหว่างทางกลับ ดังนั้นเขาจึงนำยามสองคนมาช่วยเธอ
“ท่านลุงทำไมถึง? ตระกูลเซียงของเราจำเป็นต้องกลัวศิษย์หลักหรือไม่? พี่ชายของลูกพี่ลูกน้องข้าก็เป็นศิษย์หลักและเป็นเช่นนั้นมาหลายปีแล้ว”
“ไจ๋หยู เจ้าผลีผลามเกินไป”
ด้านนอกของห้องโถง มีเด็กหนุ่มคนหนึ่งเดินเข้ามา
เซียงไจ๋หยูและหลี่หยุนเห่อหันกลับไป เมื่อนั้นเองที่เซียงไจ๋หยูกล่าวถาม “เทียนเชียงเก่อ ทำไมท่านถึงกลับมา?”
“ที่ข้ากลับมาก็นับว่าโชคดีมากแล้ว เจ้ารู้หรือไม่ว่าศิษย์หลักถูกแยกออกเป็นสองประเภท? ข้าเป็นศิษย์หลักระดับเงินของนิกายวารีคราม แต่หลี่ฟู่เฉินเป็นศิษย์หลักระดับทอง” เซียงเทียนเชียงไม่เต็มใจ แต่ก็ต้องยอมรับมัน
“ศิษย์หลักระดับทอง” เซียงไจ๋หยูชะงัก
“ศิษย์หลักระดับทองมีอำนาจในการปลดเจ้าเมืองลงจากตำแหน่ง แต่ศิษย์หลักระดับเงินไม่ได้มีอำนาจเช่นนั้น อย่าได้กล่าวถึงตระกูลเซียงเรา แม้แต่เจ้าเมืองในเมืองใหญ่ก็ไม่กล้าที่จะสร้างปัญหาให้กับศิษย์หลักระดับทอง พวกเขาจะพยายามหาของดีๆ ให้แทน แต่เจ้ากลับทำให้ศิษย์ระดับทองขุ่นเคืองแล้วจริงๆ”
“ปลดเจ้าเมือง” เซียงไจ๋หยูและหลี่หยุนเห่ออ้าปากค้าง
ศิษย์หลักระดับทองไม่ใช่ว่ามีอำนาจมากเกินไปใช่หรือไม่? พวกเขาได้รับอนุญาตให้ยกเลิกการเป็นเจ้าเมืองจริงๆ?
เซียงเทียนเซียงกล่าว “อย่าได้กล่าวถึงหลี่ฟูเฉินที่อยู่ในฐานะศิษย์หลักระดับทอง แม้ว่าเขาจะเป็นศิษย์หลักระดับเงิน เราก็ไม่สามารถทำให้เขาขุ่นเคืองได้เช่นกัน ศิษย์หลักระดับเงินที่อายุ 19 ปีมีสถานะสูงกว่าข้ามาก เจ้าคิดว่าตระกูลเซียงของเราเป็นตระกูลระดับสูงที่เราสามารถทำให้ใครขุ่นเคืองก็ได้ใช่หรือไม่? ให้ข้าบอกเจ้า หากเราขุ่นเคืองคนที่เราไม่สามารถทำอะไรได้ ตระกูลเซียงอาจะจสูญเสียเกียรติภูมิทั้งหมดได้ในวันเดียว”
“เราทำอะไรได้บ้าง?” เซียงไจ๋หยูตื่นตระหนก
แน่นอนเธอเป็นเด็กเหลือขอใจแตก แต่มันไม่ได้หมายความว่าเธองี่เง่า หากตระกูลเซียงของเธอไม่สามารถเติบโตได้อีก เธอคงจะกลายเป็นคนไร้ค่าของตระกูลเซียง และนั่นไม่ใช่ชีวิตในแบบที่เธอต้องการ
“ขออภัย เราต้องขออภัยอย่างจริงใจ นอกเหนือจากนี้ แค่คำขออภัยยังไม่นับว่าเพียงพอ เราต้องปล่อยให้ตระกูลหลี่เปิดสาขาในเมืองรวยเงิน” เซียงเทียนเชียงต้องการตัดช่องว่างที่ไม่ดีออกไป
เขาเพิ่งกลับมาจากนิกายวารีครามเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ซึ่งเป็นสาเหตุที่เขารู้ทุกอย่างเกี่ยวกับเรื่องของหลี่ฟู่เฉิน
แม้ว่าหลี่ฟู่เฉินจะเป็นเพียงโครงกระดูกธรรมดา แต่เขาก็ยอดเยี่ยมกว่าศิษย์หลักระดับทองส่วนใหญ่ แม้ว่าเขาจะมีความกล้า แต่เขาก็ไม่กล้าที่จะยั่วยุหลี่ฟู่เฉิน
เซียงเทียนเฉียงพยักหน้า “เทียนเชียงพูดถูกแล้ว แค่ขอโทษจะคงไม่เพียงพอ เราจำเป็นต้องสนับสนุนธุรกิจของตระกูลหลี่”
“ลุง ท่านพี่ ข้าผิดไปแล้ว”
หัวใจของเซียงไจ๋หยูเกิดร่องรอยแห่งความหวาดกลัว เธอกลัวว่าหลี่ฟูเฉินจะเกลียดเธอและเกลียดตระกูลเซียง
เซียงเทียนเชียงหัวเราะ “ไจ๋หยู แม้ว่าเรื่องนี้อาจนำมาซึ่งวิกฤตต่อตระกูลเซียงเรา แต่มันก็ไม่ใช่การสูญเสียทั้งหมด หากหลี่ฟู่เฉินผู้นี้มีหัวใจอันยิ่งใหญ่ ตระกูลเซียงเราจะสามารถใช้โอกาสนี้เพื่อสร้างความสัมพันธ์อันดีกับตระกูลหลี่ได้”
การสร้างความสัมพันธ์อันดีกับศิษย์หลักระดับทองในอนาคตจะช่วยได้มาก
“ท่านพี่ของเจ้ากล่าวถูกแล้ว นี่คือวิกฤต แต่ยังเป็นโอกาสได้เช่นกัน” เซียงเทียนเฉียงพยักหน้า นี่ก็เป็นเหตุผลที่ว่าทำไมเขาถึงไม่โกรธเคืองใดๆ หากไม่เป็นเช่นนั้น เขาคงจะตำหนิเซียงไจ๋หยูอย่างจริงจังแล้ว
เซียงไจ๋หยูรู้สึกเหมือนกับว่าตัวเธอเองตกอยู่ในอาการงุนงง ชั่วขณะนี้เอง ทันใดนั้นเธอก็เข้าใจว่าเธอตัวเล็กแค่ไหน โลกนี้ซับซ้อนเกินไป เธออาศัยอยู่ภายใต้ศักดิ์ศรีของตระกูลเซียงและไม่รู้เรื่องราวของโลกใบนี้
***
ตระกูลหลี่
หลายคนมาเยี่ยมชมบ้านของพวกเขา
ผู้มีอิทธิพลทั้งหมดในเมืองหมอกเมฆามาทักทายพวกเขา
แม้ว่าพวกเขาจะรู้ว่า ถ้าพวกเขาให้ของขวัญในระหว่างการเยี่ยมชมไปแล้ว ตระกูลหลี่ก็คงจดจำพวกเขาไม่ได้อยู่ดี แต่พวกเขาก็ยังทำมัน ไม่งั้นตระกูลหลี่อาจสงสัยในการมาของพวกเขาได้
พวกเขาไม่ต้องการตำแหน่งที่ดีขึ้น ขอเพียงแค่ยังคงเหมือนเดิมกับสภาพปัจจุบันของพวกเขาก็เป็นพอ
“เทียนฮาน วันนี้มีคนมาเยี่ยมมากเกินไป” เฉินหยูหยานกล่าวอย่างไม่สามารถทำอย่างไรได้ทว่าในเวลาเดียวกันเธอก็ดูเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ
เมื่อบุคคลบรรลุสถานะดีบางอย่าง คนที่เกี่ยวข้องจะมารวมตัวกัน
เมื่อหลี่ฟู่เฉินลูกชายของพวกเขาทำได้ดี พวกเขาก็ได้แบ่งปันความสำเร็จนั้นด้วยกัน
มันคงจะเสแสร้งเกินไป หากพวกเขาบอกว่าพวกเขาไม่ได้มีความสุขหรือความภาคภูมิใจ
หลี่เทียนฮานกล่าว “โลกทำงานด้วยวิธีนี้ หากเจ้าเป็นบุคคลที่น่ายำเกรง ผู้คนจะพยายามทำทุกวิธีทางเพื่อประจบประแจงเจ้า แต่เราก็ไม่สามารถแยกตัวออกจากโลกนี้ได้ ทว่าหากพวกเขาต้องการเสนอของขวัญ และตอนนั้นเราก็ให้พวกเขากลับ มันจะเป็นการสิ้นเปลืองที่ไม่อาจยอมรับได้”
หลักจากที่เป็นผู้นำตระกูลมาหลายปี หลี่เทียนฮานรู้จักวิถีชีวิตในโลกนี้เป็นอย่างดี เนื่องจากไม่สามารถเปลี่ยนโลกได้ เราก็สามารถปรับให้เข้ากับมันเท่านั้น หากยังคงดื้อรั้น มันก็คล้ายกับการขุดหลุมฝังศพของตัวเอง
“อือ ข้าเข้าใจแล้ว”
เฉินหยูหนายพยักหน้า เธอจะไม่รู้ตรรกะเหตุผลนี้ได้อย่างไร
“ท่านผู้นำ เจ้าเมืองของเมืองรวยเงิน เซียงเทียนเฉียนขอพบ”
“เซียงเทียนเฉียง” หลี่เทียนฮานและเฉินหยูหยานมองหน้ากัน
ในอดีต เซียงเทียนเฉียนเป็นสิ่งที่อยู่สูงกว่าสถานะของพวกเขา แม้แต่กระทั่งตระกูลเฉินตู่ก็ไม่อยู่ในสายตาของเซียงเทียนเฉียน
พวกเขาไม่เคยคาดหวังว่าวันหนึ่งที่เซียงเทียนเฉียงจะมีความคิดริเริ่มในการมาเป็นฝ่ายเยี่ยมชม
“ไปต้อนรับพวกเขาเถอะ!” เฉินหยูหยานกล่าว
“ได้” หลี่เทียนฮานพบว่ามันก็สมควรอยู่แล้วเช่นกัน
ด้านนอกของห้องโถง เซียงเทียนเฉียน เซียงเทียนเชียง และเซียงไจ๋หยู อยู่ทั้งหมด เห็นหลี่เทียนฮานมาต้อนรับเขาเป็นการส่วนตัว เซียงเทียนเฉียนกล่าวขึ้นด้วยความหวาดกลัว “ท่านผู้นำหลี่ ข้าจะให้ท่านมาต้อนรับข้าเป็นการส่วนตัวเช่นนี้ได้อย่างไร ข้ามาที่นี่วันนี้เพื่อพาหลานสาวมาขอการอภัย”
หลี่เทียนฮานสำรวจเซียไจ๋หยูที่ดูขัดเขินและตอบกลับ “เจ้าเมืองเซียง โปรดเข้ามาด้านในก่อน”
ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น พวกเขาสามารถพูดคุยกันได้เมื่ออยู่ข้างใน