Eternal Reverence เทพบุตรฟ้าประทาน - ตอนที่ 226
บทที่ 226
ด่านแรกของเส้นทางแห่งดวงดาว
เส้นทางดวงดาวนั้นกว้างยาวและดูเปล่าเปลี่ยว
เมื่อเดินไปบนเส้นทางดวงดาว หลี่ฟู่เฉินรู้สึกตลอดเวลาว่าตัวเขานั้นช่างดูไร้สำคัญ
เมื่อเปรียบเทียบกับท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวอันกว้างใหญ่แห่งนี้ ดูเหมือนว่าทวีปยูนิคอร์นตะวันออกก็ตะเป็นเพียงแค่ฝุ่นละออง!
แสงระยิบระยับส่องประกาย
ในท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาว กลุ่มอุกบาตกลุ่มใหญ่แห่งนึงก็เกิดระเบิดขึ้นและได้ร่วงตกลงมาที่เส้นทางดวงดาว เพียงชั่วครู่หนึ่ง หลี่ฟูเฉินก็รู้สึกได้ถึงความแสบร้อนของดาวตก ราวกับว่ามันเป็นลูกไฟที่เริ่มลุกไหม้
‘นี่เป็นของจริงหรือเป็นเพียงแค่ภาพลวงตา?’ ขณะนี้เอง หลี่ฟู่เฉินก็ไม่แน่ใจเกี่ยวกับเรื่องนี้เช่นกัน
ขณะที่เขาเดินต่อไป ในที่สุดหลี่ฟูเฉินก็ได้เห็นคนบุคคลหนึ่ง
มันเป็นชายหนุ่มอายุ 27 ปี เขาอยู่ขอบเขตปฐพีระดับที่ 3 เชกเช่นเดียวกับหลี่ฟู่เฉิน
เขาดูพยายามกับทุกย่างก้าวและเสื้อผ้าของเขาก็เปียกโชกไปด้วยหยาดเหงื่อ
‘ดูเหมือนว่าเขาจะถึงขีดจำกัดแล้ว’
หลี่ฟู่เฉินไม่ได้มีความสุขในความโชคร้ายของผู้อื่น เขาไม่ได้เปรียบเปรยใดๆ ซึ่งสาเหตุก็เป็นเพราะว่าเขาไม่ได้รับรู้ถึงความแข็งแกร่งของสนามพลังฉีของเส้นทางดวงดาว
เมื่อพบเห็นคนผู้นี้ที่ดูเหนื่อยล้า เขาก็เริ่มการพักผ่อนสำหรับตัวเขาเอง หลี่ฟู่เฉินมั่นใจว่าเส้นทางดวงดาวเป็นสิ่งที่ใครๆ ก็สามารถเดินไปได้ไกล หากพวกเขามีศักยภาพโดยธรรมชาติที่แข็งแกร่งเพียงพอ
บูม!
หลังจากเดินไปได้อีกไม่กี่ก้าว ชายหนุ่มไม่สามารถทนต่อไปได้อีกแล้ว หัวของเขาทิ่มลงไปที่พื้น มีแสงสว่างวาบบนเส้นทางแห่งดวงดาวซึ่งแสงนี้ก็ทำให้ชายหนุ่มได้หายตัวไปจากเขตแดนเร้นลับเส้นทางแห่งดวงดาวในทันที
หลังจากช่วงเวลาสั้นๆ หลี่ฟู่เฉินก็เห็นคนอื่นอีก เขาไม่ได้คิดอะไรมากและรีบตามไปในทันที
ไม่ไกลจากเส้นทางดวงดาวที่เขาอยู่มันเป็นกลุ่มคนหนุ่มสาวที่กำลังเดินไปด้วยกัน
ผู้ที่เป็นผู้นำมีใบหน้าไร้ที่ติราวกับหยก ไหล่กว้าง และมีขาที่ยาว ทุกครั้งที่เขากระพิบตา มันมีประกายความโดดเด่นและความรู้สึกที่ดูเหนือกว่าแผ่ออกมา
“ฮั่นชิเซียง เจ้าช่างน่ากลัวจริงๆ หลังจากเดินเป็นระยะทางที่ไกลมากแล้ว เจ้าก็ยังดูเหมืิอนจะสบายดีอยู่” ชายหนุ่มคนข้างๆ กล่าวคำเยินยอ
“ฮั่นชิเซียงเป็นหนึ่งในเจ็ดนภาจากนิกายนภาดารา งั้นแล้วเขาจะเป็นคนธรรมดาได้อย่างไร? อย่ากล่าวถึงแค่ระยะสั้นๆ แค่นี้ ด่านแรกสำหรับเขาก็อาจจะผ่านได้สบายๆ”
“ถูกแล้ว ข้อเสียเพียงอย่างเดียวของฮั่นชิเซียงคืออายุของเขา ถ้าเขาบ่มเพาะมาอีกซักหนึ่งหรือสองปี เขาจะเป็นผู้นำของเหล่าคนรุ่นใหม่”
พวกเขาทั้งหมดเข้าประจบประแจง
ทวีปยูนิคอร์นตะวันออกทั้งหมดเต็มไปด้วยผู้เชี่ยวชาญด้านการต่อสู้ ตอนนี้พวกเขาอาจไม่ใช่คนสำคัญ แต่ในอนาคตข้างหน้า พวกเขาก็จะกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญคนสำคัญเช่นกัน แต่สำหรับฮั่นชิเซียงที่พวกเขาพูดถึงจะต้องกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญที่ยอดที่มีบทบาทสำคัญมากๆ หากในตอนนี้พวกเขาสร้างความสัมพันธ์ที่ดีเอาไว้ ในอนาคตพวกเขาก็ยังจะคงรักษาสัมพันธ์นี้ไว้ได้
ฮั่นชีเซียงที่พวกเขายกยอนั้นถูกเรียกว่า ฮั่นเฟิง เขาเป็นหนึ่งในนาภาทั้งเจ็ดของนิกายนภาดารา เขาอายุ 23 ปีในปีนี้และอยู่ในระดับที่ 5 ของขอบเขตปฐพี ผู้ที่เป็นส่วนหนึ่งของนภาทั้งเจ็ดนั้นล้วนเป็นที่รู้จักกันดีว่าพวกเขาเป็นพวกมีศักยภาพแต่โดยกำเนิด เขายิ้มบางๆ “เส้นทางดวงดาวแห่งนี้เป็นสถานที่ที่ลึกลับ ข้าชอบอยู่อย่างสันโดษในนิกาย หากข้ารู้ว่ามันจะลึกลับถึงเพียงนี้ ข้าก็คงจะมาที่นี้ให้ช้ากว่านี้เป็นแน่”
ถ้าเขาเลือกที่จะมาทีหลัง เขาอาจเข้าสู่ระดับที่ 6 ของขอบเขตปฐพีไปแล้ว
“ไม่ได้แล้ว ข้าทนต่อไปไม่ได้แล้ว ฮั่นชิเซียง ข้าชื่อลานกวงหลง หากมีโอกาสในอนาคตเราคงได้พบกันอีกและเมื่อถึงตอนนั้นให้ข้าได้เป็นตัวแทนเลี้ยงอาหารฮั่นชิเซียงซักมื้อ” เด็กหนุ่มที่ชื่อลานกวงหลงล้มลงไปบนพื้นและก็กลายเป็นก้อนแสงก่อนที่จะหายไป
เมื่อเห็นฉากนี้ ทุกคนรู้สึกได้ถึงความทุกข์ทราณ มันยังมีระยะทางค่อนข้างไกลก่อนจะถึงด่านแรกของเส้นทางดวงดาวและดูเหมือนว่ามันจะเป็นเรื่องยากมากสำหรับพวกเขา ในการที่จะไปถึงที่นั่น
“เอ๋? นั้นใครนะ? เขาเร็วมากและเหมือนกับว่าเขากำลังจะตามพวกเรามา”
ทันใดนั้นเอง หนึ่งในนั้นก็ชี้ไปที่ด้านหลังและอุทาน
ได้ยินเสียงอุทาน ทุกคนหันไปมองตามเสียงนั้น
ห่างออกไปสองสามพันเมตรเป็นเงาที่กำลังพุ่งผ่านมาด้วยความเร็วสูง ด้วยเสื้อคลุมที่โบกสบัดและออร่าที่ดูพิเศษ มันจะเป็นใครได้ถ้าไม่ใชาหลี่ฟู่เฉิน
ความเร็วของหลี่ฟู่เฉินนั้นรวดมาก หากทุกคนประดุจเหมือนกับวิ่งช้าๆ งั้นแล้วนี่ก็คงเป็นการวิ่งเร็ว
ถ้าเขาสามารถวิ่งได้เร็ว นั้นก็หมายความว่าสนามพลังฉีจากเส้นทางดวงดาวนั้นกดดันเขาไม่ได้มากนัก มันไม่ได้อยู่ในระดับที่เกินขีดจำกัดของเขา
สนามพลังฉีเส้นทางแห่งดวงดาวไม่ใช่สิ่งที่แน่นอน เมื่อระยะทางยืดออกไป สนามพลังฉีก็จะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง มันอาจเพิ่มขึ้นอย่างช้าๆ และอาจไม่สามารถรู้สึกได้ภายในระยะเวลาอันสั้น แต่ถ้าใครเริ่มออกวิ่งเร็วๆ การเพิ่มขึ้นของความกดดันจะค่อนข้างหนักหนาสำหรับคนส่วนใหญ่ มันยากที่จะกล่าวว่าใครคนหนึ่งจะล้มลงเมื่อไหร่
หลี่ฟู่เฉินกำลังวิ่งอย่างรวดเร็วไม่รู้สึกกดดันเลยแม้แต่น้อย
ตอนนี้เขาคุ้นเคยกับสนามพลังฉีเส้นทางดวงดาวแล้ว ถ้าเขารู้สึกว่ามันไม่ไหวจริงๆ เขาจะออกจากเส้นทางดวงดาวทันที
1,000 เมตร 800 เมตร 500 เมตร
หลี่ฟูเฉินเริ่มเข้าใกล้ฮั่นเฟิงและกลุ่มของเขามากขึ้น
ฮันเฟิงเลิกคิ้ว ในฐานะที่เป็นหนึ่งในเจ็ดนภา เขาคิดว่าตัวเองเป็นหนึ่งไม่มีสอนในรุ่นของเยาวชนรุ่นใหม่ในทวีปยูนิคอร์นตะวันออก สำหรับบุคคลที่ไม่รู้จักผู้นี้ อาจจะมีโครงกระดูกระดับ 5 ดาวหรือไม่ก็โครงกระดูกระดับ 6 ดาวที่ท้าทายสวรรค์
สำหรับคนแปลกหน้าเช่นนั้นมันก็มีอยู่ไม่กี่คนเท่านั้น ละมันจะมีนักสู้โครงกระดูกระดับ 6 ดาวผู้อื่นอยู่ในทวีปยูนิคอร์นตะวันออกได้อย่างไร?
สำหรับโครงกระดูกระดับ 6 ดาวที่ท้าทายสวรรค์เช่นนั้น พวกเขาย่อมมีปริมาณที่น้อยกว่าโครงกระดูกระดับ 5 ดาวแน่นอน
นักสู้ที่มีโครงกระดูกระดับ 6 ดาวย่อมเป็นผู้ที่มีการรับรู้น่ากลัว ในบางแง่มุม พวกเขาดูน่ากลัวกว่าเหล่าคนที่มีโครงกระดูก 6 ดาวเสียอีก
ฮั่นเฟิงมีข้อมูลผู้คนทั้งหมดที่มีโครงกระดูกระดับ 5 ดาวและโครงกระดูกระดับ 6 ดาวที่ท้าทายสวรรค์ แต่เขามั่นใจว่าหลี่ฟู่เฉินนั้นไม่ได้อยู่ในรายชื่อบุคคลเหล่านั้นอย่างแน่นอน
ยิ่งไปกว่านั้น ระดับบ่มเพาะของหลี่ฟู่เฉินนั้นต่ำเกินไป ซึ่งอยู่ในระดับที่ 3 ของขอบเขตปฐพี
ความเร็วที่ระดับ 3 ขอบเขตปฐพีผู้นี้ทำได้นั้นมันเร็วเกินไป
“ทุกคน เราเองก็คงต้องเร่งความเร็วของเราด้วยเช่นกัน” ขณะที่กล่าวเสร็จ ฮั่นเฟิงก็เพิ่มความเร็วของเขา
“ตามฮั่นชิเซียงไป” ทุกคนยอมกัดฟันของตัวเองและเพิ่มความเร็วขึ้นตาม
เป็นเช่นนี้เอง ทั้งสองฝ่ายก็ยังคงรักษาช่องว่างระหว่าง 500 เมตรและวิ่งไปด้วยความรวดเร็ว
หลี่ฟู่เฉินตระหนักได้ว่าอยู่ๆ กลุ่มที่อยู่ข้างหน้าก็เพิ่มความเร็ว แต่เขาไม่สนใจและยังคงรักษาความเร็วของตัวเองไว้
จุดประสงค์ของเขาสำหรับการมาในเขตแดนเร้นลับเส้นทางดวงดาวไม่ใช่เพื่อมาแข่งขัน แต่มันเป็นการมาเพื่อทดสอบขีดจำกัดของเขาเอง
เขาต้องการดูว่าเขาจะไปได้ไกลแค่ไหน
“ไม่ดีแล้ว ข้าไม่สามารถทนมันได้”
มีแสงสีเงินเปล่งประกายและอีกคนก็หายไปจากเส้นทางดวงดาว
หนึ่งชั่วโมงต่อมา อีกคนก็หายไป
หันไปทางขวา เกาะโดดเดี่ยวปรากฏขึ้น มันสมควรเป็นด่านแรกสำหรับเขตแดนเร้นลับนี้
ในท้ายที่สุดแล้ว มีเพียงสี่คนเท่านั้นที่มาถึงด่านแรก พวกเขาคือฮั่นเฟิง ผู้ติดตามอีกสองคนของเขาและหลี่ฟูเฉิน
อีกสองคนข้างฮั่นเฟิงได้เดินทางมายังเส้นทางดวงดาวแห่งนี้มาก่อนแล้วและได้ผ่านด่านแรกไปแล้ว ระดับการฝึกฝนของพวกเขาไม่ต่ำ อย่างน้อยๆ ก็เป็นระดับ 7 ขอบเขตปฐพีไม่เช่นนั้นก็เป็น ระดับที่ 8 ขอฃขอบเขตปฐพี การผ่านด่านแรกไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรสำหรับพวกเขา
แน่นอน เนื่องจากความเร็วในการวิ่งของเขาที่ค่อนข้างเร็ว พวกเขาสองคนอ้าปากกว้างเพื่อหายใจและหน้าดูค่อนข้างซีด
“ด่านแรกคือด่านอัสนีคำราม มันมีจุดมุ่งหมายที่จิตวิญญาณของใครคนนั้น ผู้ที่มีจิตวิญญาณอ่อนแอจะสลบไปในทันที ฮั่นชิเซียง แม้ว่าบุคคลผู้นี้อาจจะผ่านด่านแรกไปได้ แต่เขาก็จะผ่านไปได้อย่างเฉียดฉิว เมื่อเขาอยู่ในส่วนที่สองของเส้นทางดวงดาว ความเร็วของเขาจะลดลงอย่างน้อยสิบเท่า” เมื่อชายหนุ่มที่มีรูปกำยำกล่าว
ฮั่นเฟิงไม่ได้พูดอะไรและเริ่มท่องไปทั่วเกาะที่ตั้งอยู่โดดเดี่ยวแห่งนี้
กรรช์!
ทั้งเกาะเป็นเหมือนสัตว์ร้ายขนาดยักษ์ มันระเบิดเสียงคำรามออกมาอย่างน่ากลัว
ภายใต้คำรามที่โกรธเกรี้ยวนี้ คนสองคนที่อยู่ข้างฮั่นเฟิงต่างก็สั่นสะท้านและสีหน้าซีดจางอย่างมาก
อัศนีคำรามนี้มุ่งเป้าไปที่จิตวิญญาณของใครคนหนึ่ง เนื่องจากระดับบ่มเพาะที่มีสูง จิตวิญญาณของพวกเขาจะได้รับการยกระดับขึ้นด้วยเช่นกัน ยิ่งไปกว่านั้น พวกเขาเคยมาที่นี่ครั้งหนึ่งแล้ว แน่นอนว่าพวกเขาต้องเตรียมใจมาเจอสิ่งนี้เช่นกัน
แต่ ณ ตอนนี้เอง พวกเขาก็ยังรู้สึกราวกับว่าจะไม่สามารถทนต่อมันได้ เชกเช่นเดียวกับที่พวกเขามาครั้งแรก
ในทางตรงกันข้าม ฮั่นเฟิงกลับมีสีหน้าไม่แยแส มันเห็นได้ชัดว่าอัสนีคำรามไม่สามารถทำอะไรกับเขาได้
ที่ด้านหลัง หลี่ฟูเฉินมองไปรอบ ๆ ด้วยความอยากรู้อยากเห็น พยายามสังเกตว่าเสียงคำรามที่มาจากไหน
ท้ายที่สุด เขาก็ตัดสินใจที่จะก้าวออกไป เสียงคำรามด้วยความเกรี้ยวโกรธดังมาจากความว่างเปล่าเหนือเกาะโดดเดี่ยวแห่งนี้ ดูเหมือนว่าท้องฟ้าจะเต็มไปอารมณ์โมโหโทสะ
“นี่ช่างลึกลับจริงๆ” หลี่ฟูเฉินเดินทางต่อและในไม่ช้าก็ข้ามเกาะได้สำเร็จ
“เขาไม่เป็นอะไรเลย…” เยาวชนที่มีรูปร่างกำยำดูเหลือเชื่อ
“เขาต้องมีเคล็ดลับบางซ่อนเอาไว้อยู่แน่” ฮั่นเฟิงหัวเราะเบาๆ เขาต้องการดูว่าบุคคลนี้จะไปได้ไกลแค่ไหน
ทันใดนั้นเขาก็ข้ามเกาะได้สำเร็จ คลื่นไร้รูปร่างก่อตัวขึ้น คลื่นนี้แบ่งออกเป็นสองส่วน มันเข้าสู่ร่างกายของฮั่นเฟิงและหลี่ฟู่เฉินตามลำดับ
เมื่อคลื่นเข้าสู่ร่างกายของพวกเขา จิตใต้สำนึกของหลี่ฟู่เฉินก็แจ้งให้เขาทราบว่าทักษะการฝึกฝนของเขาเพิ่มขึ้นเล็กน้อย มันให้ความรู้สึกเหมือนเวลาที่เขายกระดับโครงกระดูกของเขา