Eternal Reverence เทพบุตรฟ้าประทาน - ตอนที่ 177
บทที่ 177
ครองท้องฟ้าเพียงลำพัง
“เฒ่าเซียงผู้นี้ไม่ได้สั่งสอนสมาชิกตระกูลของตัวเองให้ดี ข้าได้รู้แล้วว่าหลานสาวของข้าได้ทำให้ตระกูลหลี่ต้องโกรธเคือง งั้นแล้วข้าจึงมาเพื่อขอการอภัย ไจ๋หยู เข้ามาและขออภัยให้เร็ว” เซียงเทียนเฉียนดุเซียงไจ๋หยู
เซียงไจ๋หยูตัวสั่นขณะที่ค่อยๆ เดินเข้าไป จากนั้นเธอก็โค้งคำนับ “ท่านผู้นำหลี่ ไจ๋หยูไม่รู้ และหวังว่าท่านจะยกโทษให้ข้าที่ไม่รู้ด้วย”
หลี่เทียนฮานจ้องมองไปยังเซียงไจ๋หยูและมองดูที่เซียงเทียนเฉียนทันที ฟังเสียงฝั่งฝ่ายตรงข้ามอย่างเงียบๆ
หากพวกเขาให้อภัยพวกเขาเพียงเพราะมีคนกล่าวคำขอโทษ นั้นก็ไม่ได้หมายความว่าตระกูลหลี่นั้นไม่มีค่าใดๆ?
เซียงเทียนเฉียนกล่าวอย่างงุ่มง่าม “ท่านผู้นำหลี่ เฒ่าเซียงผู้นี้อยู่ที่นี่ในวันนี้เพื่อขอรับความโปรดปรานอื่น ในเมืองรวยเงินของข้าช่วงสองสามปีนี้ไม่ได้ดีนัก ข้าอยากเชิญให้ตระกูลหลี่งทุนในเมืองรวยเงิน และเปิดแผงขายของเพื่อช่วยเมืองรวยเงินฟื้นคืนความมั่งคั่งกลับคืนมา ข้าไม่แน่ใจผู้นำหลี่ยินดีที่จะช่วยเหลือข้าหรือไม่? แน่นอน ข้าจะไม่ขอความช่วยเหลือจากท่านฟรีๆ ถ้าตระกูลหลี่เลือกที่จะปักหลัก พวกท่านทั้งหมดจะถูกยกเว้นภาษีเป็นเวลา 5 ปี”
การให้ของขวัญเพื่อแลกกับการให้อภัยเป็นทักษะอย่างนึง หากท่านเสนอของขวัญในทันทีหรือเข้าบทสนทนาในทันทีเพื่อขอให้ตระกูลหลี่ตั้งร้านค้าในเมืองรวยเงิน นั้นมันจะไร้มารยาทเกินไป และจะทำให้ผู้คนรู้สึกรังเกียจได้อย่างง่ายดาย
แต่เนื่องจากเซียงเทียนเฉียงใช้จิตวิทยาย้อนกลับ เพื่อเสนอให้ตระกูลหลี่ช่วยเหลือเมืองรวยเงิน มันจึงมีผลลัพธ์ที่ดีกว่ามาก
แม้ว่าสถานะทางการเงินของเมืองรวยเงินจะทำได้ไม่ดีนัก แต่นั่นก็เป็นเพียงแค่ตามบรรทัดฐาน มันไม่ได้หมายความว่าเมืองรวยเงินจำเป็นต้องการความช่วยเหลือจากภายนอก การอนุญาตให้ตระกูลหลี่เปิดร้านค้าในเมืองรวยเงินเป็นสิ่งที่ดีจริงๆ
หลี่เทียนฮานตอบอย่างเฉยเมย “หากเป็นเพียงหนึ่งหรือสองร้าน เช่นนั้นแล้วก็ลืมมันไป ความสนใจของตระกูลหลี่เรามีจำกัด”
เห็นหลี่เทียนฮานยอมเปิดปากของเขาออกมา ดวงตาของเซียงเทียนเฉียงปรากฏร่องรอยแห่งความสุข “ร้านหรือสองร้านจะช่วยเหลือเมืองรวยเงินเราได้อย่างไร? ความต้องการอย่างน้อยของมันก็คือร้านค้ามากกว่า 50 แห่ง แต่ข้าไม่แน่ใจเกี่ยวกับเงินทุนที่ตระกูลหลี่มี? หากไม่พอ ตระกูลเซียงเราสามารถให้เงินกู้บางส่วนให้กับตระกูลหลี่ของท่านก่อนได้”
เมื่อได้ยินข้อเสนอ หลี่เทียนฮานก็ถูกล่อลวง
ร้านค้า 50 แห่งไม่ได้เป็นจำนวนที่เล็กน้อย กลับกันมันเป็นปริมาณมหาศาล โดยปกติแล้วร้านค้าทั่วไปสามารถทำกำไรได้ประมาณ 5,000 เหรียญทองต่อปี หากมันปลอดภาษี การสร้างรายได้ 500,000 เหรียญทองจะไม่เป็นปัญหาแต่อย่างใด
“ใครก็ได้เข้ามาและเสริฟ์น้ำชาให้ท่านเจ้าเมืองและกลุ่มของเขา เจ้าเมืองเซียง เชิญนั่งก่อน” หลี่เทียนฮานทำท่าทางด้วยมือขวา
อันที่จริงแล้วหากไม่จำเป็นจริงๆ หลี่เทียนฮานก็ไม่ต้องการทำลายความสัมพันธ์กับตระกูลเซียง
มีคำกล่าวไว้ว่า ‘อย่าออกนอกทาง และอย่าหาทางที่ทำให้ตัวเจ้าเองล่าถอย’ ตระกูลหลี่ของเขาอาจได้รับการยกย่องมากมายในขณะนี้ แต่มันก็ยังมีศัตรูอยู่รอบตัว
“ฮ่าฮ่า ท่านผู้นำหลี่สุภาพเกินไปแล้ว”
เซียงเทียนเฉียงในที่สุดก็สามารถยกสิ่งที่หนักใจออกไปได้ สิ่งที่มากไปกว่านั้น พวกเขาได้สร้างความสัมพันธ์ผ่านข้อกำหนดในการร่วมกับตระกูลหลี่ ตราบใดที่ตระกูลเซียงยังคงรักษาความสัมพันธ์นี้ไว้ได้ดี ผลประโยชน์ก็มีแต่จะเพิ่มมากขึ้นเท่านั้น
หลี่เทียนฮานกล่าว “พวกเรารู้สึกเป็นเกียรติที่ท่านเจ้าเมืองเซียงมาเยี่ยมชมตระกูลหลี่ สำหรับปัญหาเล็กน้อยดังกล่าว แม้ว่าตระกูลหลี่เราจะถูกกดดันตลอดหลายปีที่ผ่านมา พวกเราก็ยังมีเงินทุนเพียงพอ เราหวังว่าเมืองรวยเงินจะดูแลเราในช่วงเวลาเหล่านั้น”
ตระกูลหลี่เป็นตระกูลที่มีประวัติยาวนานมากว่า 50 ปี การจัดสรรจำนวนเงินมากกว่าหนึ่งล้านเหรียญหรือเหรียญทองไม่ใช่ปัญหา
“ตามเรื่องราวแล้วย่อมเป็นเช่นนั้น” เซียงเทียงเฉียงพยักหน้าอย่างต่อเนื่อง
ในขณะที่คนใช้เสิร์ฟชา บรรยากาศในห้องโถงรับรองก็กลายเป็นผ่อนคลายและทุกคนเริ่มแลกเปลี่ยนบทสนทนากันอย่างสุภาพ
หลังจากนั้นไม่นาน เซียงเทียงเชียงก็ป้องกำปั้นและกล่าว “ท่านผู้นำหลี่ ข้าเซียงเทียนเชียง ศิษย์หลักของนิกายวารีคราม ข้าเคยได้ยินเรื่องของหลี่ฟู่เฉินชิตี๋ผู้โด่งดัง แต่ก็ไม่เคยพบเขามาก่อน ข้าสงสัยว่าท่านผู้นำหลี่จัดให้พวกเราพบกันได้หรือไม่?”
หลี่เทียนฮานสังเกตเห็นเซียงเทียนเชียงเป็นเวลานานแล้ว หลังจากได้ยินเขากล่าววว่าเป็นศิษย์หลัก เขาตกใจ ‘ดูเหมือนว่าเยาวชนผู้นี้เป็นสิ่งยึดมั่นหรืออาวุธที่ดีที่สุดของตระกูลเซียง’
แต่ฟู่เฉินไม่ชอบพบปะผู้คน และในฐานะที่เขาเป็นพ่อ เขาย่อมไม่ต้องการบังคับเขา เขากล่าวด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลง “ฟู่เฉินกำลังฝึกฝนทักษะดาบของตนอยู่ในขณะนี้ ข้าเกรงว่าเขาจะไม่มีเวลา”
เซียงเทียนเฉียงไม่ต้องการทำให้บรรยากาศกลายเป็นน่าอึดอัดใจ ดังนั้นเขาจึงหัวเราะและกล่าว “ตั้งแต่ที่เขาไม่มีเวลา เช่นนั้นก็ไม่เป็นไร เทียนเชียง ยังมีโอกาสอื่นอีก ไม่จำเป็นต้องเร่งรีบ”
“ข้าเข้าใจแล้ว เทียนเชียงหุ่นหันเกินไป”
เซียงเทียนเชียงไม่ได้เปิดเผยความไม่พอใจใดๆ ศิษย์หลักระดับทองเป็นกลุ่มคนที่มีพลังบ่มเพาะราวกับสัตว์ประหลาดและทุกคนอาศัยอยู่ในโลกของตัวเอง จากสิ่งที่เขาเห็น หลี่ฟูเฉินเองก็เช่นกัน หากไม่งั้นแล้วเขาก็คงจะไม่สามารถบรรลุผลสำเร็จได้
***
ตระกูลกั่ว
“ท่านผู้นำ ข้าได้ข่าวมาว่าเจ้าเมืองของเมืองรวยเงิน เซียงเทียนเฉียงเดินทางไปที่ตระกูลหลี่เป็นการส่วนตัวเพื่อขออภัย”
ผู้ตรวจตราของตระกูลกั่วคุกเข่าข้างหนึ่งและรายงาน
กั่วเยี่ยดูไม่ยินดีนัก
เนื่องจากหลี่ฟูเฉินสามารถสร้างความโด่ดเด่นให้ตนเองได้ที่นิกายวารีคราม เขาจึงเกิดความเสียใจ
ไม่เพียงแต่ถอนการหมั่นเท่านั้น ยิ่งไปกว่านั้นเขาจะปฏิบัติอย่างเหี้ยมโหดในช่วงหลายปีที่ผ่านมาด้วยเช่นกัน
เขาเลือกเส้นทางแห่งการถดถอยให้ตนเองแล้ว
ตอนนี้เขาจะทำอะไรได้? หลี่ฟูเฉินปัจจุบันเป็นศิษย์หลักระดับทองของนิกายวารีคราม คำเดียวจากเขาสามารถเปลี่ยนตระกูลกั่วให้กลายเป็นซากปรักหักพังได้ ตระกูลกั่วมีเพียงแต่กั่วเซี่ยที่เป็นศิษย์ชั้นในที่อยู่ในนิกายวารีคราม ดังนั้นจึงไม่มีอะไรที่เธอสามารถทำได้เพื่อช่วย
“เจ้าออกไปได้แล้ว!” กั่วเยี่ยทำท่าทาง ร่างกายทั้งหมดของเขารู้สึกชราภาพขึ้นอย่างกระทันหัน
“หลี่ฟู่เฉิน เจ้าเป็นหายนะของตระกูลกั่วจริงๆ!” กั่วเยี่ยบ่นกับตัวเอง
ระหว่างการแข่งขันอัจฉริยะ หลี่ฟู่เฉินทำให้ตระกูลกั่วไม่ได้แม้แต่เมล็ดเดียว หากว่ามันไม่ได้มีไว้สำหรับกั่วเซี่ยอยู่แล้ว มันก็คงไม่มีคนจากตระกูลกั่วใดๆ ที่จะเข้าไปยังนิกายวารีคราม
ใครจะคิดว่านั่นเป็นลางของฝันร้าย และตอนนี้ ฝันร้ายนี้เกิดขึ้นแล้วอย่างแท้จริง
“กั่วเยี่ย ไปที่ตระกูลหลี่และขอโทษอย่างสุภาพ จากนั้นก็นำตระกูลย้ายออกไปจากเมืองหมอกเมฆา”
ชายชราเดินเข้ามา
มันเป็นผู้ก่อตั้งตระกูลกั่ว กั่วตง
“ท่านผู้ก่อตั้ง ข้าได้ยินผิดใช่หรือไม่?! ออกจากเมืองหมอกเมฆา? เราจะไปที่ไหน?” ทุกเมืองมีพลังอำนาจของตนเอง ด้วยการเป็นตระกูลจากภายนอก พวกเขาจะมีช่วงเวลาที่ยากลำบากในการหยั่งรากอยู่ที่นั่นๆ เมื่อตอนที่ตระกูลกั่วมายังเมืองหมอกเมฆาเป็นครั้งแรก พวกเขาพึ่งพาตระกูลหลี่ค่อนข้างมากจนกว่าจะมีสถานะอย่างในปัจจุบัน
กั่วตงตอบกลับ “เจ้าไม่เข้าใจ? ในอนาคตตระกูลกั่วจะไม่สามารถพัฒนาได้อีกต่อไปหากยังอยู่ในเมืองหมอกเมฆา เฉพาะการออกจากเมืองหมอกเมฆาเท่านั้นเราถึงจะพบโอกาสในการเริ่มต้นใหม่ สิ่งที่ต้องทำในตอนนี้เป็นข้อกำหนดเบื้องต้นที่คือตระกูลหลี่ต้องยอมให้ตระกูลกั่วของเราออกไป”
คำขอโทษคือการขอให้ตระกูลหลี่อย่ากำจัดพวกเขา หากไม่เช่นนั้น พวกเขาจะไม่มีโอกาสได้ออกจากเมืองหมอกเมฆา
***
ตระกูลหยาน
ผู้ก่อตั้งและผู้อาวุโสของตระกูลหยานต่างประสบปัญหา
หลังจากที่พวกเขาคุยกัน พวกเขาก็ออกมาพร้อมกับตัวเลือกที่ดีที่สุดที่จะต้องทำ
นั่นคือการนำตระกูลออกจากเมืองหมอกเมฆา
อิทธิพลของตระกูลหลี่ตอนนี้โดดเด่นเกินไป อย่าได้กล่าวถึงความสัมพันธ์ในปัจจุบันของพวกเขากับตระกูลหลี่ แม้ว่ามันจะไม่ได้แย่เหมือนตอนนี้ แต่พวกเขาจะไม่มีโอกาสพัฒนาใดๆ ต่อไปในเมืองหมอกเมฆา มันทำได้แต่ปฏิเสธที่นี่และจากแต่เพียงเท่านั้น
แน่นอน สิ่งที่จำเป็นต้องมีก็คือพวกเขาต้องทำให้ตระหลี่ปล่อยให้ตระกูลหยานของพวกเขาออกไป
แต่ตระกูลของพวกเขาทั้งสองไม่รู้ว่าตระกูลหลี่จะตอบสนองอย่างไร ดังนั้นพวกเขาจึงต้องไปและทดสอบมัน
และเพื่อทดสอบ ทางเลือกที่ดีที่สุดของพวกเขาคือไปและเสนอคำขอโทษ
***
ในวันนี้ คนระดับบนๆ ของตระกูลกั่วและตระกูลหยางไปแสวงหาการอภัยจากตระกูลหลี่
ครึ่งวันต่อมา ตระกูลกั่วและตระกูลหยานก็ออกมาที่ละตระกูล
ไม่มีใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่หลังจากสองตระกูลใหญ่ออกมา พวกเขาก็เริ่มนำตระกูลย้ายออกไปทั้งหมด มันเป็นสิ่งที่ไม่สามารถทำแบบลับๆ ได้ ไม่ช้าทุกคนในเมืองหมอกเมฆาก็ค่อยๆ รู้ข่าว
ทุกคนในเมืองหมอกเมฆากลายเป็นตกตะลึง บางคนมีความสุข บางคนเศร้า
ตระกูลกั่วย้าย ตระหยางย้าย
เมืองหมอกเมฆาถูกทิ้งให้เมืองแต่ตระกูลเฉินตู่และตระกูลหลี่ หากทุกอย่างดำเนินต่อไปเช่นนี้ ตระกูลเฉินตู่ก็น่าจะออกจากเมืองหมอกเมฆาด้วยเช่นกัน
นี่มันหมายความว่าเมื่อท้องฟ้ามีผู้ครอบครองเพียงหนึ่ง ตระกูลหลี่ก็จะเป็นท้องฟ้าของเมืองวารีครามและจะไม่มีกองกำลังใดที่สามารถต่อต้านพวกเขาได้
แน่นอน สิ่งนี้จะถูกรักษาไว้ได้หรือไม่ ขึ้นอยู่กับว่าหลี่ฟูเฉินจะเติบโตต่อไปอย่างไร วันที่การเติบโตของเขาซบเซาลงจะเป็นวันที่ผู้มีอิทธิพลใหม่มาถึงเมืองหมอกเมฆา มาเพื่อต่อสู้กับตระกูลหลี่
ตั้งแต่สมัยโบราณ สถานการณ์แบบนี้เกิดขึ้นมากมายนับไม่ถ้วน
ในขณะที่ทั้งสองตระกูลใหญ่เตรียมพร้อมที่จะออกไป ตระกูลรองก็คือกลุ่มที่พอใจกับผลลัพธ์มากที่สุด พวกเขาย่อมไม่สามารถได้รับประโยชน์เช่นเดียวกับตระกูลหลี่ แต่พวกเขาจะเจริญเติบโตได้ดีกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน หลังจากทั้งหมดแล้ว ตระกูลหลี่ก๋ไม่สามารถทำธุรกิจทั้งหมดได้ และธุรกิจขนาดเล็กเหล่านั้นจะยังคงได้รับการจัดการโดยพวกเขาต่อไป