Eternal Reverence เทพบุตรฟ้าประทาน - ตอนที่ 231
บทที่ 231
ความผิดปกติของเส้นทางดวงดาว
เพิ่มความเร็วของเขาเล็กน้อย หลี่ฟู่เฉินจึงค่อยๆ ทิ้งห่างเซี่ยฮัวชี่
เซี่ยฮัวชี่ยิ้มเยาะและหัวเราะเบาๆ “หากข้าสามารถฆ่าเขาได้ ความเชื่อมั่นและชะตากรรมในเต๋าของข้าก็จะแข็งแกร่งยิ่งขึ้นไปอีกหรือไม่?”
ตำนานกล่าวไว้ว่าเมื่อท่านสังหารอัจฉริยะท่านก็จะปล้นชะตากรรมของคู่ต่อสู้ไปได้ ไม่มีทางพิสูจน์คำพูดนี้ได้ แต่ผู้คนมากมายก็เชื่อวลีนี้อย่างแกร่งกล้า
เซี่ยฮัวชี่เป็นหนึ่งในนั้น
มีบุคคลจำนวนมากที่มีศักยภาพระดับราชาในทวีปยูนิคอร์นตะวันออก หากเขาต้องการขึ้นไปยังจุดสูงสุด เขาต้องสังหารอัจฉริยะที่มีศักยภาพสูงจำนวนมาก ด้วยเจตจำนงสังหารที่เกิดจากความคิดนี้ ไม่ช้าก็เร็วเขาก็จะเหนือกว่าโครงกระดูกระดับ 6 ดาวเหล่านั้นและรวมถึงโครงกระดูกระดับ 5 ดาวที่ท้ายสวรรค์ เขาจะกลายเป็นราชาของเหล่าอัจฉริยะทั้งหมด
สนามพลังฉีที่น่าพรั่นพรึงทำให้ความเร็วของหลี่ฟู่เฉินช้าลงเรื่อย ๆ
หากมีขั้นแบ่งในระหว่างพายุที่รุนแรง สนามพลังฉีปัจจุบันก็เป็นเหมือนพายุรุนแรงที่คล้ายกับน้ำหลากที่โผ่ลออกมาโดยฉับพลัน มันแข็งแกร่งพอที่จะทำให้บุคคลต้องรู้สึกหวั่นไหวอย่างแน่นอน ถ้าหากมันเป็นบุคคลที่อ่อนแอ่ พวกเขาคงจะพยายามว่ายน้ำและหนีน้ำที่ไหลมานั้นไปแล้ว ดังนั้นแล้วเขาจึงไม่สามารถวิ่งต่อไปได้
การยืนหยัดอยู่ใน ‘พายุรุนแรง’ มันทำให้หลี่ฟู่เฉินวิ่งได้ช้าลง ทุกๆ ก้าวมันเต็มจำเป็นต้องใส่ความสนใจและแรงลงไปยังมัน
เหงื่อไครเริ่มดูดเสื้อผ้าของหลี่ฟู่เฉินลงไป
โดยไม่รู้ตัว หลี่ฟู่เฉินก็เหนื่อยล้าอย่างเห็นได้ชัดหลังจากมาถึงด่่านที่สามของเส้นทางแห่งดวงดาว เกาะโดดเดี่ยวที่สามปรากกฐขึ้น
ด่านแรกของเส้นทางดวงดาวคือการคำรามจากสาบฟ้า ด่านที่สองของเส้นทางดวงดาวคือดวงตาแห่งหมอก ในขณะที่ด่านที่สามในตอนนี้คือกระบี่พิพาก
บุคคลที่มีจิตใจอ่อนแอจะกลายเป็นสายลมหลังจากที่โดนโจมตีจากกระบี่พิพากแน่นอน
มันทั้งตรงไปตรงมาและอาจจะไม่มีที่ว่างใดๆ สำหรับการพักจากการต่อสู้
เมื่อหลี่ฟูเฉินก้าวลงสู่เกาะที่โดดเดี่ยวนี้เป็นก้าวแรก แรงกดดันที่น่าเกรงขามก็พุ่งทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า
ด้วยการสั่นพรองของจิตวิญญาณในร่างกายของหลี่ฟู่เฉิน ดาบปรากฏในความว่างเปล่า และเงากระบี่เองก็ปรากกฐขึ้นมาเช่นกัน
เคร้ง!
เมื่อกระบี่พุ่งเข้ามาประทะ หลี่ฟู่เฉินรู้สึกว่าวิญญาณของเขาถูกบิดเบือนอย่างรุนแรง
‘ดูเหมือนว่าระดับการบ่มเพาะจะสูงแค่ไหนก็ไร้ประโยชน์ในสถานที่นี้ มันขึ้นอยู่กับความสามารถในการทนต่อเจตจำนงของจิตวิญญาณ’ หลี่ฟูเฉินคิดกับตัวเอง
กระบี่พิพากยังคงไม่สามารถจัดการกับเขาได้ และมันอาจเป็นไปได้หากแข็งแกร่งกว่านี้ซักสองเท่า
ต่อต้านกระบี่พิพาก หลี่ฟูเฉินเห็นอนุสาวรีย์อีกแห่ง
มันคล้ายๆ กับอนุสาวรีย์ในด่านที่สอง เฉพาะผู้ที่มาถึงที่นี่ด้วยความพยายามครั้งแรกของพวกเขาเท่านั้น ถึงจะมีคุณสมบัติในการเขียนชื่อของพวกเขาลงในอนุสาวรีย์แห่งชื่อด่านที่สามนี้ หากเป็นความพยายามครั้งที่สองของนักสู้ พวกเขาจะไม่สามารถเห็นอนุสาวรีย์แห่งชื่อนี้ได้
อนุสาวรีย์แห่งชื่อในด่านที่สามแห่งนี้ มีเครื่องหมายน้อยกว่าครึ่งเมื่อเทียบกับด่านที่สอง มีเพียงไม่กี่คนจากกลุ่มที่สองที่สามารถพบได้ที่นี่
แม้ว่าเครื่องหมายจะมีน้อย แต่ตอนนี้มันกลับมีกลุ่มมากกว่า รวมทั้งหมดแล้วได้เป็นห้ากลุ่มด้วยกัน
สองกลุ่มแรกส่วนใหญ่มาจากกลุ่มแรกของอนุสาวรีย์ด่านที่สอง สามกลุ่มหลังส่วนใหญ่มาจากกลุ่มที่สองของอนุสาวรีย์ด่านที่สอง
ซึ่งหมายความว่าอนุสาวรีย์แห่งชื่อในด่านที่สามเรียงลำดับเครื่องหมายได้อย่างประณีตยิ่งขึ้น นี่คือสถานที่ที่ช่องว่างระหว่างอัจฉริยะจะปรากฏขึ้น
แปรงปรากฏขึ้นและหลี่ฟู่เฉินก็วาดเค้าโครงของเครื่องหมาย ‘ดาบ’ ของเขาเอง
เมื่อเครื่องหมาย ‘ดาบ’ ถูกสร้างขึ้น มันบินไปยังอนุสาวรีย์แห่งชื่อทันที
กลุ่มที่ห้า กลุ่มที่สี่ กลุ่มที่สาม…
กลุ่มที่หนึ่ง
อย่างที่คาดไว้ เครื่องหมาย ‘ดาบ’ ของหลี่ฟู่เฉินบินเข้าไปในกลุ่มแรก นอกจากเครื่องหมายจางๆ ในกลุ่มแรกแล้ว ยังมีเครื่องหมายเพียงไม่กี่โหลที่ยังคงสดใสอยู่ ในบรรดาเครื่องหมายที่สดใส มีน้อยกว่าสิบคนที่เป็นของคนรุ่นใหม่
บางทีเครื่องหมายเหล่านั้นอาจรู้สึกถึงการดำรงอยู่ของหลี่ฟู่เฉิน ขณะนั้นเองเครื่องหมายของคนรุ่นใหม่ก็เริ่มโจมตีเครื่องหมาย ‘ดาบ’ ของหลี่ฟู่เฉิน
แต่เครื่องหมาย ‘ดาย’ ที่ถูกสร้างโดยหลี่ฟู่เฉินไม่ใช่เป้าหมายที่ง่ายต่อการจัดการ ปลดปล่อยความกล้าหาญออกมา มันดูน่ารังเกียจเล็กน้อยที่ทุกเครื่องหมายโจมตีพร้อมกัน
แน่นอน นี่ไม่ได้หมายความว่าศักยภาพของหลี่หู่เฉินนั้นเกินกว่าเจ้าของเครื่องหมายทั้งหมด ก็ในเมื่อเขามีเพียงแค่เครื่องหมายเดียว
สาเหตุหลักคือเครื่องหมาย ‘ดาบ’ ของหลี่ฟู่เฉินเป็นเพียงแค่ตราสัญลักษณ์ แต่ก็ยังมีแข็งแกร่งที่มากมายเช่นกัน ยิ่งไปกว่านั้น หลี่ฟูเฉินยังอยู่ที่นี่
การต่อสู้ดำเนินไปชั่วขณะหนึ่ง
หลังจากนั้นไม่นาน เนื่องจากเครื่องหมาย ‘ดาบ’ ของหลี่ฟู่เฉินเข้าไปแทนที่ได้แล้ว มันเปล่งประกายสดใสอยู่บนอนุสาวรีย์แห่งชื่อ ในขณะเดียวกัน มีสายฟ้าทองคำพุ่งขึ้นไปที่ท้องฟ้า มันเต็มไปด้วยดวงดาวที่ส่องประกายลงมายังเส้นทางแห่งดวงดาว
สายฟ้าทองคำนี้ไม่อาจคาดคิดได้ ในเส้นทางดวงดาวห่างออกไปหลายหมื่นกิโลเมตร สายฟ้าทองคำกวาดผ่าน ปรากฏขึ้นในวิสัยทัศน์ของทุกคน แรงกดดันนั้นทำให้ทุกอย่างสั่นสะท้านด้วยความหวาดกลัว
“เกิดอะไรขึ้น?”
ฮั่นเฟิงที่ยังคงดิ้นรนอยู่ในส่วนที่สามของเส้นทางดวงดาวยกหัวของเขาขึ้น และรู้สึกงงงวยที่เห็นท้องฟ้าปกคลุมไปด้วยสายฟ้าทองคำ
“บางทีอาจเป็นเขาอีกครั้ง?”
“เป็นไปไม่ได้ เราไม่ได้เป็นคนเดียวที่กำลังทดสอบอยู่ในเส้นทางดวงดาว จะต้องมีคนอื่นอยู่อีก มันจะเป็นเขาไปไม่ได้” ฮั่นเฟิงส่ายหัวทันทีและปฏิเสธความคิดนี้
แตกต่างจากฮั่นเฟิง เซี่ยฮัวชี่มั่นใจว่ามันเป็นหลี่ฟูเฉิน
“ความผิดปกติของเส้นทางดวงดาว เขาสามารถกระตุ้นความผิดปกติของเส้นทางดวงดาวได้จริงๆ บุคคลผู้นี้จะต้องถูกสังหาร”
เซี่ยฮัวชี่เลียริมฝีปากของตนเอง ในขณะที่เจตนาสังหารอันน่าสะพรึงกลัวเริ่มปรากฏขึ้น
จากสิ่งที่เขารู้ เฉพาะผู้ที่สร้างเครื่องหมายของตนเองไว้ในกลุ่มแรกของด่านที่สามในอนุสาวรีย์แห่งชื่อได้แล้วเท่านั้นถึงจะกระตุ้นความผิดปกติของเส้นทางแห่งดวงดาว ซึ่งหมายความว่าเครื่องหมายของหลี่ฟู่เฉินอยู่ในกลุ่มแรกกลุ่มแรก เซี่ยฮัวชี่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาจะใส่เครื่องหมายลงในกลุ่มแรกได้หรือไม่
แต่มันก็ไม่สำคัญ ศักยภาพในท้ายที่สุดก็เป็นเพียงแค่ศักยภาพ เขาจะเอาทุกอย่างกลับคืนมาเอง
อีกสี่ส่วนของพลังงานเส้นทางดวงดาวพุ่งเข้าสู่ร่างกายของเขา หลี่ฟูเฉินมีพลังงานเส้นทางแห่งดวงดาวอยู่แล้วเจ็ดส่วน
พลังงานเส้นทางดวงดาวเจ็ดส่วนมีพลังงานเช่นนี้เอง หลี่ฟู่เฉินรู้สึกว่าแม้แต่คอขวดสำหรับขอบเขตปฐพีระดับ 5 ของก็เริ่มที่จะคลี่คลายลงได้ ตอนนี้มันเริ่มมีรอยร้าวอยู่ในคอขวดของขอบเขตปฐพีระดับที่ 4 แทนกัน
เมื่อรอยแตกปรากฏขึ้น นั่นหมายความว่าหลี่ฟูเฉินจะสามารถตัดผ่านขั้นได้ทุกเวลา
“ข้าจะสังเกตมันอีกครั้งเมื่อข้าออกจากที่นี่แล้ว”
เส้นทางดวงดาวนั้นอันตรายเกินไปและหลี่ฟูเฉินไม่ต้องการที่จะพัฒนาตนเองในสถานที่แห่งนี้ สำหรับเขา แม้ว่าจะเป็นการเพิ่มขึ้นหนึ่งระดับในขอบเขตการฝึกตนของเขาเอง แต่มันก็คงจะไม่ได้รับผลที่ดีนักหากทำมันในเส้นทางแห่งดวงดาว
จิตวิญญาณและการฝึกฝน จิตวิญญาณของหลี่ฟู่เฉินมีความสำคัญมากกว่าสำหรับตอนนี้ ดังนั้นระดับการฝึกฝนของเขาไม่สำคัญจนกว่าเขาจะสามารถเลื่อนระดับได้สองระดับซึ่งนั้นอาจพอช่วยได้บ้าง
‘ส่วนที่สี่ของเส้นทางดวงดาว ข้าสงสัยว่าความรุนแรงมันจะไปได้ถึงไหน!’ หลี่ฟู่เฉินมองไปยังส่วนที่สี่ของเส้นทางดวงดาว
ส่วนของเส้นดวงดาวแห่งนี้ดูต่างไปเล็กน้อย
มันทั้งขมุกขมัวและมืดมิด แม้แต่กระทั้งอากาศก็ดูเหมือนจะถูกบิดเบือน ราวกับเป็นเส้นทางสู่นรกภูมิ
สำหรับคนทั่วไป คงจำเป็นต้องใช้ความกล้าหาญที่มากยิ่งเพื่อก้าวเข้าไปสู่ส่วนที่สี่ของเส้นทางดวงดาว
ไม่นานหลังจากหลี่ฟ่เฉินผ่านด่านที่สามของเส้นทางดวงดาว เซี่ยฮัวชี่ก็มาถึงแล้วเช่นกัน
ผ่านกระบี่พิพากมา เซี่ยฮัวชี่เริ่มสร้างเครื่องหมายของเขาลงบนอนุสาวรีย์แห่งชื่อ
เมื่อเครื่องหมายถูกสร้างขึ้น มันบินไปยังอนุสาวรีย์แห่งชื่อ
เซี่ยฮัวชี่มีสีหน้ายิ้มแย้ม เครื่องหมายของเขาถูกประทับลงไปในกลุ่มที่สอง มันไม่ได้ไปที่กลุ่มแรก
“น่าสนใจ น่าสนใจยิ่ง!” เซี่ยฮัวชี่เงยหน้าขึ้นมองกลุ่มแรก
มีเครื่องหมายเพียงไม่กี่โหลที่ยังคงสดใสอยู่ ในหมู่ของพวกมันมีเครื่องหมาย ‘ดาบ’ ขนาดใหญ่ที่ดึงดูดสายตาของเซี่ยฮัวชี่
เมื่อมองที่เครื่องหมาย ‘ดาบ’ นี้เซี่ยฮัวชี่เอื้อมมือไปทางขวาแล้วก็ลูบมัน
***
“เป็นสนามพลังฉีที่รุนแรงอะไรเช่นนี้”
เดินอยู่ในส่วนที่สี่ของเส้นทางดวงดาว หลี่ฟูเฉินรู้สึกเหมือนกำลังเดินผ่านพายุเฮอริเคน
พายุที่รุนแรงอาจจะรุนแรงก็จริง แต่มันก็ไม่เพียงพอที่จะทำให้คนบินขึ้นไปได้ ในขณะที่พายุเฮอริเคนนี่สามารถทำได้
ถึงพายุเฮอริเคนที่น่ากลัวนี้จะไม่สามารถส่งคนไปได้จริง มันก็คงยังทำลายต้นไม้และทำลายบ้านเรือนได้แน่นอน
ความแข็งแกร่งสนามพลังฉีในเส้นทางดวงดาวนั้นแข็งแกร่งกว่าเป็นสองเท่าของส่วนที่สามในเส้นทางดวงดาว ซึ่งหมายความว่าแรงเป็นแปดเท่าเมื่อเทียบกับส่วนแรก ยิ่งไปกว่านั้น จุดเริ่มต้นส่วนแรกของเส้นทางแห่งดวงดาวมักจะอ่อนแอ่จะปลายทางถึงสองเท่า
หลี่ฟูเฉินไม่รู้ว่าเขาจะไปถึงจุดสิ้นสุดของส่วนที่สี่นี้ได้หรือไม่ แต่เขาจะให้ทุกสิ่งที่เขามี
ติดตามได้ก่อนใครที่ indynovels