Eternal Reverence เทพบุตรฟ้าประทาน - ตอนที่ 196
บทที่ 196
สมาคมกุหลาบพาณิช
คาราวานการค้านี้มีนักสู้ขอบเขตปฐพีอยู่หลายสิบคนและสี่คนอยู่ในขอบเขตปฐพีระดับสูงสุด
ความได้เปรียบของจำนวนเป็นสิ่งที่ไม่อาจก้าวข้ามไปได้
ความสามารถของวิญญาณกระดูกขาวนั้นน่ากลัวอย่างแท้จริง น่ากลัวเสียยิ่งกว่าสัตว์ปีศาจระดับ 3 ที่ถูกสร้างมาจากหอคอยศิษย์สายตรง นอกจากนี้ มันยังมีความสามารถในการป้องกันที่ดีเช่นกัน หลังจากถูกนักสู้ขอบเขตปฐพีระดับสูงสุดทั้งสี่โจมตี มันจึงเหลือไว้แค่กระดูกแต่เพียงเท่านั้น กระดูกที่เหลือไม่มีแม้แต่กระดูกเดียวที่หัก
แต่ภายใต้การโจมตีของนักสู้ขอบเขตปฐพีหลายสิบคน วิญญาณโครงกระดูกจึงติดอยู่ในสถานะชงักงัน มันต้องการรุดหน้าต่อ แต่ด้วยพลังฉีที่โจมตีมาหลายสิบครั้ง มันคงโชคดีหากมันสามารถล่าถอยได้ แต่ด้วยสติปัญญาของวิญญาณโครงกระดูกขาว มันจึงไม่มีคำที่เรียกว่า ‘ถอย’
หลังจากผ่านไปหนึ่งชั่วโมง วิญญาณโครงกระดูกขาวก็กระจัดกระจายกลายไปเป็นกองฝุ่นกระดูก
หนึ่งในนักสู้ขอบเขตปฐพีระดับสูงสุด เขาค้นหาบางสิ่งอย่างรวดเร็วและพบชิ้นส่วนผลึกสีเขียว
‘นี่สมควรเป็นผลึกวิญญาณโครงกระดูกขาว!’ หลี่ฟู่เฉินคิดกับตัวเอง
ผลึกวิญญาณโครงกระดูกขาวเป็นอัญมณีที่เกิดขึ้นในร่างของวิญญาณโครงกระดูกขาวหลังจากผ่านไปหลายปี มันมีประโยชน์มากมาย และผลึกวิญญาณโครงกระดูกขาวปกติมีค่าอย่างน้อย 100,000 เหรียญทอง
แน่นอนว่าเพื่อเอาชนะวิญญาณโครงกระดูกขาวตนนึงต้องใช้นักสู้ขอบเขตปฐพีอย่างน้อยหลายสิบคน
“นี่พี่ชาย นายหญิงของเราต้องการเชิญเจ้ามาชั่วครู่” หนึ่งในนักสู้ขอบเขตปฐพีเดินเข้ามากล่าวกับหลี่ฟู่เฉิน
หลี่ฟู่เฉินพยักหน้าและติดตามเขาไปยังรถม้าที่หรูหราที่สุดของกองคาราวานพ่อค้า
“ข้าเฉินฟู่ลี่ ทักทายนายหญิง” หลี่ฟู่เฉินโค้งคำนับพร้อมกับป้องหมัด
จากรถม้า สามารถได้ยินเสียงกระจ่างใสของหญิงสาวได้ “เรามาจากสมาคมกุหลาบพาณิช ข้าเห็นเจ้ามีเทคนิคตัวเบาที่มีความสามารถพอสมควร งั้นแล้วเจ้าสนใจที่จะเข้าร่วมสมาคมกับกุหลาบพาณิชของเราหรือไม่? เจ้าจะได้รับการปฏิบัติอย่างดี”
‘สมาคมกุหลาบพาณิช?’
หลี่ฟู่เฉินพยายามอย่างหนักที่จะรื้อฟื้อข้อมูลเกี่ยวกับแคว้นร้อยเทพยุทธ์ และก็ตระหนักได้ว่าชื่อสมาคมกุหลาบพานิชไม่ได้มีชื่อเสียงใดๆ
หนึ่งในนักสู้ขอบเขตปฐพีกล่าว “เฉินเซียงตี๋ สมาคมกุหลาบพาณิชเราเป็นหนึ่งในสองสมาคมการค้าที่สำคัญในเมืองสีโลหิต สมาคมได้รับการสนับสนุนจากเหล่านักสู้ขอบเขตสวรรค์และนักสู้ขอบเขตปฐพีกว่าร้อยคน มันจะไม่ผิดหวังแน่นอนหากเจ้าเข้าร่วม เจ้าจะได้รับส่วนลดเมื่อซื้อสินค้าในสมาคม”
(หมายเหตุ TL: เซียงตี๋เป็นคำเรียกไม่เป็นทางการสำหรับผู้ชายกับผู้ชายอีกคนเช่น พี่เฉิน)
ดังนั้นพวกเขาจึงเป็นสมาคมพ่อค้าจากเมืองสีโลหิต
แคว้นร้อยเทพยุทธ์มีหลายเมืองและบางเมืองก็มีขนาดใหญ่มาก เมืองสีโลหิตเป็นเมืองที่มีประชากร 5 ล้านคน
ท่ามกลางแคว้นที่ปกครองโดยนิกายหรือแม้แต่กระทั้งนิกายวารีครามเอง เมืองที่มีประชากรเพียงหลายล้านคนก็ถือว่าเป็นเมืองหลวงได้แล้ว แต่ในแคว้นร้อยเทพยุทธ์ พวกเขาจะถือว่าเป็นเมืองขนาดกลางถึงใหญ่เท่านั้น
สมาคมพ่อค้าที่ตั้งอยู่ในเมืองที่มีประชากรหลายล้านคนไม่ได้อยู่ในข้อมูลที่หลี่ฟู่เฉินอ่าน หลังจากทั้งหมดแล้ว มันก็เป็นเพียงสมาคมพ่อค้าเล็กๆ
“เจ้าอนุญาตให้ข้าเลือก?” หลี่ฟู่เฉินไม่ได้ปฏิเสธข้อเสนอ
“แน่นอน ทำไมเจ้าไม่มากับพวกเราที่เมืองสีโลหิตล่ะ? บางทีเมื่อเจ้าอยู่ที่นั่นเจ้าอาจจะเลือกเข้าร่วมกับเรา” ผู้หญิงในรถม้ากล่าว
แคว้นร้อยเทพยุทธ์เป็นแคว้นที่มีการต่อสู้อันไร้สิ้นสุด และการสรรหาทหารรับจ้างมามากมายเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั่วไป แม้ว่าการบ่มเพาะปลูกของหลี่ฟู่เฉินจะไม่สูงมากนัก แต่เขาก็ยังคงมีประโยชน์เนื่องจากเทคนิคตัวเบาของเขา
“ข้าคงไม่อาจปฏิเสธข้อเสนอที่ดีของท่าน” หลี่ฟู่เฉินคำนับอีกครั้ง
ทั้งๆ แบบนั้น หลี่ฟู่เฉินก็เดินทางไปกับคาราวานพ่อค้านี้และมุ่งหน้าไปยังเมืองสีโลหิต
รับฟังข้อมูลจากคนเหล่านี้ หลี่ฟู่เฉินพบว่าเมืองสีโลหิตมีสมาคมพ่อค้าขนาดใหญ่สองแห่งและสามตระกูลใหญ่ กองกำลังที่มีอิทธิพลทุกกองกำลังมีนักสู้ขอบเขตสวรรค์ป้องกันพวกเขาอยู่ ในหมู่พวกเขา ตระกูลหม่ามีอิทธิพลมากที่สุดและเป็นตระกูลโบราณของเมืองสีโลหิต มันมีประวัติความเป็นมากว่าร้อยปี สมาคมและตระกูลอีกสองตระกูลก็มีพลังอิทธิพลแบบเดียวกัน
สำหรับผู้หญิงในรถม้า เธอเป็นลูกสาวบุญธรรมของหัวหน้าสมาคมกุหลาบพาณิช เธอมีนามว่าลู่เหยา
“เฉินเซียงตี๋ เจ้ามาจากที่ไหน?” หวงเปี่ยวผู้ที่อยู่ระดับ 5 ของขอบเขตปฐพีกล่าวถามหลี่ฟู่เฉิน
หลี่ฟู่เฉินตอบ “ข้ามาจากแคว้นวิญญาณเทพยุทธิ์ และต้องการรู้เห็นเหตุการณ์ในแคว้นร้อยเทพยุทธ์”
“เจ้ามาเสี่ยงในแคว้นร้อยเทพยุทธ์นี่เอง” หวงเปี่ยวยกนิ้วของเขา “แม้ว่าพื้นที่ส่วนใหญ่ในแคว้นร้อยเทพยุทธ์จะถือว่าปลอดภัย แต่นั่นเป็นเพียงแค่คำกล่าว มันยังถือว่าเป็นอันตรายสำหรับนักสู้ขอบเขตปฐพี”
หลี่ฟู่เฉินหัวเราะ “ข้าคิดเสมอว่ามันจะเป็นเรื่องราวที่อยู่ในตำนาน ตอนนี้ข้ารู้แล้วว่ามันเป็นเรื่องจริง”
เจียงต้าเฉียนผู้ซึ่งอยู่ทางด้านขวาของหวงเปี่ยวกล่าว “วันนี้เป็นเพียงประสบการณ์ที่หาได้ปกติเท่านั้น หากว่ามันเป็นวิญญาณโครงกระดูกขาวระดับกลางๆ เราจะต้องตายอยู่ที่นี่ทั้งหมด”
วิญญาณโครงกระดูกขาแบ่งออกเป็น ขั้นต่ำ กลาง และสูง
วิญญาณโครงกระดูกขาวขั้นต่ำอยู่ในระดับของนักสู้ขอบเขตปฐพี ขั้นกลางอยู่ในขอบเขตสวรรค์และขั้นสูงอยู่ในขอบเขตหวนคืนต้นกำเนิด
“มีระดับที่สูงกว่าวิญญาณโครงกระดูกขาวขั้นสูงอยู่หรือไม่?” หลี่ฟุเฉินสอบถาม
หวงเปี่ยวพยักหน้า “ใช่ มันมีอยู่จริง ในส่วนลึกของแคว้นร้อยเทพยุทธ์ มันเป็นที่ที่พลังฉีขุ่นข้องรวมตัวกันอยู่มากที่สุด มีข่าวลือว่ามีคนเห็นวิญญาณโครงกระดูกขาวสีแดง”
“วิญญาณโครงกระดูกขาวสีแดง?”
เพียงแค่ฟังชื่อของมัน หลี่ฟู่เฉินก็รู้ถึงความดุร้ายของมันได้แล้ว
***
หลายวันต่อมา กองคาราวานพบวิญญาณโครงกระดูกขาวระดับต่ำอีกกลุ่มหนึ่ง ครั้งนี้เห็นได้ชัดเจนว่ามันอ่อนแอกว่าที่พวกเขาพบครั้งก่อน มันกลายเป็นฝุ่นในเวลาเพียง 15 นาที
ห้าวันต่อมา กองคาราวานออกจากพื้นที่ราบร้อยเทพยุทธ์
“ข้างหน้านี้คือเมืองคมดาบเหิน เรามาขายสินค้าของเราที่นี่” หวงเปี่ยวอธิบายกับหลี่ฟู่เฉิน
หลี่ฟู่เฉินพยักหน้า มันไม่สำคัญว่าเขาจะไปที่ไหน แม้ว่าจะรอบแคว้นก็ตามที
มีค่าธรรมเนียมแรกเข้าสำหรับเมืองคมดาบเหิน สำหรับผู้เยี่ยมชมทั่วไป มันเป็นเหรียญเงินหนึ่งเหรียญเดียว สำหรับพ่อค้าธรรมดา มันเป็นเหรียญทองหนึ่งเหรีญ แต่สำหรับคาราวานพ่อค้า มันจะเป็นสิบเหรียญทองต่อคน หลังจากจ่ายเหรียญทองหลายร้อยเหรียญ คาราวานทั้งหมดได้รับอนุญาตให้เข้าไป
“เฉินเซียงตี๋ เราจะออกจากเมืองใน 3 วันต่อจากนี้ เรามาพบกันที่โรงเตี้ยมปลาเหินในอีก 3 วันต่อไป”
“ไม่มีปัญหา ข้าจะมาพบเจ้าในอีกสามวัน” ตั้งแต่ต้นจนจบหลี่ฟูเฉินไม่ได้เห็นลู่เหยาแม้แต่ครั้งเดียว
เมืองคมดาบเหินมีประชากรน้อยกว่าเมืองสีโลหิต มีผู้อยู่อาศัยประมาณ 4 ล้านคน
ในเมือง มันมีนักสู้อยู่นับไม่ถ้วน แม้แต่กระทั้งนักสู้ขอบเขตปฐพีที่หายากในโลกภายนอกก็สามารถเห็นได้ทั่วทุกที่ แม้แต่กระทั้งนักสู้ขอบเขตสวรรค์เองก็ให้เห็นได้บ้างตามโรงเตี้ยมและภัตตาคาร
“ท่านนักสู้ผู้ยิ่งใหญ่ ท่านต้องการความช่วยเหลือหรือไม่?”
ในขณะที่หลี่ฟู่เฉินกำลังเดินอยู่บนเส้นทาง เด็กชายตัวน้อยรวบรวมความกล้าหาญเข้ามาหาเขา
หลี่ฟู่เฉินสำรวจเด็กผู้นี้ทันที มองไปยังเสื้อผ้าที่ขาดรุ่งริ่งและร่างกายที่ขาดสารอาหาร เขาสมควรเป็นเด็กชาวนาที่ยากจน
ไม่ว่าเมืองใดก็ตาม มันมักจะดีด้านดีและสิ่งที่บิดบังอยู่เสมอ
หลี่ฟู่เฉินไม่ต้องการให้ความช่วยเหลือใดๆ แก่เด็กชายทั้งๆ ที่เขาไม่ได้ขอให้ช่วยเลย “พาข้าไปทุกที่ที่น่าสนใจและเหรียญทองนี้จะเป็นของเจ้า” หยิบเหรียญทองขึ้นมา หลี่ฟู่เฉินโยนมันไว้ในมือของเด็กน้อย
“เหรียญทอง!”
ดวงตาของเด็กชายเบิดกว้าวขึ้น นี่เป็นครั้งแรกที่เขาออกมาขอร้อง เขาเป็นเด็กที่ชอบเก็บตัวและกลัวที่จะเห็นคนแปลกหน้า ในอดีตที่ผ่านมา มันเป็นน้องสาวที่มาขอร้องอยู่เสมอ ตอนนี้น้องสาวของเขาป่วย เขาต้องเอาชนะความกลัวของเขาและทำมัน
“ให้ข้าพาท่านไปที่ถนนโบราณ ข้าได้ยินมาว่านักสู้ส่วนใหญ่ในเมืองคมดาบเหินชอบไปที่นั่นเพื่อลองเสี่ยงโชคของพวกเขา” เด็กชายหยุดยั้งความตื่นเต้นของตัวเอง
“เยี่ยม เช่นนั้นแล้วก็ไปที่ถนนโบราณ”
หลี่ฟูเฉินรู้เกี่ยวกับแคว้นร้อยเทพยุทธ์น้อยนิด ดังนั้นจึงเป็นโอกาสที่ดีสำหรับเขาในการรวบรวมข้อมูลเพิ่มเติม
ถนนโบราณเป็นถนนที่ทอดยาวออกไป ทุกอย่างถูกขายบนถนนสายนี้ มันเป็นเหมือนถนนที่มีสิ่งต่างๆ นาๆ หลายอย่าง เช่นเดียวกับที่เด็กชายกล่าว มีนักสู้อยู่มากมายบนถนนโบราณ คนธรรมดาทั่วไปจะไม่มาที่นี่