Eternal Reverence เทพบุตรฟ้าประทาน - ตอนที่ 219
บทที่ 219
การเลือกยึดร่าง
“อาจารย์?”
หลี่ฟู่เฉินและชูมู่หยูมองไปยังคนที่เหลือ
หากเหล่าวิญญาณปีศาจเรียกบุคคลนี้ว่า ‘อาจารย์’ งั้นแล้วเจ้าสิ่งนี้น่าจะเป็นบางสิ่งบางอย่างที่มีตัวตนอยู่ในระดับที่สูงกว่าพวกมัน
วิญญาณปีศาจเหล่านี้ทั้งหมดล้วนเป็นปีศาจระดับ 6 แต่ก็ยังเรียกสิ่งนั้นว่าท่านอาจารย์ งั้นแล้วเจ้าสิ่งนี้ที่ถูกวิญญาณปีศาจเรียกว่าอาจารย์ อย่างน้อยก็ต้องอยู่ในระดับ 7 หรือก็คือผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทพยุทธ์วิญญาณหรือไม่?
ก่อนที่พวกเขาจะมา พวกเขาไม่เคยสงสัยว่าจะยังมีผู้เชี่ยวชาญเช่นนี้อยู่ และคิดว่านี่เป็นหลุมฝังศพของนักสู้ขอบเขตหวนคืนต้นกำเนิดแต่เพียงเท่านั้น
หากพวกเขารู้ว่าหลุมฝังศพนี้น่ากลัวเพียงใด พวกเขาคงจะต้องพิจารณาอย่างรอบคอบก่อนที่จะบุ่มบ่ามเข้ามาเช่นนี้
ลมหนาวเย็นพัดโชยมา ซึ่งลมนี้ก็แทบแช่แข็งหัวใจและวิญญาณของพวกเขา
และเป็นตอนนี้เอง ที่หลี่ฟู่เฉินและชูมู่หยูต่างก็ดิ้นรนเพื่อหลบหนี กล้ามเนื้อทุกส่วนของพวกเขาต่างแข็งตรึง
“สู้ไม่ได้แน่ เจ้าสิ่งนั้นเป็นวิญญาณปีศาจ ผู้เชี่ยวชาญวิญญาณที่แท้จริง?” หลี่ฟู่เฉินยังคงตั้งสติและคิดอย่างใจเย็น
จากสิ่งที่เขารู้ สัตว์ปีศาจระดับ 6 สามารถกำเนิดวิญญาณปีศาจขึ้นมาได้ ในขณะที่ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทพยุทธ์วิญญาณก็สามารถสร้างวิญญาณแท้จริงได้
หากวิญญาณวิญญาณสูญเสียร่างกาย มันก็จะแตกกระจายหายไป แต่หากเป็นวิญญาณปีศาจหรือวิญญาณแท้จริง จิตในวิญญาณก็จะสามารถคงอยู่และเก็บรักษาได้ไว้เป็นเวลานาน และหากผ่านด้วยเงื่อนไขพิเศษบางอย่าง มันก็อาจจะถูกเก็บรักษาได้ไว้เป็นพันๆ ปี
บางทีอาจจะมีสิ่งของบางอย่างที่สามารถบำรุงส่งเสริมวิญญาณปีศาจและวิญญาณแท้จริงได้อยู่ ซึ่งก็จะสามารถอนุญาตให้เหล่าปีศาจหรือวิญญาณที่แท้จริงเหล่านี้อยู่รอดได้นานนับอนัยน์ปีได้
“ไม่รู้เลยว่าผ่านไปแล้วกี่ปี ข้าไม่อาจจดจำได้ ในที่สุดก็มีใครพบหลุมฝังศพนี้เสียที”
ท่ามกลางสายลมที่หนาวเย็น เงาของมนุษย์ถอนหายใจด้วยความเศร้าโศก เสียงแหบห้าวที่ดูมืดหมนส่งผ่านเข้ามาและวิ่งไปทั่วร่างกายของพวกเขา
“ท่านอาจารย์ ด้วยร่างกายเหล่านี้ เราจะสามารถออกจากหลุมฝังศพนี้ได้ และจะใช้ชีวิตที่รุ่งโรจน์ของเราอีกครั้ง” ‘ฟูจงชาน’ คุกเข่าลงบนพื้นและกล่าวด้วยความเคารพ
‘หลี่หวูเซี่ย’ กล่าว “ ในวันนั้นผู้เชี่ยวเหล่านั้นทั้งหมดถูกสังหารไม่ก็ถูกขับไล่ไปหมดแล้ว หากเราจะออกจากหลุมฝังศพนี้ได้ เราคงใช้เวลาไม่มากในการปกครองโลก มันจะไม่มีใครและไม่มีคนที่จะมีกำลังพอที่จะขัดขวางเรา และด้วยการจัดหาทรัพยากรมากมายกลับมา พวกเราคงจะกลับไปยังจุดสูงสุดของตัวเองได้ในไม่ช้า”
เงาร่างมนุษย์กล่าวอย่างเยือกเย็น “หากข้าไม่ได้รับผู้ติดตามมา ข้าจะถูกทิ้งให้อยู่ในสภาพวิญญาญแท้จริงเช่นนี้ได้อย่างไร? โชคดีที่ข้าได้เตรียมการและสร้างหลุมฝังศพที่นี่เอาไว้้ ไม่เช่นนั้นแล้ว ด้วยเวลาหลายปีที่ผ่านไปนานเช่นนี้ ข้าคงจะอันตธรานหายไปกับหมู่เมฆนานแล้ว”
“พวกเจ้าสองคน ออกจากร่างเหล่านั้นซะ” เงารูปร่างมนุษย์สั่ง
เห็นได้อย่่างชัดเจนว่าเขากำลังพูดคุยกับ ‘เหว่ยชานเหอ’ และ ‘ฟานเฉียนหยู’ สำหรับ ‘หลี่หวูเซี่ย’ และ ‘ฟูจงชาน’ ร่างกายของพวกเขากัดกินสึกโดยพลังฉีปีศาจและไม่สามารถกลับออกไปได้แล้ว
“ขอรับ!” วิญญาณปีศาจทั้งสองตนออกจากร่างของเหว่ยชานเหอ และฟานเฉียนหยูทันที
ปั๊ก! ปั๊ก!
เหว่ยชานเหอและฟานเฉียนหยูล้มลงกับพื้น พวกเขาทั้งคู่หมดสติลงไป
ลมหนาวยะเยือกไหลไหลมาบรรจบกันและเงาของมนุษย์กลายเป็นจุดเล็กๆ ยิงเข้าไปที่กึ่งกลางระหว่างคิ้วของฟานเฉียนหยู
“โครงกระดูก 4ดาว ด้อยเกินไป จิตในวิญญาณเองก็ไม่แข็งแกร่ง ไม่เหมาะแม้แต่จะเป็นอาหารทานเล่นได้ด้วยซ้ำไป” ‘ฟานเฉียนหยู’ เธออ้าปากและกล่าวเบาๆ
“เขากำลังเลือกร่างกาย?” หลี่ฟู่เฉินและชูมู่หยูรู้สึกตกใจอย่างมาก
พวกเขาทั้งสองต้องการจะหลบหนี แต่ก็ไม่สามารถแม้แต่จะขยับนิ้วได้ พลังงานความเย็นที่กลัวเข้ามาล้อมรอบร่างกายของพวกเขา
จุดแสงพุ่งออกมาอย่างรวดเร็วและมุ่งไปยังหัวของเหว่ยชานเห่อ
“ร่างนี่แย่ที่สุด มันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะบรรลุสถานะในจุดสูงสุดของข้าด้วยร่างกายนี้ ข้าไม่อาจบรรลุขอบเขตเทพยุทธ์วิญญาณได้” ‘เหว่ยชานเหอ’ ขมวดคิ้วและกล่าวว่า
‘เหว่ยชานเห่อ’ เบนสายตาไปที่ฟานเฉียนสงและจุดไฟก็ลอยออกไป
“ร่างนี้ไม่นับว่าเป็นอะไร โครงกระดูกระดับ 5 ดาวและจิตวิญญาณเองก็ค่อนข้างแข็งแกร่ง แม้มันอาจจะแตกต่างจากร่างเดิมของข้ามาก แต่ด้วยความทรงจำจากกาลก่อน มันคงจะไม่ยากที่จะกลับไปสู่สภาวะในจุดสูงสุดของข้าได้ แต่ร่างกายทั้งสองนั้นดูเหมือนจะดียิ่งกว่า สิ่งที่ดีที่สุดมักจะต้องเก็บไว้ทีหลังเสมอ” ‘ฟานเฉียนสง’ เหลือบมองอย่างแปลกๆ มาที่ชูมู่หยูและหลี่ฟู่เฉิน
วิญญาณปีศาจของสัตว์ปีศาจระดับ 6 โดยปกติแล้วจะพยายามยึดร่างของนักสู้ที่อ่อนแอกว่า ผู้ที่มีวิญญาณเข้มแข็งจะเป็นสิ่งที่พวกเขาไม่สามารถยึดร่างได้ในทันที และกลับกันอาจได้รับความเสียหายในวิญญาณแทน จิตวิญญาณของบุคคลทั้งสองคนนี้เป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในบรรดาผู้บุกรุกสุสาน แข็งแกร่งมากจนวิญญาณปีศาจเหล่านี้ไม่กล้าแม้แต่จะบุกรุกเข้าสิง
หน้าผากของหลี่ฟู่เฉินเริ่มหยดเหงื่ออันเย็นเฉียบไหลออกมา
ในจิตวิญญาณ เครื่องรางทองคำในจิตวิญญาณของเขาหมุนวนอย่างรวดเร็ว มันไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน ราวกับว่ามันรู้สึกถึงอันตราย
“ข้าควรจะทำอะไร?” หลี่ฟู่เฉินไม่ต้องการให้ร่างกายของเขาถูกยึดครองโดยวิญญาณแท้จริงตนนั้น หากเขาถูกยึดครองล่าง มันคงเลวร้ายเสียยิ่งกว่าความตาย
มันเป็นสิ่งที่เขาไม่รู้ ว่าหลังจากที่ร่างกายของเขาถูกยึดโดยศัตรู สติของเขาจะยังคงอยู่อยู่ไหม?
หรือว่ามันจะคงเหลือแต่เพียงความว่างเปล่า
แต่ไม่ว่าจะในกรณีใด มันก็ไม่ใช่สิ่งที่ดีทั้งนั้น
ฟานเฉียนสงล้มลงและชูมู่หยูก็กรีดร้องในทันที
ชูมู่หยูในปัจจุบันไม่ได้มีใบหน้าที่สงบและเฉยเมยดั้งเช่นนั้นกาลก่อน การแสดงออกของเธอเต็มไปด้วยความกลัวและความสิ้นหวังด้วยร่องรอยของการฝ่าฝืน
“เป็นโครงกระดูกและจิตวิญญาณที่น่ากลัวยิ่ง แต่ด้วยจิตวิญญาณแท้จริงของข้าในตอนนี้ ข้าคงไม่สามารถยึดครองร่างนี้ได้ในทันที ยอดเยี่ยม ช่างยอดเยี่ยมจริงๆ” ‘ชูมู่หยู’ ยิ้มและหัวเราะออกมาดังๆ
“อย่าคิดว่าเจ้าจะสามารถยึดร่างของข้าไปได้!” ดวงตาของชูมู่หยูเผยให้เห็นถึงรูปลักษณ์ที่ไม่ยอมแพ้และร่องรอยแห่งเจตจำนงที่สั่นคลอน ระงับความกลัวและความสิ้นหวังของเธอ
“หากข้าเป็นเพียงวิญญาณแท้จริงในขอบเขตเทพยุทธ์วิญญาณ ข้าอาจถูกต่อต้านโดยเจ้าไปแล้วจริงๆ ช่างน่าเสียดาย ที่ข้าไม่ได้เป็นเช่นนั้น” เมื่อเวลาผ่านไป การแสดงออกของชูมู่หยูเริ่มมืดมนและสภาพวะพลังฉีที่ระเบิดออกมาจากตัวของชูมู่หยูก็ลดน้องลงไปเรื่อยๆ กลับกันสภาวะพลังฉีอันเยือกเย็นค่อยๆ เพิ่มพูนขึ้นจากภายใน
“ชูมู่หยู รีบตื่นเร็วเข้า!” ในเวลานี้เอง ในที่สุดหลี่ฟูเฉินก็สามารถพูดออกมาได้และเขาก็ตะโกนออกมาด้วยเสียงอันดัง
ชูมู่หยูไม่มีปฏิกิริยาใดๆ หลังจากนั้นสักครู่ ชูมู่หยูก็หันกลับไปมองหลี่ฟู่เฉิน
“นี้มันแปลก ดูเหมือนว่าจิตวิญญาณของเจ้าจะแข็งแกร่งกว่าของนาง แต่สภาวะพลังฉีของเจ้าไม่บริสุทธิ์เท่ากับนาง ข้าไม่แน่ใจว่าควรยึดร่างกายของเจ้าหรือไม่” ‘ชูมู่หยู’ ดูเหมือนจะมีความลังเลอยู่บ้าง
การยึดร่างเป็นการกระทำที่ใช้พลังวิญญาณอย่างแท้จริง
การยึดวิญญาณที่อ่อนแอจะใช้ไม่มากนัก แต่การยึดวิญญาณที่แข็งแกร่งเหมือนกับของชูมู่หยู ทำให้จิตวิญญาณแท้จริงของเขาหมดไปเล็กน้อย เขาเป็นกังวลว่าถ้าเขาจะเข้ายึดร่างของหลี่ฟู่เฉิน เขาอาจจะไม่ได้รับอะไรเลยและต้องทนทุกข์ทรมาณแทน และอาจต้องเสียวิญญาณแท้จริงส่วนนึงของเขาแทน
หลังจากทั้งหมดแล้ว วิญญาณคือสิ่งที่ต้องได้รับการหล่อเลี้ยงและไม่ได้มาพร้อมกับศักยภาพโดยกำเนิด
“ดูเหมือนว่าหลังจากหลายปีที่ผ่านมา ความกล้าของข้าจะลดน้อยลง หากข้าไม่ได้ลอง ข้าจะรู้ได้อย่างไรว่าเขามีความสามารถที่อ่อนแอ? บางทีความถนัดของเขาอาจเป็นสิ่งที่ข้าใฝ่ฝันมาตลอด” ‘ชูมู่หยู’ เลียริมฝีปากของเธอและเผยแววตาของความโลภออกมา
ชวู!
จุดไฟลอยออกมาและพุ่งเข้าไปยังหัวของหลี่ฟู่เฉิน
จากนั้นชูมู่หยูก็หลับตาลงและล้มลงกับพื้นอย่างไม่รู้สึกตัว
จุดไฟเข้าไปภายในจิตใจของหลี่ฟู่เฉินและเปลี่ยนกลับกลายเป็นเงาของมนุษย์
มองไปที่จิตวิญญาณสีฟ้าอ่อนของหลี่ฟู่เฉินเงาร่างมนุษย์กลายเป็นสั่นไหว “นี้มันเป็นวิญญาณประเภทใด? ทำไมถึงมีสี? สภาวะพลังที่แผ่ออกมาเองก็ไม่ใช่สิ่งที่น่ามองข้าม จิตวิญญาณดวงนี้บริสุทธิ์เกินไป มันเป็นของมนุษย์หรือไม่?”
“ออกไปจากร่างกายของข้า”
ภายในจิตใจ เงาของหลี่ฟู่เฉินปรากฏตัวขึ้น นี่คือจิตใต้สำนึกของเขา
ร่างของเขาเข้าไปบดบังเงารูปร่างมนุษย์ จิตใต้สำนึกเผยตัวออกมา มันเป็นสิ่งที่แม้แต่นักสู้ขอบเขตปฐพีและสวรรค์ก็ไม่สามารถบรรลุถึงได้
“เห การสร้างจิตสำนึก แน่นอนว่าเจ้าย่อมเป็นคนพิเศษ”
เงาร่างมนุษย์เผยรอยยิ้มชั่วร้ายออกมา เขายังไม่ได้สำรวจโครงกระดูกของหลี่ฟู่เฉิน แต่หากดูจากจิตวิญญาณของหลี่ฟู่เฉินแล้ว เขาตัดสินใจที่จะละทิ้งร่างของชูมู่หยูแล้วเลือกร่างนี้แทน
ด้วยจิตวิญญาณวิญญาณที่น่าสะพรึงกลัวดวงนี้ เขามีความรู้สึกว่าเขาสามารถไปได้เกินตัวเขาในช่วงจุดสูงสุดแน่นอน
“ไปให้พ้น!”
มีดาบปรากฏอยู่ในมือของหลี่ฟู่เฉิน ในขณะที่เขาฟันลงไปใส่ร่างเงามนุษย์
“วิญญาณของเจ้าแข็งแกร่งอย่างแท้จริง แต่เจ้าก็ยังคงไม่สามารถจัดการกับข้าได้” เงาร่างมนุษย์ส่งหมัดออกไป และนั้นทำให้หลี่ฟู่เฉินบินออกไป
“ออกไป!”
จิตวิญญาณของหลี่ฟู่เฉินแข็งแกร่งมาก วิญญาณที่แข็งแกร่งเองก็หมายถึงการมีสติสัมปชัญญะที่แข็งแกร่ง ถึงเขาจะถูกส่งบินกลับไป แต่รูปแบบที่เขาลอยออกไปก็สามารถหันไปทางเงามนุษย์ได้อีกครั้ง เวบานี่เอง ดาบยาวของเขาก็เปลี่ยนเป็นเงาดาบนับไม่ถ้วน ซึ่งมันก็ถูกส่งไปยังร่างเงามนุษย์