Eternal Reverence เทพบุตรฟ้าประทาน - ตอนที่ 209
บทที่ 209
เจตจำนงป้องกัน
เห็นได้ชัดว่าทั้งสองฝ่ายไม่สามารถบรรลุวัตถุประสงค์ที่ตนตั้งไว้ได้
ระเบิดทำลายล้างของนิกายไร้กังวลเป็นสิ่งที่น่าสะพรึงกลัวอย่างแน่นอน มันเชี่ยวชาญในการทำลายเกราะป้องกันพลังฉี แต่เนื่องจากลูกปัดโลหะมีขนาดเล็ก มันจึงเป็นการยากที่จะสังการศัตรูได้ เว้นแต่จะมีเม็ดเล็กๆ เหล่านั้นเจาะทะลุศัตรูโดยตรง
ในแง่ของพลังทำลาย มันไม่ได้มีประสิทธิภาพเท่ากับระเบิดอัสนีคำรน
แน่นอนว่ามันย่อมมีข้อดีและข้อเสีย ระเบิดอัสนีคำรนอาจทรงพลัง แต่พวกมันก็ป้องกันได้ง่าย โล่ระดับลึกลับธรรมดาๆ ก็สามารถรับป้องกันได้และจะไม่ได้รับความเสียหายมากนัก
สำหรับการโจมตีครั้งนี้ ทั้งสองฝ่ายทำได้เพียงแค่หยั่งเชิง พวกเขายังไม่ได้เผยไพ่ลับที่มี
แต่ถึงแม้ว่านี่เป็นการหยั่งเชิง บุคคลทั่วไปย่อมไม่สามารถทำสิ่งนี้ได้ มูลค่ารวมของสิ่งของเหล่านั้นที่ถูกใช้ไปทั้งสิ้นหกอย่างมีมูลค่าหลายล้านเหรียญทอง หากมันถูกใช้กับนักสู้ขอบเขตปฐพีปกติ มันเพียงพอที่จะสังหารพวกเขานับร้อยคน
ขณะนั้นเองที่ทั้งหกคนเตรียมปะทะกันอีกครั้ง
แคร๊ก!
ไม่ทราบว่าชูมู่หยูและคนอื่นๆ ที่เหลือใช้วิธีการอย่างไรในการเปิดประตูโลหะ แต่แสงสีฟ้าไพศาลนั้นส่องแสงออกมาจากการเปิดประตูโลหะ มันฉายเข้าใส่ชูมู่หยูและคนอื่นๆ ขณะที่มันลามไปยังหลี่ฟู่เฉินและคนที่เหลือด้วยเช่นกัน
เมื่อแสงสีฟ้านั้นจางหายไป ประตูโลหะก็ปิดและทุกคนก็หายไป
“นี้ใช่ข้างในหลุมฝังศพหรือไม่?”
ในห้องโถงที่ทำด้วยหิน ร่างของหลี่ฟู่เฉินปรากฏขึ้น
เขาเงยหน้าขึ้นและมองไปรอบๆ
ห้องโถงหินแห่งนี้มีความเก่าแก่ยิ่ง ซึ่งดูเหมือนว่าจะมีประวัติศาสตร์อย่างนานหลายศตวรรษ มีตะเกียงน้ำมันขนาดใหญ่ประมาณแปดเมตรเหนือหัวเขา เปลวไฟเริ่มสว่างขึ้นซึ่งให้แสงที่เยือกเย็นและงดงาม
“หลุมฝังศพของผู้เชี่ยวชาญหวนคืนต้นกำเนิด นี้ใช่อาคมของเขาหรือไม่?” หลี่ฟู่เฉินแสดงความสงสัย
มันเป็นความสำเร็จที่ดีสำหรับการสร้างหลุมฝังศพนี้ในดินแดนแห่งหมอก แต่แสงสีฟ้าก่อนหน้านี้เกิดกว่าที่ผู้เชี่ยวชาญหวนคืนต้นกำเนิดจะทำได้แล้ว
หลี่ฟูเฉินใช้มือข้างนึงของเขาดึงเปลวไฟในตะเกียงน้ำมันด้านบนมา
ปิสส!
ชั้นของพลังฉีที่หลี่ฟู่เฉินก่อขึ้นถูกเผาไหม้ทันที เปลวไฟขนาดเท่าไข่ตกลงบนพื้นอย่างไร้ประกายไฟ
เปลวไฟสีฟ้านี้บริสุทธิ์ประดุจคริสตัล ในแกนกลางของเปลวไฟคือของเหลวสีน้ำเงินหยดหนึ่ง
“นี่อาจเป็นเลือดของสัตว์ปีศาจระดับ 6 – ปีศาจโลหิตเพลิงครามเวิ้งว้าง?” หลี่ฟู่เฉินตกใจกับความไม่แน่นอนนี้
ครั้งหนึ่งเขาเคยอ่านตำนานปรัมปราเกี่ยวกับสัตว์ปีศาจ
ภายในนั้น มีบันทึกของสัตว์ปีศาจที่น่ากลัวอย่างมาก ซึ่งนั้นก็คือปีศาจโลหิตเพลิงครามเวิ้งว้าง
ร่างของสัตว์ปีศาจตนนี้จะถูกปกคลุมไปด้วยเปลวเพลิงสีฟ้า เปลวเพลิงเพียงจุดเดียวอาจทำให้เชี่ยวชาญขอบเขตหวนคืนต้นกำเนิดถูกเผาไหม้เป็นจุล แม้แต่กระทั้งหลังจากที่ตายไปแล้ว ซากศพก็ยังคงไหม้ต่อไปจนกว่าโลหิตจะเหือดแห้ง
ปีศาจโลหิตเพลิงครามเวิ้งว้างระดับ 6 เป็นการดำรงอยู่ที่สามารถสังหารผู้เชี่ยวชาญขอบเขตหวนคืนต้นกำเนิดได้ด้วยลมหายใจ แต่แล้วหลุมฝังศพนี้กลับใช้เลือดของมันเป็นแหล่งกำเนิดไฟเพื่อให้แสงสว่างจริงๆ? แม้ว่าจะมีใครบางคนบอกหลี่ฟู่เฉินว่านี่เป็นหลุมฝังศพของผู้เชี่ยวชาญหวนคืนต้นกำเนิด เขาก็จะไม่เชื่อมัน
หลี่ฟูเฉินต้องการเก็บเปลวเพลิงนี้ไว้ แต่มันน่าเสียดายที่เขาขยับเพลิงไฟนั้นเพียงเล็กน้อยและไม่สามารถควบคุมมันได้ เมื่อพลังฉีของเขาไปใกล้เปลวเพลิง มันจะถูกเผาจนกลายเป็นความว่างเปล่าทันที
ในช่วงเวลาต่อไป ตะเกียงน้ำมันก็ดูเหมือนจะมีพลังดึงดูดแปลกๆ ที่นำเปลวเพลิงสีน้ำเงินกลับสู่ตำแหน่งเดิม
“ข้าสงสัยว่าเจ้าของหลุมฝังศพนี้อยู่ขอบเขตใด?” หลี่ฟู่เฉินรู้สึกเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น
ยุคสมัยของผู้เชี่ยวชาญที่หายตัวไปทั้งหมดถูกบันทึกไว้ในบันทึกประวัติของพวกเขา บางทีผู้เชี่ยวชาญหวนคืนต้นกำเนิดอาจสามารถสืบหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ แต่คนที่เหลือจะไม่รู้อะไรเลย
ห้องโถงของเขาไม่มีสิ่งแปลกประหลาดมากมาย หลี่ฟู่เฉินจึงออกไปจากที่นี่
สุสานมีขนาดใหญ่และมีช่องทางมากมายดั่งเช่นเขาวงกต
หลี่ฟูเฉินไม่ทราบว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่แล้ว
เมื่อเขาพร้อมที่จะเข้าห้อง เขาก็ถูกต่อต้านและถูกส่งตัวกลับออกมา
หลี่ฟูเฉินขมวดคิ้วและวางมือขวาของเขาไว้ที่ช่องว่างตรงประตูทางเข้า
ไม่มีสิ่งใดในสายตาและถึงสัมผัสก็ยังไม่มีสิ่งใด แต่ทว่ามันมีบางสิ่งมากีดขวางฝ่ามือของหลี่ฟู่เฉิน ดูเหมือนว่ามันจะดีดตัวขึ้นเมื่อใดก็ตามที่หลี่ฟู่เฉินใช้แรงกดมัน แรงสั่นสะเทือนทำให้ฝ่ามือของหลี่ฟู่เฉินรู้สึกชา
“บางทีนี่อาจเป็นเจตจำนงเต๋าแห่งการต่อสู้หรือไม่?” หลี่ฟู่เฉินตกตะลึง
เต๋าต่อสู้ระดับปฐพีสามารถแยกออกจากทักษะและคงอยู่ได้ด้วยตัวเอง ที่ทางเข้าห้องนี้มีจุดประสงค์ในการป้องกันการถูกทำลายก่อนที่ใครจะได้เข้าไปยังห้องด้านในได้
วาดดาบทองดำของเขาลง หลี่ฟู่เฉินฟันใส่ความว่างเปล่าไปทางประตูห้อง
พื้นที่ช่องว่างเกิดเสียงเสียดสีดังขึ้นมามันรุนแรงอย่างมากจนกระทั้งหลี่ฟู่เฉินเสียการทรงตัว
“ มีปฏิกิริยา!”
หลี่ฟู่เฉินพอใจ เนื่องจากมีปฏิกิริยาตอบสนองมันหมายความว่าเจตนาการป้องกันนี้จะถูกทำลาย
เจตจำนงดาบเพลิงดาวตก!
เจตจำนงดาบโคจรหลั่งไหล่!
หลี่ฟู่เฉินตระหนักว่าเพื่อทำลายเจตจำนงที่ทำหน้าที่ป้องกันอันนี้ เขาจำต้องใส่เจตจำนงที่เขามีลงไป ซึ่งหากไม่ใช่เจตจำนงหรือทักษะใดๆ มันแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะเขย่าเจตจำนงการป้องกันนี้ได้
หลังจากผ่านไปหนึ่งชั่วโมง ในที่สุดเจตจำนงที่ทำหน้าที่ป้องกันก็แตกออก
เดินเข้าไปในห้อง หลี่ฟู่เฉินเห็นโต๊ะยาว ตรงกลางโต๊ะเป็นม้วนกระดาษที่ทำจากหนังสัตว์
“นี้ควรเป็นทักษะการต่อสู้!” หลี่ฟู่เฉินเดินเข้าไปและหยิบม้วนหนังสัตว์ปีศาจขึ้นมาเพื่ออ่านเนื้อหา
“เทคนิคแก่นแท้แรกเริ่ม เทคนิคระดับลึกลับขั้นกลาง เมื่อฝึกเสร็จสมบรูณ์ ร่างกายของคนคนหนึ่งจะรวมเข้ากับแก่นแท้แรกเริ่มของพลังฉี มันสามารถยืดอายุขัยของคนผู้นั้นได้และอนุญาตให้ใครคนนั้นอยู่ได้ได้จนถึงอายุ 100 ปีหรือมากกว่านั้นอย่างง่ายดาย”
หลี่ฟูเฉินมองดูคำอธิบายบนม้วนหนังสัตว์ปีศาจ เขาเลิกคิ้วของเขาตนเอง
เทคนิคบ่มเพาะที่สามารถยืดอายุได้ค่อนข้างหายาก
เทคนิคส่วนใหญ่จะมุ่งเน้นไปยังความแข็งแกร่งไม่ก็พละกำลัง พวกเขาส่วนใหญ่จะทำให้ร่างกายมนุษย์นี้แข็งแกร่งขึ้น และยกเว้นเพียงแต่นักสู้ขอบเขตหวนคืนต้นกำเนิด ช่วงชีวิตปกติของพวกเขาเหล่านั้นก็จะถูกจำกัดอยู่ที่อายุประมาณ 100 ปี
ยกตัวอย่างเช่นเทคนิคเพลิงโลกันต์แท้จริง มันเป็นเทคนิคที่ต้องอาศัยร่างกายมนุษย์เป็นพื้นฐาน หากผู้ฝึกฝนไม่ได้ฝึกฝนเทคนิคปรับแต่งร่างกายใดๆ มันจะเป็นไปไม่ได้สำหรับพวกเขาที่จะฝึกฝนเทคนิคเพลิงโลกันต์แท้จริง ไม่เช่นนั้น ก่อนที่พวกเขาจะไปถึงระดับสูงสุด พวกเขาก็อาจจะตายจากการถูกแผดเผาไปก่อนได้
“เทคนิคระดับสีเหลืองขั้นสูงสุดอาจยังไม่เพียงพอ เทคนิคแก่นแท้แรกเริ่มนี้สมควรที่จะเหมาะสมสำหรับพวกเขา”
พ่อแม่ของเขาอาจยังไม่ได้เป็นนักสู้ขอบเขตปฐพี แต่ในอนาคตพวกเขาจะได้เป็นแน่นอน
ในฐานะนักสู้ขอบเขตปฐพี หากพวกเขามีเพียงเทคนิคบ่มเพาะสีเหลืองขั้นสูงสุด มันจะต้องใช้เวลาหลายปีกว่าพวกเขาจะก้าวหน้าในระดับการบ่มเพาะ แต่มันจะแตกต่างกันเมื่อพวกเขามีเทคนิคระดับลึกลับขั้นกลาง ความเร็วในการฝึกฝนของพวกเขาจะเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด
จัดเก็บม้วนหนังสัตว์ปีศาจ หลี่ฟู่เฉินก็ออกจากห้อง
ในเวลาเดียวกัน คนอื่นๆ ที่อยู่ในส่วนอื่นๆ ของหลุมฝังศพ แต่ละคนก็พบห้องแรกของพวกเขา
ยกเว้นเพียงชูมู่หยูก็ไม่มีคนอื่นใดที่มีความสามารถในการใช้เจตจำนงระดับลึกลับขั้นกลาง ในช่วงเวลาสั้นๆ นี้ พวกเขาไม่สามารถทำลายเจตจำนงที่ป้องกันทางเข้าห้องลงไปได้
ขณะที่หลี่ฟูเฉินเดินไปรอบๆ ทันใดนั้นเขาก็ได้ยินเสียงจากด้านหน้า
“เวรเอ้ย ทำไมเจตจำนงป้องกันนี้ถึงแข็งแกร่งนัก? ใช้เวลากว่าสองชั่วโมงแล้ว และมันก็ยังไม่พังลง” ซูเหยชานเดือดดาล ค้อนในมือของเขาถูกเหวี่ยงกระแทกลงไปที่ช่องว่างกลางอากาศ มันก่อให้เกิดดังเคือนคราง
หูของซูเหยชานขยับเล็กน้อย เขาก็หันหัวไปอย่างรวดเร็ว
แสงสีดำทะลุผ่านอากาศและหายไปท่ามกลางวิถีของมัน
“อันตราย!”
หนังศีรษะของซูเหยชานชาด้าน เขาขยับไปด้านข้างหนึ่งนิ้ว
ปิสส!
เลือดสดไหลออกมาจากหลังของเขา ขณะที่แสงสีดำทะลุผ่านเข้ามา พริบตาแสงสีดำนั้นก็ถูกดึงกลับไป “ชิ้ง!”
“ตาย!”
จากเงามืด หลี่ฟู่เฉินเปิดการโจมตีอย่างฉับพลัน
“หลี่ฟู่เฉิน เจ้าถามหาความตาย!”
ซูเหยชานได้รับบาดเจ็บสาหัญ แต่อย่างไรก็ตามเขาก็ยังคงเป็นนักสู้ขอบเขตปฐพีระดับที่ 8 เขายกก้านค้อนโลหะขึ้นอย่างบ้าคลั่งเพื่อป้องกัน
ประกายไฟอันน่าตื่นตาบินไปทั่วทุกมุม ขณะที่ซูเหยชานถูกบังคับให้บินกลับ ตรงปากของเขา มันกระอักเลือดออกมาคำโต
หลี่ฟู่เฉินไม่ได้ผิดหวัง แม้ว่าเขาจะไม่สามารถฆ่าชูเหยชานได้อย่างง่ายๆ แต่ย้อนกลับไปเมื่อตอนที่เขาสามารถฆ่าหลิวกวงเฟย(ตอนที่ช่วยฟานเฉียนสงและฟานเฉียนหยู)จากนิกายพัตร(ผ้า)เงินได้ ตอนนั่นเป็นเพราะศัตรูของเขาไม่สามารถตรวจจับการคงอยู่ของเขาได้แต่เพียงเท่านั้น แต่คราวนี้ ซูเหยชานสามารถสัมผัสถึงอันตราย และขยับร่างกายของเขาไปได้นิ้วนึง ไม่เช่นนั้นแล้ว อาวุธเล่มนี้ก็จะเจาะทะลุหัวใจของเขา
“หลี่ฟู่เฉิน เจ้ากล้าสังหารข้า? นิกายสวรรค์ปีศาจจะไม่ปล่อยเจ้าไปแน่!” ซูเหยชานแสดงออกถึงทั้งความประสงค์ร้ายและความว้าวุ่นใจ
สำหรับใครที่อ่านมาถึงตรงนี้นะครับ เรื่องนี้มีกลุ่มลับ ซึ่งตอนจะถูกกว่า TN กลุ่ม 3 เริ่มที่ตอน 216
ติดตามข่าวสารได้ที่เพจ INDYNOVEL